สิ่งที่หั่วอี้ตกลงใจจะทำนั้นห่างไกลจากวิธีปฏิบัติเดิมๆมากมายเหลือเกิน หลังจากพ่อบ้านหวังหายใแล้ว จึงเริ่มคิดทบทวนจนกระจ่างว่าฐานะของท่านแม่ทัพในดวงใจของผู้คนในแคว้นสำคัญยิ่งใหญ่นักจนกระทั่งมิใช่ว่าผู้ใดอยากจะพบก็สามารถเข้าพบได้
ปกติแล้วผู้ที่มาส่งเทียบขอเข้าพบล้วนต้องต่อแถวจากหัวถนนจนท้ายถนนทีเดียวอีกทั้งท่านแม่ทัพเองก็ช่างเลือกเป็ที่สุด วันนี้จะให้พบหรือไม่ วันพรุ่งจะพบหรือไม่พบผู้ใดล้วนต้องแล้วแต่อารมณ์ของหั่วอี้ แต่เพื่อไม่ให้ฮูหยินต้องตกระกำลำบากท่านแม่ทัพถึงกับจะไปกับฮูหยินด้วยซึ่งนี่เป็การไปส่งเทียบเชิญให้กับผู้คนที่ในยามปกติแม้้าจะพบหั่วอี้ก็ยังเป็เื่ยากเื่ที่เกิดขึ้นนี้กำลังบ่งบอกถึงสิ่งใด
พ่อบ้านหวังก้มหน้าลงพินิจพิเคราะห์ถึงเจตนาแท้จริงเื้ัการตัดสินใจของหั่วอี้
“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ไปด้วยเ้าค่ะ เมื่อเป็ดังนี้ข้าก็คงไม่รู้สึกว่ายากเย็นอันใดแล้วจะได้อาศัยการไปส่งเทียบเชิญอยู่กับท่านแม่ทัพให้มากนับเป็เื่ที่ไม่เลวเลยเ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่มอบหมายงานนี้มา ข้าก็มิได้ถือสาอันใดหวังว่าท่านแม่ทัพจะไม่ต้องโกรธแทนข้าอีก ได้หรือไม่เ้าคะ”
หลิ่วจิ้งยิ้มร่าเบิกบาน ราวกับนางได้รับประโยชน์มากมายจากการนี้เสียอีกนับั้แ่หลิ่วจิ้งพบกับกษัตริย์แห่งชางอี้และได้เห็นกษัตริย์ที่รู้จักแต่ทำตัวเหลวแหลกเลอะเลือนจนอำนาจทั้งหมดไปตกอยู่กับผู้สำเร็จราชการนางก็เกิดความคิดเช่นนี้แล้ว
ั้แ่หั่วอี้อุ้มนางออกมาจากงานเลี้ยงโดยไม่ได้ไยดีต่อกษัตริย์และผู้สำเร็จราชการแต่อย่างใดนางก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าฐานะของหั่วอี้ในแคว้นชางอี้เป็เช่นใดทำให้นางเกิดความคิดว่า้ารวบอำนาจทั้งหมดของแคว้นชางอี้มาไว้ที่หั่วอี้หากเป็ดังนี้ได้ก็จะเป็ฐานกำลังแสนล้ำเลิศสำหรับการแก้แค้นของนาง
หลิ่วจิ้งรู้ว่าลำพังจะอาศัยแต่หั่วอี้เพียงผู้เดียวย่อมไม่อาจทำการใหญ่สำเร็จได้นางยัง้ากำลังหนุนจากขุนนางใหญ่ๆ จำนวนมากนี่ต่างหากคือสาเหตุที่แม้นางจะสามารถปฏิเสธแต่นางกลับไม่ปฏิเสธงานส่งเทียบเชิญที่ฮูหยินใหญ่มอบหมายให้เพราะนาง้าอาศัยโอกาสนี้ไปทำความรู้จักกับขุนนางทุกคนในแคว้นชางอี้เพื่อจะได้ชั่งน้ำหนักในใจว่าผู้ใดสามารถใช้การได้ ผู้ใดใช้ไม่ได้นางอยากเข้าใจรายละเอียดของคนเหล่านี้เสียก่อนจึงค่อยพิจารณาว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร
ฮูหยินใหญ่คิดใช้งานนี้มากลั่นแกล้งหลิ่วจิ้งหารู้ไม่ว่าหลิ่วจิ้งกำลังทุกข์ใจเื่ที่ตนเองไร้หนทางจะไปรู้จักกับศูนย์กลางอำนาจการปกครองของแคว้นชางอี้อยู่ทีเดียวนึกไม่ถึงว่าฮูหยินใหญ่กลับมอบของกำนัลชิ้นใหญ่นี้มาให้นาง
หั่วอี้ใจอ่อนกับรอยยิ้มและท่าทียามหลิ่วจิ้งพึ่งพาอาศัยเขาเพราะอิ่มอกเหลือเกินที่ตนสามารถเป็ที่พึ่งพิงให้หลิ่วจิ้งได้หั่วอี้จึงเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่จะเห็นได้บ่อยครั้งออกมา
เื่น่าอึดอัดใจต่างๆ ที่พบเจอในวันนี้ทำหั่วอี้หัวเสียไปหมด แต่ยามนี้เขากลับยิ้มออกแล้วซ้ำยังหันไปยิ้มให้พ่อบ้านหวังด้วย เพียงแต่พ่อบ้านหวังไม่ได้รู้สึกสบายใจกับรอยยิ้มเช่นนี้เลยกลับกลายเป็ยิ่งเหงื่อแตกพลั่กเสียอีก เพราะนับวันเขายิ่งจะไม่เข้าใจท่านแม่ทัพมากขึ้นทุกที
หั่วอี้อารมณ์ดีแล้วจึงไม่ไปเอาเื่เอาราวกับพ่อบ้านหวังอีก เพียงมอบหมายงานอื่นๆที่หลิ่วจิ้งต้องรับผิดชอบให้เขาไปหาคนมาทำเสีย จากนั้นก็ให้พ่อบ้านหวังออกไปได้
เมื่อเื่เดือดเนื้อร้อนใจนานาคล้ายว่าถูกจัดการแก้ไขไปหมดแล้วหั่วอี้ก็อารมณ์ดีไม่เบา หันไปสั่งให้อวี้จิ่นไปเตรียมอาหารเย็น
“ท่านแม่ทัพเ้าคะคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าก็คงจะไม่เป็สุขกับเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ท่านแม่ทัพไปรับอาหารเย็นกับฮูหยินผู้เฒ่าจะดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไรบุญคุณที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ก็ยิ่งใหญ่ดั่งท้องนภาท่านแม่ทัพจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของฮูหยินผู้เฒ่าให้มากๆ จึงจะถูกเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งเห็นว่าใบหน้าของหั่วอี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบานสัญญาณเตือนในใจจึงดังขึ้นขนานใหญ่หรือคืนนี้หั่วอี้คิดจะทำเื่ที่ยังค้างคาอยู่เมื่อคืนวานให้สำเร็จลุล่วงเสียให้ได้
ท่ามกลางความหวิวไหวว้าวุ่นเมื่อคืน นางเกือบจะมอบทุกสิ่งให้เขาไปแล้วยามนี้นางมีสติชัดเจนดีจึงรู้สึกขลาดกลัวขึ้นมานางยังคงไม่ได้เตรียมใจรับเื่เช่นนั้นให้ดีๆ เลยหากยื้อได้อีกวันก็ยื้อไปอีกวันเถิด
คำแนะนำของหลิ่วจิ้งทำให้รอยยิ้มที่ไม่มีให้เห็นบ่อยครั้งของหั่วอี้ค่อยๆลดน้อยลง จนกระทั่งหายไปไม่เหลือแม้เงา
“เอาเถิด ทั้งที่ท่านต้องทนรับโทสะที่พวกนางเป็คนก่อแต่ท่านยังคิดจะช่วยพูดให้พวกนางอีก นับเป็เื่ที่ไม่ง่ายดายเลย”หั่วอี้รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงสีหน้าหม่นหมองไม่สดใสของฮูหยินผู้เฒ่าตอนเขาจากมาเมื่อ่บ่ายเป็จริงดังคำขององค์หญิง อย่างไรฮูหยินผู้เฒ่าก็รักใคร่เป็ห่วงเขายิ่ง แต่หากนางก้าวก่ายเื่ส่วนตัวของเขาตามอำเภอใจให้น้อยลงได้สักนิดก็คงดี
หั่วอี้ยิ้มเจื่อนพลางลุกขึ้นยืน บอกกับหลิ่วจิ้งว่า“สามีจะฟังคำของฮูหยินคราหนึ่ง ฮูหยินทานอาหารไปก่อนเถิด สามีจะรีบกลับมา”เขาเอ่ยด้วยสีหน้าหมายมั่นปั้นมือเป็ที่สุด แม้ชายหนุ่มจะรีบสะกดให้สีหน้าเช่นนั้นจางหายไปอย่างรวดเร็วแต่หลิ่วจิ้งก็ยังััได้อยู่ดี
หลิ่วจิ้งลุกขึ้นไปส่งหั่วอี้ นางรู้ว่าแม้วันที่หนึ่งนางยังหลบพ้นแต่วันที่สิบห้าก็คงหลบไม่พ้น ทว่านางก็ยังคิดในใจว่าหากหลบได้ครั้งหนึ่งก็ให้หลบไปครั้งหนึ่งก่อน
หลังจากหั่วอี้ออกไป หลิ่วจิ้งจึงถอนหายใจหนักๆ อย่างโล่งใจแต่สีหน้ากลับไม่ผ่อนคลายลงเลย ยิ่งเหม่อลอยไร้ทิศทางกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ หลิ่วจิ้งก็คิดจะไปที่เรือนอาหนูสักหนประการแรกเพื่อบอกกับอาหนูว่าอีกฝ่ายสามารถออกไปไหนมาไหนได้แล้วประการที่สองนางก็อยากไปผ่อนคลายความกลัดกลุ้มของตนด้วยหากต้องเผชิญกับอารมณ์ปรารถนาของหั่วอี้ นางก็กลัวว่าตนเองจะไม่รู้ว่าควรทำเช่นใดมิสู้ออกไปเดินเล่นหาเื่ทำดีกว่า
ไปเรือนอาหนูหนนี้ หลิ่วจิ้งไม่ได้เอาอิ๋งเหอไปด้วยแต่พาอวี้จิ่นไปแทนสัญชาตญาณของหลิ่วจิ้งบอกว่าอาหนูถูกขังมาหลายวัน จิตใจนางย่อมห่อเหี่ยวจึงเป็ห่วงว่านางอาจพูดจารุนแรงเกินไป กลัวว่าอิ๋งเหอจะมาได้ยินเข้า
หลังจากหลิ่วจิ้งคอยสังเกตอิ๋งเหอตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็พบว่าความภักดีของอิ๋งเหอมีมากล้นแต่บกพร่องที่ยังไม่มองการณ์ไกลมักพึงพอใจกับเื่เฉพาะหน้าเท่านั้น อิ๋งเหอยังอ่อนต่อโลกเกินไปนางกังวลว่าหากอิ๋งเหอไปได้ยินคำพูดที่ไม่ควรได้ยินแล้วเก็บความลับไม่อยู่บังเอิญพูดเื่นั้นออกมา ก็จะนำหายนะมาสู่นางได้
หลิ่วจิ้งกับอวี้จิ่นเดินช้าๆ อยู่ในสวนหลังจวนแต่เพราะวันนี้มีเื่ในใจ หลิ่วจิ้งจึงไม่มีแก่ใจจะชมสวน
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ยามนี้ก็เป็่เวลาชมสวนหลังจวนที่เหมาะที่สุดในวันหนึ่งๆแสงจันทร์สาดเอียงลงมาเป็สายราวกับน้ำตก ดวงดาวกับแสงโคมทั้งแต่งแต้มให้กันและกันทั้งชิงกันส่องประกาย พวกนางกำลังเดินอยู่บนทางเดินเล็กๆที่ปูด้วยกรวดไข่ห่านจึงทำให้ทางเดินนี้สูงกว่าพื้นเล็กน้อยมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ตรงไปข้างหน้าก็เห็นดอกบัวที่เบ่งบานจนเต็มสระเป็ที่ที่เหมาะไปเดินชมผ่อนคลายจิตใจ
เมื่อผ่านเื่ถูกดูแคลนในวันนี้มาเพียงวันเดียวอวี้จิ่นก็เติบโตขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางคิดเพียงต้องมีชีวิตรอดจึงยอมร่วมมือกับหลิ่วจิ้งแต่หลังจากเผชิญเื่ในวันนี้ อวี้จิ่นตัดสินใจว่านางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นนางจะไม่ยอมให้ผู้อื่นเหยียบนางให้จมดินได้โดยง่าย
หลิ่วจิ้งกลับไม่รู้ว่าเื่ในวันนี้ทำให้นางมีพี่น้องที่มีใจภักดีกับนางมากขึ้นอีกหนึ่งคน
นางเองก็หาได้เร่งรีบ เพราะไม่รู้ว่าหั่วอี้จะกลับมายามใดจึงไม่อยากกลับไปเจอเขาเร็วนัก
หลิ่วจิ้งไม่รีบร้อน แต่อาหนูกลับร้อนใจแทบตายแล้ววันนี้จื่อเซียวกลับมาบอกเื่ที่นางติดต่อกับหลิ่วจิ้งให้อาหนูฟังอาหนูก็เอาแต่สั่งให้จื่อเซียวออกไปดูที่ลานบ้านอยู่ทุกสามก้าวห้าก้าว
อันที่จริงอาหนูก็ไม่รู้ว่าหลิ่วจิ้งจะมาหานางจริงหรือไม่หรือต่อให้หลิ่วจิ้งจะมาจริงๆ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมาวันใด
อาหนูร้อนใจเป็ไฟสุมอยู่นานแล้ว ตลอดทั้งวันนี้จึงไม่อาจเอาแต่อยู่ในห้องไม่ออกไปข้างนอกนางไม่หวังจะได้พบกับหั่วอี้แล้วความหวังเดียวที่จะช่วยนางออกไปได้ล้วนฝากไว้ที่ตัวหลิ่วจิ้ง
เดิมทีจื่อเซียวก็ไม่มั่นใจว่าหลิ่วจิ้งจะมาเพียงแต่อาหนูบอกนางว่าไม่ต้องไปทำการอื่นให้นางคอยตั้งอกตั้งใจมองทางว่าหลิ่วจิ้งจะมาหรือไม่ นางจึงอดตั้งตารอขึ้นมาด้วยมิได้
ชั่วอึดใจที่จื่อเซียวเห็นหลิ่วจิ้งเดินมาแต่ไกลนางแทบไม่เชื่อสายตาตนเองด้วยซ้ำ เพราะนางรอมาทั้งวันแล้วรอจนนางยังนึกว่าเกิดภาพลวงตาขึ้นมาเสียอีก จวบจนหลิ่วจิ้งเดินเข้ามาใกล้ๆนางจึงตั้งสติได้ และรีบเข้าไปรายงานอาหนู
_____________________________
