“ท่านนางฟ้า คุณมาช่วยไถ่ซือใช่ไหมคะ?” ในค่ำคืนมืดมิดบนผืนน้ำแข็งดวงตาของไถ่ซือเพิ่งจะถูกน้ำตาชำระล้างไป จึงสะอาดสดใสประกายราวกับหยาดน้ำเธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลินลั่วหราน
หลินลั่วหรานนั้นเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากญาณสมาธิก่อนที่จะถูกพื้นที่ลึกลับกีดกันออกมาในระหว่างที่เธอยังคงกำลังคิดว่าพื้นที่ลึกลับนั้นมีอะไรที่แปลกไปจากปกติก็พบว่าตัวเองปรากฏตัวขึ้นบนพื้นหิมะ นอกจากไข่มุกที่ส่งแสงประกายขึ้นมาบริเวณอื่นต่างก็มืดมิด
ในบริเวณที่ห่างออกไปจากตัวเธอไม่กี่ก้าวมีหมีขั้วโลกที่แสดงท่าทางหวาดกลัวอยู่ อีกทั้งยังมีเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ร้องไห้พร้อมกับร้องะโภาษาที่เธอไม่เข้าใจอีกด้วย
แน่นอนว่าหลินลั่วหรานฟังภาษาของชาวเอสกิโมไม่ออก ไม่อย่างนั้นเธอคงจะเป็เทพสาวที่ลงมายังโลกมนุษย์จริงๆ แล้วแต่ว่าความกลัวและความหวังในแววตาของเด็กผู้หญิงตัวน้อย หลินลั่วหรานก็สามารถเข้าใจมันได้เมื่อนำมาปะติดปะต่อกันกับหมีขาวที่ดูเหมือนว่าจะถูกกลิ่นอายของตัวเธอทำให้ใกลัวหลินลั่วหรานก็พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
หลินลั่วหรานลอบถอนหายใจออกมาเธออยากจะขยับเข้าไปปลอบประโลมเด็กผู้หญิงตัวน้อย แต่ก่อนที่จะเข้าไปนั้นเธอก็พลังขยับเคลื่อนย้ายพลังธาตุน้ำที่มีอยู่ทั่วทุกบริเวณก่อน
พลังทั้งห้านั้นอยู่ในทั่วทุกมุมของโลก แต่คนที่จะสามารถรับรู้ถึงมันได้มีเพียงแค่คนที่มีพื้นฐานพลังเท่านั้น คนธรรมทั่วไป แม้ว่าจะมีสมบัติติดตัวแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สามารถรับรู้ได้
ทำไมพื้นฐานพลังธาตุเดี่ยว จึงนับได้ว่าเป็ผู้มีพร์?
ความจริงเราสามารถที่จะนำความสามารถในการตอบรับกับพลังธรรมชาติจัดออกมาเป็สิบอัตราส่วนพื้นฐานพลังเดี่ยวนั้น แน่นอนว่าสามารถในการตอบรับ ก็จะเท่ากับสิบหากเป็พื้นฐานพลังคู่ก็แบ่งจากหนึ่งเป็สองหรืออัตราส่วนของพลังทั้งสองอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ หากว่าโชคดีหน่อยก็อาจจะเป็หนึ่งต่อเก้า แบบนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากพวกพื้นฐานพลังเดี่ยวเท่าไร
จากการวิเคราะห์ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าพื้นฐานพลังสามธาตุจะมีอัตราส่วนในแบบไหน ต่างก็แย่ลงมาไม่น้อย ยิ่งหากเป็สี่หรือห้าธาตุแล้วก็นับได้ว่าแย่มาก บางทีอาจจะมีคนบอกว่า ความขยันอุตสาหะจะช่วยทดแทนกันได้แม้ว่าการตอบรับจะแย่ไปเสียหน่อยแต่เมื่อเลือกธาตุที่มีอัตราส่วนมากที่สุดขึ้นมาใช้ในการฝึกก็จะยังคงห่างไกลจากพวกธาตุเดี่ยวหรือธาตุคู่อยู่อีกเหรอ?
แต่ว่าในเส้นทางการฝึกศาสตร์นั้น เดิมทีก็เป็การเดินทางที่วิเศษเหนือโลกถ้าหากว่าง่ายขนาดนั้น ในโลกของการฝึกศาสตร์ก็คงจะไม่ใช้พื้นฐานพลังในการตัดสินชีวิตในภายภาคหน้าของคนหรือใช้พื้นฐานพลังในการจำกัดความสำคัญและตำแหน่งของแต่ละคนในสำนักแล้ว
ถ้าหากว่าคุณมีธาตุน้ำอยู่เจ็ดส่วน ธาตุไม้หนึ่งส่วน ธาตุดินหนึ่งส่วน และธาตุทองหนึ่งส่วน แล้วหวังว่าจะใช้ธาตุน้ำในการหลุดพ้นละทิ้งศาสตร์ของอีกทั้งสามธาตุไป แต่สุดท้ายแล้วนั่นก็จะเพียงทำให้พลังในกายกระจัดกระจายวุ่นวาย และกลายเป็การฝึกที่ไร้ค่า!
หรือสามารถพูดได้ว่า ในตอนที่นักฝึกศาสตร์หลายธาตุฝึกลมหายใจพลังทั้งหมดจะถูกกลั่นออกมาตามอัตราส่วน โดยเป็ไปตามอัตราส่วนของพื้นฐานพลังเื่ละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี่ ไม่เพียงแต่เป็สิ่งที่มากไปด้วยความ้าแต่ในตอนฝึกก็ยังลำบากกว่าพวกธาตุเดี่ยวหรือธาตุคู่หลายเท่า นักปราชญ์ทุกๆด้านต่างก็มีเวลาชีวิตที่แน่นอน นอกเสียจากคนที่โชคดีมากๆคนที่มีพื้นฐานพลังสองธาตุขึ้นไป ในการฝึกที่เหมือนกันเวลาในการฝึกของพวกเขาจะนานกว่าอีกทั้งยังต้องคอยกังวลเื่ความเท่าเทียมกันของพลังภายในกายแล้วพวกเขาจะสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นเหมือนพวกที่มีพร์แบบนั้นได้อย่างไร?
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลกแห่งการฝึกศาสตร์นั้นหลินลั่วหรานนั้นไม่ได้รู้เลย ความจริงหากอยากจะรู้เธอก็สามารถรับรู้อีกทั้งความสงบในจิตใจของเธอ ทำให้บางครั้งยังหลุดเข้าไปในญาณสมาธิถ้าหากว่ามีนักปราชญ์คนอื่นรู้เข้า คงจะต้องยิ่งอิจฉาเธอมากขึ้นไปอีก
อย่างเช่นตัวเธอในตอนนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้เพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากญาณสมาธิดังนั้นการรับรู้ที่มีต่อน้ำจึงชัดเจนอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อนในตอนที่กำลังขยับตัว ก็สามารถสั่งพลังธาตุน้ำในบริเวณแผ่นน้ำแข็งได้แล้ว!
นี่เป็สถานการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นเพราะความเข้าใจในพลังธาตุน้ำนั้นเดินทางมาถึงขีดสุดหลินลั่วหรานไม่รู้ถึงการที่ต้องรักษาความเท่าเทียมเอาไว้ในการที่ดูดซึมพลังในกายของเธอนั้น นอกเสียจากพลังธาตุไฟแล้ว ต่างก็ขุ่นมัวไม่ทราบธาตุแต่ก็ไม่เคยเกิดปัญหาอะไรขึ้น และก็ไม่เคยมีใครบอกเธอ หากว่าเธอรู้ก็คงจะแปลก
พลังธาตุน้ำขยับพากันเข้าไปหา ไข่มุกนั้นแสดงความดีใจออกมาก่อนที่จะดูดซึมเข้าไปอย่างเอาเป็เอาตายครึ่งหนึ่งก็นำไปให้หญ้าต้นอ่อนผู้เข้ามาอาศัยใหม่ในบ่อน้ำได้ดูดซึมอีกสองส่วนนำไปช่วยพวกพืชที่ปลูกเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับ และอีกสามส่วนที่เหลือก็ผ่านการแลกเปลี่ยนจัดการในไข่มุกก่อนจะส่งเป็พลังธาตุน้ำที่สงบมั่นคงไปยังกายของหลินลั่วหราน
พลังธาตุน้ำไหลขึ้นไปตามมือขวาของหลินลั่วหรานมันเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหลอดเื กระดูก และอวัยวะภายในของหลินลั่วหรานไปตลอดเส้นทาง
หลังจากที่ได้รับพลังธาตุน้ำเข้ามาไม่ขาด หลินลั่วหรานก็รู้สึกมีสมาธิขึ้นเธอนึกกลับไปถึงความรู้สึกในตอนที่เข้าไปในญาณสมาธิ ในตอนนั้น เธอคือน้ำเธอคือน้ำแข็ง เธอคือเกล็ดหิมะที่ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า
ราวกับมีอะไรบางอย่างส่งเสียงแกรกเบาๆ ออกมาในตอนที่ทุกอย่างเหมาะสมหลินลั่วหรานก็ได้เปิดประตูของธาตุน้ำออก!
แม้ว่าพลังบนโลกนั้นจะเบาบาง และพลังในระยะร้อยเมตรก็ถือได้ว่าเป็ค่าดำเนินการของไข่มุก แต่ส่วนที่หลินลั่วหรานได้รับมาก็ยังคงยากที่จะจินตนาการอยู่ดี
พลังที่ไร้ธาตุในร่างกายของเธอ พลังธาตุน้ำเฟื่องฟูอยู่ภายในกายและในตอนที่เธอเปลี่ยนร่างให้กลายเป็น้ำนั้นในที่สุดพวกมันก็ราวกับได้ยินเสียงเรียกมันเปล่งประกายแสงสีฟ้าออกมาท่ามกลางความขุ่นมัว พลังในกายของหลินลั่วหรานหลังจากที่พลังธาตุไฟมีที่อยู่เป็ของตัวเองแล้ว ในตอนนี้พลังธาตุน้ำก็มีเช่นกัน!
หลินลั่วหรานได้แต่เพียงตรวจสอบสถานการณ์ภายในกายของตัวเองแต่ไม่รับรู้เลยว่าตอนที่พลังเกิดขึ้นในกายของเธอนั้นหญ้าน้ำแข็งต้นน้อยที่ถูกปลูกเอาไว้ในบ่อน้ำ ก็ปรากฏใบขึ้นมาอีกสองใบเนื่องจากได้รับผลมาจากบ่อน้ำ การบำรุงจากพลังธาตุน้ำและถ้าหากว่าตั้งใจพิจารณามองดู ก็จะเห็นได้ว่า ในบริเวณกลางใบ มีก้อนตุ่มอยู่มันคือดอกตูมของมันหรือเปล่า?
เมื่อพลังธาตุน้ำที่แยกตัวออกมาในร่างของหลินลั่วหรานขยับกลับไปยังเส้นโลหิตของตัวเองแล้วลำแสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นที่้าของกระท่อมเล็กอีกครั้งด้วยความเร็วที่แม้ว่าหลินลั่วหรานจะอยู่ในพื้นที่ลึกลับ ก็ไม่อาจจะสังเกตได้เห็น
มีเพียงฟินิกซ์ที่เธอยังไม่เคยได้พบเห็นเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ ราวกับกำลังต้อนรับผู้มาอาศัยใหม่
การฝึกของหลินลั่วหรานนั้น ในตอนที่พลังธาตุน้ำกำลังไหลเวียนเข้ามาไม่หยุดก็ค่อยๆ ปรากฏความเปลี่ยนแปลงขึ้น...ดูเหมือนว่า ก็น่าจะยังดีอยู่?
จนเมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าขนตานั้นทั้งหนักแล้วก็แข็งภาพที่ปรากฏตรงหน้ายังเต็มไปด้วยหิมะขาว บวกกับท้องที่ไม่ได้รู้สึกหิวมากนักดูท่าทางแล้ว เธอคงจะฝึกศาสตร์ข้ามคืนอีกแล้วสินะ?
เื่ที่เกิดขึ้นในคืนวานนั้น เธอไม่ได้รีบร้อนสั่งพลังธาตุน้ำก็สามารถถูกพลังธาตุน้ำรวมตัวเข้าใส่ การควบคุมจึงเป็ไปได้ด้วยดีไม่ได้อันตรายอะไร ผลลัพธ์ก็ยังคงน่าประทับใจอีกด้วย
ั้แ่ที่หลินลั่วหรานลืมตาขึ้นมาก็สามารถััได้ถึงความเปลี่ยนในร่างกายของตัวเอง พลังนั้นหนาแน่นขึ้นทำให้ขั้นแรกของการฝึกศาสตร์อย่างระดับฝึกลมปราณได้รับการเติมเต็มในตอนที่ฝึกลมปราณเข้าสู่ร่าง ในเส้นเืของเธอก็เหลือที่ว่างอยู่ไม่มากแล้วร่างกายเบาสบาย ไม่ต้องให้ใครมาบอก เธอก็สามารถรับรู้ได้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้เธอได้ก้าวเข้าสู่การเป็ระดับฝึกลมปราณที่สมบูรณ์แล้ว...
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ท่านมู่เคยบอกเอาไว้ว่าในสิบห้าปีเธอจะต้องเป็ระดับพื้นฐานได้แน่
ท่านกัวก็ยังบอกอีกว่า เขาพนันได้ว่าเธอจะเป็ระดับพื้นฐานในสิบปี
ในตอนนั้นหลินลั่วหรานคิดว่าเธอได้รับการช่วยเหลือจากพื้นที่ลึกลับในใจของเธอจึงคิดว่าอาจจะไวกว่าที่คนแก่ทั้งสองบอกเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้
การเดินทางในสถานที่ลึกลับ ขัดเกลาจิตและความคิดของเธอในการฝึกการเดินทางที่ล่องลอย เติมเต็มจิตใจในส่วนที่ขาดหายไปของเธอหลินลั่วหรานมีสูตรยาพื้นฐานอยู่ในมือ การฝึกก็ตามได้ทันจิตใจของเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่เธอสามารถทำยาออกมาได้หลินลั่วหรานก็มั่นใจว่า การที่เธอจะสามารถเลื่อนไปสู่การเป็ระดับพื้นฐานได้นั้นไม่ใช่เื่ไกลตัวอีกต่อไป
เธอเพียงจะเข้ามาฝึกศาสตร์ตอนอายุยี่สิบเจ็ดปีเมื่อเทียบกับพวกเหวินกวนจิ่ง ที่ผ่านสิ่งต่างๆ มาหลายปีแล้วรวมเข้ากับการที่เธอไม่สามารถบอกใครเื่พื้นฐานพลังได้ทำให้หลินลั่วหรานกังวลใจอยู่ไม่น้อย
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ความไม่มั่นคงในใจของหลินลั่วหรานก็กระจายหายไปหมดแล้ว!
เื่ของการฝึกศาสตร์นั้นมันก็เป็เื่ที่เกินกว่าจะคาดเดามาั้แ่แรก การพยายามตั้งใจรวมเข้ากับความรักและเมตตาจากเบื้องบน สาวเริ่มมีอายุอย่างเธอก็สามารถที่จะฝึกเป็เทพสาวในเมืองได้เช่นกัน!
ในหิมะขาว หลินลั่วหรานถูกลมหิมะตลอดทั้งคืนทับถมจนเป็ราวกับตุ๊กตาหิมะเมื่อได้รับความสนิทชิดเชื้อจากพลังธาตุน้ำ และการเลื่อนระดับของการฝึกศาสตร์ความรู้สึกด้านลบที่ก่อนหน้านี้มักจะรู้สึกขึ้นมาบ่อยๆ ก็หายไปไม่น้อยท่าทางของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ตอนนี้ตัวของเธอไม่ได้ดูเหมือนดาบที่ประกายออกมาอีกแล้วแต่เป็ดั่งสายน้ำที่ดูสงบและเป็กันเอง แต่ในส่วนที่ลึกลงไปและไม่มีใครเห็นกลับเต็มไปด้วยพลังที่สามารถล่มเรือทั้งลำได้