“คุณหนู คุณหนูเ้าคะ!”
เสียงนี้ ตงเอ๋อร์งั้นรึ?
ไม่…ไม่สิตงเอ๋อร์สาวใช้ตัวน้อยของข้าตายไปตั้งนานแล้ว วันที่นางตายข้าก็เห็นมันกับตาตนเอง เด็กสาวที่ร่าเริงสดใสมากด้วยความสามารถ เด็กสาวผู้ภักดีต่อข้า ต่อตระกูลซ่างกวนจนตัวตาย ทัณฑ์ป่นกระดูก** คือสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่นางได้รับ หึ ทุกคนที่รายล้อมรอบกาย…ทุกคนที่จงรักภักดีก็เป็ข้าที่หยิบยื่นความตายให้พวกเขา ถึงยามนี้…ตงเอ๋อร์เ้าจะมาทวงหนี้แค้นกับข้างั้นหรือ
“คุณหนูเหตุใดท่านถึงเงียบไปเช่นนี้เล่า ท่านทำให้บ่าวกลัวแล้วนะเ้าคะ”
“ตงเอ๋อร์”ข้ามองไปตามเสียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วข้าก็ได้เห็นร่างเล็กๆ ที่กำลังคุกเข่าอยู่ไม่ไกล สติรับรู้ของข้ากำลังค่อยๆพื้นคืนกลับมา สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อยนำพากลิ่นหอมสดชื่นของต้นไม้ ผืนดินผสมกลิ่นคาวเืจางๆ เอาไว้
ข้ากำลังอยู่ที่ใดกัน
ข้ากำลังทำสิ่งใดอยู่
ข้าฝันถึงความทรงจำแต่หนหลังงั้นหรือ ต้นไม้ ูเา ลำธาร….นี่ นี่มันทางเข้าเขตหุบเขาิญญาพยัคฆ์ เหตุใดข้าถึง...
“บ่าวอยู่เ้าค่ะ คุณหนูท่านประสงค์สิ่งใดโปรดสั่งมาได้เลย”
“ตงเอ๋อร์ เป็เ้าจริงๆ”
“คุณหนูท่านเป็อันใดไปเหตุใดหน้าถึงซีดเชียวเพียงนี้ ข้าก็บอกท่านแล้วว่าอย่าทำ ท่านก็ยังยืนยันจะทำให้จงได้เป็อย่างไรเล่าทีนี้ท่านเกิดกลัวจนหน้าซีด เห...”
เสียงบ่นของสาวใช้ตัวน้อยต้องหยุดชะงักไปกลางคัน เมื่อเ้าตัวถูกผู้เป็นายสวมกอดเข้าเต็มรัก อ้อมกอดนี้ไม่ได้อบอุ่นอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย แต่เป็การกอดรัดที่แแ่ ราวกับว่าหากคลายอ้อมกอดออกอีกฝ่ายจะหายไป ผู้เป็นายร่างกายสั่นเทาราวกับหวาดกลัวสิ่งใดอยู่ ทว่าสาวใช่ตัวน้อยก็ไม่ได้ซักถามให้มากความ
คุณหนูคงมีความในใจยากที่จะเอื้อนเอ่ยตงเอ๋อร์จะเป็เด็กดีเชื่อฟังท่าน จะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ สาวใช้ตัวน้อยไม่คิดสงสัยในการกระทำของเ้านายแม้แต่น้อย ยามนี้คนที่กำลังกอดรัดนางเอาแต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำๆ ตัวนางก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร
“แค่กๆ คุณหนูท่านกอดตงเอ๋อร์จนหายใจไม่ออกแล้ว”
“ข้าออกแรงมากเกินไปงั้นรึ ขอโทษนะ…ขอโทษ เ้า…เ้าเจ็บมากหรือไม่”
“คุณหนูท่านกังวลเกินไปแล้ว ตงเอ๋อร์มีฉายาว่าเช่นไรท่านลืมไปแล้วหรือ ข้าหยอกท่านเท่านั้นอย่ากังวลไปเลยเ้าค่ะ”สาวน้อยฉีกยิ้มแป้นอย่างน่ารัก
“ใช่สิเ้าคือเสี่ยวตงกระดูกเหล็ก”เพราะชอบเรียกขานตนเองเช่นนี้ จึงทำให้คนพวกนั้นอยากทดสอบว่ากระดูกของเ้ามันแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าหรือไม่ เด็กโง่ โง่ยิ่งกว่าลา ข้ามีค่าให้เ้าต้องเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องหรือ ทำไมถึงไม่เห็นชีวิตตนเองเป็สำคัญ
‘คุณหนูท่านว่าหากชาติหน้ามีจริงข้าจะได้พบท่านอีกหรือไม่’
‘เด็กโง่ เจ็บถึงเพียงนี้ยังจะพูดอยู่อีกเ้าอดทนอีกนิดข้าจะต้องรักษาเ้าให้หายได้แน่’กลางลานลงทัณฑ์อันว่างเปล่า ข้าประคองร่างที่อ่อนเหลวราวกับไร้กระดูกของตงเอ๋อร์เอาไว้ ร่างกายข้าแข็งเกร็งไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เด็กสาวที่วันๆ ทำตัวไร้แก่นสารเที่ยวท้าตีท้าต่อยไปทั่ว วันนี้ทางกลับยอมรับความผิดทั้งหมดแทนนาง
ทัณฑ์ป่นกระดูกหนึ่งในสิบทัณฑ์ปะาชีวิตที่มีมาแต่โบราณ บทลงทัณฑ์นี้จัดอยู่ในลำดับที่ห้า อยู่กึ่งกลางระหว่างความทรมานอย่างแสนสาหัสก่อนจะสิ้นใจ กับความทรมานอยากที่จะตายแต่ทำสิ่งใดไม่ได้จนกว่าการลงทัณฑ์จะจบสิ้นลง ขั้นตอนการลงทัณฑ์ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอันใด เพียงเพชฌฆาตมือดีสองคน คนหนึ่งลงมีดเลาะิักล้ามเนื้อจนถึงกระดูก คนหนึ่งใช้สิ่วกับค้อนในการค่อยๆ ป่นกระดูกอย่างช้าๆ จากแขนซ้ายไปยังแขนขวานิ้วมือทั้งสิบทีละนิ้ว ทีละนิ้ว ทำอยู่เช่นนั้นจนทั้งแขนและขาอาบไปด้วยเื
‘คะ คุณหนู...อึก ตงเอ๋อร์อยากกลับบ้านของเรา’ตงเอ๋อร์ที่เ็ปแสนสาหัสกระอักเืออกมาคำโต แต่เ้าตัวก็ยังพยายามที่จะพูดกับคุณหนูของนางเป็ครั้งสุดท้าย
‘อย่าพูดอีกเลยเด็กดี ยิ่งพูดเ้าจะยิ่งทรมาน คุณหนูของเ้าสัญญาว่าจะต้องพาเ้ากลับบ้านของเรา กลับไปยังหุบเขาที่ที่เราจากมา ตอนนี้เ้าหลับตาพักผ่อนสักตื่นเถิด พอเ้าตื่นมาก็จะได้นอนบนเตียงอุ่นๆ ที่บ้านของเราแล้ว’น้ำตาของข้าไหลรินเป็สาย ได้แต่แช่งชักตนเองว่าไร้ความสามารถเป็สวะที่ไร้ค่าแม้กระทั่งสาวใช้ยังไม่สามารถปกป้องเอาไว้ได้ คนที่ต้องตายสมควรเป็ข้าไม่ใช่ตงเอ๋อร์ ไม่ใช่ท่านปู่ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลซ่างกวน
คนที่สมควรต้องตายคือข้า ซ่าง กวน จือ หลิน
‘คุณหนูท่านต้องมีชีวิต...อยู่...ตะต่อไปนะเ้าคะ’
‘ได้ ได้ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ความทุกทรมานที่คนตระกูลซ่างกวนได้รับข้าต้องชดใช้ให้เป็แน่’
‘คุณหนูข้าง่วงจัง ท่านผู้เฒ่าข้า...ระรู้ว่าท่านต้องมารับข้า เสี่ยวตงตงทำดีใช่หรือไม่ ข้ากล้าหาญที่...สุด’
…
“ใช่เ้ากล้าหาญที่สุด”ข้าเอ่ยขึ้นมาด้วยความเ็ป นี่เป็ความจริงเช่นนั้นหรือ บัดนี้ตงเอ๋อร์มาอยู่ตรงหน้านางอีกครั้งปากเล็กที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด
อ๊ะเจ็บจัง ข้ามองมือของตนเองที่เผลอกำเข็มเย็บผ้าเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
“ผู้ใดกล้าหาญที่สุดกันเ้าคะ อ๊ะคุณหนูมือของท่าน! เหตุใดจึงไม่ระวังเช่นนี้ดูสิเข็มนี่ปักเนื้อท่านจนจะมิดอยู่แล้ว ไป กลับบ้านไปหาท่านหมอกับข้า คนอะไรมาจากไหนก็ไม่ต้องช่วยแล้ว”สาวใช้ตัวน้อยเมื่อเห็นเ้านายของตนได้รับาเ็ก็ไม่ได้สนใจสิ่งใด หากคุณหนูาเ็ร้ายแรงจะทำเช่นไรเล่า
“แต่ว่าข้าพึ่งเย็บแผลนี่ได้ครึ่งเดียวเองนะ รักษาคนก็ไม่ควรทำครึ่งๆ กลางๆ สิ”
“ใครสนเื่นั้นกันเล่า คุณหนูเข็มนี่เปื้อนเืคนแปลกหน้าผู้นี้ ไม่รู้ว่าเืนี่สะอาดมากเพียงใดถ้าท่านติดเชื้อโรคขึ้นมาจะทำเช่นไรเ้าคะ”ตงเอ๋อร์มองชายแปลกหน้าที่นอนอยู่ในโพงหญ้า าแจากคมกระบี่นี่ลึกพอดู แต่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิตปล่อยไว้เช่นนี้ก็ไม่ตายหรอก แต่คุณหนูของนางนี่สิดึงดันจะช่วยชีวิตโดยการทดสอบฝีมือเย็บปักที่แสนจะย่ำแย่ของตนด้วยการช่วยเย็บแผลให้
“เอาล่ะๆไม่รักษาต่อแล้วแต่ว่าเส้นไหมน้ำแข็งที่ใช้เย็บให้คุณชายผู้นี้จะทำเช่นไรเล่า”
“ไม่เห็นจะอยากเลยเ้าค่ะ แค่ดึงออกมาอย่างนี้ก็เรียบร้อย”
“กลับกันเถิดข้าหิวแล้ว”ข้ามองร่างที่กระตุกเพราะความเจ็บจากการที่ตงเอ๋อร์ดึงเส้นไหมที่เย็บค้างไว้ออกมารวดเดียว แสดงได้ไม่เลวนี่ หลี่หยวนเฮ่า บทละครสาวน้อยช่วยชีวิตองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ต่อไปจะเป็เช่นไรเล่า…องค์ชายทรงออกตามหาหญิงชาวบ้านที่ช่วยชีวิตพระองค์ไว้จากการถูกลอบสังหาร
หึ
หญิงชาวบ้าน? ข้าในตอนนั้นช่างโงเง่ามองแผนการตื้นๆ นี้ไม่ออก ทั้งๆ ที่นางใช้ไหมน้ำแข็งของล้ำค่าขนาดนั้นเย็บแผลให้ แต่อีกฝ่ายยังเสแสร้งตีสองหน้ามาจะทดแทนบุญคุณช่วยชีวิตให้ได้ ข้ายิ้มอย่างเ็าก่อนจะโปรยผงยาสลบใส่ นอนเสียเือีกสักสองสามชั่วยามคงไม่ตายหรอก เ้าช่างมั่นใจเหลือเกินว่าข้าจะช่วยชีวิตเ้าถึงขนาดไม่นำองครักษ์เงาติดตัวมา
เพราะถ้าหากมียอดฝีมืออยู่ใกล้ๆ นี้ข้าต้องััได้แน่ ช่างรอบคอบจริงๆ
สองนายบ่าวเดินเคียงกันไปบนถนนที่ทอดยาวไปยังูเาที่อยู่ไกลออกไป เหมือนว่าการออกมาเที่ยวเล่นในเมืองหนนี้จะต่างออกไปจากชาติก่อน เหตุการณ์ที่เพิ่มมาในครั้งนี้ข้ามองเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก ดูสิตงเอ๋อร์ของนางกำลังใช้ผ้าสะอาดบรรจงเช็ดเส้นไหมน้ำแข็งอย่างช้าๆ ปากก็บ่นพึมพำเสียดายของไม่หยุด เพราะมัวแต่สนในเส้นไหมเ้าตัวเล็กนี่ถึงกับไม่มองทาง ม้ากำลังวิ่งตรงมาแล้วยังไม่หลบ…มันน่าตีจริงๆ
“ตามองทางเสียบ้างเ้าตัวยุ่ง! เส้นไหมนี่ล้ำค่ากว่าชีวิตน้อยๆ ของเ้างั้นรึ”
“แหะๆ คุณหนูโชคดีที่ท่านสายตาเฉียบแหลมไม่อย่างนั้นเสี่ยวตงกระดูกเหล็กคงสิ้นชื่อ”ทั้งสองเตรียมจะออกเดินต่อจึงมิได้สังเกตว่าม้าที่ขี่ผ่านไปได้หยุดลงกะทันหัน
“คุณหนูทั้งสองโปรดหยุดก่อน”
ทั้งสองชะงักฝีเท้าพลางหันไปมองตามเสียงเรียก
“คุณชายท่านนี้ธุระอันใดหรือเ้าคะ”ตงเอ๋อร์ตัวน้อยกล่าวกับผู้มาเยือนอย่างมีมารยาท พลางเหลือบมองคุณหนูบ้านตนที่กำลังจ้องชายหนุ่มร่างกำยำตรงหน้าตาไม่กระพริบ เอาแล้วอย่างไรเล่าอาการของมารดาข้าท่านนี้กำเริบอีกแล้ว แต่จะว่าไปท่าทางคุณชายท่านนี้ก็มีแววใช้ได้ หากคุณหนูต้องตาตงเอ๋อร์จะไปดักตีหัวแล้วลากกลับหุบเขาไปให้ท่านเอง
“เสียมารยาทแล้วผู้น้อยใคร่อยากถามที่มาของเส้นไหมที่คุณหนูน้อยท่านนี้ถืออยู่”ชายหนุ่มมองเส้นไหมที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ใส่ชุดสาวใช้กำลังถืออยู่
“อ๋า เส้นไหมน้ำแข็งนี่น่ะหรือ”เด็กหญิงตงเอ๋อร์ลากเสียงตอบอย่างเสียดายอยู่บ้าง ไอ้เราก็นึกว่าคุณชายจะถูกความงามของคุณหนูสะกดไว้จนต้องวกกลับมาทำความรู้จัก
“ตงเอ๋อร์อย่าเสียมารยาท ขออภัยคุณชายท่านนี้ไม่ทราบจุดประสงค์ข้าก็มิอาจบอกที่มาของมันได้ ในเมื่อท่านรู้จักเส้นไหมนี้คงจะทราบมูลค่าของมันเป็แน่”ข้ามองบุรุษร่างสูงตรงหน้าั้แ่ศีรษะจรดเท้าอย่างละเอียด
อืม มองดูมีสง่าราศีของแม่ทัพใหญ่อยู่บ้าง ถึงจะดูอายุน้อยกว่าตอนที่พบหน้ากันครานั้น แต่ก็ยังดูเ็าเหมือนก้อนน้ำแข็งเหมือนเดิม น่าแปลกโดยแท้นางกลับมาเกิดใหม่ใน่เวลาที่เป็จุดเริ่มต้นของเื่ราวทั้งหมด นั่นสินะเหตุการณ์ในวันนี้มันต่างออกไปจากชาติที่แล้ว โชคชะตามักเล่นตลกอยู่เสมอ แต่คนที่มีพันธะต่อกัน จะช้าจะเร็วอย่างไรก็ต้องได้พบกันอยู่ดี
“เป็ข้าที่ไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบเอง เส้นไหมน้ำแข็งนี้ข้าไม่ได้้ามัน…เพียงแต่อยากทราบที่มาของมันเท่านั้น”ชายหนุ่มมองข้ามสายตามสำรวจของหญิงสาวตรงหน้า เขามีเื่เร่งด่วนเกินกว่าจะมาสนใจ
“อ้อ ท่าน้าทราบแหล่งที่มาของเส้นไหมนี่ไปทำไมกัน อย่างที่คนทั่วไปทราบยิ่งของล้ำค่าที่มาของมันยิ่งเป็ความลับ”ข้าสบตาคมที่จ้องมาโดยไม่หลบ
“คุณหนูข้ามิได้มีเจตนาแอบแฝงเพียงแค่้าตัวหนอนไหมน้ำแข็งเพื่อใช้เป็ยารักษามารดาเท่านั้น หากคุณหนูทราบแหล่งที่มาได้โปรดชี้แนะด้วย”
“มารดา...”คิดไม่ถึงว่ามารดาที่ด่วนจากไปในชาติที่แล้วของเขาจะยังมีทางรักษา เพราะหาตัวยาที่ล้ำค่าเช่นนี้ไม่ได้เฉินฮูหยินถึง...เอาเถิดสร้างบุญคุณไว้ไม่เสียหาย ยามแต่งเข้าไปคนเขาจะได้เกรงใจ
“ในเมื่อคุณชายมีใจกตัญญู พรุ่งนี้โรงน้ำชุนเฟิงในตัวอำเภอท่านรออยู่ที่ห้องส่วนตัว ข้าจะลงจากเขาแต่เช้าคงไปถึงไม่เกินยามเที่ยง”
“ขอบคุณหนูที่มีใจเมตตาข้าเฉินอี้จะจดจำบุญคุณนี้ไว้”
“คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว เราคนค้าขายไม่ให้ของท่านเปล่าๆแน่นอน”
“เป็ข้าที่ดีใจจนเลอะเลือน คุณหนูโปรดบอกราคามาได้เต็มที่”
“เอาเป็ว่าท่านคิดว่าเ้าหนอนไหมน้ำแข็งนี่มีค่าเท่าใดท่านก็จ่ายมาเท่านั้น เอาล่ะนี่ก็ไม่เช้าแล้วข้าต้องกลับบ้านก่อนไม่ส่งนะเ้าคะ”ข้ายิ้มให้อย่างมีมารยาทเดินนำตงเอ๋อร์จากมาอย่างสง่างาม ไม่ได้สนใจสายตาที่มองส่งมาอยู่นานสองนาน
“คุณหนูทำไมท่านจะขายเ้าน้ำแข็งให้คนแปลกหน้าง่ายๆ เช่นนั้นเล่า แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะใช้ได้แต่ท่านก็ไม่ควรใจอ่อนง่ายดายเพียงนั้นนะเ้าคะ”
“เ้าเด็กคนนี้นี่วันๆ เอาแต่คิดเื่ไร้สาระ นายน้อยเช่นข้าต้องเสียเวลามัดใจบุรุษด้วยสิ่งของงั้นรึ”
“นายน้อยเ้าขาที่ท่านทำอยู่ตงเอ๋อร์ยังมองออกเลยนะเ้าคะ!”
“เอาน่าช่างประไรอีกไม่นานเ้าก็จะรู้เอง”
สองนายบ่าวเดินหายเข้าไปในหุบเขาอย่างไร้ร่องรอย พื้นที่ห่างไกลผู้คนเช่นนี้หากมีคนผ่านมาสักสองสามคนคงเป็ที่น่าสงสัยไม่น้อย ยิ่งเป็ผู้หญิงสองคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบๆ ไม่บ่งบอกฐานะเช่นนี้ ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่แถบนี้ พูดถึงความลึกลับของหุบเขาที่อยู่ห่างจากตัวอำเภอนับร้อยลีเอาไว้หลายเื่ราว
ว่ากันว่าที่แห่งนั้นเป็สนามรบเก่า เป็ที่ซึ่งองค์ไท่จู่และแม่ทัพคู่พระทัยทั้งสองช่วยกันวางค่ายกลล่อข้าศึกกว่าห้าแสนนายมาติดกับดัก แล้วลงมือสังหารทิ้ง ชัยชนะครั้งนั้นเป็ชัยชนะครั้งสำคัญ
หากไม่มีชัยชนะในครั้งนั้นจะมีแคว้นซ่งในวันนี้ได้อย่างไร เพราะตำนานเหล่านี้ส่งผลให้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้หุบเขาแห่งนั้น อย่าว่าแต่เดินเข้าไปสำรวจเลยเพียงอยู่ห่างห้าลี้สิบลี้ก็ััได้ถึงไอเย็นะเืที่แผ่ออกมา ทั้งๆ ที่เป็หน้าร้อนว่ากันว่าไอเย็นเ่าั้ก็ยังคงอยู่ เล่าลือกันว่านั่นเป็ไอพิฆาตจากิญญาทหารนับห้าแสนที่สั่งสมกันมานับพันปี ผู้ใดที่ย่างกลายเข้าไปใกล้ยังมิมีใครที่กลับมาสภาพปกติสักราย
ทว่าหนึ่งนาย หนึ่งบ่าวรับใช้ กลับเดินหายเข้าไปในกลุ่มหมอกหนาที่ปกคลุมรอบหุบเขาเอาไว้อย่างไร้ร่องรอย