“ท่านจะไม่ไปอย่างนั้นหรือ”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนเกี้ยวตะลึงไปเล็กน้อย สีหน้าพลันแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
เสิ่นว่านซื่อกล่าวเช่นนี้เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหอประชุม มิต้องเอ่ยถึงเื่ที่ฝึกฝนได้หรือไม่ แม้จะฝึกฝนไม่ได้เขาก็จำเป็ต้องไป! นี่คือเกียรติแห่งวงศ์ตระกูล คำของนางถูกปฏิเสธไปแล้วอย่างนั้นหรือ แน่นอนว่ายังมีคนบางส่วนที่คิดดีใจ หากอีกฝ่ายตัดสินใจไม่ไป สิทธิ์ที่เหลืออยู่อาจตกมาถึงตนเองได้
สิทธิ์นี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเมื่อได้รับคัดเลือกแล้ว อนาคตที่สดใสกำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า ไม่ต้องกลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาแบบนี้อีก สิ่งต่างๆ ที่คาดหวังไว้จะเป็จริงขึ้นมา
“ข้าไม่ไป ข้าไม่มีพร์ในการฝึกฝน ต่อให้ไปก็ไม่มีความหมาย ให้โอกาสคนที่้าดีกว่า”
เสิ่นว่านซื่อหันมองซือหม่าหว่านเอ๋อร์ก่อนจะกล่าว
“ท่านรู้ไหมว่าโอกาสนี้หายากมากแค่ไหน” ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยังไม่ยอมแพ้
“ให้คนที่้าเถอะ!” เสิ่นว่านซื่อยิ้มเล็กน้อย แล้วปฏิเสธออกไปอีกครั้ง
“ท่านต้องไป หากท่านไม่ไป สิทธิ์นี้ของตระกูลเสิ่นคงต้องมอบให้ตระกูลหาน!”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์โกรธมาก ก่อนหน้านี้นางอับอายต่อหน้าเสิ่นเสวียนไปแล้ว ตอนนี้เสิ่นว่านซื่อยังทำให้นางรู้สึกแย่ลงไปอีก
“น้องหญิง ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย! ข้าเชื่อว่าหากเ้ามีความจริงใจต่อผู้อื่น ผู้อื่นจะจริงใจต่อเ้าเช่นกัน เ้าทำแบบนี้ไปก็ไม่มีความหมายหรอก”
เสิ่นว่านซื่อมองซือหม่าหว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาหมดความอดทน นางเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ กลายเป็คนอยากเอาชนะ กลายเป็คนไม่เห็นใครในสายตา กลายเป็คนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง
“จะไปหรือไม่”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ถามเสิ่นว่านซื่ออีกครั้ง สิ่งที่แม้แต่ตัวนางเองยังไม่รู้เลยก็คือ ก่อนหน้านี้นางไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ แต่หลังจากเจอเสิ่นเสวียนทำให้นิสัยของนางเริ่มเปลี่ยนไป อาจเพราะเขาเป็คนที่ตนเคยเหยียดหยามมาก่อน เมื่อถูกแซงหน้าไปทำให้จิตใจของนางเปลี่ยนไปเช่นนี้
“ไม่ไป”
เสิ่นว่านซื่อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ท่าน!”
มือบางที่แอบซ่อนอยู่ภายในแขนเสื้อของซือหม่าหว่านเอ๋อร์กำแน่น หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ นางคงซัดพลังหมัดออกไปแล้ว
“อย่าเสียเวลาอีกเลย เ้ากลับไปเถอะ! ตระกูลเสิ่นยังไม่ถึงขั้นที่เ้าต้องทำทานให้”
เสิ่นเสวียนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หากก่อนหน้านี้เสิ่นว่านซื่อใช้น้ำเสียงทำนองปรึกษาหารือ เช่นนั้นเสิ่นเสวียนก็คงท้าทายซือหม่าหว่านเอ๋อร์เข้าแล้ว เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน ผู้าุโและผู้ดูแลทั้งหลายในตระกูลต่างทำสีหน้าดูไม่ได้เลย ใช่สิ เสิ่นเสวียน เ้ามีพร์ยอดเยี่ยมแล้ว แต่เ้าจะทิ้งโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปไม่ได้
อีกอย่าง ซือหม่าหว่านเอ๋อร์มาจากตระกูลซือหม่า นางจะมีนิสัยแบบนี้สักหน่อยจะเป็อะไรไป
“ผู้าุโทั้งหลาย พวกท่านมีความเห็นอย่างไร”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยังคงไม่ยอมแพ้ และนี่ยังเป็ภารกิจที่ท่านแม่ของนางมอบหมายมา ให้คัดเลือกคนในตระกูลที่มีพร์โดดเด่นสักคนหนึ่งเพื่อรับสิทธิ์เข้าฝึกฝนในสถาบันชิงหยุน นับว่าเป็การตอบแทนบุญคุณตระกูลเสิ่น
“ข้ารู้สึกว่าผู้นำตระกูลทำไม่เหมาะสมเกินไป พวกเราตระกูลเสิ่น้าสิทธิ์นี้”
ผู้าุโอายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่งกล่าวกับเสิ่นเสวียนอย่างอดไม่ได้ ลูกชายของเขามีพร์ระดับสูงในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลเสิ่น หากได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ ชีวิตจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
“ข้าคิดว่าผู้าุโท่านนี้กล่าวได้ดี หากท่านผู้นำปฏิเสธโอกาสครั้งนี้ไปเพียงเพราะเื่ส่วนตัว ข้าคิดว่าผู้าุโตระกูลเสิ่นทั้งหลายคงไม่ยอมหรอก!” ซือหม่าหว่านเอ๋อร์กล่าว
“สิทธิ์เข้าฝึกฝนในสถาบันชิงหยุนใช่ไหม! ผู้าุโ ลูกชายของท่านเสิ่นเลี่ยนถือเป็น้องชายของข้า ท่านคิดว่าถ้าเขาได้ฝึกฝนในสถาบันชิงหยุนจะเลื่อนขั้นได้ถึงขั้นไหน” เสิ่นเสวียนกล่าวถามผู้าุโคนนั้น
“อืม อย่างน้อยก็มีขั้นบรรพบุรุษเพิ่มมาในตระกูลเสิ่นอีกคนหนึ่ง”
ผู้าุโกัดฟันกล่าว
“สามปีถึงขั้นบรรพบุรุษ ผู้าุโ ท่านช่างกล้ากล่าวออกมา ทว่าข้าขอรับรองกับท่านเลยว่า ข้าจะทำให้เสิ่นเลี่ยนลูกชายท่านทะลวงถึงขั้นบรรพบุรุษในเวลาสองปี”
คำของเสิ่นเสวียนมีทั้งคนเยาะเย้ยและมีทั้งคนเชื่อ คนที่เชื่อคือคนที่รู้ว่าเสิ่นเสวียนยอดเยี่ยมเพียงใด ส่วนคนที่เยาะเย้ยคือคนที่โดนเสิ่นเสวียนทำลายความเข้าใจของพวกเขา ฝึกฝนถึงขั้นบรรพบุรุษในเวลาสองปี ด้วยพร์ของเสิ่นเลี่ยนแล้ว แม้จะไปไม่ถึงขั้นบรรพบุรุษเลยตลอดชีวิตก็ไม่แปลก
“ข้าหรือ! ข้าทำได้จริงๆ หรือ”
ทันใดนั้นเอง เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหอประชุมลุกขึ้นอย่างเก้ๆ กังๆ พลางถามเสิ่นเสวียน
เสิ่นเลี่ยนมีอายุสิบห้าปี ในหมู่คนรุ่นเยาว์ตระกูลเสิ่นเขาเรียกได้ว่าเป็อัจฉริยะก็จริงอยู่ อายุเพียงสิบห้าปีกลับมีพลังยุทธ์ถึงขั้นปรมาจารย์ระดับสูงแล้ว ทว่าหากเป็ไปตามที่เสิ่นเสวียนกล่าวไว้ อีกสองปีจากนี้เขาก็จะมีอายุสิบเจ็ดปี
ขั้นบรรพบุรุษตอนอายุเพียงสิบเจ็ดปี? หลายคนไม่เชื่อก็ไม่แปลก
“ท่านผู้นำ แม้ข้าจะเชื่อท่าน แต่ไม่มีความจำเป็ต้องทำแบบนี้เลย ใครบ้างที่จะต้านทานโอกาสเช่นนี้ได้ ข้าขอรับรองกับท่านเลยว่า หากเลี่ยนเอ๋อร์ฝึกฝนไม่ถึงขั้นบรรพบุรุษในสามปี ข้ายอมออกจากตระกูลและไม่กลับมาอีกเลยตลอดชีวิต”
“ผู้าุโหก ข้าขอรับรองกับท่านเช่นกัน หากเสิ่นเลี่ยนฝึกฝนไม่ถึงขั้นบรรพบุรุษในสองปี ข้าจะลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล ท่านคิดเห็นอย่างไร”
หากก่อนหน้านี้เป็เพียงการคุยโว ทว่าเมื่อรวมกับการเดิมพันในตอนนี้เข้าไปแล้ว ทำให้หลายคนคิดว่าเสิ่นเสวียนไม่ได้ล้อเล่น และพวกเขาก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าเสิ่นเสวียนจะทำได้ รวมไปถึงผู้าุโหกด้วย
เสิ่นเสวียนกล่าวอย่างจริงจัง
หลายวันที่ผ่านมา ความจริงจังของเสิ่นเสวียนได้พิสูจน์ถึงพลังของเขาแล้ว
แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบ!
“ว่าอย่างไร ยังไม่รีบเก็บโอกาสของเ้าไปอีกหรือ” เสิ่นเสวียนปรายตามองซือหม่าหว่านเอ๋อร์ กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เ้า! ข้าเองก็เป็คนตระกูลเสิ่นเช่นกัน เ้ามีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้า”
คุณหนูใหญ่ซือหม่าหว่านเอ๋อร์แสดงอารมณ์ร้ายออกมาอีกครั้ง เพราะเสิ่นเสวียนฉีกหน้านางต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
“มีสิทธิ์อะไรอย่างนั้นหรือ สิทธิ์ที่ข้าเป็ผู้นำตระกูลอย่างไรล่ะ ไป!!!”
เสิ่นเสวียนกล่าวเน้นเสียงในคำสุดท้าย เป็คำที่ทำให้ทุกคนตรงนั้นรู้สึกขนหัวลุก เดิมทีซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยังคิดจะกล่าวบางอย่างอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเสิ่นเสวียนทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“เ้า! พวกเราไป”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์หันไปกล่าวกับคนแบกเกี้ยว จากนั้นขบวนของนางก็เคลื่อนออกไป ตอนที่จะไป ข้ารับใช้ที่ยกหีบมาต่างก็ยกกลับไปด้วย
“วางหีบลง ตระกูลเสิ่นเลี้ยงดูเ้าจนโตขนาดนี้ ไม่ควรจ่ายดอกเบี้ยสักหน่อยหรือ”
เสิ่นเสวียนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลกล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้าน
เหล่าผู้าุโหน้าแดงก่ำ ผู้นำตระกูลของพวกเขาหน้าหนาเกินไปแล้ว พวกเขาที่แก่ปูนนี้ยังสู้ไม่ได้เลย
“เ้า! เสิ่นเสวียน ข้ากับเ้ายังไม่จบแค่นี้หรอก!”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์โบกมือให้ข้ารับใช้เ่าั้ แล้วออกจากตระกูลเสิ่นไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนในที่นี้ั้แ่รุ่นเยาว์ไปจนถึงผู้าุโได้รับรู้อย่างแท้จริงแล้วว่าอะไรคือฝีมือ พลังิญญาของเสิ่นเสวียนแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ระดับความไร้ยางอายกลับเหนือชั้นยิ่งกว่า
“เื่ในตระกูลเสิ่นหลังจากนี้ มอบหมายให้ผู้ดูแลใหญ่เสิ่นฉงจัดการแทน คำว่าผู้ดูแลใหญ่ไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไร เปลี่ยนเป็ผู้จัดการใหญ่ก็แล้วกัน ท่านลุงฉง หลังจากนี้หากมีเื่อะไรข้าจะเรียกท่านแล้วกัน”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นฉงที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็ผู้จัดการใหญ่ก่อนหัวเราะเสียงดังลั่น
ความรู้สึกที่ได้เป็ผู้นำตระกูลเช่นนี้ไม่เลวเลย เขาค่อนข้างชอบทีเดียว
เสิ่นเสวียนเพิ่งฟื้นขึ้นมา ทว่าเขาทำให้ตระกูลเสิ่นมั่นคงขึ้นกว่าเดิมด้วยวิธีการที่ต่างออกไป ทำให้ตระกูลเสิ่นเข้ามารวมเป็เชือกเส้นเดียวกันอีกครั้ง ที่เขาเลือกให้เสิ่นฉงมาเป็ผู้จัดการใหญ่เพราะจากความทรงจำของร่างนี้ เสิ่นฉงเป็คนที่เชื่อถือได้คนหนึ่ง ทั้งยังมีพลังแข็งแกร่ง พร์สูงมากพอ
“ใช่แล้ว ของในหีบเหล่านี้พวกเ้าเอาไปแบ่งกันเถอะ รับไว้อย่าได้ปฏิเสธ”
ณ ลานหลังเขาตระกูลเสิ่น
เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ม้าหิน พวกเขาจิบชาไปพลาง คุยเื่ในตระกูลเสิ่นไปพลาง
“ผู้าุโใหญ่ ตอนนี้น่าจะพอมีเวลาแล้วใช่ไหม!”
เสิ่นเสวียนจิบชา ก่อนจะกล่าวกับผู้าุโใหญ่
“อืม ใน่ท้ายเ้าทำให้ข้ารู้สึกเหลือเชื่อมาก”
เสิ่นล่างหัวเราะเสียงดัง
“เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางกันคืนนี้เลย” เสิ่นเสวียนพลันกล่าว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้