อากัปกิริยาการแสดงออกของเย่ชิงหานทำเอาลู่ซีที่มองเงียบๆ อยู่ข้างๆ สะดุ้งใจนต้องลุกยืนขึ้น ดวงตาคู่เล็กเรียวแหลมเบิกกว้างจนกลมโตขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่ชิงหานถึงได้ยั้งสติไม่อยู่เช่นนี้ หรือว่าจะคิดมากเื่การตอบปัญหาจนเป็บ้าเสียสติไปแล้ว?
เขารู้ดีกว่าโจทย์ปัญหาการอนุมานในรูปแบบตรรกะวิทยาเช่นนี้ถ้าไม่ใช่พวกเหนือคนจริงๆ คงคิดออกมาไม่ได้แน่ นึกถึงตอนนั้นที่ตนเองใช้เวลาหลายปีกว่าจะคิดคำตอบออกมาได้สักข้อ ตอนนี้เมื่อเห็นสภาพของเย่ชิงหานเช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนสติขึ้น “เ้าหนู ใจเย็นๆ ลงก่อน ไม่ต้องรีบยังพอมีเวลา!”
“ฮ่าๆ...”
เย่ชิงหานยังคงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเช่นเดิม แต่เนื่องจากเสียงพูดของลู่ซีทำให้เขาลดอาการลงบ้างเล็กน้อย เขารีบยืนขึ้นหมุนตัวไปทางลู่ซีแต่ยังหัวเราะคิกคักออกมาเช่นเดิมพร้อมกับพูดขึ้น “ท่านผู้าุโ อย่าได้เข้าใจผิดข้าแค่ดีใจจนเกินไปเท่านั้นเอง โจทย์ปัญหาข้อนี้ข้ารู้คำตอบแล้ว ฮ่าๆ โจทย์ปัญหาแห่งโชคชะตาข้าจะขอทะลวงผ่านละนะ!”
“ว่าอย่างไรนะ?” ลู่ซีกระพริบตาปริบๆ อึ้งไปในทันที เ้าเด็กคนนี้ยังใช่คนอยู่ไหม? แค่อ่านโจทย์ปัญหาจบก็รู้คำตอบแล้ว? ต้องเข้าใจว่านายท่านผู้สร้างชอบที่สุดก็คือโจทย์ปัญหาที่แปลกประหลาดพิลึกกึกกือเช่นนี้ ในตอนนั้นนายท่านเสียค่าใช้จ่ายไปเป็จำนวนมากในการป่าวประกาศเชิญชวนให้ผู้คนส่งมาเข้าร่วมประกวดแข่งขันถึงได้สามารถรวบรวมโจทย์ปัญหาระดับชั้นยอดเหล่านี้ขึ้นมาได้ คิดไม่ถึงว่าเ้าเด็กคนนี้ใช้เวลาแค่พริบตาเดียวก็สามารถหาคำตอบได้แล้ว? เ้าเด็กคนนี้เป็บุคคลมหัศจรรย์ อัจฉริยะเหนืออัจฉริยะอย่างแท้จริง!
“คำตอบคือ ชายคนนี้เมื่อตอนที่ะโลงไปช่วยคู่หมั้นคิดว่าผมของคู่หมั้นที่พันเกี่ยวกับขาของตนเองเป็สาหร่ายจึงได้สะบัดถีบเท้าออกไป ตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็ตนเองที่ทำให้คู่หมั้นต้องตาย ดังนั้นด้วยความเสียใจอย่างมากจึงฆ่าตัวตายเสีย ตอบคำถามเสร็จสิ้น!” ลู่ซีกำลังคิดสงสัยอยู่แต่เย่ชิงหานหันไปพูดตอบขึ้นต่อแผ่นป้ายศิลาแล้ว
“กำลังประมวลผลของคำตอบ...ร้อยละเก้าสิบคล้ายคลึงกับคำตอบของท่านผู้สร้าง...เป็คำตอบที่ถูกต้อง! ด่านโจทย์ปัญหาแห่งโชคชะตาถูกทะลวงผ่านได้สำเร็จ!” เสียงเครื่องจักรกลภายในแผ่นป้ายศิลาดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นแสงสีทองสาดส่องขึ้นภายในห้องโถงแล้วก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
“ฮ่าๆ ข้านายน้อยคนนี้ช่างอัจฉริยะจริงๆ อืม...ไม่ใช่สิ จริงๆ ควรจะเป็ประวัติศาสตร์ความรู้ของคนจีนช่างวิเศษจริงๆ!” เย่ชิงหานหัวเราะขึ้นอย่างเบิกบานใจ เขาห่างจากความสำเร็จอยู่อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!
...
“ฮ่าๆ...ไม่เลวๆ ไม่เลวเลยจริงๆ!” ลู่ซีสาวเท้าเดินเข้ามา ใบหน้ารูปแพะของเขาราวกับว่าดูอ่อนเยาว์ลงไปหลายสิบปีฉันนั้น สีหน้าเบิกบานใจเต็มไปด้วยราศี ดวงตาคู่เล็กเรียวทั้งสองข้างทอประกายแสงแหลมคม สายตาที่มองไปยังเย่ชิงหานเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ราวกับว่าเย่ชิงหานได้ทะลวงผ่านทั้งหมดทุกด่านแล้วกำลังจะออกไปจากูเาสุสานทวยเทพ และในที่สุดเขาก็จะได้ออกไปจากที่คุมขังแห่งนี้ด้วยฉันนั้น “เ้าหนู เ้าทำได้ดีมาก เ้ามีชื่อว่าอย่างไร?”
“หืม?” เย่ชิงหานเห็นลู่ซีตื่นเต้นดีใจมากกว่าตนเองเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้วถึงค่อยถามชื่อของตนเองจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ “ข้าผู้น้อยมีชื่อว่าเย่ชิงหาน ท่านผู้าุโมีอะไรรึ?”
“ฮ่าๆ...ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร! เย่ชิงหาน อืม...เป็ชื่อที่ไม่เลว คนก็ไม่เลว เอาละ เ้าจะทำการพักผ่อนก่อนหรือจะเริ่มด่านทดสอบด่านสุดท้ายเดี๋ยวนี้เลย?” ลู่ซีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้พูดอธิบายอะไรออกมา ทำเพียงชมเชยออกมาไม่กี่ประโยคแล้วเอ่ยถามขึ้น
“อืม...ทะลวงด่านต่อเลยจะดีกว่า ตอนนี้ตัวข้าจิตใจกำลังฮึกเหิมมีชีวิตชีวาอยู่ ทะลวงผ่านด่านสุดท้ายให้เสร็จรวดเดียวไปเลยแล้วกัน สถานที่แห่งนี้แม้แต่วินาทีเดียวข้าก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว!” เย่ชิงหานสูดลมหายใจลึกเข้าไปคราหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมจริงจังขึ้น เขาอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้นานมากแล้ว จากคนที่รักที่ห่วงใยมานานมากเกินพอแล้ว...
“ตกลง ด่านสุดท้ายประตูแห่งโชคชะตา จงเปิดออกมา!”
สีหน้าของลู่ซีเองก็เปลี่ยนเป็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา เื่เกี่ยวกับด่านทดสอบเขาต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจริงจัง เขาสะบัดมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับพลังแสงแสบตารูปกระบี่สองสายพุ่งตรงไปยังกำแพง แต่ในขณะที่อยู่กลางอากาศนั้นพลังแสงรูปกระบี่ทั้งสองสายแยกตัวกันออกเป็พลังแสงรูปกระบี่สิบสายพุ่งมุดหายเข้าไปภายในกำแพง
ครืน!
หลังจากพลังแสงรูปกระบี่ทั้งสิบสายมุดหายเข้าไปภายในกำแพง ต่อมาเสียงสั่นะเืเลื่อนลั่นอันน่าตื่นตระหนกพร้อมกับเสียงลากดึงของโซ่กลไกพลันดังขึ้นพร้อมๆ กัน กำแพงห้องทั้งสองข้างปรากฏแสงสีทองส่องสว่างขึ้นไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ส่องสว่างจนกระทั่งดวงตาของเย่ชิงหานพร่ามัวมองไม่เห็นสิ่งใดๆ
เอี๊ยดๆ...
เสียงของหินศิลาที่เสียดสีกันฟังดูน่าขนลุกพลันดังขึ้นมา แสงสว่างแสบตาค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ เย่ชิงหานรีบหลับตาลงเพื่อปรับสภาพของดวงตาใหม่อีกครั้ง เพียงแต่...หลังจากที่เขามองไปเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อขึ้นในทันที แม้กระทั่งดวงิญญาก็เริ่มสั่นะเืขึ้น
เขามองเห็นภาพเหตุการณ์ที่ทั้งชีวิตก็ไม่อาจจะลืมเลือนได้
กำแพงทั้งสองข้างปรากฏประตูขนาดใหญ่ั์ขึ้นมาสิบบาน และด้านหลังประตู...เป็ถนนทางเดินสีทองระยิบระยับขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นขอบเขตสิ้นสุดด้านข้าง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือถนนทางเดินเหล่านี้ลอยเด่นอยู่กลางอากาศทอดตัวยาวออกไปไกล ทั้ง้า ล่าง ซ้าย ขวาของถนนทางเดินล้วนเป็ฉากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เต็มไปด้วยดวงดารา
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดารานี้ไม่รู้ว่ากว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด ไม่รู้ว่ามีดวงดารามากมายมหาศาลเพียงใด ไม่รู้ว่าถนนทางเดินที่เห็นนั้นทอดตัวยาวไกลเพียงใด ไม่รู้ว่าสุดปลายของถนนทางเดินจะเชื่อมต่อไปยังดินแดนหรือโลกที่มีลักษณะอย่างไร ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เต็มไปด้วยดวงดารามากมายนับไม่ถ้วนสิบแห่ง ถนนทางเดินสิบสายที่ส่องประกายแสงสีทองระยิบระยับทอดตัวยาวไปถึงสรวง์ ภาพเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่าเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเช่นนี้ ใช้เพียงแค่คำว่าตื่นตระหนกมาบรรยายสภาพจิตใจของเย่ชิงหานในตอนนี้ยังคงไม่พอที่จะบรรยายออกมาได้หมด สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือ ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ โคตรมารดามันจะสุดยอดเลย...
“เอาละ เลิกเหม่อลอยได้แล้ว!”
เสียงพูดของลู่ซีดึงความคิดของเย่ชิงหานกลับมายังโลกแห่งความจริงอีกครั้ง เย่ชิงหานรีบหลับตาลงไม่ดู ไม่ฟัง ไม่คิด พยายามทำให้จิตใจสงบลง จากนั้นลืมตาขึ้นมองไปยังลู่ซีรอฟังคำอธิบายจากเขา
“ที่เ้าเห็นคือด่านทดสอบด่านสุดท้าย ‘ประตูแห่งโชคชะตา’ เมื่อเ้าก้าวเท้าเข้าไปภายในประตูเหล่านี้ชะตาชีวิตของเ้าจะเปลี่ยนแปลงไปโดยทันที อาจจะรอด อาจจะตาย อาจจะแข็งแกร่ง หรืออาจจะพิการสูญสิ้นวรยุทธ์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกของเ้า และขึ้นอยู่กับดวงชะตาของเ้า!” ลู่ซีพยักหน้าออกมาไม่ได้พูดไร้สาระรีบพูดอธิบายถึงกฎกติกาของด่านทดสอบด่านสุดท้ายให้เขาฟังทันที
“กฎกติกาของด่านนี้นายท่านผู้สร้างกำหนดขึ้นมาด้วยตนเองไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้แม้แต่น้อย ประตูทั้งสิบบาน นายท่านผู้สร้างได้สร้างมิติคู่ขนานขึ้นมาเพื่อเป็เส้นทางเชื่อมต่อจำนวนสิบแห่ง โดยประตูทั้งสิบบานมีอยู่หนึ่งบานที่สามารถเดินทะลุไปยังหอเทพเล็กๆ แห่งนั้นได้อย่างปลอดภัย ส่วนประตูอีกเก้าบานสามารถเชื่อมต่อทะลุไปได้เช่นเดียวกัน แต่เชื่อมต่อทะลุไปยัง... นรกเอวจี”
“ภายในเส้นทางมิติคู่ขนานอีกเก้าแห่งจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์คุณภาพขั้นสูงเฝ้ารักษาอยู่ แม้ว่าสุดท้ายแล้วเส้นทางมิติคู่ขนานทั้งสิบแห่งจะเชื่อมต่อไปยังหอเทพเหมือนกัน แต่อาศัยพลังฝีมือของเ้าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรศักดิ์สิทธิ์เชื่อได้ว่าโอกาสรอดคงเป็ศูนย์!... กฎกติกาของด่านทดสอบสุดท้ายนี้คือ เ้าเลือกประตูหนึ่งบานแล้วเดินเข้าไป เป็หรือตายล้วนอยู่ที่โชคชะตาของเ้า...”
‘“…”
นิ่งเงียบ!
เย่ชิงหานฟังกฎกติกาของด่านทดสอบจบไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่นิ่งเงียบลงไป สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็ซีดเผือดขึ้นมา
จากนั้นสีหน้าซีดเผือดแปรเปลี่ยนเป็แดงก่ำ หน้าอกเริ่มขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มขึ้น สุดท้ายค่อยๆ ชูนิ้วกลางขึ้นพร้อมกับพูดออกมาช้าๆ ทีละคำอย่างเด็ดเดี่ยวและชัดถ้อยชัดคำ “หุน...ตี้...เ้า...มัน...ตา...แก่...โรค...จิต...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้