“นมมาแล้วเ้าค่ะ”
ป๋ายจื่อคุ้นเคยกับเส้นทางไปโรงครัวเป็อย่างดีนางวิ่งกลับมาพร้อมกับนมวัว
หลินเมิ้งหยาขมวดคิ้วก่อนจะกรอกปากของเสือน้อย
ในชาติก่อนนางเคยนำสัตว์มาทดลอง
แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ต้องช่วยชีวิตสัตว์
ล้างกระเพาะ?คงไม่สามารถทำได้
หลินเมิ้งหยามองไปทางดอกไม้ที่ร่วงโรยอยู่บนพื้น
มือบางเด็ดหญ้าหนึ่งกำมือขึ้นมาแล้วยัดลงในมือของป๋ายจี
“เร็วเข้าเอาไปต้ม”
แม้เสือน้อยจะเป็เพียงสัตว์แต่ทุกคนในตำหนักก็รักมันเป็อย่างมาก
เหตุเพราะความรักและเอ็นดูดังนั้นจึงอุ้มเสือน้อยที่ถูกวางยาเข้าไปวางไว้บนที่นอนในเรือนของตนเอง
โชคดีที่หลินเมิ้งหยามักพกยาถอนพิษติดตัวเสมอ
ต้องให้เสือน้อยกินยาถอนพิษมันจึงจะรอดชีวิต
“นายหญิงยาน้ำมาแล้วเ้าค่ะ”
ป๋ายจีนำยาน้ำอุ่นๆ เข้ามา หลินเมิ้งหยานำยาไปกรอกปากของเสือน้อย
หลินเมิ้งหยาเคยเห็นเสือน้อยตัวนี้แทะเล็มหญ้าชนิดนี้มาก่อน ก่อนที่มันจะอ้วกออกมามากมาย
หลังจากมันดื่มยาน้ำเข้าไปเสือน้อยก็เริ่มอ้วกออกมา
ของที่ยังไม่ย่อยบางอย่างเองก็ถูกคายออกมา
หลังจากผ่านความทรมานแววตาของเสือน้อยก็มืดลงเล็กน้อย
หลังจากหลินเมิ้งหยาทำความสะอาดด้วยตนเองเสือน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดจึงหลับไป
“นายหญิงอาการของเสือน้อยเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ? ”
สาวใช้ทั้งสี่มองทางเสือน้อยอย่างตื่นตระหนกหลังจากเห็นหลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง พวกนางจึงถอนหายใจออกมา
“เสี่ยวอวี้เสือน้อยกินอะไรเข้าไป เหตุใดจึงเป็เช่นนี้? ”
คิ้วของหลินจงอวี้ขมวดเข้าหากันในมือถือเนื้อไก่สดเอาไว้
ป๋ายจีดึงปิ่นปักผมออกจากศีรษะก่อนจะใช้ปิ่นเงินแทงเข้าไปในเนื้อไก่ ไม่นานสีของปิ่นก็เปลี่ยนเป็สีเข้ม
“เป็พิษที่รุนแรงมากโชคดีที่อาป๋ายมีสัญชาตญาณที่ดี ดังนั้นจึงไม่กินเนื้อไก่ชิ้นนั้น มิเช่นนั้นป่านนี้มันคงตายไปแล้ว”
บางทีอาจเพราะอาป๋ายโตกว่าเสือน้อยดังนั้นสัญชาตญาณของมันจึงดีกว่ามาก
มองดูเสือน้อยสีขาวที่นอนขดตัวเหมือนขนมสายไหม
หวังว่าหลังจากฟื้นขึ้นมาคราวนี้มันจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง
“ยาพิษมาจากที่ไหนกัน?ข้าจำได้ว่าตำหนักของเราไม่มียาพิษเช่นนี้”
ป๋ายซ่าวโมโหเจียนตายนางเป็คนตระเตรียมอาหารให้กับสัตว์เลี้ยงทั้งสองเอง
สัตว์เลี้ยงทั้งสองถูกวางยาจนเกือบตายแล้วแบบนี้จะไม่ให้นางโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร
“ถูกต้องตำหนักของพวกเราไม่มีของเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะต้องเป็คุณหนูเจียงอย่างแน่นอนเมื่อตอนบ่ายนางอยากอุ้มอาป๋าย แต่อาป๋ายไม่ยอม ฉะนั้นจึงคิดวางยามัน”
ป๋ายจื่อปากไวใจถึงใบหน้าเรียวเล็กเผยให้เห็นความโกรธเกรี้ยว
“ไม่มีทางแม้หรูฉินจะเอาแต่ใจ แต่นางหาใช่คนเช่นนั้น”
หลงเทียนอวี้ที่อยู่ด้านหลังหลินเมิ้งหยามาโดยตลอดส่งเสียงอธิบายอุปนิสัยใจคอของเจียงหรูฉิน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าประโยคนี้ของเขาจะทำให้คำทั้งตำหนักหลิวซินรู้สึกไม่พอใจ
“ท่านอ๋องพูดถูกพวกเราไม่มีหลักฐาน อย่าเพิ่งใส่ร้ายใครเลย”
ถึงอย่างไรนางก็เป็ญาติผู้น้องของเขา
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ทุกคนเงียบลง
“เื่นี้ยังไม่กระจ่าง่นี้พวกเ้าต้องระมัดระวังให้มาก ข้าจะดูแลเสือน้อยด้วยตนเองพวกเ้าออกไปก่อนเถิด”
หลินเมิ้งหยาออกคำสั่งสาวใช้มองหน้ากัน ก่อนจะพากันกลับออกไป
“ท่านอ๋องเองก็กลับไปก่อนเถิดเพคะหลายวันมานี้พระองค์คงเหนื่อยมากแล้ว”
หลงเทียนอวี้อยากอยู่ที่นี่ต่อแต่มิรู้จะหาข้ออ้างอะไร
ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้าลงก่อนจะกลับออกไปเงียบ ๆ
“อาป๋ายเ้าเองก็อยากเฝ้าเสือน้อยใช่หรือไม่? ”
เมื่อครู่เ้าหนูน้อยพยายามกัดชายกระโปรงของนาง
ดูเหมือนมันกำลังกังวล
“ได้เช่นนั้นเ้าจงอยู่ที่นี่เป็เพื่อนมัน”
สัตว์ตัวน้อยปกติมักเล่นซุกซนด้วยกันเสมอแต่เมื่ออยู่ ๆ ก็เกิดเื่ขึ้นกับเสือน้อย อาป๋ายจึงรู้สึกร้อนใจ
นางมองดูเสือน้อยบนที่นอนอาป๋ายใช้อุ้งเท้าน้อย ๆ ของตนเองเองลูบไล้หัวของเสือน้อย
มันลืมตาขึ้นสบตากับเพื่อนของตนเอง ก่อนที่เสือน้อยจะหลับไปอีกครั้ง
“มันจะไม่เป็ไรอันใด เชื่อข้า”
หลินเมิ้งหยาลูบไล้หัวของอาป๋ายหมาป่าน้อยจึงนอนอยู่ข้างที่นอนของเสือน้อย ดวงตากะพริบปริบ ๆขณะมองเพื่อนของตนเอง
“โกรธหรือ? ”
มืออบอุ่นคู่หนึ่งลูบไล้เส้นผมของนาง
เสียงของชิงหูดังขึ้นเหตุใดคนที่รู้ใจนางจึงเป็เ้าจิ้งจอกเ้าเล่ห์คนนี้กันนะ
“วางใจเถิดเสือน้อยไม่เป็ไรหรอก หากเ้าไม่อาจแก้พิษในโลกใบนี้ได้เกรงว่าคนอื่นก็คงไม่อาจทำได้เช่นกัน”
ในหัวใจของชิงหูหลินเมิ้งหยาเปรียบเสมือนเทพเซียนด้านการถอนพิษ
“อย่าพูดเช่นนั้นหากข้าเก่งจริง ๆ ชีวิตของเ้าก็คงไม่เหลือเพียงแค่สามปีหรอก”
เมือก่อนนางไม่เคยรู้สึกกลัวการจากไปของคนใกล้ตัวเลยจนกระทั่งเกิดเื่ขึ้นกับเยว่ถิง
ตอนแรกนางกับชิงหูเป็เพียงผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันแต่เพียงเท่านั้น
แต่ตอนนี้ชิงหูกลายมาเป็คนในครอบครัวของนางแล้ว
อีกสามปีข้างหน้านางจะต้องสูญเสียคนใกล้ตัวไปอีกครั้ง
ดังนั้นหัวใจของหลินเมิ้งหยาจึงรู้สึกเ็ปมิต่างอะไรจากการถูกมีดกรีดอก
นางจับชายเสื้อของชิงหูแน่นหลินเมิ้งหยาจ้องมองเขา
“สัญญากับข้าเ้าห้ามตายต่อหน้าข้า”
หลินเมิ้งหยาเคยชินกับการฝืนทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าผู้อื่นนางไม่อยากให้ใครเห็นด้านที่อ่อนแอของตนเอง
เมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของหลินเมิ้งหยาชิงหูรู้สึกแปลกใจ
“ได้ข้าสัญญากับเ้า ข้าจะไม่ตายต่อหน้าเ้า”
มือเรียวลูบไล้ศีรษะของหลินเมิ้งหยาความรู้สึกเสียดายปรากฏอยู่ในแววตาของเขา
พวกเขารู้จักกันช้าเกินไป
“จริงสิ เ้าเห็นหรือไม่ว่าใครทำร้ายเสือน้อย? ”
แม้ชิงหูจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมาทว่า สายตาของเขามักจับจ้องมองทุกอย่างในสวนตลอดเวลา
อาจพูดได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตำหนักหลิวซินไม่อาจเล็ดลอดไปจากสายตาของเขาได้
“คนพวกนี้แอบทำอย่างแเีข้าเองก็ไม่รู้ว่ายาถูกใส่ไว้ั้แ่ตอนไหนดูเหมือนต่อจากนี้ไป ข้าจะต้องจับตามองประตูใหญ่ของตำหนักให้ดี”
หลินเมิ้งหยากลับมีวิธีการของตนเองแม้ข้างกายนางจะมีชิงหูและเย่ก็ตาม
แต่การพึ่งพาคนอื่นมิใช่อุปนิสัยของนาง
หาก้าปกป้องคนสำคัญเช่นนั้นนางจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง
“ทำเช่นนั้นก็ดีแต่อย่าทำให้ตนเองลำบาก จริงสิ ข้าสั่งให้เ้าช่วยข้าหาบ้านเ้าหาเอาไว้แล้วหรือยัง? ”
พูดเื่ธุระสำคัญหลินเมิ้งหยาแสดงสีหน้าท่าทางจริงจัง
แม้ชิงหูจะชอบมุมอ่อนแอของหลินเมิ้งหยาทว่านางคนที่เข้มแข็งเช่นนี้ต่างหาก จึงจะเป็ตัวตนของนางที่แท้จริง
“หาเรียบร้อยแล้วเ้าจะไปดูเมื่อไหร่เล่า? ”
คำสั่งของหลินเมิ้งหยาล้วนมาเป็ที่หนึ่งเสมอ
เขาหาเสร็จอย่างรวดเร็วอีกทั้งยังยื่นขอโฉนดเรียบร้อยแล้วด้วย
นอกจากนี้ยังตกแต่งโต๊ะเตียง เก้าอี้ตามที่หลินเมิ้งหยา้าหมดแล้ว
เพียงประโยคเดียวของเ้านายเขาก็รีบตาลีตาลานไปจัดการให้ทุกอย่าง
ทว่าเ้านายคนนี้กลับขี้เหนียวเหลือเกิน
“คืนนี้พวกเราออกไปดูกัน่นี้เวลากลางวัน ข้ามิอาจปลีกตัวออกไปได้ มีเพียงเวลายามวิกาลเท่านั้น จริงสิ เ้าเองก็ตามป๋ายซูให้ไปด้วยกัน อีกหน่อย นางจะต้องเป็ผู้ออกไปทำงาน”
ชิงหูพยักหน้า เขารีบออกไปเตรียมการให้เรียบร้อย
หลินเมิ้งหยามองทอดสายตา พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว
สายลมยามค่ำคืนพัดกระทบร่าง
พระจันทร์ทรงกลมลอยอยู่บนฟ้าแต่หาใช่พระจันทร์เต็มดวง
ความมืดมิดทำให้คนแฝงตัวในความมืดได้ง่ายยิ่งขึ้น
เงาดำสองร่างบินออกจากตำหนักหลิวซิน
ด้านหลังจวนรถม้าธรรมดาคันหนึ่งจอดรออยู่นานแล้ว
“ไปได้”
เสียงทุ่มต่ำเ็าดังขึ้น
คนขับตอบรับก่อนที่รถม้าจะแล่นหายไปในความมืด
“เป็อย่างไรบ้าง?ปิดบังเย่ได้หรือไม่? ”
ภายในรถม้าแม้จะไม่มีแสง ทว่า เสียงของหลินเมิ้งหยากลับดังขึ้น
“เ้าโง่นั่นมีจรรยาบรรณในการทำหน้าที่มากเกินไปหลังจากที่เ้าหลับไปแล้ว เขาไม่เคยย่างกรายเข้าไปในห้องของเ้าเลย ฉะนั้นไม่มีทางถูกจับได้อย่างแน่นอน”
ชิงหูเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
หากมิใช่เพราะรถม้ามืดสนิทชิงหูจะต้องได้เห็นสายตาดูถูกกำลังถลึงมองเขาอย่างแน่นอน
“เ้าคิดว่าคนอื่นจะไร้จรรยาบรรณเช่นเ้าหรืออย่างไร? ”
อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงด่าโชคดีที่ตอนนี้มิใช่เวลาที่เหมาะสมต่อการสนทนามิเช่นนั้นชิงหูจะต้องเค้นเอาคำอธิบายของคำว่าไร้จรรยาบรรณที่นางด่าเขาเมื่อครู่อย่างแน่นอน
“เอาล่ะพวกเราถึงแล้ว”
รถม้าหยุดลงที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่งบนถนนที่ทอดยาวเหตุเพราะอยู่ใจกลางเมือง ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงดูหรูหรางดงาม
หากดูจากกำแพงจะรู้ว่ามันไม่ใหญ่มาก
ตอนนี้มันเต็มไปด้วยตู้ยามากมาย
ด้านนอกดูเหมือนเป็ร้านขายยาธรรมดาเท่านั้นแต่เมื่อเดินผ่านตู้ยา แหวกผ้าม่านสีฟ้าออกเดินผ่านระเบียงไปสัก่หนึ่งก็จะได้เห็น์ชั้นฟ้า
“เ้าหาสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร? ”
ด้านหลังมีประตูปิดอยู่เมื่อเดินผ่านประตูไปจะกลายเป็สวนขนาดใหญ่
สวนแห่งนี้ยังคงว่างเปล่าเพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่
แต่กลับกว้างใหญ่และเป็ระเบียบด้านหลังสวนคือเรือนสองชั้น
รอบ ๆข้างมีห้องต่อกันเรียงราย ไม่ว่าใครคงคิดไม่ถึงว่าร้านยาที่ภายนอกดูธรรมดาแต่ด้านหลังกลับใหญ่โตและสง่างามขนาดนี้
“ที่นี่เป็สถานที่ที่ลูกชายเศรษฐีคนหนึ่งสร้างขึ้นด้านหน้าธรรมดา ประตูหลังเองก็มิได้ดึงดูดสายตา แต่ในสวนนี่ต่างหากที่น่าทึ่ง”
เป็ไปตามที่ชิงหูพูดแต่ท่าทางที่แสดงออกมาประหนึ่ง้าให้หลินเมิ้งหยารีบส่งเสียงชม
“ใช่ใช่ ใช่ เ้าทำงานได้ดีมาก พอใจหรือยัง”
แค่ชมมิได้เสียเงินสักหน่อย หลินเมิ้งหยาจึงทำให้ชิงหูสมปราถนา
“ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดยังอยู่ที่นี่”
ชิงหูหยักยิ้มมีเลศนัย แต่กลับยื่นมือไปเปิดประตูที่ไม่โดดเด่นบานหนึ่งออกมา
หลินเมิ้งหยาเหลือบมองภายในมืดสนิท แล้วมันพิเศษอย่างไร?
