หลังจากกลับถึงจวนอ๋อง จวินหวงก็จัดการเปลี่ยนคนที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่โดดเด่นออกอย่างเปิดเผย การกระทำอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้จะไม่มีคนเห็นเชียวหรือ? พ่อบ้านรีบมาสอบถามจวินหวงทันที
"ไม่ทราบว่าคุณชายทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?" พ่อบ้านกล่าวถาม
จวินหวงจิบชาไปก็มองพ่อบ้านาุโผู้นั้นไปด้วย หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพักก็กล่าวขึ้น "ท่านพ่อบ้าน ท่านนึกว่าข้าไม่รู้หรือว่าคนที่ท่านเปลี่ยนเข้ามามีที่มาอย่างไร? ได้ยินว่าท่านอยู่ในจวนนี้มานาน ยังทำเื่เช่นนี้ได้ บรรดาญาติเ่าั้ของท่านรับเงินเดือนแต่กลับไม่ทำงานทำการ แล้วไยข้าจะเปลี่ยนคนออกไม่ได้?"
พ่อบ้านได้ยินเช่นนั้นก็กลัวจนตัวสั่น เขาไม่รู้ว่าเฟิงไป๋อวี้จะเป็คนโปร่งใสถึงเพียงนี้ แม้แต่เื่พวกนี้ก็รู้ทั้งหมด อดไม่ได้ที่จะยกย่องเลื่อมใส นอกจากนี้ฉีเฉินยังโปรดปรานเฟิงไป๋อวี้ เขาหรือจะกล้าล่วงเกิน กลัวแต่ว่าคนที่จะกระเด็นออกไปจะเป็ตนเองเสียมากกว่า
พ่อบ้านยิ้มอย่างประจบประแจงแล้วกล่าวว่า "คุณชายกล่าวได้ถูกแล้ว คนที่ดีแต่กินแต่เกียจคร้านในการงานเ่าั้คุณชายเปลี่ยนออกไปก็สมควรแล้ว หากฝ่าพระบาทมีข้อสงสัยอะไร บ่าวจะไปอธิบายให้กระจ่างแจ้งแน่นอน"
จวินหวงพยักหน้า หลังจากพ่อบ้านอำลาออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ ความคิดของคนเหล่านี้ไยนางจะไม่รู้
แต่ก็ไม่ใช่คนทุกคนที่จะยอมถูกปลดออกง่ายๆ มีเด็กหนุ่มที่ทำงานในห้องเก็บฟืนคนหนึ่งตีให้ตายก็ไม่ยอมไป ยิ่งะโด่าอาละวาดหนัก บ่าวไพร่ต่างจนปัญญาจึงต้องมาหาจวินหวง
ตอนที่จวินหวงไปถึง บุรุษผู้นั้นกำลังต่อสู้กับคนอีกสองสามคน นางยืนกอดอกมองสายตายนิ่งเฉยราวกับกำลังชมละครสนุกฉากหนึ่ง
ในที่สุดบุรุษผู้นั้นก็ถูกจับกุมและกดไว้ที่พื้นจนขยับตัวไม่ได้ เขามองมาที่จวินหวงและเริ่มเอ่ยปากก่นด่าสาปแช่ง "เฟิงไป๋อวี้ เ้ามันคนถ่อยไร้ยางอาย ไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่าพระบาทเอาเ้าไว้ได้อย่างไร หรือว่าเ้าอาศัยว่าใบหน้าขาวๆ ทำเื่อัปยศไร้ศีลธรรม? เ้าคิดจริงๆ หรือว่าในเวลานี้มีแค่เ้าคนเดียวที่สามารถจัดการทุกอย่างในจวนอ๋องได้?"
จวินหวงสีหน้าไม่เปลี่ยน ค่อยๆ เดินเข้าไป สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ไม่ไกลจากบุรุษผู้นั้น หัวเราะเยือกเย็นเสียงหนึ่ง ก่อนจะย่อกายลงหยิบพัดขึ้นมาเชยคางบุรุษผู้นั้นขึ้นบังคับให้มองหน้าตนเอง "ตอนนี้ทั้งจวนอ๋องล้วนต้องฟังข้า เ้าจะทำอะไรข้าได้?"
นางพูดอย่างอวดโอหัง ชั่วขณะหนึ่งทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นล้วนยอมเลื่อมใสในความอาจหาญในตัวนาง แต่บุรุษที่คลานอยู่ที่พื้นยังไม่ยอมจำนน "ใครจะรู้ว่าเ้ามีความสามารถจริงๆ หรือว่าใช้ความสามารถในการทำอะไรบางอย่างที่เหมือนสตรีถึงได้สิทธิพิเศษนี้มา"
จวินหวงแววตาเย็นเยือกในฉับพลัน ลุกขึ้นมาแล้วใช้เท้าเหยียบลงไปบนศีรษะของบุรุษผู้นั้น นางชี้ไปที่บุรุษที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าแล้วพูดกับคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง "ตีเขา ตีจนเขาพูดออกมาไม่ได้ค่อยหยุด" กล่าวจบก็ทำท่าจะเดินออกไป แต่เหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงมองบุรุษผู้นั้นและกล่าวว่า "แต่อย่าให้ถึงกับเอาชีวิตเขา"
ครานี้นางไม่รั้งอยู่อีก เดินออกไปไกลจนไม่เห็นฝุ่น ด้านหลังมีเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาดังลอยมา สีหน้าของนางนิ่งเฉยไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
เว่ยเฉี่ยนมองบุรุษที่มีดวงตาเ็าและรอยยิ้มงามล่มเมืองผู้นี้แล้ว ก็รู้สึกครั่นคร้ามในใจขึ้นมาภายหลัง เมื่อครู่กลิ่นไอสังหารที่แผดออกมาจากใบหน้าของเขา เป็การตัดไม้ข่มนามให้ทุกคนได้เห็น คนเ่าั้ย่อมไม่กล้ากำเริบเสิบสานอีก
"เหตุใดเมื่อครู่คุณชายต้องโมโหกับบ่าวไพร่ชั้นต่ำคนนึงด้วยเล่า?" ในที่สุดเว่ยเฉี่ยนก็ทนไม่ไหวถามขึ้นมา
จวินหวงหยุดก้าวเท้าหันมามองเว่ยเฉี่ยน แล้วยิ้มอย่างสุภาพ "ข้าไม่ได้โมโห เพียงแค่รู้สึกว่าไม่คุ้มค่าแทนฝ่าพระบาท คนชั้นต่ำคนหนึ่งแต่สิ่งที่ออกจากปากล้วนเป็วาจาต่ำช้า เ้าคิดว่าควรจะปล่อยให้เขาอยู่ในจวนอ๋องต่อไปหรือไม่?"
เว่ยเฉี่ยนอ้าปากกำลังคิดจะพูดว่า หากคุณชายยินยอม เขาก็ย่อมอยู่ต่อได้ แต่พอนึกถึงคำพูดร้ายกาจที่ออกมาจากปากคนผู้นั้น ปล่อยเขาไว้จะมีประโยชน์อะไร สุดท้ายนางจึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
...
"ฟูเหรินได้ยินเื่ที่่นี้เฟิงไป๋อวี้ได้จัดการกวาดล้างบ่าวไพร่ในจวนอ๋องหรือยังเ้าคะ" สาวใช้ประจำตัวของเว่ยหลานอิ๋งถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
เว่ยหลานอิ๋งนั่งอยู่หน้าคันฉ่อง เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแค่หัวเราะเบาๆ "ในเมื่อฝ่าพระบาททรงให้อำนาจแก่เขาแล้ว เช่นนั้นเขาจะทำสิ่งใดก็แล้วแต่เขาเถอะ หากเขาก่อปัญหาอะไรขึ้น เราก็ฉวยโอกาสนี้กำจัดเขาเสียเลย ตอนนี้ที่เราควรจะหาทางป้องกันไว้ก่อนก็คือหนานกู่เยว่ ต่อไปหากนางเข้ามาในจวน จวนหรือจะมีที่สำหรับพวกเรา"
สาวใช้ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอย่างยิ่ง จึงพยักหน้ารับ "ฟูเหรินกล่าวถูกต้อง เช่นนั้นเราควรจะทำอย่างไรดี?"
เว่ยหลานอิ๋งมองตนเองในคันฉ่อง แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา "ข้าสวยไหม?"
สาวใช้พยักหน้า "ในจวนอ๋องเวลานี้ย่อมเป็ฟูเหรินที่งดงามที่สุด ใครจะมาเทียบกับฟูเหรินได้เล่า"
บางครั้งการกล่าวชื่นชมแบบนี้ก็ทำให้เว่ยหลานอิ๋งอารมณ์ดีมาก นางคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ แล้วยืนขึ้นมากล่าวกับสาวใช้ "ในเมื่อเป็เช่นนี้ พวกเราก็ต้องรั้งตัวให้ฝ่าพระบาทให้อยู่ที่นี่ หากสองสามวันนี้ข้าตั้งครรภ์ให้ฝ่าพระบาทได้ แม้ว่าหนานกู่เยว่จะเข้ามาในจวนอ๋อง พวกเราก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป”
"แผนการของฟูเหรินยอดเยี่ยมยิ่งนัก"
เพื่อ่ชิงความโปรดปรานเว่ยหลานอิ๋งจึงทำเป็ตาบอดไม่รู้ไม่เห็นไม่ใส่ใจกับจวินหวง บ่าวจำนวนหนึ่งเห็นจวินหวงสับเปลี่ยนคนเช่นนี้ก็จับกลุ่มคุยกัน คิดว่าการที่จวินหวงสับเปลี่ยนคนจะต้องได้รับคำสั่งมาจากฉีเฉินเป็แน่ นอกจากนี้จวินหวงยังเป็คนสำคัญของฉีเฉิน พวกเขาไม่อาจต่อต้านได้ ควรจะประจบประแจงเข้าไว้จะดีกว่า ครั้นแล้วก็ปิดตาข้างหนึ่งปล่อยให้เื่นี้ผ่านไป
จวินหวงรู้ขั้นตอนในการจัดพิธีอภิเษกสมรสของกรมพิธีการ ดังนั้นจึงออกจากจวนอ๋องแต่เช้าเพื่อไปซื้อของ แม้แต่เว่ยเฉี่ยนก็ไม่ได้พาออกมาด้วย พามาแต่ชายฉกรรจ์สองสามคนที่ตนเองซื้อกลับมา
ก่อนหน้านี้จวินหวงได้ให้คนไปตรวจสอบมาแล้ว อีกทั้งจวินหวงเองก็เป็สตรีย่อมรู้ว่าหนานกู่เยว่อยากได้ของขวัญวันแต่งงานแบบไหน จึงตรงไปยังร้านที่ตนเองหมายตาไว้โดยไม่ต้องคิด
ด้วยความที่เดินเร็วไปหน่อย จึงทำพัดที่มักจะพกติดตัวหล่นไปโดยไม่รู้ตัว หนานสวินพาคนรับใช้คนสนิทตามมาด้วยเขาเก็บพัดของนางไว้ได้ และเห็นจวินหวงเดินนำคนอีกสองสามคนอยู่ไกลๆ มุมปากของเขาก็คลี่ยิ้มออกมา
หนานสวินเร่งฝีเท้าตามไป แสร้งทักขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างมาก "ไม่คิดว่าผู้น้อยกับคุณชายจะมีวาสนาต่อกันเช่นนี้ เมืองหลวงจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก ผู้น้อยได้ยินว่าคุณชายไม่ค่อยชอบออกจากจวน วันนี้ได้มาพบกันเข้า ท่านว่าเป็เื่บังเอิญหรือไม่?" พูดจบก็ทำหน้าตายยักคิ้วให้นาง
จวินหวงกลอกตาขาวมองบนรอบหนึ่ง แล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อเว้นระยะห่างจากหนานสวินเล็กน้อย จวินหวงประสานมือค้อมกายคำนับแล้วกล่าวว่า "ย่อมเป็เื่บังเอิญอยู่แล้ว ผู้น้อยนานๆ จะออกมาสักครั้ง ไม่คิดว่าจะมาเจอกับหวางเหย่ได้"
หนานสวินฟังแล้วต้องยอมแพ้ ไม่คิดว่าเด็กสาวอย่าวจวินหวงจะมีวาจาเฉียบคมเช่นนี้ ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว เห็นแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้
คนเดินมากมายบนท้องถนน หนานสวินมองดูผู้คนที่หลั่งไหลมาทั่วทั้งสี่ทิศ เขามุ่นคิ้วดึงจวินหวงมาที่ข้างถนน "วันนี้ออกมาทำไมหรือ?"
"หวางเหย่คงจะได้ยินเื่งานมงคลของรัชทายาทแล้วกระมัง วันนี้ผู้น้อยออกจากจวนมาซื้อของ จะต้องเป็ของขวัญที่ทำให้ฝ่าพระบาทและองค์หญิงทรงพอพระทัยด้วย" จวินหวงตอบไปตามตรง
หนานสวินพยักหน้า "ได้ยินว่าคุณชายเป็คนเมืองอื่น คงจะไม่ทราบว่าร้านไหนในเมืองหลวงที่มีของดีๆ ขายบ้าง หากเป็เช่นนั้นผู้น้อยว่างอยู่พอดี ไม่สู้ให้ผู้น้อยไปเป็เพื่อนคุณชายดีหรือไม่?"
ขณะที่จวินหวงกำลังคิดจะอ้าปากเอ่ยปฏิเสธ ก็เห็นหนานสวินขยิบตาให้ตนเอง ไม่นานก็เข้าใจความหมายของเขาประกอบกับตนเองก็ไม่ได้เจอเขามานานแล้ว หากบอกว่าไม่คิดถึงก็คงจะโกหก ครั้นแล้วนางจึงพยักหน้า "ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็รบกวนหวางเหย่แล้ว"
คนทั้งสองไม่ได้ใส่ใจว่ามีคนรับใช้ติดตามอยู่ด้านหลัง ต่างคุยกันอย่างสนุกสนานเดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เป็เป้าหมาย ระหว่างทางหนานสวินฟังจวินหวงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นใน่สองวันที่ผ่านมา เมื่อเล่ามาถึงวันที่เจอกับมือสังหาร สีหน้าของหนานสวินก็คล้ำเขียวอย่างเห็นได้ชัด
ในที่สุดเขาก็หยุดเดิน ดึงมือจวินหวงขึ้นมาตรวจสอบดู ปากก็เอ่ยถามขึ้นโดยไม่สนใจว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ท่ามกลางผู้คนในที่สาธารณะ "ได้รับาเ็หรือไม่? ข้าได้ยินว่ารัชทายาทกับองค์หญิงเจอมือสังหาร แต่ไม่รู้ว่าเ้าก็อยู่ด้วย เหตุใดหลังเกิดเื่จึงไม่เคยได้ยินเ้าเอ่ยถึง?"
จวินหวงเห็นการกระทำของหนานสวินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางมุ่นคิ้วมองสีหน้ากังวลใจของหนานสวิน คราแรกก็อยากจะหัวเราะที่หนานสวินทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่เขาพูดออกมาถัดจากนั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็หัวเราะไม่ออก
เมื่อหนานสวินเห็นว่าจวินหวงไม่ได้รับาเ็ก็รู้สึกโล่งใจ "ยังดีที่เ้าไม่เป็อะไร หากเกิดอะไรขึ้นกับเข้า ข้าต้องไม่ให้อภัยตนเองแน่ๆ ฟังนะ วันหลังหากเกิดเื่แบบนี้ขึ้นอีก จะต้องให้คนมาบอกข้าก่อนเป็คนแรก"
จวินหวงพยักหน้าอย่างเชื่องช้า ดวงตาของหนานสวินมีความอ่อนโยน มีความรู้สึกบางอย่างที่อบอุ่นถ่ายทอดออกมา นางไม่เข้าใจว่าในแววตาของเขามีความหมายอะไรซ่อนอยู่ ใน่เวลานั้นนางรู้สึกว่ารอบกายเหมือนไร้สุ้มเสียง อากาศราวกับหยุดชะงักลง
ไม่นานจวินหวงก็ได้สติรู้ตัวขึ้นมา สะบัดมือให้หลุดออกจากการเกาะกุมของหนานสวินอย่างลนลาน พวงแก้มแดงเรื่อด้วยความเขินอายจนต้องหันไปมองทางอื่น ไม่กล้ามองหนานสวินอีก ส่วนหนานสวินที่รู้สึกตัวตามมาทีหลังเพิ่งตระหนักถึงความใจร้อนของตนเอง ก็เคอะเขินกระอักกระอ่วนไปชั่วขณะ
เด็กหนุ่มรับใช้ผู้ติดตามกลั้นไม่อยู่แอบปิดปากหัวเราะก็เลยถูกหนานสวินดีดหน้าผากดังเป๊าะ ได้แต่จ้องหนานสวินตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร ในใจรู้สึกว่าเขาไม่ควรจะได้รับการลงโทษเช่นนี้ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม
"ขอบคุณหวางเหย่ที่ห่วงใย ผู้น้อยไม่ได้เป็อะไรมาก" จวินหวงไอเบาๆ แล้วกล่าวขึ้น
"ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว อ่อ… จริงสิ ถึงแล้ว" ในขณะที่หนานสวินกำลังเก้อเขินอย่างหนัก ก็พอดีเห็นว่าพวกเขาได้เดินมาถึงร้านขายของแล้ว
จวินหวงเงยหน้าขึ้นมองเข้าไป จากนั้นก็สั่งคนรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง "เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูของ พวกเ้าก็หาที่พักผ่อนกันตามสบายครู่หนึ่งเถอะ รอข้าออกมาค่อยมารับของก็พอ"
หนานสวินก็หันไปมองเด็กหนุ่มคนรับใช้ของตนเองแล้วกล่าวว่า "ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็พาพวกเขาไปพักผ่อนที่โรงน้ำชาสักแห่ง หลังเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปค่อยกลับมา" กล่าวจบก็ไม่ให้โอกาสเด็กหนุ่มพูดอะไรอีก ดึงจวินหวงเข้าไปในร้านทันที
ข้าวของเครื่องใช้งานมงคลละลานตาไปหมด ทำให้จวินหวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หันไปมองหนานสวินแล้วกล่าวหยอกล้อ "ดูเหมือนว่าหวางเหย่จะรู้จักของพวกนี้เป็อย่างดี หวางเหย่มาที่นี่บ่อยหรือ? หรือว่าในจวนมีฟูเหรินอยู่หลายคนแล้ว?"
หนานสวินฟังแล้วขมวดคิ้วยุ่ง "พูดจาเหลวไหลอันใด ในจวนข้าแม้แต่ฟูเหรินสักคนก็ไม่มี"
จวินหวงไม่คิดว่าหนานสวินจะทำท่าจริงจังขนาดนี้ จึงเบ้ปากและไม่พูดอะไรอีก แล้วหันมาดูสิ่งของจำนวนหนึ่งที่เสี่ยวเอ้อเอามาเสนอให้
หนานสวินเพิ่งตระหนักว่าตนเองจริงจังเกินไปจึงเกาหัวแก้เก้อ จากนั้นก็สูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งก่อนจะเดินตามไป ในระหว่างนั้นทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบราวกับไม่รู้ว่าจะคุยกันเื่อะไรดี
เมื่อจวินหวงมองเห็นของใช้ของสตรีเ่าั้ นางอยากจะหยุดเดินแล้วมองไปรอบๆ เป็ที่สุด หนานสวินมองเห็นแววตาของนางเป็ประกายวาววับอย่างชัดเจน ในที่สุดก็อดไม่ได้เอ่ยปากถามขึ้น "หากเป็ของขวัญในงานมงคลของเ้า เ้าอยากจะได้อะไร?"
จวินหวงหันไปมองหนานสวิน ขณะนั้นหนานสวินเดินมายืนอยู่ข้างหลังของนาง เมื่อนางหันมากะทันหัน สายตาของทั้งคู่จึงประสานเข้าหากันพอดี จวินหวงได้ยินเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขา หนานสวินก็เช่นเดียวกัน