มู่หรงหว่านหรูที่รู้สึกหวาดกลัวอยู่แล้ว บวกกับการจงใจพูดเกินจริงเพิ่มเข้าไป มันเลยทำให้คนที่เห็นยิ่งคิดว่าเป็เื่จริงเข้าไปอีก รูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอและหวาดกลัวของนาง ทำให้ผู้คนที่เห็นต่างรู้สึกอยากปกป้อง
นางรีบเดินไปที่ด้านข้างๆ อี้ไท่เฟยด้วยน้ำตาคลอเบ้า “หมู่เฟย ข้าไม่คิดว่านางจะทำเช่นนั้นจริงๆ...นางโอหังเกินไปแล้ว! ข้าหวาดกลัวเหลือเกิน!”
ขณะที่พูด นางก็เริ่มสะอื้นขึ้นมาเบาๆ อี้ไท่เฟยจับแขนของนางเพื่อตรวจสอบ เมื่อเห็นว่าเป็เพียงรอยขีดข่วนและไม่มีอาการาเ็ร้ายแรง จึงจะรู้สึกโล่งใจ โอบนางไว้ในอ้อมแขนและนั่งลงข้างนาง “ไม่เป็ไรนะไม่เป็ไร ไม่ต้องกลัว!”
เวลานี้ หานอวิ๋นซีไม่มีเวลาที่จะมาสนใจการแสดงของมู่หรงหว่านหรู นางขมวดคิ้วและมองไปที่ฮูหยินสวี่ จึงได้เห็นว่าแววตาของฮูหยินสวี่เหม่อลอย ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
นี่...นี่มันเื่อะไรกัน?”
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ฮูหยินสวี่กำลังจะะเิออกมาแล้ว ทำไมจู่ๆ นางถึงสลดไปแบบนั้นล่ะ? สรุปแล้วเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น?
มู่หรงหว่านหรูต้องทำอะไรบางอย่างเป็แน่ มิฉะนั้นด้วยนิสัยของฮูหยินสวี่แล้ว เป็ไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยไปง่ายๆ!
ทันใดนั้นหานอวิ๋นซีก็หันศีรษะไปมองมู่หรงหว่านหรู และเห็นว่ามู่หรงหว่านหรูอยู่ในอ้อมแขนของอี้ไท่เฟยอย่างน่าสงสารเหมือนเด็กที่หวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่ามู่หรงหว่านหรูไม่ได้เป็ห่วงฮูหยินสวี่อีกต่อไป นางพิงไหล่ของอี้ไท่เฟยและหลับตาลงเล็กน้อย
หานอวิ๋นซีมองด้วยความโกรธ อดไม่ได้ที่จะกำหมัด นางไม่รู้ว่ามู่หรงหว่านหรูเพิ่งทำอะไรไป แต่ดูจากปฏิกิริยาของฮูหยินสวี่แล้ว ต้องถูกมู่หรงหว่านหรูหลอกใช้อย่างแน่นอน
ให้ตายเถอะ...ฮูหยินสวี่หมดหวังแล้วสินะ!
คราวนี้ก็ยังถูกมู่หรงหว่านหรูทอดทิ้งอีก
หานอวิ๋นซีไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่มีหลักฐานและฮูหยินสวี่ก็คงไม่ยอมรับ นางไม่มีทางชี้ตัวมู่หรงหว่านหรูอย่างแน่นอน น่าผิดหวังจริงๆ!
ดอกบัวสีขาวที่น่าขยะแขยงนี้ หานอวิ๋นซีต้องหาทางให้นางออกเรือนให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น หากอยู่ที่จวนต่อไปอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้อย่างแน่นอน
การกระทำของฮูหยินสวี่ทำให้อี้ไท่เฟยรำคาญมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย นางพูดด้วยความโกรธว่า “ใครก็ได้ จับนังนังนี่ไปขังเสีย แล้วค่อยปะา!”
ใบหน้าของใต้เท้าโอวหยางบิดเบี้ยวรวมเข้าด้วยกัน แต่เมื่อเผชิญกับความโกรธของอี้ไท่เฟย ก็ไม่กล้าที่จะเกลี้ยกล่อมมากนักและส่งคนไปจับตัวนางทันที
ฮูหยินสวี่ไม่ขัดขืนและไม่ได้มองมาทางมู่หรงหว่านหรูกับหานอวิ๋นซีอีกต่อไป แต่นางกลับมองไปที่หานฉงอันซึ่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างอย่างนิ่งเงียบ
การจ้องมองนั้นดูเหมือนจะเคลือบไปด้วยพิษ เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง!
ใช่แล้ว ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็หานฉงอันที่นางควรจะเกลียดจริงๆ เป็เพราะทางเลือกของหานฉงอันที่ทำให้เกิดเื่ทั้งหมดนี้!
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเศร้าคือหานฉงอันไม่แม้แต่จะมองมาที่นางและไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางกำลังมองตัวเองอย่างขุ่นเคืองในขณะนี้
หนึ่งวันของชีวิตแต่งงานก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นไปเนิ่นนาน หานฉงอันรู้สึกหนักใจอย่างมาก ทว่าเขาก็ไม่เสียใจเลย
ในความเป็จริง แม้ว่าจะไม่มีเสี่ยวอี้เอ๋อร์และอี๋เหนียงเจ็ด เขาก็ยังเลือกหานอวิ๋นซีเช่นเดิม เขามองออกว่าการที่อี้ไท่เฟยให้ความเมตตาแก่เขา เป็เพราะ้าจัดการกับหานอวิ๋นซีโดยไม่ต้องสงสัย หากจัดการหานอวิ๋นซีได้แล้ว ตระกูลหานก็จะไร้ประโยชน์ อี้ไท่เฟยจะยังเห็นตระกูลหานอยู่ในสายตาและสนับสนุนตระกูลหานได้อย่างไรกัน?
และหานอวิ๋นซีคือผู้ที่สามารถชุบชีวิตตระกูลหานได้อย่างแท้จริงและไร้ที่ติ ทักษะทางการแพทย์ของหานอวิ๋นซีนั้นยอดเยี่ยมและศักยภาพของนางก็น่าอัศจรรย์
เขาเชื่อว่าตราบใดที่หัวใจของหานอวิ๋นซียังอยู่กับตระกูลหานและเต็มใจที่จะสนับสนุนประมุขของตระกูลคนใหม่ เช่นนี้ตระกูลหานก็จะได้ตำแหน่งกลับคืนมาในวงการแพทย์อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินเทียนซินมารดาผู้ให้กำเนิดและบิดาผู้ให้กำเนิดลึกลับของหานอวิ๋นซี ก็มีแนวโน้มที่จะเป็บุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงการแพทย์ หากในอนาคตตระกูลหานสามารถสร้างความสัมพันธ์ผ่านหานอวิ๋นซีได้ มันก็จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก
เพื่ออนาคตของตระกูลหาน หานฉงอันยอมเสียสละได้ทุกอย่าง...
หลังจากที่ฮูหยินสวี่ออกไป มู่หรงหว่านหรูก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากอ้อมแขนของอี้ไท่เฟยและพูดด้วยเสียงเบาว่า “หมู่เฟย หว่านหรูทำให้ท่านขายหน้าแล้ว”
“เ้าพูดอะไรกัน? เ้ามีใจที่จะปกป้องข้า เ้าน่ะกล้าหาญที่สุดแล้ว!” อี้ไท่เฟยพูดอย่างจริงจังมาก นางไม่ใช่คนตาบอด แต่อาจเป็เพราะนางไว้ใจมู่หรงหว่านหรูมากเกินไปจนนางมองไม่เห็นมัน
ใบหน้าของมู่หรงหว่านหรูเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด นางพูดว่า “หมู่เฟย ความจริงได้ปรากฏแล้ว ถึงเวลาคืนความบริสุทธิ์ให้พี่สะใภ้และยิ่งกว่านั้นคือความบรสุทธิ์ของหมู่เฟย โชคไม่ดีจริงๆ ที่ได้ความอัปยศเช่นนี้มาโดยไม่มีเหตุผล!”
ฮึ ฮึ ฮึ!
มู่หรงหว่านหรูเ้าดอกบัวขาวผู้นี้ยังพูดเื่แบบนี้ได้อีกหรือ?
หานอวิ๋นซีโกรธอย่างมากและถามอย่างประชดประชันว่า “ทำไมล่ะ ตอนนี้น้องหว่านหรูไม่ขอร้องให้ตระกูลหานแล้วหรือ? เข้าใจข้ากับหมู่เฟยขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“พี่สะใภ้ เดิมทีข้าเห็นแก่หน้าท่าน คิดไม่ถึงว่าฮูหยินสวี่จะโอหังขนาดนั้น ยังจะให้ข้าไปขอร้องให้นางอีกอย่างนั้นหรือ?” มู่หรงหว่านหรูถามกลับทันทีด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว ไม่รู้จริงๆ ว่านางผิดหวังกับฮูหยินสวี่มากขนาดไหน
อี้ไท่เฟยที่ขมวดคิ้วมาตลอดก่อนหน้านี้ จะไม่ตั้งใจฟังการสนทนาระหว่างหานอวิ๋นซีกับมู่หรงหว่านหรูได้อย่างไร ตอนนี้นางตั้งใจฟังสองสามคำ ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางกะพริบตาราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“น้องหว่านหรูไม่ต้องร้อนรนขนาดนี้ก็ได้ ข้าก็แค่ถามเฉยๆ เอง ไอ้หยา ฮูหยินสวี่ผู้นี้กล้าหาญจริงๆ ไม่รู้ว่าใครที่ทำให้นางกล้ามาเอะอะโวยวายที่ประตูจวนฉินอ๋อง เวลานี้นางคงจะเสียใจมากใช่หรือไม่?” หานอวิ๋นซีพูดอย่างสบายๆ
ถึงแม้จะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ แต่อย่างน้อยก็เป็การเตือนสติอี้ไท่เฟยให้นางกลับไปคิดถึงความแปลกประหลาดในเื่นี้
แน่นอนว่า อี้ไท่เฟยไม่ใช่คนที่จะมายั่วยุได้ นางพูดอย่างเ็าว่า “ฮ่าฮ่า ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน ช่างกล้าหาญจริงๆ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา มู่หรงหว่านหรูก็เม้มริมฝีปาก ดีใจอีกครั้งที่ตนเองไม่ได้ถูกเปิดเผย นางรีบเปลี่ยนเื่ “หมู่เฟย ข้างนอกมีประชาชนรออยู่ เื่นี้จำเป็ต้องได้รับการอธิบาย”
อี้ไท่เฟยที่ครุ่นคิดเื่นี้มานาน และหลังจากคิดทบทวนแล้ว นางก็มองไปที่หานฉงอันและพูดอย่างเ็าว่า “หานฉงอัน เื่นี้เริ่มต้นขึ้นเพราะตระกูลหานของเ้า ในเมื่อเ้าเลือกฉินหวังเฟย เ้าก็ควรที่จะออกไปอธิบายกับคนเ่าั้หรือไม่? ไม่เช่นนั้น ฉินหวังเฟยคงไม่สามารถถือกุญแจโกดังของตระกูลหานไว้ได้”
ความจริงแล้ว ถึงอี้ไท่เฟยไม่ได้ร้องขอ หานฉงอันก็จะทำเช่นนี้อยู่แล้ว
เขาคิดไว้ั้แ่แรกแล้วว่าการให้กุญแจห้องเก็บของกับหานอวิ๋นซีจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและการนินทามากมาย เดิมทีเขาอยากจะหาโอกาสเตือนหานอวิ๋นซี แต่ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อให้หานอวิ๋นซีสามารถถือกุญแจห้องเก็บของได้อย่างเป็ทางการ เพื่อในอนาคตจะได้ไม่มีคนมายุ่งกับตระกูลหานจนเกิดปัญหาขึ้นอีก
“พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”
หานฉงอันที่กำลังลุกขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน อี๋เหนียงสามก็ลากหานรั่วเสวี่ยเดินเข้ามาและร้องอย่างเศร้าสร้อยว่า “นายท่าน...”
หานอวิ๋นซีมองไป พลางแอบยิ้มอยู่ในใจ หลี่ิเม่ยนะหลี่ิเม่ย ท่านอดทนเก่งจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดออกมา แม้ว่าจะมีนิสัยเงียบสงบไม่แยแส แต่หากจะพูดออกมาในเวลานี้ มันก็สายเกินไปแล้ว กลับกันมันก็ดูเหมือนยิ่งจงใจ อดใจรออีกนิด โฉมหน้าที่แท้จริงของท่านจะถูกเปิดเผยแล้ว!
หานฉงอันมองไปและถอนหายใจเบาๆ “ิเหม่ย เื่นี้...”
ก่อนที่หานฉงอันจะพูดจบ หลี่ซื่อก็รีบโค้งคำนับ “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายท่าน มอบกุญแจห้องเก็บของให้กับหวังเฟย ดีกว่าที่จะปล่อยให้ไปอยู่ในมือของคุณชายเ่าั้ ข้าเข้าใจดี”
ในตอนนั้นที่หานฉงอันยอมรับในตัวอี๋เหนียงสามท่านนี้ เพราะประการแรกคือนางชอบเรียนแพทย์และสามารถพูดคุยกับเขาได้ และประการที่สองเพราะนางไม่อ่อนแอ ทั้งยังมีนิสัยไม่สนโลกอีกด้วย
ท่านแม่ที่สงบอย่างมาก แต่หานรั่วเสวี่ยกลับหน้าซีดและไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมออกไปข้างนอก
“ใต้เท้าโอวหยาง เตรียมขบวน!”
อี้ไท่เฟยลุกขึ้นอย่างเฉื่อยชา ไม่แม้แต่จะมองหานฉงอันและเดินผ่านไป หานอวิ๋นซีที่อยู่ด้านหลังสุด นางมองหานฉงอันด้วยความซึ้งใจและรีบตามอี้ไท่เฟยไป
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ยังมีคนจำนวนมากอยู่รอบๆ ประตูศาลต้าหลี่ ในเวลานี้ยังมีการถกเถียงกันอยู่มาก ผู้ที่สามารถรอได้นานนั้นส่วนใหญ่เป็พวกชอบยุ่งเื่ชาวบ้าน นินทาคนอื่นลับหลัง
แน่นอนว่า มู่หลิวเยวี่ยเองก็ยังคงอยู่ นางเฝ้ารอ่เวลาที่หานอวิ๋นซีจะถูกจับมัดมือมัดเท้าออกมา
ทันทีที่เห็นมู่หรงหว่านหรูออกมาพร้อมกับอี้ไท่เฟย ทุกคนก็เงียบลงทันที
และเมื่อพวกเขาเห็นหานอวิ๋นซีเดินออกมาคนเดียว ทุกคนก็ต่างใ ดวงตาที่สดใสของมู่หลิวเยวี่ยหรี่ลงและเต็มไปด้วยความสงสัยทันที ทำไมหานอวิ๋นซียังสบายดีล่ะ?
ทันใดนั้น ผู้คนก็เกิดความสงสัยต่างๆ นานา ดูจากท่าทางของฉินหวังเฟยแล้ว เหมือนว่าไม่ได้มีเื่ใหญ่อะไรเกิดขึ้น! สรุปแล้วผลลัพธ์มันคืออะไรกัน?
เมื่ออี๋เหนียงสามเดินพยุงหานฉงอันออกมา ก็ยิ่งเกิดความโกลาหลมากขึ้นไปอีก มู่หลิวเยวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอยหลังหนึ่งก้าว รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ฮูหยินสวี่ล่ะ?”
“ทำไมหมอเทวดาหานถึงออกมาคนเดียวล่ะ?”
“พระเ้า ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เจอหมอเทวดาหานไปตลอดชีวิตแล้วเสียอีก?”
“อี๋เหนียงเจ็ดล่ะ? ไหนจะคุณชายน้อยท่านนั้นอีก?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่คิดจะทำอะไรกัน?”
…
เมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย อี้ไท่เฟยก็ฟังไม่ชัดว่าคนเหล่านี้กำลังคุยเื่อะไรกันแน่ แต่ได้ยินว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่กำลังสงสัยกัน แม้ว่าอี้ไท่เฟยจะรักษาท่าทางที่สง่างามและเหมาะสม แต่ในใจนางก็รู้สึกรำคาญอย่างมาก
คนพวกนี้ช่างคนหยาบคายไร้การศึกษา!
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะกระทบต่อชื่อเสียงของนาง นางคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้และกลายเป็เป้าหมายของการนินทาของคนกลุ่มนี้หรอก! นางคงได้ออกคำสั่งให้ลงโทษคนเหล่านี้และจับพวกเขาทั้งหมดเข้าคุกไปแล้ว
ต้องรู้ว่านางเป็ไท่เฟยที่มีเกียรติที่สุด และเป็ไท่เฟยเพียงหนึ่งเดียวในอาณาจักรเทียนหนิง ทั้งยังเป็หมู่เฟยของฉินอ๋องผู้สูงส่ง! คนธรรมดาจะได้เจอกับนางง่ายๆ แบบนี้เสียที่ไหนกัน?
อี้ไท่เฟยที่ไม่้าจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป นางขยิบตาให้ใต้เท้าโอวหยางอย่างไม่สบอารมณ์ ใต้เท้าโอวหยางเองก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันที และทันทีที่เขายกมือขึ้น ทุกคนก็เงียบลง
“ทุกท่าน หลังจากสอบสวนแล้ว คดีของฉินหวังเฟยในการโลภทรัพย์สินของตระกูลหานและแย่งกุญแจห้องเก็บของตระกูลหานนั้นเป็เพียงเื่ที่ปั้นแต่งขึ้นมาและเป็การใส่ร้ายป้ายสี! ฮูหยินสวี่เผยแพร่ข่าวลือใส่ร้ายป้ายสีหวังเฟย และรวบรวมฝูงชนมาก่อความวุ่นวายที่จวนฉินอ๋อง ซึ่งไม่เพียงทำลายชื่อเสียงของฉินหวังเฟยเท่านั้น แต่ยังทำลายชื่อเสียงของอี้ไท่เฟยด้วย ตามกฎหมายของเทียนหนิงแล้ว นางจะถูกตัดสินปะาชีวิตและจะถูกปะาชีวิตในอีกไม่กี่วันข้างหน้า...”
หลังจากที่ใต้เท้าโอวหยางพูดเช่นนี้ ทันใดนั้นผู้ชมก็เงียบลง เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของทุกคนอย่างชัดเจน
พระเ้า!
เป็อย่างไร!
ฮูหยินสวี่ใส่ร้ายฉินหวังเฟยและถูกตัดสินปะาชีวิตจริงหรือ?
ทันใดนั้น คนรับใช้ที่ฮูหยินสวี่นำมา รวมทั้งผู้ที่สนับสนุนฮูหยินสวี่ต่างก็หวาดกลัว จนแข้งขาอ่อนแรงและถึงขั้นกลั้นหายใจ เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกจับได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
แน่นอน เป็ไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่สงสัย แต่เวลาเช่นนี้ ใครจะกล้าถามอย่างเปิดเผยกันล่ะ!
อี้ไท่เฟยมองไปที่ฝูงชนที่เงียบสงบ และมองไปอย่างเ็าอีกครั้ง ใต้เท้าโอวหยางรีบผลักหานฉงอานอย่างลับๆ
หานฉงอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยืนขึ้นและพูดเสียงดังว่า “ทุกท่าน กุญแจห้องเก็บของตระกูลหาน ข้าได้ส่งมอบให้ฉินหวังเฟยด้วยความเต็มใจและร้องขอให้นางเก็บไว้ ในอนาคตนางจะช่วยเหลือผู้าุโของตระกูล ร่วมกันเลือกผู้นำของตระกูล ส่วนเื่ที่ฉินหวังเฟยโลภในทรัพย์สินของตระกูลหานนั้นเป็เื่ไร้สาระ ข้าหวังว่าวันนี้ทุกท่านจะหยุดวิพากษ์วิจารณ์เื่ของตระกูลหานและอยากจะเตือนใครบางคนที่ไม่หวังดี อย่าได้ยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างฉินหวังเฟยและตระกูลหานของข้า!”
