สายตาของคนทั้งหมดพุ่งไปที่ประตู
จางหงอี้ที่เพิ่งกลับจากการเดินทางไปปฏิบัติงานนอกตำบล ขณะนี้เขาสวมชุดดำและยืนผงาดรับสายลมอยู่หน้าประตู
เมื่อกุนซือเฉียนเห็นจางหงอี้ก็ส่งเสียงร้องโฮและคลานไปหาเขา พร้อมกับโอดครวญ
“ใต้เท้า! ใต้เท้า! ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที! ท่านดูอันธพาลเหล่านี้สิ แต่ละคนไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา! ทำร้ายเ้าหน้าที่ทางการ! ท่านดูพวกเขาทำร้ายข้าสิ… ใต้เท้า ท่านคือผู้ทรงคุณธรรม ต้องจัดการสั่งปะาคนชั่วเหล่านี้ให้หมดนะขอรับ!”
จางหงอี้หลุบตาลงจ้องมองเขาที่กำลังกอดต้นขาตนอยู่ ชายชราอายุครึ่งร้อยถูกถีบออกไป
“เช่นนั้นหรือ? กุนซือเฉียน… จะว่าไป ครั้งนี้ข้าออกราชการนอกพื้นที่ ค้นเจอหลักฐานสำคัญในคดีเหี้ยมโหดเมื่อหลายปีก่อน ล้วนเกี่ยวข้องกับเฉียนซานเจียง น้องชายของเ้า วันนี้ข้าจะไต่สวนเองว่า ตกลงผู้ใดกันแน่ที่เป็คนชั่วทำลายบ้านเมือง!”
พูดจบ เขากวาดตามองดูเหล่ามือปราบที่นอนกระจัดกระจายและเอ่ยอย่างเฉยเมย “คุมตัวคนชั่วเฉียนซานเจียงมา เปิดศาล!”
เสียงนี้ทำให้กุนซือเฉียนใจนเหงื่อเย็นไหลซึม เขารู้ดีว่าคืนนี้พวกเขาสองพี่น้องคงถึงคราวจบสิ้นแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ชายร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นหลังประตูและผลักเฉียนซานเจียงที่ถูกจับมัดราวกับบ๊ะจ่างเข้ามา
เฉียนซานเจียง “ฮือๆ!”
ทุกคน “...” นี่เตรียมการไว้แต่แรกแล้วหรือ?
เมื่อมีท่านนายอำเภออย่างจางหงอี้หนุนหลัง บรรยากาศจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เหล่ามือปราบที่ถูกสั่งสอนจนเนื้อตัวฟกช้ำ ตอนนี้รีบจัดแจงเรียกสติและเข้าแถวอย่างเป็ระเบียบอีกครั้งโดยไม่สนอาการาเ็
บัดนี้คนที่คุกเข่าเปลี่ยนจากพวกเสิ่นม่าน กลายเป็สองพี่สองตระกูลเฉียนและชายชุดดำสองคนนั้น
ชายชุดดำรู้ว่าคืนนี้คงหนีไม่รอดแน่ จึงรีบสารภาพความจริงทุกอย่างออกมา
แน่นอนว่าเฉียนซานเจียงไม่ยอมรับ เมื่อผ้าที่ยัดปากไว้ถูกหยิบออก จึงด่ากราดสองคนนั้นทันที
“ผายลมน่ะสิ! ข้าบอกให้พวกเ้าไปทำลายหลักฐานเมื่อใดกัน? ชัดเจนว่าเสิ่นม่านเหนียงเป็คนฆ่า ไม่ได้ยินผู้คนเล่าลือกันหรือ? นางคือปีศาจงู! งูเ่าั้คืองูที่นางสั่งมา! คนโง่อย่างพวกเ้าคงถูกนางสะกดจิตให้มาใส่ร้ายข้าใช่หรือไม่?!”
ดูเหมือนว่าเื่ปีศาจงูนี้คงจะผ่านไปไม่ได้ เสิ่นม่านยักไหล่และสาดน้ำมันลงบนกองไฟอย่างสนุกสนาน
“กุนซือเฉียนยังคงอวดดีสินะ ข้าจะดูว่าปากของเ้าจะแข็งไปได้ถึงเมื่อใด หรือจะให้นายอำเภอใช้เครื่องหนีบกับเ้าสักครั้งเป็อย่างไร จะได้เรียนรู้การพูดความจริงเสียบ้าง?”
หนิงโม่เป็คนแรกที่พยักหน้า “ข้าเห็นด้วย”
เยี่ยนชีเองก็เสริมตามเ้านายของเขา “ข้าชูมือทั้งสองเห็นด้วย”
จางหงอี้ซึ่งนั่งอยู่บน้าศาลสูงเองก็พยักหน้าและเอ่ยอย่างแ่เบาดั่งสายลม “ข้าก็คิดว่าสมควร เบิกเครื่องหนีบ”
เฉียนซานเจียง “…”
เมื่อเห็นว่ามือปราบถือเครื่องหนีบมา เขาก็เริ่มกระวนกระวาย ถึงกับมีเม็ดเหงื่อซึมหน้าผาก สุดท้ายจึงรีบหันไปะโขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย
“พี่! ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วยสิพี่ ท่านจะทนดูข้าถูกทรมานหรือ พี่!”
ทว่ากุนซือเฉียนกลับคุกเข่าตัวสั่นอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าวิงวอนเพื่อเขาอีก เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ตัวเขาเองยังกลายเป็พระพุทธรูปทรายข้ามแม่น้ำ ไหนเลยจะกล้าช่วยน้อง?
เครื่องหนีบขาถูกวางไว้บนขาของเฉียนซานเจียง ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ท่ามกลางเสียงโหยหวนจนปอดแทบฉีกของเขา สุดท้ายก็ยอมสารภาพทุกอย่าง
หวังเอ้อร์โก่วถูกเขาสั่งให้คนไปสังหาร จุดประสงค์คือเพื่อใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างเสิ่นม่านและหวังเอ้อร์โก่ว แสร้งจัดฉากว่าเสิ่นม่านเป็คนฆ่าหวังเอ้อร์โก่ว แล้วใส่ร้ายป้ายสีนางในฐานะฆาตกร
จากนั้นให้พี่ชายช่วยผสานทั้งนอกทั้งใน โดยอาศัย่ที่จางหงอี้ไม่อยู่ จัดการควบคุมตัวเสิ่นม่านไว้ แล้วค่อยทรมานเพื่อบังคับให้นางคายสูตรลับของการทำเต้าหู้และเต้าฮวยออกมา
ขอเพียงสวมหมวกฆาตกรให้นางได้ จากนั้นก็จัดฉากให้นางฆ่าตัวตายในคุกโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น เมื่อเสิ่นม่านเสียชีวิต พวกเขาก็จะสามารถโรงทำเต้าหู้สกุลเสิ่นได้อย่างเปิดเผย
หากอิงตามขั้นตอนปกติแล้ว เมื่อไต่สวนมาจนถึงขั้นนี้ก็เท่ากับความจริงของคดีถูกเปิดเผย
ทว่าจางหงอี้ยังคงสาวเื่ไปถึงอีกห้าคดีโเี้ที่เกิดขึ้นไม่กี่ปีมานี้ ล้วนเป็ความชั่วช้าของเฉียนซานเจียง หากไม่ใช่เหตุชื่นชอบสตรีบ้านใด ก็เป็เหตุหมายตาสมบัติของผู้อื่น
เฉียนซานเจียงอาศัยว่าเฉียนิเจี๋ย พี่ชายของตนคือกุนซือในที่ว่าการ เขาอาศัยประโยชน์จากจุดนี้ไปทำตัววางอำนาจบาตรใหญ่ต่อคนเ่าั้ หากเจอผู้ที่ไม่เชื่อฟังก็จะส่งคนไปเล่นงานครอบครัวนั้น ผู้เป็เหยื่อจึงไร้ซึ่งที่ทวงขอความยุติธรรม
ครั้งนี้ที่จางหงอี้ออกนอกพื้นที่ ก็เพื่อไปหาพยานบุคคลในคดีอุกอาจเ่าั้ ตอนนี้พยานบุคคลที่โชคดีเหลือรอดถูกพาเข้ามาในศาลเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังจ้องสองพี่น้องพร้อมกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
หากไม่ใช่เพราะนายอำเภอนั่งอยู่้า เกรงว่าผู้ร้องทุกข์เหล่านี้คงจะจับพวกเขาสองพี่น้องถลกหนังไปนานแล้ว
สองพี่น้องตระกูลเฉียนหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนที่ทั้งสองมองไปยังพยานบุคคลที่โกรธแค้นเ่าั้ก็ถึงกับตัวสั่นหัวหดร้องขอชีวิต ไหนเลยจะยังเหลือมาดจองหองอวดดีก่อนหน้านี้
จางหงอี้เห็นว่าเวลานั้นสมควรแก่เวลาจึงสรุปคดี
“สองพี่น้องตระกูลเฉียนกระทำชั่วในตำบลมานานหลายปี สังหารผู้บริสุทธิ์หลายสิบชีวิต วันนี้ความจริงได้ถูกเปิดเผยแล้ว ขอตัดสินโทษปะาสองพี่น้องชั่วช้าคู่นี้ โดยการบั่นศีรษะในต้นฤดูใบไม้ผลิ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง สองพี่น้องตัวอ่อนราวกับถูกคนเลาะกระดูกออกไป ทรุดตัวล้มกองกับพื้น
เสิ่นม่านเหลือบมองพยานบุคคลที่อยู่โดยรอบ เห็นเพียงสิ่งที่ฉายผ่านสีหน้าแววตาของพวกเขาว่า
‘มิอาจคลายความแค้นได้!’
โทษปะาชีวิตนั้นเบาเกินไปสำหรับพวกเขา พี่น้องคู่นี้สมควรถูกจับมาหั่นเป็พันชิ้น หลังตายไปต้องให้เด็กปัสสาวะใส่บนหลุมฝัง จากนั้นขุดออกมาเฆี่ยนด้วยแส้อีก!
นอกจากสองพี่น้องนี้แล้ว จางหงอี้ยังจัดการเก็บกวาดพวกคนสนิทที่ติดตามทำชั่วกับตระกูลเฉียน โดยสั่งปะาไปพร้อมกัน
ส่วนคนในตระกูลเฉียนที่เหลือ บ่าวไพร่ที่สมควรขายก็ขาย ส่วนทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเฉียนจะถูกยึดเป็ของหลวงทั้งหมด
ส่วนเหล่าสตรี มีบางคนที่ถูกตระกูลเฉียนชิงตัวมา ใครมาจากตระกูลใดก็กลับคืนสู่ตระกูลนั้น ภรรยาและลูกๆ ของตระกูลเฉียนถูกลดสถานะเป็ชนชั้นทาสและส่งไปเป็แรงงานในเหมือง
หลังจากเก็บกวาดชุดใหญ่ ตระกูลเฉียนที่เดิมทีเคยเป็หนึ่งในตระกูลร่ำรวยของตำบล ถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว สมบัติที่ตระกูลเฉียนเก็บสั่งสมมาหลายปี ล้วนกลายเป็เพียงหมอกควัน
สองพี่น้องโอดครวญเมื่อถูกลากออกไปจากศาล เดิมทีชาวเมืองที่มาดูความคึกคักสลายตัวกันไปมากกว่าครึ่ง ส่วนเหล่าครอบครัวผู้ร้องทุกข์ต่างก็พากันแยกย้าย
มีเพียงเสิ่นม่านที่ยังยืนอยู่หน้าประตูที่ว่าการ ความวุ่นวายดั่งพายุโหมกระหน่ำผ่านพ้นไป
ปัญหาใหญ่เช่นนี้กลับถูกคลี่คลายง่ายดาย ทั้งยังรวดเร็วจนเหลือเชื่อ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าทีของหนิงโม่ในคืนนี้ทำให้นางทึ่งเป็พิเศษ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาออกโรงช่วย เกรงว่าวันนี้นางคงยากที่จะพ้นข้อหา
ขณะที่สมองกำลังครุ่นคิดอะไรหลายอย่าง จู่ๆ หนิงโม่ก็เคาะกะโหลกของนางเบาๆ
“มัวเหม่อลอยอะไรกัน? ฟ้าจะสางแล้ว รีบไปนำเกวียนมาพาข้ากลับไปนอน”
เสิ่นม่าน “...”
ในเมื่อมีปัญญาเหาะเหินมาเองได้ เช่นนั้นก็เหาะเหินกลับไปเองสิ! แต่นางไม่ได้พูดออกไป เพราะถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็คือผู้มีพระคุณของนาง
เสิ่นม่านเดินจากไป จางหงอี้ก็เดินยิ้มอย่างอึดอัดเข้ามาหาหนิงโม่
“นายน้อย เื่ในวันนี้ ทำให้ท่านใแล้ว”
-----
