ไข่มุกค่อยๆ เปล่งประกายแสงออกมา อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ จนราวกับว่ามันกำลังจะกลายเป็พระอาทิตย์ดวงน้อยที่ประดับอยู่บนข้อมือของหลินลั่วหราน
“คนโง่...” เสียงถอนหายใจราวกับถูกส่งมาจากูเาที่ปลายขอบฟ้านำพาความรู้สึกอันหดหู่และว่างเปล่าตามติดมาด้วย ลมหายใจสั้นๆ ถูกส่งออกมาแต่กลับนำพาััของการเวียนว่ายตายเกิดตามติดมา
แน่นอนว่าหลินลั่วหรานที่หมดสติล้มลงไปแล้ว ไม่มีทางที่จะได้ยินหรือแม้แต่เธอกำลังมีสติ ด้วยความห่างไกลระหว่างกลุ่มเมฆและดินโคลนนี้เธอก็ไม่น่าที่จะรับรู้ได้ถึงเสียงถอนหายใจนี้เช่นกัน
หลังจากเสียงนั้นผ่านลอยไป ไข่มุกก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้น พลังอันมหาศาลดึงรั้งให้มือของหลินลั่วหรานยกตามขึ้นมาก่อนที่ร่างของเธอจะลุกขึ้นมาทั้งตัว
ดวงตาของหลินลั่วหรานยังคงปิดสนิท แต่มือของเธอกลับขยับเคลื่อนไหว
ปลายนิ้วมือข้างขวาค่อยๆ ขยับขึ้นก่อนที่เส้นแสงลึกลับจะทยอยกันออกมาจากปลายนิ้ว ก่อนจะเกิดเป็ลวดลายสีทองลึกซึ้งลอยสูงเปล่งประกายอยู่ในอากาศ
ความจริงในเวลานี้ บนโลกก็ไม่ใช่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักฝึกศาสตร์อีกต่อไปหมอกสีเทาปกคลุมไปทั่วทุกบริเวณพลังที่หลงเหลืออยู่ต่างก็ถูกหมอกสีเทาครอบคลุมเอาไว้มานานแสนนานจึงพากันแตกตัวไม่สงบนิ่ง และไม่ได้เหมาะสมกับการดูดซับของเหล่าผู้ฝึกศาสตร์อีกต่อไป
แต่ภายใน่เวลาที่ลวดลายสีทองแปลกประหลาดปรากฏออกมาภายใต้นิ้วมือของหลินลั่วหรานนั้นเริ่มที่จะดูดซึมเข้ามาช้าๆ ภายในอาการไม่เพียงแต่จะเบาบางลงแต่เหล่าพลังที่วุ่นวายไม่สงบ...ก็กลายเป็ราวกับเด็กดื้อตัวน้อยๆ ที่ได้พบกับแม่ของตัวเองความดื้อรั้นในตอนแรก ค่อยๆ กลายเป็ความกลัวและสำนึกผิดก่อนจะเข้ามาอิงแอบกายอุ่นของผู้เป็แม่
พลังรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันดูราวกับเด็กน้อยที่พบกับคนแจกขนมต่างพากันแย่งชิงเข้ามาหา เมื่อเวลาผ่านไป พลังที่มากขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็ไปล้อมรอบอยู่ใกล้ลวดลายสีทองก่อนจะสงบนิ่งลง
หลินลั่วหรานสลบไปแล้วนิ้วมือของเธอขยับเปลี่ยนท่าทางไปโดยไร้ซึ่งสติรับรู้ เพียงแต่ในส่วนลึกของเธอนั้นเธอรู้สึกราวกับได้พบกับแผ่นหลังของคนที่สวมชุดยาว ปลายผ้านั้นปลิวไสวกำลังวาดลวดลายที่เธอไม่อาจจะเข้าใจได้ลงบนอากาศ...จิตใต้สำนึกของเธออยากจะเข้าไปลองคัดลอกลวดลายนั้นเอาไว้เหลือเกิน
พลังยังคงขยับเข้ามาใกล้ โดยมีเตียงผ่าตัดของเป่าเจียเป็ศูนย์กลางมันชำระอากาศทั่วบริเวณของโรงพยาบาล หมอกสีเทาเ่าั้ต่างถูกกำจัดไปจนสิ้นในขณะนั้นเอง ผู้คนทั่วทั้งโรงพยาบาลทหาร ไม่ว่าจะเป็หมอหรือคนไข้ต่างก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจได้สะดวกขึ้น เหมือนกับคุณภาพของอากาศถูกยกระดับสูงขึ้น!
ด้านนอกห้องผ่าตัด ที่เฝ้ารอกันมาเป็เวลานานคนที่เกือบจะสิ้นหวังไปแล้วอย่างผู้บังคับบัญชาฉินเมื่อััได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอากาศ แววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาก่อนที่จะเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจ ความรู้สึกแบบนี้คล้ายกันมากเหลือเกินเป็เธอที่กำลังปลดปล่อยพลังอยู่ใช่ไหม?
เหล่าทหารที่ไวต่อความรู้สึกคือคนที่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดีที่สุด ดวงตาของลู่ซานชุนเบิกออกกว้างในใจของเขาไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับ “ลัทธิเต๋า” อยู่เลยเขาไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่กลับรู้สึกได้ว่าด้านในห้องผ่าตัดนั้นกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงเหนือธรรมชาติขึ้น
คุณหนูกำลังถูกช่วยเหลือแล้วใช่ไหม...ในใจของลู่ซานชุนค่อยๆ เต้นแรงขึ้นมา
ภายในเวลาเดียวกันนั้น รถออดี้สีดำธรรมดาคันหนึ่งกำลังขับผ่านบริเวณของโรงพยาบาลทหารไปพอดี ทันทีที่เข้ามาสู่สภาพแวดล้อมแห่งนี้ชายชราที่นั่งไอไม่หยุดอยู่บริเวณเบาะหลังของรถ ก็แสดงอาการที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
“หยุดรถ! หยุดรถเดี๋ยวนี้!”
คนขับรถใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มากว่าครึ่งร้อยปีเขาจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหน ที่ไม่ได้ยินน้ำเสียงรีบร้อนแบบนี้ของชายชราเขารีบเหยียบเบรกหยุดรถลงในทันที
“นายท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” ร่างกายของชายชราไม่สู้ดีนักคนขับรถจึงถามขึ้นด้วยความกังวล เพราะคิดว่าเขารู้สึกไม่สบายตรงไหนขึ้นมาอีก
เมื่อเห็นว่ารถที่ชายชรานั่งมาเกิดหยุดขึ้นอย่างกะทันหันคนสวมชุดดำก็พากันลงมาจากรถรักษาความปลอดภัยทั้งหน้าหลังก่อนจะเข้ามาล้อมรถออดี้สีดำเอาไว้ คนที่ดูเหมือนจะเป็ผู้นำเดินก้าวเข้ามาพร้อมทั้งมองไปรอบด้านด้วยความระมัดระวัง แล้วกดเสียงลงถามคนขับรถ “เกิดอะไรขึ้น?”
คนขับรถส่ายหน้าก่อนจะชี้ไปยังชายชราที่กำลังนั่งหลับตาัักับอะไรบางอย่างอยู่ที่เบาะหลัง
ชายชราอดกลั้นความสั่นไหวในใจของเขาเอาไว้ ก่อนจะลืมตาขึ้น
“ถอยไปเถอะ ขับรถไปจอดที่ข้างถนนซะ เข้าไปให้ใกล้โรงพยาบาลที่สุด”
เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยถอยไปตามคำสั่งคนขับรถก็จัดการขยับรถไปจอดยังข้างถนน เขาอยู่กับชายชราคนนี้มานานที่สุดจึงถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “นายท่าน...”
ชายชราไอออกมา “ไม่ต้องกังวลไปแค่ในโรงพยาบาลมีคนกำลังปลดปล่อยพลังอยู่ พลังที่สงบและบริสุทธิ์แบบนี้ ดีต่อสุขภาพของคนแก่ที่ควรจะตายไปนานแล้วอย่างฉันมาก”
เมื่อนึกถึงร่างกายที่เจ็บป่วยมานานหลายปีของชายชราและได้ยินว่ามีผู้มีความสามารถชั้นสูงกำลังปลดปล่อยพลังจนทำให้ชายชราใขึ้นมาได้ คนที่รู้และเข้าใจเื่เหล่านี้อย่างคนขับรถก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ยังคงลังเล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพยายามดิ้นรน
ชายชราเข้าใจเขาดี เขาโบกมือไปมา “สามารถปรับเปลี่ยนพลังธรรมชาติได้ในบริเวณกว้างขวางแบบนี้โดยไม่เกรงกลัวการโจมตีใดๆ คงจะเป็รุ่นก่อนหน้าที่มีพลังเหลือล้นอีกทั้งยังเป็ที่โรงพยาบาลแบบนี้ด้วยจะต้องกำลังปล่อยพลังช่วยคนอยู่แน่...แค่ได้เข้ามาซึมซับพลังที่รุ่นก่อนปรับแต่งแบบนี้ก็ถือเป็โชคดีของฉันแล้ว จะให้เข้าไปรบกวนได้อย่างไรที่คิดอยู่ไม่ต้องพูดมันออกมาเสียจะดีกว่า!”
เมื่อพูดจบเขาก็หลับตาลง ก่อนจะเข้าสู่สมาธิทั้งที่ยังอยู่ข้างถนน!
เหลือเพียงคนขับรถอายุกว่าห้าสิบปี หลังจากดิ้นรนอยู่สักพักเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างไร้เสียงก่อนจะเฝ้าระวังภัยให้ชายชราอยู่บนรถอย่างเงียบสงบ
ภายในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล แสงสีทองจากปลายนิ้วมือของหลินลั่วหรานค่อยๆสงบลง ลวดลายที่ถูกเขียนเอาไว้ในอากาศดูเหมือนว่าจะดูดซับพลังมามากพอแล้วหรืออาจจะเป็เพราะร่างกายของหลินลั่วหรานไม่อาจจะรับลวดลายพิศวงอันรุนแรงนี้ได้อีกต่อไปพลังจากที่ลวดลายสีทองได้ดูดซับพลังไปมาก แสงสีทองก็เปล่งประกายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆแต่กลับปรับเปลี่ยนแนวทางขึ้นในทันที
ดวงตาของหลินลั่วหรานปิดสนิท แต่กลับขยับคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แสงสีทองตั้งใจจะออกมาไม่ว่าเธอจะไม่พอใจอย่างไร ก็ทำได้เพียงแค่ขยับสั่นไหวปลายนิ้วจัดการทำให้ลวดลายสีทองนั้นกลายเป็พลังบริสุทธิ์ก่อนจะขยับเข้าไปในร่างกายของเป่าเจีย!
เมื่อแสงสีทองกำลังพุ่งไปด้านหน้าพลังที่กำลังเข้าหาเตียงผ่าตัดก็เหมือนกับได้สูญเสียเป้าหมายไปและพากันกระจัดกระจายออกไปอีกครั้ง ด้วยความเร็วที่มากกว่าในตอนที่ขยับเข้ามาโดยรอบของโรงพยาบาลโดนพลังเข้ายึดครองจนหมดสิ้นเหล่าหมอกสีเทาที่ถูกไล่ออกไปถึงสถานที่ห่างไกลก็ไม่สามารถจะเข้ามาใกล้ได้ดังนั้นอย่าได้พูดถึงสถานที่ที่มีไข่มุกอยู่ด้วยอย่างด้านในห้องผ่าตัดเลย
ชายชราที่นั่งอยู่บนเบาะหลังของรถออดี้สีดำที่จอดอยู่บริเวณนอกโรงพยาบาลลืมตาขึ้น ก่อนจะหลุดออกมาจากภวังค์สมาธิสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าจะเข้าไปรบกวนคนที่ปลดปล่อยพลังอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ดีจึงได้แต่สั่งให้สตาร์ทรถขึ้นอีกครั้ง
แต่คนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็ผู้มีความสามารถขั้นสูงอย่างหลินลั่วหรานกลับไม่ได้รู้เื่อะไรเลยแม้แต่น้อยหลังจากแสงสีทองพุ่งเข้าไปยังร่างของเป่าเจียหุ่นเชิดอย่างหลินลั่วหรานก็สูญเสียการควบคุม ก่อนจะล้มลงไปข้างเตียงผ่าตัดอีกครั้ง
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้องผ่าตัด เมื่อเทียบกันแล้วแสงสีทองนั้นมีระดับที่สูงกว่าพลังของมือใหม่อย่างหลินลั่วหรานมากแม้ว่าก่อนที่จะเข้าไปในร่างของเป่าเจีย ลำแสงนั้นจะแสดงอาการเฉื่อยชาออกมาการปล่อยพลังล้มเหลวไปกว่าครึ่ง แต่พลังที่หลงเหลืออยู่ก็ยังคงล่องลอยไปมาและช่วยรักษาเติมแต่งอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหายของเป่าเจียและได้จัดการทำขั้นตอนสุดท้ายแทนหลินลั่วหราน ปรับเปลี่ยนร่างกายของเป่าเจียไปโดยสมบูรณ์!
เมื่อผู้บังคับบัญชาฉินได้ยินเสียงล้มลงกระทบกับพื้น เขาก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติไปในทันทีหลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุดก็สามารถเปิดประตูออกได้
หลินลั่วหรานสลบอยู่บนพื้น เป่าเจียยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัดเช่นเคย การปล่อยพลัง ล้มเหลวอย่างนั้นเหรอ?
“หมอ เข้ามาเร็วเข้า!”
คนที่รีบพุ่งตัวเข้ามาก่อนคือลู่ซานชุน ตามมาด้วยหลิ่วเจิงหมอและพยาบาลอีกมากมายที่ไหลตามเข้ามา
“คุณหมอคะ...คนไข้ เส้นชีพจรของคนไข้...” พยาบาลสาวสายตาว่องไวคนหนึ่งเมื่อเห็นเส้นชีพจรที่เปลี่ยนไป ก็ใเสียจนพูดออกมาไม่เป็ภาษา
เมื่อหัวหน้าแพทย์หันไปเห็น ก็ใขึ้นมา ก่อนจะรีบะโขึ้น “รีบตรวจสอบสถานการณ์ของคนไข้ด่วน เส้นชีพจรมั่นคงแล้วเริ่มต้นการช่วยเหลือเดี๋ยวนี้!”
“การหายใจปกติ!”
“การเต้นของหัวใจปกติ!”
“การตอบสนองต่อแสงปกติ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้