แน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาสืบหาที่มาของหลงอวี้
เ้าหลิ่วิเซวียนจากตระกูลหลิ่วแห่งเขตพระราชฐานนั่นจ้องเขม็งมาที่เขาไม่วางตา
“ไอ้สวะ เ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่พูดออกมาเมื่อกี้!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง รวมถึงสุนัขที่ชอบเห่าซี้ซั้วอย่างเ้าด้วย”
หลงอวี้พูดพร้อมหัวเราะเย้ยหยัน
หลิ่วิเซวียนได้ยินเช่นนั้น พลันหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความโมโห
“ถ้าอย่างนั้นเ้ากล้าสู้กับข้าไหมล่ะ!”
หลิ่วิเซวียนมองหลงอวี้อย่างเดือดดาล ชี้หน้าหลงอวี้ ท้าทายด้วยความดูถูก!
“มีอะไรต้องกลัวด้วยหรือ?”
หลงอวี้หัวเราะเบาๆ ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ราวกับไม่เห็นหลิ่วิเซวียนในสายตา
เ้าหลิ่วิเซวียนมีระดับวรยุทธ์เพียงขั้นเจ็ดเหมือนเฟิงเหยา พลังน่าจะไม่ต่างจากฉินเทียนเชวี่ยเท่าไรนัก หลงอวี้ย่อมไม่หวาดกลัวอยู่แล้ว
หลงอวี้ในตอนนี้ ฝึกวิชากายาพิชิตมารจนสำเร็จขั้นสูง ทั้งยังมีรองเท้าเหมันต์คลั่ง พลังต่อสู้สูงกว่าตอนที่เอาชนะฉินเทียนเชวี่ยได้ไม่น้อย
แต่คนอื่นไม่รู้ว่าหลงอวี้สามารถสังหารฉินเทียนเชวี่ยได้ จึงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหน!
หลิงหานเมื่อได้ยินคำพูดของหลงอวี้ก็ใไปทันที รีบยื่นมือมาขวางไว้
“ศิษย์น้องหลงอวี้ จะวู่วามไม่ได้เด็ดขาด เ้าหลิ่วิเซวียนมันมีวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”
หากแค่ฟาดฝีปากอย่างเดียวหลิงหานพอจะให้หลงอวี้จัดการได้
แต่ถ้าจะลงไม้ลงมือกันละก็ หลิงหานไม่คิดว่าหลงอวี้จะเป็คู่ต่อสู้ของหลิ่วิเซวียนได้!
“หึ หลิงหาน ข้าไม่อยากเป็ศัตรูกับเ้า หลีกไปซะ”
หลิ่วิเซวียนแสยะยิ้มดูแคลน
“ให้ไอ้สวะนั่นออกมา มันกล้าสู้กับข้าไม่ใช่หรือไร? ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าไอ้สวะนี่มีอะไรดีถึงกล้าพูดจาเช่นนั้น!”
เฟิงเหยาที่อยู่ข้างๆ ก็มองหลงอวี้ด้วยสีหน้าดูถูกเช่นกัน
นางเองดูออกว่าตอนนี้หลงอวี้มีวรยุทธ์ขั้นหกแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงได้ก้าวเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ แต่แค่พลังระดับวิถียุทธ์ขั้นหก ย่อมไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของหลิ่วิเซวียนได้
ส่วนสาเหตุที่หลงอวี้สามารถยกระดับพลังได้เร็วขนาดนี้ เฟิงเหยาเดาว่าเป็เพราะบิดาของนางที่เตรียมโอสถจำนวนหนึ่งไว้ให้ ไม่มีทางอื่นที่เป็ไปได้อีกแล้ว
“ศิษย์พี่หลิงหาน ให้ข้าจัดการเองเถิด”
หลงอวี้พูด
“ไม่ได้”
หลิงหานมีท่าทีหนักแน่น ยืนขวางหลงอวี้ไว้ราวกับกำแพงเหล็กก็ไม่ปาน
“ป่าโสมโบราณอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่จำเป็ต้องลงไม้ลงมือตอนนี้ รอให้เข้าป่าโสมไปก่อนค่อยสู้กันไม่ดีกว่าหรือ?”
“หึ ไม่สู้ก็ได้”
หลิ่วิเซวียนกล่าวดูแคลน
“เช่นนั้นก็ให้ไอ้สวะนี่โขกหัวขอขมาข้า ะโดังๆ อีกครั้งว่า ใครกันแน่ที่เป็สุนัข!”
“สหาย เ้าจะมากเกินไปแล้ว ลูกศิษย์ลัทธิสยบฟ้าใช่ว่าใครจะรังแกก็ได้นะ”
สีหน้าของหลิงหานเริ่มกลายเป็เ็า ท่าทางพร้อมจะลงมือแทนหลงอวี้
ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาหลงอวี้รู้สึกอบอุ่นใจ
หลิงหานคิดจะปกป้องเขาอย่างแท้จริง มองเขาเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมลัทธิจริงๆ!
ส่วนอีกสี่คนที่เหลือนั้น ถอยห่างไปตั้งนานแล้ว ไม่อยากโดนลูกหลงด้วย ไม่ต้องพูดถึงเื่ปกป้องหลงอวี้เลย
“โขกหัวขอขมา เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร?”
หลงอวี้หัวเราะเ็า ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหาน
“ศิษย์พี่หลิงหาน เชื่อใจข้า ข้าไม่เป็ไรหรอก”
หลิงหานขมวดคิ้ว รู้สึกกังวลอย่างอดไม่ได้
แม้จะรู้ว่าหลงอวี้มีฝีมือไม่ธรรมดา แต่อีกฝ่ายเป็ถึงลูกศิษย์ระดับสูงของสำนักน้ำแข็งเยือก มีวรยุทธ์ขั้นเจ็ด หากลงไม้ลงมือจริงๆ เกรงว่าคงยากที่หลงอวี้จะต่อกร
ต้องรู้ว่าระยะห่างระหว่างขั้นหกและขั้นเจ็ดนั้นห่างกันสุดขีด แค่การปล่อยลมปราณออกสู่ภายนอกร่างกายได้ก็ทำให้ยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นเจ็ดได้เปรียบกว่าอย่างมหาศาล
หลงอวี้น่าจะยังไม่เคยเจอยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นเจ็ดมาก่อน ถึงคิดว่าตัวเองสามารถต่อกรได้กระมัง?
“ศิษย์น้องหลงอวี้ ฟังคำของศิษย์พี่เถิด อย่าวู่วามเลย”
หลิงหานตอบอย่างหนักแน่น ดึงดันจะปกป้องหลงอวี้ไว้ด้านหลังของตน!
ลูกศิษย์อีกสี่คนที่เหลือของลัทธิสยบฟ้า รวมถึงเฟิงเหยาและสตรีอีกสองคนจากสำนักน้ำแข็งเยือกต่างคิดว่าหลงอวี้กล้าทำตัวอวดดีกับหลิ่วิเซวียนถึงเพียงนี้ก็เพราะมีหลิงหานขวางไว้ให้
“ช่างไร้ยางอายเสียจริง เื่ของตัวเองแท้ๆ กลับดึงศิษย์พี่หลิงหานมาโดนลูกหลงด้วย”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเ้าหลงอวี้ถึงตกเป็เป้าของศิษย์พี่ถานเจียนกับศิษย์พี่เฟิงชิงชิง ที่แท้ก็เป็คนแบบนี้นี่เอง”
ลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าทั้งสี่คนพากันนินทา ทำให้หลงอวี้รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
อันที่จริงเขาอยากจะลองซัดกับเ้าหลิ่วิเซวียนสักตั้งเหมือนกัน จะได้รู้ไปเลยว่าใครแกร่งกว่า แต่หลิงหานกลับดึงดันไม่ยอมหลีกทาง ดูท่าต้องคิดหาวิธีทำให้เขาหลีกทางเสียแล้ว
“ที่แท้เ้าไม่ได้เป็แค่เศษสวะเท่านั้น แต่ยังเป็ไอ้ขี้ขลาดที่ดีแต่หลบหลังคนอื่นด้วย!”
หลิ่วิเซวียนหัวเราะเย้ยหยัน
“คนอย่างแกจะไปคู่ควรกับเหยาเอ๋อร์ได้อย่างไร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหยาเอ๋อร์ถึงเรียกเ้าว่าสวะ!”
เฟิงเหยาที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดนี้ กลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็พิเศษ ราวกับว่ามันเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว
แต่คนอื่นเกิดความสงสัยทันที คำพูดที่ว่าหลงอวี้ ‘ไม่คู่ควร’ กับเฟิงเหยาหมายความว่าอย่างไร หรือระหว่างทั้งสองจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน?
ท่าทางของเฟิงเหยาก็เหมือนจะดูแคลนหลงอวี้ด้วย!
เช่นนั้นก็มีแค่เื่เดียวแล้ว นั่นคือมีคนคิดจะให้หลงอวี้กับเฟิงเหยาตบแต่งกัน?
หลิงหานเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าระหว่างหลงอวี้กับเฟิงเหยาจะมีความสัมพันธ์แบบนี้
“ศิษย์พี่หลิงหาน มันพูดด่าข้าเสียขนาดนี้ หากข้าไม่ออกไปเผชิญหน้ามัน ศิษย์พี่กับลัทธิคงเสียหน้าแย่เลยไม่ใช่หรือ?”
หลงอวี้ตาเป็ประกาย ในที่สุดก็หาโอกาสเกลี้ยกล่อมหลิงหานได้แล้ว
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น เ้าจงออกไปต่อสู้อย่างกล้าหาญเถิด!”
สายตาของหลิงหานเองก็เป็ประกาย พร้อมกับพูดให้กำลังใจ
“เ้าจำไว้นะ ศิษย์พี่จะอยู่ข้างหลังเ้าตลอด เ้าไม่ต้องสนใจอะไรมาก ต่อให้แพ้ ก็จงแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี!”
เขาคิดไปเองว่าหลงอวี้ชอบเฟิงเหยา เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ชอบแล้ว คงยอมแพ้ไม่ได้จริงๆ ต่อให้รู้ว่าต้องแพ้ ก็ต้องสู้อย่างกล้าหาญ!
“วางใจเถิด...”
หลงอวี้พยักหน้า ในที่สุดก็ก้าวเท้าออกไป
หลงอวี้จนปัญญากับความเืร้อนของหลิงหานนิดหน่อย แต่ขอเพียงอีกฝ่ายหลีกทางให้ เื่นี้ก็จัดการง่ายขึ้น!
“เ้ายังกล้าออกมาอีกนะ”
หลิ่วิเซวียนเห็นหลงอวี้ก้าวออกมา จึงอดหัวเราะดูถูกไม่ได้
“ไอ้สวะ ข้าจะอัดเ้าจนต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต ทำให้เ้าต้องเสียใจที่พูดจาลบหลู่ข้า!”
“ไม่ต้องพูดพล่าม จะสู้ก็เข้ามา”
หลงอวี้พูดอย่างเฉยชา เริ่มโคจรลมปราณทั่วร่าง
เขาเตรียมใช้พลังม่านเหล็กพิชิตมารตลอดเวลา ต่อให้หลิ่วิเซวียนลอบโจมตี ก็สามารถป้องกันตัวได้
วินาทีต่อมา หลิ่วิเซวียนก็เริ่มลงมือ!
“หมัดทลายภูผา!”
วิทยายุทธ์ขั้นกลางวิชาหนึ่งถูกใช้ออกมา ชกใส่บริเวณอกของหลงอวี้หนึ่งหมัด!
หลิงหานหรี่ตาลง ััได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ในหมัดนี้ว่ามีพลังแค่ระดับวรยุทธ์ขั้นหกเท่านั้น จึงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ส่วนหลงอวี้กลับไม่ขยับเขยื้อน แม้จะเผชิญหน้ากับวิชาหมัดทลายภูผา
‘การโจมตีระดับวรยุทธ์ขั้นหก แค่กายาพิชิตมารอย่างเดียวก็ต้านทานไว้ได้แล้ว...’
หลงอวี้คิดในใจ วินาทีต่อมาหมัดทลายภูผาก็ได้ชกใส่บริเวณไหล่ของเขาเต็มๆ!
สายลมอันเกรี้ยวกราดโหมกระหน่ำตรงจุดที่หมัดชกลงไปทันที!
ผู้คนต่างจดจ้องจนแทบไม่กล้าหายใจ ต่างคิดว่าหลงอวี้ต้องถูกหมัดนี้ซัดจนกระเด็นแน่ หรืออย่างน้อยก็ล่าถอยไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้พวกเขาตกตะลึง หลังจากที่สายลมอันเกรี้ยวกราดสลายไป หลงอวี้กลับยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับว่าการโจมตีของอีกฝ่ายแค่ทำให้เขารู้สึกคันๆ เท่านั้น!
“เ้ามีแรงแค่นี้เองหรือ?”
หลงอวี้พูดอย่างเฉยชา
“หากเ้ามีพลังแค่นี้ เช่นนั้นคนที่ต้องคุกเข่าขอขมาคงต้องเป็เ้าแล้ว!”
หลิ่วิเซวียนดึงหมัดกลับ ถอยออกไปหลายก้าว ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มดูถูก
“ไอ้สวะ นี่มันแค่พลังไม่ถึงสามส่วนของข้า การที่เ้ารับมันได้อยู่เหนือความคาดหมายของข้าก็จริง แต่ต่อจากนี้ ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นว่าพลังที่แท้จริงเป็เช่นไร!”
“คลื่นัเยือกแข็ง!”
หลิ่วิเซวียนยังคงมีแววตาดูแคลน ซัดฝ่ามือสองข้างออก พริบตานั้น ลมปราณทรงพลังได้ก่อตัวขึ้นมากลายเป็ัเยือกแข็งสองตัว ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หลงอวี้อย่างเกรี้ยวกราด!
คลื่นลมปราณสองสายนี้ที่ถูกอัดแน่นจนกลายเป็รูปร่างั ดูทรงพลังอย่างเห็นได้ชัด!
“คลื่นัเยือกแข็งนี่ต้องเป็วิทยายุทธ์ขั้นสูงแน่ อีกทั้งหลิ่วิเซวียนยังบรรลุถึงขั้นกลางแล้วด้วย!”
ตาของหลงอวี้ฉายประกายคาดหวัง
“ข้าขอดูหน่อยซิว่า ม่านเหล็กพิชิตมารของข้ามีพลังป้องกันแข็งแกร่งมากแค่ไหน!”
หลงอวี้ยังคงยืนนิ่งไม่คิดหลบ รับคลื่นลมปราณัเยือกแข็งทั้งสองสายนั่นไว้ เขาคิดจะต้านรับตรงๆ!
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้หลิงหานที่อยู่ด้านหลังรู้สึกกังวลทันที
“ไม่ อย่าเพิ่งวู่วามไป ศิษย์น้องหลงอวี้น่าจะมั่นใจพอตัวถึงได้กล้ารับไว้ตรงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยืนเฉยแบบนั้นแน่...”
หลิงหานก้าวออกไปก้าวหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือ
เขาเลือกที่จะเชื่อใจหลงอวี้!
และขณะเดียวกัน หลงอวี้ที่เผชิญหน้ากับคลื่นลมปราณสองสายก็ััได้ถึงแรงกระแทกอันทรงพลังที่พละกำลังอย่างต่ำก็หกถึงเจ็ดหมื่นชั่ง เขาพยายามยันเท้าไว้สุดกำลัง จากนั้นลมปราณในร่างกายก็เริ่มไหลทะลักมาตามรูขุมขน
“ม่านเหล็กพิชิตมาร ออกมา!”
พริบตาต่อมา ที่ผิวกายของหลงอวี้พลันมีประกายแสงสีทองอ่อนๆ สว่างขึ้นหนึ่งชั้น ทำให้เขาเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์!
คลื่นลมปราณัเยือกแข็งสองสาย กระแทกใส่ร่างของหลงอวี้ซ้ายทีขวาที ชั่วพริบตา ได้มีแรงอัดกระแทกทรงพลังส่งมา ทำเอาเขาเกือบยืนไม่อยู่!
แต่เมื่อพลังม่านเหล็กพิชิตมารสีทองอ่อนสว่างขึ้นรอบตัวเขา สร้างพลังงานศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งขึ้น สลายแรงอัดกระแทกอันทรงพลังทั้งหมดนั้นไปในชั่วพริบตา!
ส่วนร่างกายของหลงอวี้ยังคงไม่ไหวติง หนักแน่นราวกับูเาไท่ซาน!
ผู้คนทั้งหมดพลันตกตะลึงทันทีที่เห็นหลงอวี้ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าหลงอวี้จะต้านรับวิชาคลื่นัเยือกแข็งได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้!
ส่วนผู้ที่ตื่นใที่สุดจะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากหลิ่วิเซวียน
“เป็ไปได้อย่างไร... คลื่นัเยือกแข็ง เป็วิชาขั้นสูงที่ข้าเพิ่งฝึกสำเร็จ แม้จะสำเร็จถึงแค่ขั้นกลาง แต่คลื่นัเยือกแข็งสองสายรวมกันน่าจะมีพละกำลังมากถึงเจ็ดหมื่นชั่ง ไอ้สวะนี่มันรับไว้แบบไม่ขยับเขยื้อนได้อย่างไร...”
ในดวงตาของหลิ่วิเซวียนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ไอ้สวะหลงอวี้ตรงหน้านี้ มีวรยุทธ์แค่ขั้นหกจริงหรือ? คลื่นัเยือกแข็งของเขา ต่อให้เป็ยอดฝีมือขั้นเจ็ดก็ไม่มีทางรับไว้ได้ง่ายดายขนาดนี้เป็แน่!
“เป็อะไรไป? หรือว่า นี่เป็พลังที่ร้ายกาจที่สุดของเ้าแล้ว?”
หลงอวี้ส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
“หากเป็เช่นนั้น สุนัขอย่างเ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาเห่าหอนอวดดีต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ!”
เมื่อสิ้นเสียง หลิ่วิเซวียนก็อับอายจนเดือดดาลทันที!
เขาคิดจะใช้วิชาที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้ แต่จู่ๆ บนถนนก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นไกลๆ ทำให้คนทั้งหมดเปลี่ยนสีหน้าทันที
ทุกคนหันไปมองตามต้นเสียง เห็นกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์ในชุดเกราะสีทองกลุ่มหนึ่งกำลังขี่ม้ามาทางนี้
“เ้าหญิงแห่งราชวงศ์เสด็จแล้ว”
ทุกคนต่างใจเต้นขึ้นมาทันที