ไม่ใช่ว่าซ่งอวี้อยากไม่พูด แต่นางไม่รู้จะอธิบายอย่างไร หรือจะให้นางบอกกับคนโบราณที่ไม่เข้าใจอะไรเลยว่าในกระดูกมีแคลเซียม ดื่มน้ำต้มกระดูกแล้วทำให้เด็กๆ ได้รับแคลเซียม กระดูกจึงพัฒนาได้ดีทำให้ตัวสูงและแข็งแรง? นี่ไม่ใช่การพูดจาเหลวไหลหรอกหรือ?
ซ่งอวี้ที่ไม่รู้จะพูดอย่างไร ได้แต่ทำสีหน้าซื่อความนัยว่า 'เ้าช่างไม่รู้อะไร' ไม่อธิบายให้หรงจิ่งฟัง แล้วรีบวิ่งหนีออกไป
หรงจิ่งคิดไม่ถึงว่าจะมีเื่เช่นนี้ เขามองแผ่นหลังของนางที่วิ่งจากไปด้วยความตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเขาจะหัวเราะเสียงเบา "ซ่งอวี้...เ้าช่างน่าสนใจจริงๆ ข้ายิ่งอยู่ยิ่งไม่อยากไปแล้ว"
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน จู่ๆ นายช่างหันก็ฝากคนมาบอกซ่งอวี้ว่ามีข่าวคราวหลี่เฉิงสามีของนางแล้ว ให้นางหาเวลาไปพบเขา
ข่าวคราวของหลี่เฉิง?
ท่ามกลางความตกตะลึง ขณะที่กำลังหั่นสมุนไพรอยู่นั้นนางไม่ทันระวังทำให้พลาดบาดมือตนเอง อาฝูที่กำลังเดินเข้ามาบังเอิญเห็นเข้าพอดี จึงรีบเอายามาทาให้ด้วยความแตกตื่น อาฝูทำแผลให้ซ่งอวี้ทั้งยังห้ามไม่ให้ซ่งอวี้ลุกเดินไปมา
ซ่งอวี้ปล่อยให้อาฝูทำตาม้า อาฝูบอกให้นางพักนางก็พัก ไม่โต้ตอบแต่อย่างใด กระทั่งภายในห้องเหลือซ่งอวี้เพียงคนเดียว ดวงหน้าของนางค่อยฉายความทุกข์และเศร้าหมองออกมา
แท้จริงแล้ว ความเข้มแข็งทั้งหมดก็เพียงเพราะแรงฮึดในใจเท่านั้น
ั้แ่ฟังคำพูดของท่านจ้าวในวันนั้น ซ่งอวี้ก็รู้สึกว่าตนไม่ควรด่วนตัดสินหลี่เฉิง หากเขามีความจำเป็ที่ยากจะพูดจริงๆ เล่า?
คนโบราณล้วนชอบเก็บงำความในใจไม่ใช่หรือ?
หากหลี่เฉิงมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้ไม่อาจมาพบนางได้ เช่นนั้นนางก็จะเป็ฝ่ายไปพบเขาเอง นางที่เป็คนในยุคปัจจุบันผู้อยู่ในโลกที่เปิดกว้าง มีหรือที่ไม่อาจเทียบกับคนโบราณได้?
แต่เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไปทีละวันๆ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลี่เฉิงราวกับหายวับไป ไม่มีผู้ใดพบเจอเขา ไม่มีผู้ใดรู้จักเขา แม้กระทั่งเวลานี้ชาวบ้านก็ไม่ค่อยพูดถึงเขาแล้ว
หลี่เฉิงราวกับเป็มนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากอากาศ มีเพียงความทรงจำที่สดใสอย่างน้ำเสียงและรอยยิ้มของเขาเท่านั้นที่ยังไม่เลือนหายไป ส่วนที่เหลือล้วนมลายหายไปหมดแล้ว
ยิ่งผ่านไปนานวันเข้าซ่งอวี้ก็ยิ่งร้อนใจ แต่นางกลับไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่น้อย เวลานี้แม้แต่นางก็เริ่มสิ้นหวัง ทว่าจู่ๆ นายช่างหันก็ฝากคนมาบอกว่ามีข่าวของหลี่เฉิงแล้ว
ไม่ว่าจะเป็เื่จริงหรือโกหก ซ่งอวี้ต้องไปหานายช่างหันเพื่อปลอบโยนหัวใจของตนที่กำลังดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำลึก
ซ่งอวี้มาตามเสี่ยวหมาน ร้อนใจอยากเข้าไปในอำเภอเพื่อฟังข่าว หลังจากอาฝูทราบเื่ก็รีบมาโน้มน้าว ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่กำชับให้เสี่ยวหมานปกป้องซ่งอวี้ดีๆ
ห้องอาหารบนชั้นสองของโรงน้ำชาที่ไม่ไกลจากร้านตีเหล็ก
ทิวทัศน์ของห้องอาหารนี้ไม่ได้ดีที่สุด เมื่อเปิดหน้าต่างแล้วมองออกไปจะเห็นเพียงภาพชีวิตที่ยากลำบากของชาวบ้านเท่านั้น โดยเฉพาะร้านตีเหล็ก ดังนั้นปกติจึงมีคนมาน้อยมาก ถึงขั้นที่ว่าสิบวันถึงครึ่งเดือนไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว
แต่วันนี้ในห้องอาหารมีคนมาเยือนสองคน คนแรกคือบุรุษหน้าตาหล่อเหลา โครงหน้าชัดเจน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะมองอีกครั้ง
"นายท่าน ข่าวของนายท่านแพร่งพรายไปแล้ว ท่าน..." บ่าวรับใช้ด้านหลังพูดด้วยความเคารพ ตอนพูดใกล้จบก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดครู่หนึ่ง
บุรุษคนแรกไม่ได้ตอบคำถามเขา นิ้วมือเรียวยาวเคาะโต๊ะเบาๆ สายตาจับจ้องไปยังร้านตีเหล็กตลอดเวลา คล้ายกำลังรอให้ใครสักคนปรากฏตัว
บ่าวรับใช้เงียบและถอยหลังไปครึ่งก้าว ไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด จู่ๆ บุรุษคนแรกก็ลุกพรวดขึ้นสาวเท้าไปที่ริมหน้าต่าง สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างหนึ่งที่เดินเข้าไปในร้านตีเหล็ก
บ่าวรับใช้เห็นนายของตนเป็เช่นนี้ก็คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วพูด "นายท่าน ในเมื่อนายท่านคิดถึงนางเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไปหานางกันเถอะขอรับ" เขาเป็บ่าวรับใช้ พูดจาเช่นนี้เป็การทำเกินหน้าที่ แต่เขาจงรักภักดีต่อนายไม่อยากเห็นนายของตนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้
นายท่านของเขาเป็ลูกรักพระเ้า ฐานันดรศักดิ์สูงส่ง อยากจะได้อะไรก็ต้องได้สิ่งนั้น เหตุใดต้องทำร้ายตนเองเช่นนี้ด้วย?
บุรุษยืนอยู่ตรงหน้าต่างเป็เวลานาน ไม่สนใจคำพูดของบ่าวรับใช้แม้แต่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้น "เจอตัวนายน้อยของร้านยาถงอันหรือยัง?"
"นายท่านขอรับ คนของเรารายงานว่าไม่เจอร่องรอยของนายน้อยร้านยาถงอัน แต่หากคนของร้านยาถงอันเจอตัวนายน้อยของพวกเขาแล้ว เกรงว่าที่หน้าประตูร้านยาถงอันคงไม่มีคนเฝ้ามากเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาน่าจะยังไม่เจอตัวขอรับ" บ่าวรับใช้ตอบ
บุรุษครุ่นคิดครู่หนึ่ง "อย่าเพิ่งเรียกตัวคนที่ส่งออกไปกลับมา ให้พวกเขาหาต่อไป เมื่อเจอตัวแล้วให้ปกป้องนายน้อยร้านยาถงอันให้ดี อย่าให้เขาถูกจับตัวไปเด็ดขาด ช่างเถอะ พวกเราอยู่ต่ออีกสามวัน อีกสามวันค่อยกลับไปพร้อมกับข้า"
อยู่ต่ออีกสามวัน? บ่าวรับใช้ลอบเงยหน้าขึ้นเห็นสายตาของผู้เป็นายจับจ้องไปยังนอกหน้าต่างก็เข้าใจทันที
อีกด้านหนึ่ง ซ่งอวี้รีบเดินทางเข้าไปในอำเภอด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ นางมุ่งหน้าไปยังร้านตีเหล็กโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ตน คนที่นางตามหาแท้จริงแล้วเวลานี้กำลังมองนางอยู่ไกลๆ ด้วยความปรารถนา
นายช่างหันไม่ได้อยู่ในร้านตีเหล็ก ซ่งอวี้เดินตรงไปยังโถงด้านใน เป็จริงตามคาด นางเจอนายช่างหันแล้ว
"น้องซ่งอย่าร้อนใจ เ้าเหงื่อแตกไปหมดแล้ว นั่งพักแล้วดื่มน้ำก่อนเถอะ ข้าจะค่อยๆ เล่าให้เ้าฟัง" นายช่างหันเห็นซ่งอวี้หายใจหอบเข้ามา ก็รู้ทันทีว่านางร้อนใจเพียงใดจึงรีบพูดขึ้น
แต่ซ่งอวี้ร้อนใจยิ่งนัก นางไม่อาจทนรอได้แม้แต่น้อย "นายช่างหัน ข้าไม่เป็อะไร ท่านรีบบอกข้าเถอะ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก"
เฮ้อ...น้องซ่งช่างชะตาอาภัพยิ่งนัก น่างช่างหันโอดครวญในใจ แล้วบอกข่าวคราวที่ตนรู้
แท้จริงแล้วหลังจากซ่งอวี้ไหว้วานนายช่างหัน เขาไม่เพียงให้บุตรชายคนโตของตนตามหาหลี่เฉิง พ่อค้าต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เขาก็ล้วนไหว้วานให้ช่วยเช่นเดียวกัน
แต่พวกพ่อค้าต้องใช้เวลานาน ออกไปทำการค้าครั้งหนึ่งใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนเป็เื่ปกติ ดังนั้นจึงส่งข่าวกลับมาช้า
ข่าวที่ส่งกลับมาในครั้งนี้อารองของภรรยานายช่างหันซึ่งก็เป็พ่อค้าบอกว่าเคยเห็นคนที่พวกเขาบรรยายรูปพรรณสัณฐานแถวชายแดน มีบ่าวรับใช้ชื่อเยี่ยสุยคอยติดตาม ดูท่าแล้วคล้ายกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง แต่เมืองหลวงกับอำเภอของเราไม่ไกลกันนัก เป็ทางเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ใดกันแน่
ซ่งอวี้ฟังที่นายช่างหันพูดจบนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มีบ่าวรับใช้ชื่อเยี่ยสุยคอยติดตาม ดูเหมือนว่าจะเป็หลี่เฉิงจริงๆ
"น้องซ่ง ข้าคิดว่าสามีของเ้าคงมีความจำเป็บางอย่างที่ไม่อาจบอกเ้าได้ อีกทั้งเวลานี้ก็กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้แล้วไม่ใช่หรือ? บางทีอาจจะกลับมาหาเ้าก็ได้?" นายช่างหันพูด
ซ่งอวี้ฟังแล้วหัวเราะแห้งๆ ทำความเคารพนายช่างหัน "ไม่ว่าจะเป็เช่นไร ท้ายที่สุดข้าก็ทราบข่าวคราวแล้ว น้ำใจของนายช่างหัน ข้าจดจำไว้แล้ว"
มนุษย์ก็เป็เช่นนี้ แม้จะรู้ข่าวคราวเพียงน้อยนิดก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่หรือ?
ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือโมโหมากกว่า แต่ที่นายช่างหันเหน็ดเหนื่อยกับเื่นี้ ซ่งอวี้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก จึงให้คำมั่นสัญญาโดยไม่ลังเล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้