เื่นี้เป็ความจริง แม้ปู่เฉียนจะเจนโลกอยู่บ้าง แต่คิดว่าหลินฟู่อินต้องลำบากเพียงใดก็ไม่อยากให้นางจ่ายเงินเยอะเกินไป
“ท่านปู่เฉียน หากท่านกับท่านลุงทั้งสองพยายามช่วยข้าถึงขนาดนี้ ข้าจะไม่ตอบแทนได้ยังไงเ้าคะ? ท่านสมควรได้รับเงินนี้แล้วเ้าค่ะ!” น้ำเสียงและสีหน้าของหลินฟู่อินเคร่งเครียด
เหลียงซื่อที่ทราบว่าหลินฟู่อินหาทางทำเงินได้แล้วจึงรับเงินมาด้วยรอยยิ้ม “ฟู่อิน เช่นนั้นเงินนี่เราขอรับเอาไว้นะ อีกหน่อยอยากให้บ้านเราช่วยอะไร เพียงพูดมาก็พอ!”
หลินฟู่อินยิ้ม จากนั้นจึงกล่าวลาอย่างสุภาพ
เห็นหลินฟู่อินเดินออกไปแล้ว ปู่เฉียนจึงถามเหลียงซื่อ “ยายเฒ่า เหตุใดจึงโลภนัก? เด็กก็ตัวแค่นั้นลำบากจะแย่!”
แต่เหลียงซื่อไม่ได้คิดจุกจิก นางหัวเราะ “ข้าบอกแล้ว หนูฟู่อินเป็ดาวนำโชคแท้ๆ! ตาเฒ่า เ้าไม่อยู่บ้านหลายวันคงไม่รู้ ตอนนี้เด็กคนนั้นเจอวิธีทำไข่เป็ดไข่ไก่เป็อาหารชนิดใหม่ เรียกว่าไข่เยี่ยวม้ากับไข่ดอกสน! ลองชิมแล้วรสชาติสดชื่นแปลกใหม่ยิ่งนัก จุ๊ๆ อร่อยมากจริงๆ!”
ปู่เฉียนดูงุนงง เอนกายเข้าหาภรรยาแล้วถาม “เช่นนั้นหมายความว่าหนูฟู่อินทำอาหารชนิดใหม่นั่นออกมาได้แล้วคิดจะทำขายหรือ?”
ชายชราเป็คนหัวไว ทำให้เหลียงซื่อยิ้มแล้วพยักหน้า “จะไม่ใช่ได้ยังไง? นางยังให้ป้าสะใภ้ช่วยรับซื้อไข่เป็ด ต้ายาเองก็ออกไปช่วยด้วย ได้ค่าแรงกันทั้งคู่ ดังนั้นขอเพียงเราให้สะใภ้ใหญ่กับต้ายาตั้งใจช่วยฟู่อิน เช่นนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ?”
ปู่เฉียนพยักหน้าครุ่นคิด สมัยภรรยายังสาวเคยทำงานให้พวกคนร่ำคนรวย สายตาจึงกว้างไกลกว่าคนทั่วไป หากนางคิดว่าสิ่งนี้ค้าขายได้ย่อมแปลว่ามีโอกาสมาก
“เ้าใหญ่ เ้ารอง อีกหน่อยลูกกับภรรยาพวกเ้าให้เคารพแม่หนูฟู่อินให้มากๆ เล่า” สุดท้ายชายชราก็สั่งการออกไป
เฉียนเหล่าต้า เฉียนเหล่าเอ้อร์ต่างรับคำพร้อมกันเป็เสียงเดียว
หลินฟู่อินที่ไม่ได้รู้ว่าคนบ้านเฉียนพูดถึงตัวเอง พอกลับถึงบ้านก็เดินไปยังสวนผักเพื่อเตรียมของที่จำเป็สำหรับงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสีให้บ้านสอง
พอย่าหลี่กลับมาก็กล่อมเ้าตัวเล็กทั้งสองจนหลับไป เห็นว่าหลินฟู่อินอยู่ในสวนผักก็ตามเข้าไปด้วย
เมื่อเห็นตะกร้าไผ่สานหลายใบใส่ผักที่เก็บมาหลายชนิด นางก็ประหลาดใจ “ฟู่อินจะขายผักหรือ? เชื่อย่าเถอะ ผักพวกนี้ได้ราคาไม่มากหรอก ตะกร้าใหญ่ขนาดนี้จะได้ราคาเท่าไรเชียว?”
พอเห็นย่าหลี่เข้าใจผิด หลินฟู่อินก็รีบยืดตัวตรง เล่าเื่ที่หลินต้าหลางตั้งใจทำให้บ้านสองขายหน้าโดยให้จัดงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสี
ย่าหลี่ได้ฟังก็ตบอกด้วยความโมโห “ไอ้หยา เื่บัดซบอะไรกัน ักำเนิดั หงส์กำเนิดหงส์ ลูกหนูขุดรูจริงๆ! [1]”
หลินฟู่อินยิ้ม “ข้าไม่ใส่ใจหรอกเ้าค่ะ เพื่อพี่อาเฟิน พี่อาฟางและพี่ซานหลาง เหตุใดจะไม่ให้ท่านป้าสองจัดงานหลิวสุ่ยสีล่ะเ้าคะ?”
มีอะไรที่ย่าหลี่ไม่เข้าใจบ้าง
ได้ยินแล้วหญิงชราก็ผ่อนลม รู้สึกปวดใจ “เด็กน้อย เ้าจะออกเงินตัวเองช่วยบ้านนั้นใช่หรือไม่?”
ย่าหลี่เดาผิด เด็กหญิงจึงยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่เ้าค่ะ แค่จ่ายค่าแรงให้ท่านลุงท่านป้าล่วงหน้าสองเดือนเท่านั้นเอง”
“ก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ โชคดีที่คู่ผัวเมียหลินสองไม่เหมือนบ้านใหญ่” ย่าหลี่พูดอะไรไม่ออกอีก จึงหันไปช่วยหลินฟู่อินเก็บผักแทน
อีกด้านหนึ่ง เมื่อคนที่บ้านใหญ่ได้ยินหลินต้าหลางกล่าวว่าคนบ้านสองจะจัดหลิวสุ่ยสี สีหน้าของคู่สามีภรรยาหลินผู้เฒ่าต่างก็ครึ้มลง
อู๋ซื่ออดหันไปมองปู่หลินไม่ได้ “เห็นไหมเล่า เ้าก็ยังนั่งเสียใจที่เ้าพวกซื่อบื้อนั่นไม่มีเงิน แล้วเป็เช่นไร จัดหลิวสุ่ยสีนี่เรียกไม่มีเงินหรือ?”
อู๋ซื่อโมโหแทบตายแล้วที่ปู่หลินมอบเงินให้บ้านสองไปตั้งห้าสิบอีแปะ พอได้ยินว่าบ้านนั้นจะจัดงานใหญ่โตก็แทบจะอดใจไปทวงเงินคืนไม่ไหว
“ต้าหลาง อารองเ้าไม่พูดอะไรอย่างอื่นนอกจากอยากจัดหลิวสุ่ยสีแล้วหรือ?” เมื่อสีหน้าของปู่หลินดีขึ้น คนก็รู้สึกว่าประหลาดนัก เฟิงซื่อบอกชัดเจนว่าจะจัดแค่งานเลี้ยงธรรมดา เรียกไปบ้านละหนึ่งคน เหตุใดไม่ทันได้ปรึกษาเขาจึงกลายเป็จัดหลิวสุ่ยสีไปได้?
เห็นท่านปู่ของตัวเองดูสงสัย หลินต้าหลางไม่กล้ายอมรับว่าตนเป็ฝ่ายตั้งใจทำให้บ้านสองขายหน้าแต่กลับกลายเป็ว่าโดนหลินฟู่อินย้อนศรเข้าให้ จึงทำได้เพียงพยักหน้าส่งๆ แล้วอ้างว่าเหนื่อย ก่อนจะหนีกลับไปนอนในห้อง
เห็นท่าทีเช่นนี้ ปู่หลินยิ่งรู้สึกสงสัยกว่าเดิม
พอคิดๆ ดูแล้วหลินต้าหลางอยู่บ้านเดิม่นี้ก็ไม่ได้อ่านหนังสืออะไรนัก ไม่ได้ฝีกท่องอักษรแต่อย่างใด ชายชราจึงขมวดคิ้ว สายตากังวลผุดขึ้นมา
“สะใภ้ใหญ่ นังคนเกียจคร้าน อากาศร้อนจะตายอยู่แล้วยังเอาแต่นอนเป็ตายอยู่อีก รีบตื่นเดี๋ยวนี้ ไปช่วยข้าสืบเื่เฟิงซื่อ!” อู๋ซื่อโมโหจนอึดอัดใจไปหมด สุดท้ายจึงเดินไปะโเรียกสองสามีภรรยาหลินต้าซานและจ้าวซื่อที่หน้าต่างห้องดังลั่น
จ้าวซื่อผงะ นางโดนลมเย็นๆ พัดจนผล็อยหลับไป แต่กลับถูกแม่สามีะโปลุกเสียได้ ทำให้โมโหอยู่ในใจ
แต่พอได้ยินอู๋ซื่อบอกว่าบ้านสองมีเงินจัดหลิวสุ่ยสีได้ จ้าวซื่อก็ะโขึ้นมาจากเตียงไม้เก่าๆ ทันที บ้านสองไปโชคดีร่ำรวยมาจากที่ใดถึงกล้าจัดงานใหญ่เช่นนี้?
จะจัดหลิวสุ่ยสีได้ต้องมีเงินอย่างน้อยก็สิบตำลึงเงินไม่ใช่หรือ?
จ้าวซื่อรีบร้อนวิ่งออกจากห้องแล้วะโ “ท่านแม่รีบไปกัน ถึงว่าบ้านสองอยากแยกบ้าน บ้านใหม่ก็ยังสร้างเสร็จเร็วปานนั้น ยังมีเงินเหลือไว้จัดหลิวสุ่ยสีอีก ข้าเคยบอกไว้ตั้งนานแล้ว บ้านนั้นหาเงินได้มากมาย พวกเราก็บ้านเดียวกันทั้งนั้น เหตุใดจึงมีแต่บ้านสองบ้านสามที่ร่ำรวยกินปลากินเนื้อจนเบื่อทุกวัน ส่วนพวกเราบ้านใหญ่ได้กินแต่ผักกินแต่หญ้า”
ฟังคำพูดคิดเองเออเองของสะใภ้ใหญ่ก็ทำให้ปู่หลินขมวดคิ้วด้วยความโมโห
นางโง่นี่มีแต่แผนร้ายในใจแต่กลับใช้วิธีการโง่เง่า คนมีฝีมือต่างก็เข้าหาบ้านสองบ้านสามดีๆ จนสองบ้านนั้นโอนอ่อนผ่อนตาม อีกหน่อยก็ช่วยเหลือกันได้มาก
แล้วดูตอนนี้เป็อย่างไรเล่า?
“พวกเ้า ไม่ว่าใครก็ห้ามไปหาเื่บ้านสองทั้งนั้น!” เห็นคู่แม่สามีลูกสะใภ้กำลังจะก้าวออกจากบ้าน ปู่หลินก็ขึ้นเสียงดังลั่น ทำเอาทั้งคู่กลัวจนอกสั่นขวัญหายหยุดชะงักฝีเท้าทันที
“หากบ้านสองจัดหลิวสุ่ยสีได้ย่อมเป็หน้าเป็ตาให้บ้านใหญ่ของพวกเราด้วย!” ปู่หลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองหน้าพวกนางแล้วด่า “ตอนนี้จะไปก่อเื่วุ่นวายให้บ้านคนอื่นเห็นเื่ขบขันหรือยังไง? รีบเข้าไปแปลงผักหลังบ้าน เก็บผักหลายๆ ตะกร้าแล้วส่งไปให้บ้านสอง!”
ปู่หลินสั่งลงมาแล้ว แม่สามีลูกสะใภ้อู๋ซื่อจ้าวซื่อต่างก็ไม่กล้าทำตัววู่วาม แต่การสั่งให้ส่งผักส่งของขวัญไปให้เช่นนี้ไม่ต่างจากการแล่เนื้อเถือหนังสักนิด
“พวกโง่! เวลาเช่นนี้ก็ไม่้ารักษาหน้าต่อหน้าคนนอกแล้วใช่หรือไม่? บ้านเดิมของเฟิงซื่อย่อมต้องนำผักมาอยู่แล้ว จะให้คนในหมู่บ้านนำไปพูดกันว่าอาหารจานผักนี้บ้านเดิมเฟิงซื่อส่งมาให้ แต่บ้านฝั่งสามีไม่โผล่หัวกันหรือยังไง?” ปู่หลินยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหขึ้นทุกที
ตอนนี้เขาเริ่มคิดขึ้นมาว่าหากมีภรรยาที่ฉลาดกว่านี้สักครึ่งก็คงดี…
-------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ักำเนิดั หงส์กำเนิดหงส์ ลูกหนูขุดรู หมายถึง สำนวนที่มีความหมายว่าพ่อแม่เป็ยังไงลูกก็เป็อย่างนั้น