จวนตระกูลไป๋
ไป๋เหมยเหม่ยยืนมองดูตั๋วเงินและของมีค่ามากมายที่หยางเจ๋อหยวนมอบให้นาง ได้ยินว่าบิดาเขาไม่พอใจเป็อย่างมากที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ จึงส่งคนนำของมามอบให้นางเพื่อเป็การไถ่โทษ เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนตระกูลไป๋ไปมากกว่านี้ นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจคราหนึ่ง การตัดสินใจหย่าในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าใช้ได้เลย
"เหมยเหม่ยลูกพ่อ เ้าต้องกลายเป็สตรีหม้าย เช่นนี้เป็ความผิดของพ่อเอง หากวันนั้นพ่อไม่พาเ้าไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนตระกูลหยาง เ้าก็ไม่ต้องกลายเป็หญิงหม้ายเช่นในยามนี้"
ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองดูแม่ทัพใหญ่ไป๋ซึ่งก็คือบิดาของเ้าของร่างนี้คราหนึ่ง หลังจากนางกลับมาจวนเดิมทีคิดว่าคงจะถูกด่าทออยู่บ้าง เพราะอย่างไรเสียนางก็ได้ชื่อว่าเป็น้ำที่ถูกสาดออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกจากจวนหรือไม่ แต่ทว่าคนในจวนทั้งท่านพ่อท่านแม่ของนางกลับไม่เอ่ยวาจาให้นางรู้สึกเป็ทุกข์เลยสักประโยคเดียว อีกทั้งยังสั่งให้เหล่าสาวใช้ทำอาหารมาต้อนรับนางอีกด้วย ไม่มีการดุด่าต่อว่า มีเพียงแม่ทัพใหญ่ไป๋ที่เอาคร่ำครวญว่าเป็ความผิดของตนเพียงผู้เดียว
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นางได้รู้ว่าในความโชคร้ายของไป๋เหมยเหม่ย ก็ยังมีความโชคดีอยู่มาก
นั่นก็คือไป๋เหมยเหม่ยคนเก่ามีครอบครัวที่ดี
ดีมากเสียจนเลี้ยงเ้าของร่างเดิมออกมาให้มีนิสัยเลวร้ายเช่นนี้ ต่างจากนางที่ไร้มารดาเลี้ยงดูต้องถูกพ่อตนเองดุด่าทุบตี ต้องดิ้นรนหาทำงานประจำเพื่อส่งเสียตนเองให้ได้เรียนหนังสือ
บางครั้งในความโชคร้ายมักมีความโชคดีซ่อนอยู่เสมอ อย่างเช่นการที่นางได้ย้อนเวลามาเจอครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงหันไปเอ่ยกับบิดาของตนทันที
"ท่านพ่อ ท่านอย่าเศร้าใจไปเลยเ้าค่ะ ไม่มีสามีก็ช่างปะไร ท่านดูสิ ของพวกนี้มีราคาทั้งนั้น ย่อมเอาไปต่อยอดได้หลายอย่างเลยนะเ้าคะ อีกอย่างท่านไม่ต้องไปโกรธเคืองตระกูลหยางหรอกเ้าค่ะ อย่าสร้างความบาดหมางเพราะข้าเลย"
แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เช็ดน้ำตาตนเองคราหนึ่ง ก่อนจะจ้องมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ยามที่อยู่ในสนามรบเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจน่าเกรงขาม แต่ยามที่อยู่ต่อหน้าบุตรสาวสุดที่รัก เขาคือพ่อคนหนึ่งที่รักบุตรสาวอย่างสุดหัวใจ
"เหมยเหม่ยของพ่อ"
"ท่านพ่อ พอเถิดเ้าค่ะ บ่าวไพร่มองท่านกันหมดแล้ว"
"มองช่างมันสิ!!! ผู้ใดกล้าเอ่ยวาจาให้บุตรสาวข้าระคายหู ข้าจะทุบตีมัน เหมยเหม่ย เ้าอยากทุบตีคนเพื่อระบายอารมณ์หรือไม่ เลือกบ่าวมาสักสองสามคนสิ หรือให้พ่อเลือกให้ก็ได้ เ้าจะได้คลายโทสะลง โธ่ ลูกสาวที่แสนงดงามของพ่อ"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ท่านพ่อ ท่านสอนบุตรสาวให้ทุบตีคนเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ยิ่งได้เห็นท่าทีของบ่าวไพร่ที่หวาดกลัวจนตัวสั่นนั่งก้มหน้า นางก็ทำไม่ลงแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงเอ่ยกับบิดาตนทันที
"ท่านพ่อ พวกเขาไม่รู้เื่อันใด ข้าไม่ตีพวกเขาหรอกเ้าค่ะ ส่วนพวกเ้ามีงานใดให้ต้องจัดการก็ไปทำเถิด"
ไป๋เหมยเหม่ยหันไปเอ่ยกับเหล่าสาวใช้ในจวนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นางมองเห็นแววตาที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวของคนเ่าั้ก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย
ไป๋เหมยเหม่ย เ้านี่ชั่วเกินเยียวยาจริงๆ
แม่ทัพใหญ่ไป๋จ้องมองบุตรสาวตนด้วยแววตาที่แดงก่ำ ก่อนจะเอ่ย
"เหมยเหม่ยของพ่อเติบโตแล้ว เหมยเหม่ยของพ่อรู้ความแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มตอบเล็กน้อย ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
เพราะท่านเลี้ยงดูเช่นนี้อย่างไรเล่า นางจึงไม่รู้ความ!!!
"ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าพี่หญิงรู้ความหรอก แต่นางซ่อนความชั่วเอาไว้ต่างหาก เชื่อข้าเถิด นางเป็คนดีได้ไม่นานหรอก"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมอง ไป๋กู้ชวน น้องชายคนเล็กของตนคราหนึ่ง เด็กชายผู้นี้มีอายุเพียงสิบสามปี แต่ทว่ากลับมีฝีปากโตเกินกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน ซ้ำยังชอบเอ่ยวาจาเหน็บแนมนางที่เป็พี่สาวอีกด้วย
แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้น จึงชี้หน้าด่าบุตรชายคนเล็กของตนทันที
"ลูกบัดซบ นางเป็พี่สาวเ้านะ เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาใช้ได้ที่ใดกัน!!!"
"ก็เพราะมีนางเป็พี่สาวนี่แหละ ข้าจึงถูกเพื่อนที่สำนักศึกษาล้อเลียนว่ามีพี่สาวร้ายกาจน่าไม่อาย!!!"
"ไสหัวไปเลย!!!"
"ไปก็ได้!!! ให้ท้ายนางเข้าไปเถิด คอยดูนะ นางจะต้องทำให้ท่านพ่อปวดหัวอีกครา"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอันใด ไป๋เหมยเหม่ยคนเก่าก็เป็เช่นที่ไป๋กู้ชวนว่าเอาไว้จริงๆ
นับแต่นี้ไปนางจะต้องปรับปรุงภาพลักษณ์เสียใหม่ ไป๋เหมยเหม่ยผู้แสนร้ายกาจจะไม่มีอีกแล้ว
ข่าวที่ไป๋เหมยเหม่ยถูกหยางเจ๋อหยวนมอบหนังสือหย่านั้น เป็ที่ทราบกันทั่วทั้งเมืองหลวง ส่วนมากแล้วไม่มีผู้ใดนึกเห็นใจนางสักคน แต่กลับไม่กล้าเอ่ยนินทานางต่อหน้า ทำได้เพียงนำไปพูดจาสมน้ำหน้านางลับหลัง เนื่องจากเห็นแก่บิดาของนางที่มีความดีความชอบช่วยปกป้องแว่นแคว้น
หลังจากที่หย่าขาดกับไป๋เหมยเหม่ยไม่นาน หยางเจ๋อหยวนก็ยกย่องฟ่านกุ้ยอิงขึ้นเป็ฮูหยินน้อยคนใหม่ ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินข่าวเื่นี้ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก นางยังคงกินอิ่มนอนหลับไม่ทุกข์ไม่ร้อนอันใด แม้จะได้ชื่อว่ากลายเป็หญิงหม้ายสามีหย่าไปแล้วก็ตาม
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเพราะกำลังเข้าสู่่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ไป๋เหมยเหม่ยที่ใช้ชีวิตอยู่ในจวนมาหลายวันรู้สึกว่าอาหารที่สาวใช้ในจวนทำไม่ค่อยถูกปากของนางเท่าใดนัก นางจึงตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารกินเอง ในชาติที่นางยังอยู่ในยุคปัจจุบัน นางมักจะทำอาหารใส่กล่องไปกินด้วยยามที่ต้องไปนั่งเฝ้าพระเอกซีรีส์ในป่าในเขา
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋เหมยเหม่ยจึงเดินตรงไปที่โรงครัว ก่อนจะพบว่าในครัวมีวัตถุดิบมากมายที่นาง้า เหล่าแม่ครัวใหญ่ในจวนเมื่อเห็นว่านางมาก็รีบก้มหน้างุด ต่างคิดกันไปต่างๆ นานาว่า ที่คุณหนูเข้ามาโรงครัวในวันนี้เป็เพราะเมื่อเย็นวานอาหารไม่ถูกปาก จึงคิดจะมาพังโรงครัวเป็แน่
ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นท่าทีราวกับเห็นผีของเหล่าสาวใช้ก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก วีรกรรมของไป๋เหมยเหม่ยคนเก่านี่ตามหลอกหลอนนางไปทุกที่จริงๆ
ไป๋เหมยเหม่ยคร้านจะสนใจอีก นางหันไปมองโดยรอบ ก่อนจะพบว่าบนโต๊ะมีมันฝรั่งวางอยู่ในตะกร้าสองสามหัว จึงหันไปเอ่ยกับกับสาวใช้ในครัวทันที
"มันฝรั่งมีเพียงเท่านี้หรือ"
สาวใช้น้อยนางหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเอ่ย
"เ้าค่ะ เมื่อเช้าคนขายบอกว่ามันฝรั่งนี่เก็บมาจากบนเขา สามารถนำมาทำอาหารได้ เอ่อ..."
ไป๋เหมยเหม่ยยื่นมือไปหยิบมันฝรั่งหัวที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาถือเอาไว้ สาวใช้น้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กรีดร้องขึ้นมาจนนางสะดุ้ง
"ฮือ บ่าวไม่กล้าแล้วเ้าค่ะ คุณหนูอย่าเอามันโยนใส่หัวบ่าวเลยนะเ้าคะ"
ไป๋เหมยเหม่ยมึนงงไปชั่วขณะ นางเพียงจะหยิบมันขึ้นมาดู ไม่ได้จะเขวี้ยงใส่หัวผู้ใดเสียหน่อย!!
ไป๋เหมยเหม่ยเอ๋ยไป๋เหมยเหม่ย เ้าน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีกรู้ตัวหรือไม่!
นางถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ข้าไม่ได้จะทำร้ายพวกเ้า ข้าจะเข้ามาทำอาหารเอง มาก่อไฟให้ข้าเร็วเข้า"
"เ้าค่ะ"
สาวใช้น้อยนางนั้นชะงักไปชั่วขณะ แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี พลางแอบมองดูไป๋เหมยเหม่ยอยู่ห่างๆ
"เฉียวเหลียนช่วยข้าปอกมันฝรั่งหัวนี้ที แล้วหั่นตามที่ข้าบอก ข้าจะหั่นให้เ้าดูก่อน"
เฉียวเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามทันที
"เอ่อ คุณหนูเ้าคะ จะนำมาต้มหรือเ้าคะ"
“ไม่ใช่ ข้าจะผัด”
“ผัดได้ด้วยหรือเ้าคะ”
"ผัดได้สิ ดูไว้ หั่นแบบนี้"
ไป๋เหมยเหม่ยซอยมันฝรั่งเป็เส้นบางๆ เฉียวเหลียนที่เห็นเช่นนั้นก็ทำตาม แต่ทว่าช่างเชื่องช้าไม่ทันใจ ไป๋เหมยเหม่ยจึงลงมือทำเองเสีย นางโชว์ฝีมือการทำอาหารในครัว จนเหล่าสาวใช้ถึงกับอ้าปากค้าง
คล้ายว่าคุณหนูของพวกนางจะเปลี่ยนไป หรือเพราะถูกสามีหย่าจึงเริ่มคิดได้ขึ้นมาบ้าง
ไป๋เหมยเหม่ยลงมือทำอาหารเอง ครั้งนี้นางทำมันฝรั่งเส้นผัดพริก ผ่านไปไม่นานกลิ่นอาหารตรงหน้ากำลังยั่วยวนให้จิตใจของนางสั่นไหว นางใช้ตะเกียบคีบมันฝรั่งเส้นผัดพริกตรงหน้าขึ้นมากินคำหนึ่ง ก่อนจะยิ้มตาหยี
รสชาติไม่เลว!!! หากเปิดร้านขายอาหารในเมืองหลวงคงจะขายดีไม่น้อย
เปิดร้านขายอาหารเช่นนั้นหรือ?
เมื่อคิดเื่นี้ขึ้นมาได้ไป๋เหมยเหม่ยก็แววตาเป็ประกายคราหนึ่ง ยามนี้แม้จะหย่าขาดจากหยางเจ๋อหยวนแล้ว อีกทั้งเขายังมอบตั๋วเงินเป็การปลอบใจนางมาตั้งหลายตำลึง เหตุใดนางจึงไม่นำมันมาต่อยอดค้าขายเล่า ในเมื่อนางชอบกิน เช่นนั้นก็เปิดร้านอาหารมันเสียเลย
ไป๋เหมยเหม่ยคีบมันฝรั่งเส้นขึ้นมากินจนหมดจาน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเหล่าสาวใช้ในโรงครัว
"หากมีมันฝรั่งเช่นนี้มาขายอีก เ้าช่วยซื้อมาให้ข้าด้วย สอบถามคนขายว่าเขารับมันมาจากที่ใด ถ้าจะให้ดี ให้เขามาพบข้าเสียหน่อย"
"เ้าค่ะคุณหนู"
ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินตรงไปที่เรือนใหญ่ทันที ยามนี้มารดาของนางกำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าอยู่ ไป๋เหมยเหม่ยเดินเข้าไปทิ้งกายลงนั่งข้างกายมารดา ไป๋ฮูหยินที่เห็นบุตรสาวอันเป็ที่รัก จึงเอ่ยขึ้นมาทันที
"เหมยเหม่ย แม่ได้ยินว่าเ้าไปที่โรงครัวมาหรือ จะไปทำไมกัน ดูสิ กลิ่นอาหารติดเสื้อผ้าเ้าหมดแล้ว แม่จะสั่งลงโทษบ่าวไพร่ในโรงครัวทั้งหมด เดี๋ยวนี้ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว!!!"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ท่านแม่นี่ก็อีกคน ตามใจไป๋เหมยเหม่ยจนนางเสียคนไปหมดแล้ว เพราะพื้นฐานครอบครัวเป็เช่นนี้ นางจึงมีนิสัยเสียผู้คนต่างพากันเกลียดชัง
"ท่านแม่ ข้าอยากไปทำเองเ้าค่ะ ข้าอยากลองทำอาหารดู อย่าไปลงโทษพวกนางเลย ท่านแม่เ้าคะ ข้ามีความคิดดีๆ เ้าค่ะ ข้าอยากจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ สักร้าน ร้านไม่ต้องใหญ่มาก ข้าจะปรุงอาหารขายเอง รับรองว่าจะต้องขายดีเป็แน่"
ไป๋ฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นทาบอกตน ก่อนจะเอ่ย
"ได้อย่างไรกัน แม่ไม่ยอมให้เ้าไปลำบากหรอก บ้านเรามีเงินทองมากมาย เ้าจะหาเื่ลำบากใส่ตนเองทำไมกัน หรือว่าเ้าไปได้ยินเื่ที่ผู้คนเล่าลือว่าเ้าถูกหย่า เ้าไม่ต้องไปสนใจเื่ราวด้านนอก พ่อกับแม่เลี้ยงดูเ้าได้"
"ท่านแม่ ข้าอยากหาเงินได้ด้วยตนเองนี่เ้าคะ เงินที่เรามีหากไม่หาเพิ่ม มันจะงอกเงยได้หรือ อยู่แต่ในจวนน่าเบื่อเกินไป"
"แม่รู้ แม่กับพ่อเ้ากำลังหาสามีดีๆ ให้เ้าอีกคน เขาไม่ติดใจเื่ที่เ้าเคยแต่งงาน แม้จะเคยแต่งเข้าจวนราชครู แต่เขาก็ยินดีปกป้องเ้า"
ไป๋เหมยเหม่ยยกมือขึ้นเกาศีรษะตน ก่อนจะเอ่ย
"ท่านแม่ ข้าอยากจะเปิดร้านอาหารไม่ได้อยากได้สามีใหม่ หากท่านแม่ไม่เห็นด้วย เช่นนั้นข้าจะไปจัดการด้วยตนเองเ้าค่ะ"
"โธ่ๆ ลูกรักของแม่ เอาเถิดๆ หากเ้าอยากทำแม่ก็ไม่ว่า ไว้รอพี่ใหญ่เ้ากลับมา ก็ให้เขาพาเ้าไปดูทำเลที่ตั้ง ตระกูลเราน่ะมีร้านค้ามากมายที่เป็สินเดิมของแม่ หนึ่งในนั้นคือร้านอาหารเก่าๆ ร้านหนึ่งที่แม่ยกเลิกกิจการไปแล้ว เ้าก็ไปลองดูเถิดว่าชอบทำเลที่ตั้งหรือไม่"
"จริงหรือเ้าคะ"
"อืม"
"ท่านแม่ดีกับข้าที่สุดเลย"
ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยพลางออดอ้อนมารดาของตนราวกับเด็กน้อย ไป๋ฮูหยินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ใจอ่อนยวบราวกับปุยนุ่น
"น้องสาว เ้ามาออดอ้อนขอสิ่งใดจากท่านแม่อีกเล่า"
ไป๋เหมยเหม่ยผละออกจากไป๋ฮูหยิน ก่อนจะหันไปมองคราหนึ่ง
บุรุษผู้นี้มีนามว่า ไป๋จินเซียง เขาเป็พี่ชายของนาง พี่ชายนางรั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ เป็ที่เคารพนับถือของเหล่าทหารไม่ต่างจากท่านพ่อเลย
"พี่ใหญ่"
แม้จะยังไม่ค่อยคุ้นเคยมากเท่าใดนัก แต่ทว่าหลายวันที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลไป๋แห่งนี้ ไป๋เหมยเหม่ยก็รู้สึกว่าทุกคนนั้นเป็ครอบครัวเดียวกับนาง
ไป๋จินเซียงยิ้มให้ไป๋เหมยเหม่ยคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ว่าอย่างไร เ้ามาร้องขอสิ่งใดจากท่านแม่อีก"
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย
"ข้าปรึกษาท่านแม่เ้าค่ะ ข้าอยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ สักร้าน"
ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรน้องสาวผู้นี้ของเขาไม่เคยคิดจะทำสิ่งใดเลย เข้าครัวนางก็ว่าเหม็น งานเย็บปักนางก็เขวี้ยงทิ้ง แต่ครั้งนี้กลับอยากเปิดร้านอาหาร
"น้องสาว พี่ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เ้าล้มศีรษะกระแทกโต๊ะที่จวนราชครู สมองเ้ายังปกติหรือไม่"
ไป๋เหมยเหม่ยถลึงตาใส่ไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"พี่ใหญ่ ยามนี้ข้าหย่าแล้ว อีกทั้งยังเป็สตรีหม้าย ข้าคิดได้แล้วเ้าค่ะ ที่ผ่านมาข้าทำพลาดไปที่ไปแต่งงานกับคนอย่างหยางเจ๋อหยวน ข้าจะต้องยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้ ข้าจะเปลี่ยนแปลงตนเอง แม้ไม่รู้ว่าภายหน้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ข้าก็จะลองดู หากไม่เป็ไปอย่างที่ใจหวัง ข้าเชื่อว่าท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่อย่างไรก็ไม่ทอดทิ้งข้า"
ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะพยักหน้า
"แน่นอน ต่อให้เ้าจะร้ายกาจในสายตาผู้ใด แต่สำหรับพวกเราคนตระกูลไป๋ เ้างดงามที่สุด"
ไป๋เหมยเหม่ยรู้สึกว่าขอบตาของตนเองร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ ไป๋ฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปเอ่ยกับบุตรชายของตนทันที
"ไหนๆ เ้าก็กลับมาแล้ว มิสู้พาเหมยเหม่ยออกไปดูร้านอาหารของแม่ที่ปิดตัวไปแล้วเสียสักครา ดูว่าใช้การได้หรือไม่"
"ขอรับ"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจไม่น้อย นางอยากจะไปเที่ยวนอกจวนมาหลายวันแล้ว นางอยากรู้ว่าผู้คนในยุคโบราณเขาใช้ชีวิตกันเช่นไร
หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็ติดตามไป๋จินเซียงไปที่รถม้าทันที ไม่นานนักก็มาถึงที่ตลาดใหญ่กลางเมืองหลวง ไป๋เหมยเหม่ยะโลงมาจากรถม้า ไป๋จินเซียงใไม่น้อย เขารีบเอ่ยทันที
"เดินดีๆ สิเหมยเหม่ย ทำเช่นนี้ไม่งาม"
"แค่ะโลงเท่านั้น ไม่งามที่ใด"
"เ้านี่มันเหลือเกินจริงๆ รีบตามพี่มา”
"พี่ใหญ่ หากดูร้านของท่านแม่เสร็จแล้ว ท่านพาข้าเดินเล่นที่ตลาดได้หรือไม่เ้าคะ"
"หากเ้าไม่ก่อเื่ พี่ก็จะพาเ้าเดินเล่น"
"ไม่ก่อเื่แน่นอนเ้าค่ะ"
ไป๋จินเซียงพาไป๋เหมยเหม่ยเดินลัดเลาะมาตามตรอกตรอกหนึ่ง ไม่นานก็พบกับร้านค้าร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับโรงน้ำชาใหญ่ ไป๋เหมยเหม่ยดวงตาเป็ประกายทันทีที่ได้เห็นร้านนั้น นับว่าเป็ร้านที่ดีมากเลย ต่อเติมเสียหน่อยย่อมขายอาหารได้
"พี่ใหญ่ ท่านหาคนมาซ่อมแซมร้านให้ข้าได้หรือไม่เ้าคะ ข้าจะบอกพวกเขาเองว่าต้องทำเช่นไร"
ไป๋จินเซียงรู้สึกสนใจไป๋เหมยเหม่ยขึ้นมาเสียแล้ว คล้ายว่าน้องสาวของเขาผู้นี้จะเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่น่ารักน่าชังขึ้น
ไป๋เหมยเหม่ยจ้องมองไปที่โรงน้ำชาตรงข้าม ก่อนจะเอ่ย
"พี่ใหญ่ นั่นคือโรงน้ำชาของผู้ใดกันเ้าคะ ดูใหญ่โตยิ่งนัก"
ไป๋จินเซียงหันไปมองตามสายตาของไป๋เหมยเหม่ย ก่อนจะเอ่ย
"นั่นคือโรงน้ำชาของจวิ้นอ๋องจางเหยียนเหว่ย พระนัดดาของฝ่าา"
“จวิ้นอ๋อง”
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาวูบไหวคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
โรงน้ำชาของพระเอกซีรีส์ เอ่อ!! จวิ้นอ๋องผู้นั้นเองหรือ?