“จื่อเยว่เ้าอย่าเอาแต่นอนอีกเลย รีบลุกขึ้นมาเถิด ไม่ใช่ว่าเ้าเคยบอกว่าจะเป็มือกระบี่ที่ท่องไปทั่วหล้าหรอกหรือ เ้า้าจะช่วยข้าตามหาท่านแม่ไม่ใช่หรือ หากว่าเ้ายังเอาแต่นอนอยู่เช่นนี้แล้วจะช่วยข้าได้อย่างไร? หากยังเอาแต่นอนอยู่เช่นนี้แล้วในอนาคตเ้าจะกลายเป็เซียนกระบี่ได้อย่างไร จื่อเยว่ อย่าหลับอีกเลย ตื่นเถิด ตื่นขึ้นมาได้แล้ว...”
มู่เฟิงกุมมือของไป๋จื่อเยว่ด้วยดวงตาแดงก่ำ ่เวลาสองปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มู่เฟิงเป็คนพาไป๋จื่อเยว่เข้าสู่เส้นทางสายนี้ ไป๋จื่อเยว่ไม่ใช่บ่าวรับใช้ของเขา แต่เป็ดั่งพี่น้องที่สามารถตายแทนกันได้
มู่ขวงหลั่งน้ำตาออกมาขณะกำหมัดแน่น ส่วนศิษย์คนอื่นๆ ของตระกูลมู่ต่างก้มหน้านิ่งเงียบ
อวิ๋นชิงว่านเข้ามากอดไหล่ของมู่เฟิงจากด้านข้าง ดวงตากลมโตคู่สวยมีน้ำตาหลั่งรินออกมา แต่นางกลับไม่ได้พูดอะไร
“พี่เฟิง ข้าจะไปฆ่าเ้าคนสารเลวมู่ชิง!”
มู่ขวงปาดน้ำตา ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเคียดแค้น จากนั้นเขาก็หันกลับเตรียมที่จะไปสังหารมู่ชิง
“หยุด!”
มู่เฟิงเอ่ยขัดขึ้นทันที
“สังหารมู่ชิงไม่ได้!"
“พี่เฟิง ทำไมเล่า คนผู้นั้น้าจะสังหารท่านนะขอรับ เวลานี้จื่อเยว่ก็เป็เช่นนี้ไปแล้ว ท่านยังจะปกป้องเขาอยู่อีกหรือ? หรือเพราะว่าเขาคือพี่น้องที่มีสายเืเดียวกันกับท่าน? หากว่าท่านคิดเช่นนั้น พี่เฟิง ท่านก็ทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก”
มู่ขวงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
“มู่ขวง ใจเย็นก่อน เสี่ยวเฟิงไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”
มู่หลิงเอ๋อร์กล่าวขึ้น
“ข้าไม่สนใจ ข้ารู้เพียงว่าจื่อเยว่ถูกวางยาพิษ และนี่ก็เป็ฝีมือของมู่ชิง ฉะนั้นข้าจะต้องให้เขาได้ชดใช้ด้วยชีวิต”
มู่ขวงตวาดเสียงออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและเตรียมจะพุ่งตัวออกไป
“หากเ้าก้าวออกจากประตูนี้ ต่อไปอย่ามาเรียกข้าว่าพี่เฟิงอีก!”
มู่เฟิงตวาดเสียงออกมาในทันใด
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่ขวงก็หยุดชะงัก
“พี่น้องถูกทำร้ายแต่ท่านกลับไม่คิดล้างแค้น พี่เฟิงในตอนนี้ไม่ใช่พี่เฟิงที่ข้ารู้จัก”
สีหน้าของมู่ขวงเต็มไปด้วยความผิดหวัง หลังจากกล่าวจบแล้วเขาก็ผลักร่างของศิษย์ตระกูลมู่สองคนให้พ้นทาง ก่อนจะวิ่งออกไป
“มู่ขวง! ให้ตายเถอะ ตามเขาไป อย่าปล่อยให้เขาทำเื่โง่ๆ เป็อันขาด”
มู่เฟิงรีบะโสั่งการ ศิษย์ตระกูลมู่หลายคนจึงรีบไล่ตามมู่ขวงไปทันที
“เฟิง ข้าจะตามไปเกลี้ยกล่อมมู่ขวงเอง เ้าอย่าได้โมโหเขาเลย เขาจะต้องเข้าใจความทุกข์ใจของเ้าแน่”
อวิ๋นชิงว่านผุดลุกขึ้น นางหันไปกล่าวกับมู่เฟิงก่อนจะรีบวิ่งตามมู่ขวงออกไป
ในขณะเดียวกัน ศิษย์คนอื่นในตระกูลมู่ต่างก็มองมู่เฟิงด้วยแววตาซับซ้อน ในแววตาของพวกเขามีทั้งร่องรอยของความผิดหวังและทอดถอนหายใจ
บรรดาศิษย์ที่อยู่ในตระกูลมู่นั้นมีคนที่เป็สายเืสายตรงเพียงไม่กี่คน หากมู่เฟิงไม่ลงโทษมู่ชิงเพียงเพราะสายเืของเขาจริง เื่นี้ย่อมต้องทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวัง
“พวกเ้าเองก็คิดว่าข้ากำลังปกป้องมู่ชิงด้วยหรือ?”
มู่เฟิงยังคงกุมมือของไป๋จื่อเยว่ขณะกล่าวขึ้น โดยที่ยังหันหลังให้กับทุกคน
“พี่เฟิง ข้าคิดว่าท่านต้องมีเหตุผลของท่าน”
มู่ฝานกล่าว
มู่เฟิงห่มผ้านวมให้กับไป๋จื่อเยว่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “จื่อเยว่เป็เหมือนน้องชายของข้า ไม่ว่าใครที่ทำร้ายเขา ข้าจะไม่มีวันให้อภัยแน่ ต่อให้เป็มู่ชิงก็เช่นกัน แต่เวลานี้เรายังไม่สามารถจัดการกับมู่ชิงได้ เื่ในครั้งนี้มีหนานหลิงเป็คนบงการอยู่เื้ั มู่ชิงเพียงถูกหลอกใช้เท่านั้น หากเราสังหารมู่ชิงในตอนนี้ ทุกอย่างก็จะเป็ไปตามแผนของหนานหลิง ถึงเวลานั้นท่านอาสามจะต้องโกรธแค้นข้าและตระกูลอย่างแน่นอน หากเป็เช่นนั้นพวกเ้าคิดหรือยังว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากทุกคนได้ฟังดังนั้นก็พลันตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริง พวกเขาเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาในใจที่หลงเข้าใจนายน้อยของตนผิด
“มู่ชิงจะต้องถูกลงโทษ แต่โทษทัณฑ์นี้ไม่ใช่เราที่จะเป็ฝ่ายกำหนด ข้าจะให้คนส่งเขากลับตระกูลมู่ มอบเขาให้อาสามเป็คนจัดการ”
มู่หลิงเอ๋อร์ก็เอ่ยออกมาเช่นกัน
มู่หลิงเอ๋อร์หันไปมองมู่เฟิง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวเฟิง เ้าอย่าได้เศร้าเกินไปนัก แม้ว่าหมอโอสถของที่นี่จะรักษาไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีหนทางรักษาเหลืออยู่ ข้าจะไปเชิญอาจารย์ของข้าให้มาช่วย นางเป็ถึงหมอโอสถขั้นสี่ วิชาแพทย์ของนางนั้นน่าทึ่งมาก นางจะต้องมีวิธีช่วยจื่อเยว่อย่างแน่นอน”
มู่เฟิงพยักหน้า เขาเคยได้ยินเื่ราวของอาจารย์ของพี่หญิงมาบ้างแล้ว อีกฝ่ายเป็ผู้าุโคนหนึ่งในสำนักศึกษาที่มีวิชาแพทย์ไม่ธรรมดา เพียงแต่เขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้าุโท่านนี้มากนัก
มู่หลิงเอ๋อร์หันหลังจากไปเพื่อไปเชิญอาจารย์ของนางมา ส่วนมู่เฟิงก็ยังคอยดูแลไป๋จื่อเยว่อยู่ที่นี่
ไม่นานหลังจากนั้น มู่หลิงเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมกับหญิงชราในชุดคลุมสีเทา
เหล่าบัณฑิตภายในห้องต่างก็ทำความเคารพหญิงชราทันที “ท่านอาจารย์เหลิ่ง!”
หญิงชราผู้นี้มีผมสีขาวโพลนและิัเหี่ยวย่น นางดูเหมือนคนชราที่อยู่ใน่วัยเจ็บสิบถึงแปดสิบปี ทว่าความจริงแล้วอายุของนางย่อมต้องมากกว่านั้น
เมื่อหญิงชรามาถึง มู่เฟิงก็คำนับผู้าุโด้วยความเคารพ อีกฝ่ายจ้องมองไปที่ทางมู่เฟิงเป็พิเศษ
“เ้าคือน้องชายของหลิงเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ?”
หญิงชราเอ่ยถาม
“ใช่แล้วขอรับ ผู้น้อยขอร้องผู้าุโ โปรดช่วยสหายของผู้น้อยด้วยเถิดขอรับ”
มู่เฟิงโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพ
“ท่านอาจารย์ โปรดช่วยศิษย์ตระกูลมู่ของข้าด้วยเ้าค่ะ”
มู่หลิงเอ๋อร์กล่าวขอร้องอีกฝ่ายด้วยความเคารพเช่นกัน
“เ้าหนุ่มน้อย หลังจากกินยาฟื้นฟูเส้นลมปราณของข้า เ้าก็สามารถฟื้นตัวและฝึกฝนจนมีวรยุทธ์ถึงระดับจื่อฝู่ขั้นเก้าได้ใน่เวลาอันสั้น พร์ของเ้านับว่าน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก!”
หญิงชรามองมู่เฟิงด้วยความประหลาดใจ นางไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วมู่เฟิงไม่ได้กินยาของนาง
มู่เฟิงใไปชั่วขณะ เมื่อทราบว่ายาครอบจักรวาลขั้นหกเม็ดนั้นมาจากใคร เขาก็ยิ่งรู้สึกเคารพหญิงชรามากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ยาเม็ดนั้นในการฟื้นฟูเส้นลมปราณ แต่ก็ถือว่านางได้มอบยาให้แก่เขาแล้ว ดังนั้นเขาย่อมต้องซาบซึ้งถึงความเมตตานี้
“ขอบคุณท่านผู้าุโ ขอบคุณในความเมตตาของท่าน”
“เ้าไม่จำเป็ต้องขอบคุณข้า หากเ้า้าขอบคุณ ขอบคุณพี่สาวของเ้าเถอะ เพื่อช่วยเ้าแล้ว นางยอมจ่ายให้ข้าในราคาที่สูงมากเลยทีเดียว หึๆ ๆ...”
หญิงชราแสยะยิ้มออกมา มู่เฟิงมองไปทางมู่หลิงเอ๋อร์ แววตาของนางในยามนี้ดูซับซ้อนไม่น้อย แต่นางยังคงฝืนยิ้มให้กับมู่เฟิง
จากนั้นหญิงชราก็เดินไปดูอาการของไป๋จื่อเยว่ นางจับมือของเขาก่อนจะส่งพลังชีวิตสีเขียวเข้าไปในร่างกายของไป๋จื่อเยว่ เพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของเด็กหนุ่ม
“นึกไม่ถึงว่าเด็กผู้นี้จะมีร่างกายิญญา"
หญิงชราเผยความรู้สึกประหลาดใจออกมา หลังจากได้เห็นพร์ของไป๋จื่อเยว่
นางจับเส้นชีพจรของนาง และไม่นานก็ถอนพลังชีวิตออกมา
“ผู้าุโ เขาเป็อย่างไรบ้างขอรับ?”
มู่เฟิงรีบเอ่ยถาม
“เป็พิษนกเขา พิษชนิดนี้สกัดมาจากร่างของนกอสูรระดับหยวนตาน”
หมอโอสถเหลิ่งชักมือออก ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น
“พิษนกเขา?”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
“ผู้าุโ เช่นนี้เราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“หาก้าช่วยเขา เ้าจะต้องไปหาหญ้าโลหิตมรกตเพื่อมาปรุงยาแก้พิษ หญ้าโลหิตมรกตเป็หญ้าพิษชนิดหนึ่ง แม้ว่าคุณภาพของมันจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงมาดนัก และเป็เพียงสมุนไพรขั้นสามเท่านั้น แต่ก็เป็สมุนไพรที่หาได้ยากมาก มันสามารถใช้ยับยั้งพิษนกเขาได้ หาก้าช่วยเขา พวกเ้าจะต้องไปหาหญ้าโลหิตมรกตมาให้ได้”
หมอโอสถเหลิ่งกล่าว ส่วนมู่เฟิงและคนอื่นๆ ต่างก็ขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อของหญ้าโลหิตมรกตมาก่อน
“ท่านอาจารย์ ไม่ทราบว่าหญ้าโลหิตมรกตนั้นอยู่ที่ใดหรือเ้าคะ?”
มู่หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“หญ้าโลหิตมรกตจะเติบโตได้ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้ร่มเงา เ้าไม่สามารถค้นหามันในสถานที่ทั่วไปได้ ข้ารู้จักสถานที่ที่มีหญ้าโลหิตมรกตอยู่แห่งหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับว่าเ้าจะกล้าไปที่นั่นหรือไม่”
หมอโอสถเหลิ่งอธิบาย
“ไม่ว่าจะเป็ูเาดาบหรือทะเลเพลิง ผู้น้อยย่อมกล้าไปทั้งนั้น ผู้าุโ ไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนั้นคือที่ใดหรือขอรับ?”
มู่เฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น
“วังโบราณจิ่วซาน!”
“วังโบราณจิ่วซาน?”
“ว่าอย่างไรนะ! ที่นั่นน่ะหรือ”
หลังจากได้ฟังคำตอบ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป ส่วนมู่เฟิงกลับมีท่าทรที่ดูงุนงงเพราะไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้ ในขณะสีหน้าของมู่หลิงเอ๋อร์เริ่มซีดลง และเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความกลัว
“พี่หญิง วังโบราณจิ่วซานเป็สถานที่แบบใดกันหรือขอรับ?”
มู่เฟิงเอ่ยถามอย่างสงสัย
สีหน้าของมู่หลิงเอ๋อร์พลันเคร่งขรึม จากนั้นนางก็ตอบว่า “มันคือวังใต้ดินแห่งหนึ่งที่อยู่ในอาณาจักรต้าหยวน เป็สถานที่ที่อันตรายเป็อย่างมาก”