เจียงหงหย่วนเพิ่งเคยได้ยินเป็ครั้งแรกว่าเืไก่กินได้ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะฆ่าอะไรก็ไม่เอาเืทั้งนั้น
รู้สึกว่าเืเป็ของไม่สะอาด
เจียงหงหย่วนไม่พูดอะไร ทำแค่มองหลินหวั่นชิวคนเืไก่ในชามไม่หยุดอยู่เงียบๆ
ตอนเชือดกระต่าย นางก็ใช้วิธีแบบเดียวกัน ใช้อ่างไม้ใบเล็กๆ มารับเืกระต่าย
เจียงหงหย่วนถลกหนังกระต่ายอย่างช่ำชองเสร็จก็เรียกให้เจียงหงหนิงเอาเนื้อกระต่ายไปส่งให้จ้าวสุ่ยเซิงกับหวางฟู่กุ้ย
เจียงหงหนิงเสียดาย กระต่ายตัวอวบอ้วนสองตัวเชียวนะ เอาไปขายไม่รู้จะได้เงินตั้งเท่าไร
แต่เมื่อััถึงสายตาของเจียงหงหย่วน เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น
“ไปแล้วพูดจาดีๆ นี่เป็ของขวัญขอบคุณจากข้าที่พวกเขาสองคนช่วยพี่สะใภ้ของเ้า” เจียงหงหย่วนกำชับ
“เข้าใจแล้วต้าเกอ!” ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง กระต่ายสองตัวแลกกับหมูป่าหนึ่งตัว…ก็ควรขอบคุณจริงๆ นั่นแหละ
แม้เจียงหงหนิงจะรู้สึกว่าให้กระต่ายพวกเขาคนละครึ่งตัวก็พอแล้ว แต่ก็เขาได้แค่คิด ไม่กล้าขัดเจียงหงหย่วน
“เ้าจะกินกระต่ายที่เหลือหนึ่งตัวอย่างไร?” เจียงหงหย่วนถามหลินหวั่นชิว
ดูจากความคล่องแคล่วในห้องครัวเมื่อเช้า เจียงหงหย่วนตั้งตาคอยอาหารที่หลินหวั่นชิวทำเป็อย่างยิ่ง
หลินหวั่นชิวถามเขา “มีพริก ฮวาเจียว [1] ขิงและกระเทียมไหม? จริงสิ แล้วก็เหล้าขาวด้วย”หากปรุงเนื้อกระต่ายไม่ดีจะมีกลิ่นคาว ถ้าไม่มีเครื่องปรุงรสเผ็ดพวกนี้ หลินหวั่นชิวจะเปลี่ยนไปโรยเกลือแล้วทำเป็เนื้อกระต่ายตากแห้งแทน
เจียงหงหย่วนคิด “บนูเามีพริก ขิง กระเทียมและฮวาเจียวก็มีเช่นกัน”
“ตกลง เที่ยงนี้ข้าจะทำกระต่ายผัดเผ็ด แต่หากจะทำ กินกับข้าวสวยจึงจะอร่อยที่สุด แต่ในหม้อมีข้าวสวยไม่เยอะ…”
“เช่นนั้นก็หุงข้าวสวย พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขา” เจียงหงหย่วนตัดสินใจเสร็จสรรพก็เดินออกจากบ้านทันที เขาจะไปหาพริก รวมถึงต้องไปขอกระเทียมกับฮวาเจียวจากบ้านฟู่กุ้ย
หลังจากที่เขาออกไป หลินหวั่นชิวจึงเริ่มต้มน้ำถอนขนไก่ เมื่อนางใส่ไก่ลงไปตุ๋นในหม้อ เจียงหงหย่วนกับเจียงหงหนิงก็กลับมาพร้อมกันพอดี
เดิมทีเจียงหงหนิงไปบ้านจ้าวสุ่ยเซิงก่อนแล้วจึงไปบ้านหวางฟู่กุ้ย แต่ทั้งสองบ้านดึงตัวเขาถามว่าเอ้อร์เกอเป็อย่างไร พี่สะใภ้เป็อย่างไรจนเสียเวลาไปไม่น้อย จึงพอดีเจอเจียงหงหย่วนตอนกำลังจะกลับ
เจียงหงหย่วนนำของกลับมาด้วยเยอะมาก แค่พริกอย่างเดียวก็มีเป็กระสอบใหญ่ เป็พริกดอกเล็กๆ ที่แค่มองก็รู้ว่าเผ็ด
“พวกเ้ากินเผ็ดได้หรือไม่?” หลินหวั่นชิวถาม
“เอ้อร์เกอกินไม่ได้”
“กินได้”
เจียงหงหย่วนกับเจียงหงหนิงตอบพร้อมกัน
หลินหวั่นชิวเข้าใจแล้ว กระต่ายผัดเผ็ดต้องเผ็ดหน่อยถึงจะอร่อย
ตอนแรกเจียงหงหนิงจะถามว่าถ้าเผ็ดแล้วเอ้อร์เกอจะกินอะไร แต่เพราะเจียงหงหย่วน เขาจึงไม่กล้าถาม
เขาไม่สบอารมร์ในใจ ใบหน้าดวงตาบึ้งตึงโดยไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนี้จะนิสัยไม่ดีเกินไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าเอ้อร์เกอกินเผ็ดไม่ได้แต่ก็ยังจะทำเผ็ด
มิหนำซ้ำ ทั้งที่รู้ว่าในบ้านไม่มีเงินแต่ก็ยังจะฟุ่มเฟือย อย่างน้อยเอากระต่ายไปขายก็ยังได้เงิน
“มีน้ำแกงไก่ตุ๋น เอ้อร์เกอเ้ากินได้” หลินหวั่นชิวรับของแล้วเดินเข้าห้องครัว เจียงหงหนิงเบิกตากว้าง น้ำแกงไก่…
ทั้งกระต่ายทั้งไก่ วันหน้าคงไม่ต้องกินอะไรแล้ว!
“ต้าเกอ จะทำทั้งไก่ทั้งกระต่ายได้อย่างไร…” เขาร้อนใจ ไม่มีกะจิตกะใจมากลัวแล้ว
เจียงหงหย่วนทำตาเขม็งใส่ “เป็เจตนาของข้า”
เจียงหงหนิงปิดปากทันที แต่ดวงตากลับแดงพร่า ั้แ่ต้าเกอมีพี่สะใภ้ก็เปลี่ยนไป
เขาไปหยิบตะกร้าแบกหลังใบเล็กๆ กับมีดจากมุมกำแพงแล้วเดินออกไป “ต้าเกอ ข้าจะขึ้นเขาไปเก็บหญ้าจูเฉ่า”
เจียงหงหย่วนรู้ว่าเขามักขึ้นเขาไปเก็บหญ้าจู่เฉามาแลกของจำพวกมันเทศกับคนในหมู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่ห้าม
“หย่วนเกอทำงานไม้เป็หรือไม่?” เขาตามเข้าไปในห้องครัว ถูกหลินหวั่นชิวถาม
นางเทยาของเจียงหงป๋อออกมาแล้ว แอบละลายผงของโอสถชำระไขกระดูกลงไปเล็กน้อย
นางได้ััประสิทธิภาพของโอสถชำระไขกระดูกด้วยตัวเองมาแล้ว เจียงหงป๋อล้มป่วยมานาน สารพิษในร่างต้องมีมากแน่ ลองใช้โอสถชำระไขกระดูกช่วยขับพิษ ไม่แน่ว่าอาการป่วยอาจจะค่อยๆ ดีขึ้น
“พอจะทำเป็อยู่ แต่ทำได้ไม่ดี ของในบ้านพวกเราข้าก็ทำเองทั้งนั้น” เจียงหงหย่วนรับยา เตรียมจะเอาไปให้เจียงหงป๋อ
“เช่นนั้นหากหย่วนเกอมีเวลาว่างก็ช่วยทำรถเข็นหน่อยเถิด จะให้คนป่วยเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องไม่ได้” หลินหวั่นชิวพูด
ตอนเข้าห้องเจียงหงป๋อ นางยังเกือบโดนรมตาย กลิ่นนั่นช่าง…
ยากจะบรรยาย
อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็เวลานาน หายดีสิแปลก
“แต่หมอบอกว่าตากลมไม่ได้” เจียงหงหย่วนขมวดคิ้ว
หลินหวั่นชิว “ก็ไม่ได้จะให้อยู่ด้านนอกตลอด แค่พาออกมาตากแดดในวันที่อากาศแจ่มใส คนเราต้องโดนแดดบ้างจึงจะดี อีกอย่าง ทำรถเข็นให้ใหญ่หน่อย ปูใส้ในฝ้าย้าและห่มผ้าหนาๆ ให้ไม่โดนความเย็นก็ได้”
เจียงหงหย่วนลองคิดตามแล้วรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว เมื่อหลินหวั่นชิวพูดจบ เขาจึงตอบตกลง
หลังจากเอายาไปส่งให้เจียงหงป๋อ เขาเข้าป่าไผ่ไปตัดไผ่กลับมาสองสามต้น
รถเข็นยังมีชิ้นส่วนไม่ครบ เขาจึงทำเป็เก้าอี้เอนสองตัว ตัวหนึ่งให้เจียงหงหนิง อีกตัวให้ภรรยา
เขาทำงานกระชับกระเฉงว่องไวมาก ยังไม่ทันเที่ยงก็ทำเสร็จไปแล้วหนึ่งตัว
จังหวะที่เพิ่งทำเก้าอี้เสร็จ เขาได้ยินเสียงเจียงหงป๋อะโมาจากในห้อง
เจียงหงหย่วนรีบวิ่งเข้าไป กลิ่นเหม็นโชยมาปะทะมา ทำเอาเจียงหงหย่วนเกือบอ้วก
แต่เขาก็ยังอดทนต่อกลิ่นเหม็น ช่วยเจียงหงป๋อทำธุระจนเสร็จและนำถังขับถ่ายออกไปทำความสะอาด
“ข้าต้มน้ำไว้แล้ว เ้าอาบน้ำให้หงป๋อหน่อยเถอะ” หลินหวั่นชิวพูดเมื่อเจียงหงหย่วนล้างถังกลับเข้ามา
นางเคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมมีประสบการณ์ ดังนั้นตอนที่ตุ๋นน้ำแกงไก่จึงต้มน้ำไปด้วย
“ได้” เจียงหงหย่วนตอบตกลง
“เ้าพาหงป๋อไปอาบที่ห้องเ้าเถอะ ข้าจะระบายอากาศให้ห้องพวกเขา” หากกลิ่นเหม็นในห้องไม่หายไป ถึงจะอาบน้ำไปก็เสียเปล่า
“ห้องของพวกเรา” เจียงหงหย่วนแก้คำหน้าบึ้ง หลินหวั่นชิวเงียบปากทันที นางแค่คุยกับเขาไม่กี่ประโยคเอง
เจียงหงหย่วนย้ายอ่างอาบน้ำของเจียงหงป๋อเข้าไปในห้อง เติมน้ำเสร็จจึงไปอุ้มมา
เจียงหงป๋อยกมือปิดตาทันทีที่ออกจากห้อง ผิวเขาซีดเหมือนกระดาษเมื่ออยู่ใต้แสงอาทิตย์ เห็นเส้นเืใต้ผิวชัดเจน
นี่เพราะถูกขังในห้องนานเกินไป
ที่หลินหวั่นชิวให้โอสถชำระไขกระดูกกับเจียงหงป๋อก็เพราะอยากตอบแทนเจียงหงหย่วนเช่นกัน
นางไม่อยากใช้ชีวิตยากจนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ไปตลอดชีวิต อยากออกไปดูว่าโลกยุคนี้เป็อย่างไร
ไม่ช้าเร็วนางต้องไปจากที่นี่ แต่ก่อนจะไป นางอยากตอบแทนน้ำใจให้หมดก่อน
เจียงหงหย่วนเป็คนดี นางหวังว่าเมื่อตัวเองมีกำลังและปัจจัยเพียงพอให้จากไป ระหว่างพวกเขาจะไม่มีอะไรติดค้างกัน
หลินหวั่นชิวใช้เวลาที่เจียงหงหย่วนอาบน้ำให้เจียงหงป๋อไปนำเครื่องนอนของเจียงหงป๋อออกไปตากแดด เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ทั้งยังทำความสะอาดห้องให้พวกเขา
“หย่วนเกอ ท่านให้หงหนิงนอนพักในห้องไปก่อน ข้าเอาเครื่องนอนของเขาออกมาตากแดดอยู่”หลินหวั่นชิวพูดกับเจียงหงหย่วนจากนอกหน้าต่าง นางไม่รู้เลยว่านับวันตัวเองยิ่งเรียกหย่วนเกอคล่องปากมากขึ้นเรื่อยๆ
เชิงอรรถ
[1] ฮวาเจียว 花椒 เครื่องเทศชนิดหนึ่ง หน้าตาคล้ายพริกไทย