กูเฟยเยี่ยนที่กำลังรีบเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงของการซักถาม นางรำคาญมากจริงๆ ต่อให้นางจะทำเื่อะไรที่น่าละอายและไม่สามารถเปิดเผยได้ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้สักนิด!
นางพูดด้วยน้ำเสียงเ็าในทันที “พอได้แล้ว! ”
ชั่วพริบตาเดียวผู้คนล้วนเงียบกริบราวกับว่าถูกน้ำเสียงเ็าของกูเฟยเยี่ยนทำให้ใ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ผู้คนใคือสายตาของกูเฟยเยี่ยน ในเวลานี้ ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นของนางครอบคลุมไปด้วยไอเย็นที่ให้ความรู้สึกหนาวเหน็บ โดดเด่น และสูงศักดิ์ แม้กระทั่งรับรู้ได้ถึงความดุร้าย ความเ็าและความสูงศักดิ์ที่เหมือนกับว่ามีมาแต่กำเนิด โดยไม่ใช่ได้มาในภายหลัง
อย่าว่าแต่ผู้คนในลานด้านในเลย แม้แต่องค์หญิงหวายหนิงที่อยู่ด้านนอกจิตใจยังเกิดความหวาดผวา กระทั่งนางยังรู้สึกถึงระดับขั้นของนางที่ต่ำกว่ากูเฟยเยี่ยนมาหนึ่งระดับขั้น อย่างไม่สามารถบรรยายได้
เป็ไปได้อย่างไร? จะต้องเป็ภาพลวงตาอย่างแน่นอน!
ต่อให้ครอบครัวตระกูลกูไม่ได้ตกต่ำ แต่ก็เป็ได้เพียงครอบครัวตระกูลขุนนางที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแค่นั้นเอง ในดินแดนเสวียนคงตระกูลกูก็ไร้ระดับขั้นโดยสิ้นเชิง! กูเฟยเยี่ยนจะนำอะไรมาเทียบกับนางได้!
เดิมทีองค์หญิงหวายหนิง้าเพียงแค่มาชมการแสดงของกูเฟยเยี่ยนเท่านั้น ทว่าในตอนนี้กลับไม่พอใจ จึงต้องไปกดทับลักษณะท่าทีของกูเฟยเยี่ยนด้วยตนเองให้ได้
องค์หญิงเสด็จเข้ามาอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงหยิ่งยโส “จุ๊ๆๆ ห้องยาสำนักหมอหลวงคึกคักจังเลย! ”
เหล่าแพทย์หญิงล้วนเกิดความใมากจึงหันกลับไปมองครั้งแล้วครั้งเล่า ทันทีที่เห็นองค์หญิงหวายหนิงเสด็จเข้ามา ทุกคนล้วนถอยไปด้านข้างทั้งสองฝั่งอย่างรู้ตัว แล้วโน้มกายแสดงความเคารพ กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงหวายหนิงจะรีบร้อนจนรอคอยไม่ไหวเช่นนี้ จึงได้มายังห้องยาสำนักหมอหลวงด้วยพระองค์เอง!
หากเป็โชคดีก็ไม่ใช่หายนะ หากเป็หายนะก็หลบไม่พ้น!
กูเฟยเยี่ยนกระทำเช่นเดียวกับแพทย์หญิงทุกคน นางได้ถอยไปด้านข้างแล้วโน้มกายแสดงความเคารพ ทว่ารูปร่างผอมบางของนางกลับมีสิ่งหนึ่งที่บ่าวรับใช้ในพระราชวังน้อยคนมากที่จะมี คือความไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตัวจนดูต้อยต่ำ
“ลุกขึ้นเถอะ”
องค์หญิงหวายหนิงก้าวเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เมื่อเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนกำลังจะลุกขึ้นนางจึงพูดเสริมในทันที “แพทย์หญิงกูรอคอยไปก่อน”
กูเฟยเยี่ยนโน้มกายไม่ขยับเขยื้อนและไม่เอ่ยถาม เพียงตอบว่า “เ้าค่ะ”
ครั้งที่แล้วตรอกซอยไร้ซึ่งผู้คน ในครั้งนี้คือห้องยาสำนักหมอหลวง ภายใต้การถูกผู้คนจับตามอง นางจะรอดูว่าองค์หญิงหวายหนิง้าจะทำอะไร?
องค์หญิงหวายหนิงนั้นรักในศักดิ์ศรี เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ต่อให้นาง้าจะกลั่นแกล้งกูเฟยเยี่ยนก็ต้องทำอย่างสง่างดงาม และต้องทำให้ผู้คนเลื่อมใสอย่างสุดใจ
นางเอ่ยถามอย่างสูงส่ง “แพทย์หญิงกู ทราบหรือไม่ว่าเหตุใดเปิ่นกงจู่จึง้าให้เ้ามาปรนนิบัติรับใช้? ”
กูเฟยเยี่ยนก้มหน้าก้มตาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “องค์หญิงโปรดชี้แนะ”
องค์หญิงหวายหนิงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ราวกับกำลังล้อเล่น “แพทย์หญิงกู เ้ากลับพระราชวังมาช้าเช่นนี้ หรือว่าไม่พอใจที่จะต้องไปตำหนักของเปิ่นกงจู่? เปิ่นกงจู่เดินทางมาเป็กรณีพิเศษเพื่อจะมาสอบถาม หากเ้าพอใจที่จะไปเปิ่นกงจู่จะรับเ้าด้วยตนเอง หากเ้าไม่พอใจเปิ่นกงจู่ก็ไม่ฝืนใจแล้วจะเลือกผู้อื่นแทน”
กูเฟยเยี่ยนสะอิดสะเอียนกับคำพูดที่ดูเหมือนจะ “สมเหตุสมผล” แต่ในความเป็จริงแล้วซุกซ่อนแผนร้ายไว้ในคำพูดสวยหรู
องค์หญิงชั่วร้ายผู้นี้้าจะรังแกคนอื่นแล้วยังจะคำนึงถึงภาพลักษณ์อีก?
อย่าได้คิดเพ้อเจ้อ!
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยตอบอย่างจริงจัง “นู๋ปี้พอใจหรือไม่ ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือองค์หญิงทรงมีความสุขหรือไม่มีความสุข หากว่าองค์หญิงทรงมีความสุข นู๋ปี้ก็พอใจเป็อย่างมากที่จะได้อุทิศตนรับใช้”
ถ้อยคำเหล่านี้ไม่เพียงแต่งดงามกว่าองค์หญิงหวายหนิงแล้ว แต่ยังเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถางอย่างเต็มเปี่ยม
องค์หญิงหวายหนิงรับมือไม่ไหวอย่างแท้จริง พระองค์ทั้งโกรธทั้งอับอายในทันที “ดีเลย ในเมื่อแพทย์หญิงกูมีจิตใจเช่นนี้เปิ่นกงจู่ก็จะรับเอาไว้! ทหาร ไปนำผงไข่มุกมาหนึ่งร้อยจิน [1] ให้เปิ่นกงจู่ และให้แพทย์หญิงกูนำกลับไปที่ตำหนักฟางหวา เปิ่นกงจู่รีบใช้!” หนึ่งร้อยจิน! ผู้คนรอบข้างล้วนตื่นตระหนกใแล้วซุบซิบนินทา ผงไข่มุกหนึ่งร้อยจินนั้นกูเฟยเยี่ยนเป็เพียงแค่หญิงสาวอ่อนแอผู้หนึ่งจะลากไหวหรือ? นอกจากนี้แล้วระยะทางจากห้องยาสำนักหมอหลวงไปยังตำหนักฟางหวาขององค์หญิงหวายหนิงนั้นไกลมากทีเดียว!
กูเฟยเยี่ยนก้มหน้านิ่งเงียบ
เมื่อเห็นเช่นนี้องค์หญิงหวายหนิงจึงอารมณ์ดีเป็อย่างมาก “กูเฟยเยี่ยน จะสามารถลากกลับไปได้ไหมนั้นค่อยว่ากัน หากเ้าสามารถลากผงไข่มุกถุงนี้ให้ขยับได้เปิ่นกงจู่ก็จะมีความสุขมากแล้ว! ”
ในไม่ช้าผงไข่มุกหนึ่งร้อยจินก็ถูกส่งมา ถุงขนาดใหญ่แต่ละห่อถูกใส่ไว้ในถุงกระสอบขนาดใหญ่แล้วโยนลงตรงเท้าของกูเฟยเยี่ยน
องค์หญิงหวายหนิงเฝ้ามองด้วยอารมณ์สนุกสนานรอคอยให้กูเฟยเยี่ยนมาขอร้องอ้อนวอน ใครจะไปรู้ว่ากูเฟยเยี่ยนกลับโน้มตัวลงไปลากถุงกระสอบขนาดใหญ่จริงๆ
สองมือของนางจับไปที่ถุงกระสอบไว้แน่น แล้วเริ่มดึงอย่างสุดกำลัง แต่น่าเสียดายลากไปหลายครั้งล้วนไม่มีการขยับเขยื้อน
มุมปากขององค์หญิงหวายหนิงเริ่มมีรอยยิ้มถึงความภาคภูมิใจ ผู้คนรอบข้างก็พูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่ หัวเราะเยาะไม่หยุด
ทว่ากูเฟยเยี่ยนราวกับตกอยู่ในภวังค์ในโลกของตนเอง นางโน้มตัวลงไปดึงอย่างสุดกำลังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน ทว่านางก็ทำต่อไป ทำต่อไปอีกหลายๆ ครั้ง!
มีเรี่ยวแรงชนิดหนึ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดเรียกว่าความดื้อรั้น!
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะ จู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็ลากถุงกระสอบขนาดใหญ่นั้นขยับเขยื้อน แล้วเมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนล้วนเงียบกริบ กูเฟยเยี่ยนยังคงไม่หยุด นางสูดลมหายใจดื้อดึงลากกระสอบใหญ่ไปสักระยะทางหนึ่งแล้วจึงหยุดลง
หยดเหงื่อกลิ้งไหลลงมาจากหน้าผากมนแล้วหยดลงมาบนหลังมือของนาง ส่วนฝ่ามือของนางก็กระจายไปด้วยาแจากการถูกถุงกระสอบเสียดสี
ในที่สุดนางก็วางถุงกระสอบลงแล้วลุกขึ้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย รอยยิ้มสุภาพเรียบร้อย “องค์หญิงหวายหนิงเ้าค่ะ เช่นนี้พระองค์มีความสุขแล้วหรือไม่? ”
องค์หญิงหวายหนิงโกรธเนื่องจากความละอายและขุ่นเคือง เหตุผลและศักดิ์ศรีล้วนไม่คำนึงถึงแล้ว นางก้าวยาวสาวเท้าพรวดพราดไปด้านหน้าแล้วเหยียบไปบนถุงกระสอบถลึงตาจ้องมองกูเฟยเยี่ยนด้วยความโกรธ
“ทหาร เพิ่มมาอีกสิบจิน! ในวันนี้เปิ่นกงจู่จะคอยดูว่านังคนชั้นต่ำผู้นี้จะมีความสามารถมากเพียงใด! ”
กูเฟยเยี่ยนยิ้มแวววาวยิ่งกว่า “องค์หญิง ดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่มีความสุขเป็อย่างมาก! ”
“เ้า! ”
ในที่สุดองค์หญิงหวายหนิงก็ตระหนักได้แล้วว่าตนเองไม่สามารถลงไปต่อสู้กับกูเฟยเยี่ยนได้อีก หากเป็เช่นนี้ต่อไปแล้วเื่ราวได้แพร่กระจายออกไป ผู้ที่เสียหน้าจะไม่ใช่กูเฟยเยี่ยนแต่เป็นาง!
นางไม่ควรมาที่นี่ด้วยตนเองจริงๆ เหตุใดนางจึงข่มอารมณ์ไว้ไม่ได้นะ? หากกูเฟยเยี่ยนไปถึงตำหนักฟางหวาเมื่อประตูปิดลง นางจะทำอะไรกูเฟยเยี่ยนก็ได้?
“มีความสุข ฮ่าๆ เปิ่นกงจู่มีความสุขแล้ว! ”
องค์หญิงหวายหนิงระงับโทสะเอาไว้ แล้วรับสั่งอย่างเ็า “เซวียกงกง เ้ายังเชื่องช้าอยู่ทำไม? นำตัวคนไป! ”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเช่นนี้กูเฟยเยี่ยนจึงเกิดความตะลึงเล็กน้อย ในที่สุดรอยยิ้มที่เคยมีความดื้อรั้นก็จางลง
ในใจของนางรู้ดีว่าทันทีที่ไปถึงตำหนักฟางหวาหากไม่ตายก็ต้องมีชีวิตดั่งความตาย
องค์หญิงหวายหนิงหันกลับเตรียมก้าวออกไป เซวียกงกงใช้ภาษามือทำท่าทางเชื้อเชิญเป็พิเศษ “แพทย์หญิงกู เชิญ!”
กูเฟยเยี่ยนก้มหน้าก้มตากำลังจะเดินออกไป ใน่เวลาเดียวกันด้านนอกจู่ๆ ก็มีเสียงรายงานดังขึ้นมา
“หม่านกงกงเต้า [2] …”
หม่านกงกง?
ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนเกิดความประหลาดใจ เสียงพูดคุยส่งเสียงดังเซ็งแซ่มองออกไป องค์หญิงหวายหนิงก็หยุดเดินเช่นกัน กูเฟยเยี่ยนรู้สึกเพียงแค่ว่าชื่อนี้คุ้นเคยเป็อย่างมาก ทว่านึกไม่ออกในชั่วขณะ
หม่านกงกง…หม่านกงกง…
หม่านกงกงเป็ใครกัน?
หม่านกงกงคือขันทีที่คอยปรนนิบัติรับใช้ฝ่าาจิ้งหวางอย่างใกล้ชิด นามว่าเซี่ยเสี่ยวหม่าน
เขาอายุเพียงแค่สิบสามปี เกิดมาก็มีรูปงามเป็อย่างมาก ทว่าลักษณะนิสัยคล้ายผู้ใหญ่เป็อย่างยิ่ง การพูดและการกระทำใจดำอำมหิตเหมือนขันทีอายุเจ็ดสิบแปดสิบที่อยู่ภายในตำหนักด้านใน บวกกับมีจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็ผู้หนุนหลัง คนในพระราชวังต่อให้มีความไม่พอใจและมีความอิจฉาในตัวเขา แต่ก็ยอมทำให้เขาเกิดความพอใจและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับเขา
โดยทั่วไป นู๋ไฉที่มาห้องยาสำนักหมอหลวงแล้วจะไม่มีการรายงาน เสียงรายงานเช่นนี้บ่งบอกได้ถึงสถานะอันสูงส่งของเขา
ในไม่ช้ากูเฟยเยี่ยนก็นึกได้ว่าตนเองเคยพบเจอกงกงผู้นี้ที่ไหน ในครั้งที่แล้วที่อยู่ในตรอกเล็ก เป็กงกงผู้นี้ที่เร่งรัดองค์หญิงหวายหนิงให้หลีกทาง
บังเอิญจังเลย! เป็อีกครั้งที่ได้พบเจอในขณะที่นางกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์หญิงหวายหนิง
เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ไม่ได้มีโอกาสเหมือนเหตุบังเอิญครั้งที่แล้ว? เพราะจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงไม่ได้เสด็จมา…
———————-
เชิงอรรถ
[1] จิน หมายถึง มาตราชั่งของจีน โดย 1 จินเท่ากับ ครึ่งกิโลกรัม
[2] เต้า หมายถึง เดินทางมา