กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ ในสวนของอุทยานโชยมา...มองขึ้นฟ้าแจ่ม สีฟ้าครามเมฆสีขาวตัดขอบฟ้าใสเป็ริ้วๆ คล้ายหมอกล่องลอยบนฟากฟ้า วันนี้ฟ้าสวยจริงๆ แม้จะเย็นใกล้ห้าโมงแล้ว ฟ้าแบบนี้ซินะ ที่ครั้งนั้นฉันเคยมาประสบพบใครคนหนึ่งที่นี่ ที่ฉันเรียกว่า ‘รักบังเอิ้น...บังเอิญ’ กลอนก็มาพาฉันรำพึงถึง...เขาคนนั้นในวันนี้ที่์มาแย่งเขาไปก่อนฉันจนได้
บังเอิญเจอเขา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
ใจต้องมลาย ไม่หายคิดถึง
‘หน้าคะมำเลยนายอ้วนขาวจั๊ว วิ่งอิท่าไหนนิ’ สาวตาหยี ั์ตาสีน้ำตาล วิ่งมาคู่เลยรู้สึกอยากเข้าไปทักและถามว่าเป็อะไรไหม
“เจ็บตรงไหมบ้างไหมคุณ” เธอทำเสียงเบาและหยุดวิ่งดูนายหนุ่มตุ้ยหน้าขาวว่าเป็ยังไงบ้าง แต่ก็ต้องหน้าหงายเลย หนุ่มหน้าขาวพูดแบบไม่เป็มิตรเอาเสียนี่
“คู้ณ...ถามได้ มาเยาะกันรึว่าแซว” นายตุ้ยหน้าขาวพูดแบบไม่ใยดีและไม่อยากเป็เพื่อนด้วย
“โอย...อย่างฉันเนี่ยนะ จะแซว...ให้ตายเถอะ เยาะล่ะได้นะ” เธอในตาหยีอยู่แล้ว หรี่ตามองหนุ่มขาวจั๊ว ด้วยความระมัดระวังว่าจะเจอคำพูดอะไรต่อไป
“ผมว่า คุณควรจะทำกิจกรรมของคุณเถอะ อย่ามายุ่งธุระของคนอื่น”
‘พูดแล้วก็ค่อยลุกขึ้น แบบน้ำหนักตัวยั้งให้คุกเข่าอยู่ เออหน่ะ น่าสงสารคนแบบนี้ ปากเสียแถมไม่มีสัมพันธภาพอันดีอีก แย่นะ’ สาวตาหยี ผมสั้นปราดเปรียวก็สะบัดหน้าเชิดใส่ คิดในใจว่า ‘อยากจะช่วยเหลือแค่พูดให้กำลังใจ ก็ยังไม่อยากจะรับ’
“โอเค จะคุกเข่าอยู่อย่างนั้น รึว่าให้ฉันช่วยยก” สาวดูแข็งแรงกล้ามเนื้อเป็มัดอยู่ บ้างเสนอตัว
“คงไม่ต้องหรอก เพื่อนผมกำลังมานั่นไง” เขาทำท่ามองไปยังสาวผมน้ำตาลเข้ม หน้าตาลูกครึ่งวิ่งมาหาเขาพอดี
“โอเคค่ะ” สาวตาหยีกำลังจะออกวิ่งต่อไป ก็ต้องให้ทักทายเพื่อนสาวของเขาเพื่อนสาวเป็มิตรมากกว่านายขี้เก๊กและปากร้ายคนนี้
“ขอบใจนะ เพื่อนเราเขาเพิ่งจะมาวิ่งเป็วันแรก และน้ำหนักค่อนข้าง...ไปหน่อย” สาวตาโตผมน้ำตาลพูดเว้นวรรคแบบเกรงใจ ไม่อยากพูดถึงจุดอ่อน เธอให้การทักทายอย่างอบอุ่น ทำให้สาวตาหยีก็อยากทราบชื่อเสียงเรียงนามทั้งสองคน
“เรียกเราว่า โรซ่า หรือสั้นๆว่า โรช ส่วนเพื่อนเรา ‘ฟ้าประทาน’ หรือสั้นๆ ว่า ‘ฟ้า’ นะ”
“คัมซา หรือ คัม” สาวตาหยีผมสั้น สไตล์สาวเกาหลีแนะนำตัวแล้วก็ขอตัววิ่งต่อไป
ต่างคนต่างวิ่งกัน...เมื่อวนมาเจอกัน สาวลูกครึ่งก็พยักหน้ายิ้มให้สาวตาหยีตลอด ส่วนเพื่อนชายก็ได้แต่ทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่เคยรู้จักหรือเจอกันเลย
วันนี้สองคนวิ่งได้แค่สองรอบก็ไม่อยากจะวิ่งต่อ เพราะเพื่อนชายมู้ดดี้อารมณ์บ่อจอยที่หกล้มต่อหน้าสาว แถมยังมีข้อเสนอให้ช่วยพยุงขึ้น ทำให้รู้สึกเสียหน้า แต่สำหรับคัมซาแล้ว เธอไม่เห็นเป็เื่แปลกหรือว่าหน้าแตกตรงไหน ใครๆ ก็เป็ได้ การรู้จักช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เล็กๆ น้อยๆ ถือว่าเป็เื่ที่ไม่หนักหนาสาหัสตรงไหน เธอยังมีโอกาสช่วยเหลือคนสูงวัยที่มาวิ่งบ่อยครั้ง เธอเป็คนชอบพกยาดมยาหม่อง อุปกรณ์พวกนี้เธอจะติดไว้เผื่อเสมอ
“คัม ใจลอย....วันนี้ทำงานเหม่อเชียว ซุปเรียก 2 ครั้งแล้วนะเธอ” เพื่อนร่วมงานมาสะกิดว่า หัวหน้าเรียกไปสอบถามเื่ลูกค้ามาะโต่อว่าอยู่นานสองนานหน้าชอป
“ค่ะ พี่เดียว พอดีเขามาสอบถามเครื่องฟอกอากาศ ทำไมมีปัญหา คัมก็แจ้งว่าให้โทรไปตามเบอร์ที่ให้ แล้วแจ้งเลยว่าเสียอะไรบ้าง เคลมได้เพราะบริษัทมีรับประกัน แต่เธอบอกเสียเวลามากเลย ทำไมซื้อมาต้องมีปัญหา”
“พี่เรียกหาอยู่ แต่เราเหมือนจะไม่ได้ยินพี่เลยนะ” ซุปชื่อเดียว เป็หัวหน้าในชอป ที่คัมซาทำงานเป็ฝ่ายส่งเสริมการขาย ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดีของคัมซา ทำให้เพื่อนๆ และพี่เดียวของทุกคนชื่นชอบ มีสิ่งเดียวที่ทุกคนพูดเป็เสียงเดียวกันว่า เธอมักจะดื้อรั้นถ้าเื่นั้นไม่ถูกต้อง จะให้เธอต้องน้อมรับคงจะไม่ใช่สาวอย่างคัมซาแน่นอน
คัมซาทำงานที่แห่งนี้มานานเกือบหนึ่งปี มีนาคมปีหน้าจะครบขวบปี แต่เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่า เธอจบด้านการตลาดมาและต้องมาทำงานตรงจุดนี้คงจะไม่ก้าวหน้า ถ้าได้ไปเรียนโทต่อคงจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ที่บ้านพ่อกับแม่ก็รอว่าเธอจะยังไง น้องสาวกำลังเรียนอยู่ปี 3 และก็จะจบตามมาเร็วๆ นี้ คัมซาก็วางแผนอยากเรียนต่อ แต่ที่เธอฝันคืออยากไปเรียนต่อที่อังกฤษ และเธอก็ได้หารายละเอียดบ้างแล้วว่าที่นี่เรียนแค่หนึ่งปีเศษก็จบ
พี่เดียวซุปที่ชอปก็ทราบดีว่าเธอคงจะทำงานอยู่ไม่นาน แต่ด้วยการทำงานที่รับผิดชอบและความมีน้ำใจ ทำให้เธอกลายเป็ดาวเด่น และเช่นกันคนอย่างซุปเดียวมีรึจะไม่ชอบเธอ และแอบมองสาวตาหยีผมสั้นสไตล์เกาหลีคนนี้อยู่บ่อยๆ
พ่อกับแม่ของคัมซา ค้าขายเสื้อผ้าสไตล์เกาหลี ถึงจะดูว่าไม่มีหน้ามีตานักในสังคมที่มองเื่ฐานะและหน้าที่การงาน แต่ก็หมุนเงินในธุรกิจเลี้ยงดูลูกสาวสองคน คือ
‘คัมซา’ และน้องสาว ‘อันยอง’ ได้ทัดเทียม อันยองได้เรียนปริญญาตรีหลักสูตรอินเตอร์ที่เชียงราย ส่วนคัมซาก็มีโอกาสได้ไปโครงการแลกเปลี่ยน และไปทำงานโครงการเวิร์คแอนด์ทราเวลที่อเมริกาด้วย สองสาวจึงดูดีในสายตาของญาติๆ เพราะนอกจากจะภาษาดีแล้วยังประพฤติตนไม่เหลวไหล อ้อนน้อมถ่อมตน แม้ว่าอันยองจะดูหยิ่งๆ ในสายตาเพื่อนบ้าน แต่เธอก็มีน้ำใจให้กับทุกคน สำหรับคัมซาเป็สาวมั่นอกมั่นใจ ไม่ค่อยเอ่ยปากขอเงินพ่อกับแม่บ่อยนัก ระหว่างเรียนเธอก็ทำงานร้านกาแฟและขายเสื้อผ้าที่มีอยู่ในสต๊อคที่บ้านให้กับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย
คัมซาเป็คนเ้าระเบียบคิดมาก ส่วนน้องอันยองของเธอเป็สาวขี้อ้อนแต่ก็ไม่เบาเื่การต่อปากต่อคำของเธออยู่เหมือนกัน สุดท้ายแม้จะเป็คนเ้าระเบียบจู้จี้บ้าง แต่ก็ยอมน้องเสมอ
“อันยองมีงานปาร์ตี้เสาร์หน้า อยากให้คัมซาไปร่วมงานด้วยนะ” อันยองอยากโชว์พี่สาว
“มาชวนฉันนี่นะ แทนที่จะชวนเพื่อนหรือไม่ก็แฟน เป็งานอะไรล่ะ” คัมซาถามแบบไม่ใส่ใจ น้องสาวขาปาร์ตี้ คัมซาก็เห็นว่าทุกครั้งมักจะมีเพื่อนไปด้วยเสมอ งานนี้มาแปลก
“งานวันเกิดและงานครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ของแอนนี่ ไปเถอะน่า อยากโชว์พี่สาว” อันยองพูดอย่างออกหน้าว่าอยากโชว์เธอกับเพื่อนๆ แต่ก็เหมือนอยากเซอร์ไพร์สด้วย
“แล้วต้องใส่ชุดไหนดีล่ะเนี่ย” คัมซากังวล ด้วยความที่เป็คนเ้าระเบียบและเรียบร้อย ก็อยากรู้ว่าจะต้องแต่งตัวยังไงให้เหมาะสม
“แหม คุณพี่ บ้านเรามีเสื้อผ้าสต๊อคอยู่เต็มบ้าน ก็เลือกเอาที่มันสวยๆ ใส่แล้วปิ้งๆ คะ” น้องสาวคัมซา หัวเราะคิกและมองหน้าพี่สาวว่าแค่นี้ทำไมต้องถาม
“เอาล่ะ ฉันจะไปดูว่ามีเดรสสีครีมไหม น่าจะโออยู่นะ” คัมซาพูดลอยๆ และเดินไปหาแม่เพื่อจะสอบถามว่าพอจะมีเสื้อผ้าแนวเรียบร้อยไปงานปาร์ตี้วันเกิดไหม
เอาล่ะ สาวน้อยคัมซาจะไปงานปาร์ตี้ของน้องสาว แล้วจะรู้จักใครไหมเนี่ย ให้รู้สึกหวั่นใจ แต่ก็มั่นใจว่า ความที่เป็คนผูกมิตรเก่งคงหาเพื่อนคุยได้ไม่ยาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้