“โอเค งั้นฉันเอาด้วย มันตื่นเต้นดีเวลามีคนเยอะๆ มาดื่มด้วยกันน่ะ”
“ใช่แล้วๆ ยิ่งคนเยอะๆ ก็ยิ่งอร่อย นับฉันด้วย”
“ฉันด้วยๆ”
“ในเมื่อทุกคนยืนขึ้นแล้วฉันจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร?”
ไม่นานหลังจากนั้นผู้ชายส่วนใหญ่ก็ยืนขึ้น
พวกเขาไม่รู้ว่าฟางจื้อิกับพวกมีแผนจะมอมเหล้าฉินเฟิงพวกเขาเลยคิดในใจ “ไอ้เ้าพวกนี้ขี้โกงจริงๆ มีเหมาไถบนโต๊ะแค่ห้าขวดพวกนั้นกะจะใช้ข้ออ้างว่าดื่มด้วยกันและทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นเพื่อดื่มอีกสองสามขวดงั้นสิ?”
คิดว่าฉันโง่หรือไง? ฉันจะแข่งดื่มกับพวกแกทุกคน อย่าคิดว่าจะโกงฉันได้แม้แต่น้อย
เมื่อจ้าวปินและหลิวิเห็นหลายคนยืนขึ้นสีหน้าของพวกเขาก็หม่นหมองพวกเขาคิดในใจ “จะให้ฉันประจบแบบง่ายๆ ไม่ได้หรือไงวะ? ทำไมพวกแกถึงยืนกันหมดและทะเล่อทะล่าเข้าร่วมด้วย?”
ฉินเฟิงยิ้มขณะที่กวาดสายตาไปทั้งกลุ่มเขาถาม “พวกนายทุกคนอยากแข่งใช่ไหม? งั้นใครก็ตามที่หยุดดื่มก่อนจะเป็หลานและต้องเรียกคนอื่นว่า‘ท่านปู่’ เป็ไง?”
“ใช่แล้ว ใครก็ตามที่หยุดดื่มก่อนจะเป็หลานและต้องเรียกคนอื่นว่าท่านปู่”ทั้งกลุ่มะโพร้อมกัน
พวกเขาพึมพำกับตัวเอง“อย่าคิดว่าะโคำโกหกโอหังแล้วจะขู่พี่ได้ พี่จะยกซดให้กลัวกันไปเลย”
“เอาล่ะงั้นเราเริ่มกันเถอะ ทุกคนดื่มเป็ขวดก่อน” ฉินเฟิงตัดบทและเริ่มนำเขาหยิบเหมาไถ 53 ดีกรีที่ยังไม่เปิด ฉีกข้างฝาและเปิดขวดเขายกขวดและเริ่มกระดก
ตัวของเขาตั้งตรงดั่งปลายทวนเขายกเท้าเหยียบขึ้นเก้าอี้หนึ่งข้าง ยกเหมาไถมาที่ปากและกระดกมันทั้งหมดและเหล้าชั้นดีก็ไหลลงคอรวดเดียว
แม้ว่าฉินเฟิงจะยืนอยู่เงียบๆเขาก็แผ่กลิ่นอายวีรบุรุษออกมาอย่างไม่สิ้นสุด การเคลื่อนไหวของเขาทรงอำนาจและน่าประทับใจเหล้าไหลตรงสู่ร่างกายโดยไม่มีโอกาสหายใจ
เขากินดื่มตะกละตะกลามเหมือนจอมยุทธ์ที่เดินออกมาจากยุทธจักรพวกเขาย่างเข้าสู่โลกมนุษย์ด้วยความกล้าหาญ และจัดการพวกวางท่าอย่างไร้ปรานี
บรรดาคนที่เพิ่งโม้ว่าจะดื่มจนจบไม่กล้าพูด
พวกเขายืนขึ้นด้วยั์ตาเบิกกว้างและปากพะงาบๆเหมือนกับมีใครมาแช่แข็งร่างของพวกเขาิญญาของพวกเขาเกือบจะช็อกจนหลุดออกจากร่างไปพวกคนที่ยืนขึ้นและตั้งใจจะดื่มเหมาไถแค่นิดหน่อยก็ยอมรับความพ่ายแพ้
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าพวกเขาก็รู้ว่าประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป พวกเขาจมอยู่ในความคิดว่าจะทำจนกว่าจะท้องแตกดีไหมแต่นี่ไม่ได้มีความหมายให้กล่าวต่อหน้าฉินเฟิง
นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนกล้าดื่มเหล้าขาวทั้งขวดนี่มันไม่ใช่เบียร์ นี่มันเหมาไถ 53 ดีกรีเพียวๆมีหลายคนที่เริ่มส่ายหน้าและถอนหายใจมันยากที่จะได้กำไรบางส่วนจากค่าใช้จ่ายของคนอื่นในโลกนี้ ถ้าใครไม่มีความกล้าหาญก็ไม่มีหน้าที่จะเสนอหน้าออกมา
ปัง!
ในขณะที่ผู้คนตาค้างด้วยความใฉินเฟิงก็ดื่มเหล้าขาวจนหมดทั้งขวดและกระแทกขวดเปล่าลงบนโต๊ะอย่างแรงเขายิ้มและมองผู้คนด้วยความเยาะเย้ย “ไง ใครอยากจะดื่มอีกไหม?”
รอยยิ้มของฉินเฟิงชั่วร้ายดั่งปีศาจเสียงของเขาเหมือนกับมาจากนรก เขาขู่คนส่วนใหญ่ให้นั่งลงทันทีพวกเขารู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงชีวิตเพียงเพราะเหมาไถ
ใน่เวลาไม่กี่อึดใจมีแค่ฉินเฟิง จ้าวปิน และหลิวิที่ยังคงยืนอยู่ อย่างไรก็ตามทั้งสามมีสีหน้าแตกต่างกัน
หลังจากดื่มเหล้าขาวทั้งขวดฉินเฟิงยังอยู่ดีเขาดูเหมือนดื่มน้ำเปล่าเทียบกันแล้วจ้าวปินกับหลิวิเสียความมั่นใจและความหยิ่งไป
ทั้งสองใมากจนขายังสั่นอยู่หลังจากที่เห็นคอทองแดงของฉินเฟิง พวกเขาก็ไม่อยากจะแข่งกับเขาต่อ อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นสายตาที่แอบแฝงไปด้วยความเหี้ยมของฟางจื้อิจ้องมา พวกเขาก็ฝืนตัวเองให้เกินขีดจำกัดและบังคับตัวเองขึ้นสู่เวที
“ร..เราจะดื่มกับนายเอง!” หลิวิกับจ้าวปินแต่ละคนถือขวดเหล้าตอนแรกพวกเขาพยายามจะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่เมื่อคำพูดออกมาจากปากมันเสาะแสะเหมือนกำลังจะยอมแพ้
“โอเค งั้นพวกนายสองคนที่มีแต่ละขวดเชิญก่อนเลย”ฉินเฟิงยิ้มไปที่พวกเขาทั้งสองและสายตาก็กวาดไปยังคนที่เพิ่งยืนผายลมและนั่งลงเขาพูดกับพวกนั้นเบาๆ “ส่วนพวกที่เหลือ พวกนายไม่กล้าดื่มแล้วใช่ไหม? งั้นเรียกฉันว่า ‘ท่านปู่’ แล้วจะปล่อยไป”
บางคนจะหยิ่งมากเมื่อยั่วยุคุณแต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขาก็จะม้วนตัวเป็ลูกบอลและแอบอยู่ด้านข้างพร้อมกับแกล้งตายฉินเฟิงไม่เคยไว้หน้าคนอย่างนี้เพราะพวกมันไม่้าหน้า
มีเจ็ดคนที่เพิ่งยืนและนั่งลงสีหน้าของพวกเขามืดครึ้มทีละคน พวกเขารู้ว่าการเรียกฉินเฟิงว่า ‘ท่านปู่’คือการโดนเหยียดหยามแบบสุดๆ แต่ถ้าพวกเขาไม่เรียกว่า ‘ท่านปู่’พวกเขาก็จะทิ้งตัวตนเหลือแต่ความอัปยศ
บรรยากาศหนาวะเืทันทีทุกคนรอให้เจ็ดคนพูดขึ้นมา
ยอมรับอาจจะดีกว่าอยู่อย่างทนทุกข์ทรมานหนึ่งในนั้นยืนพรวดขึ้นมา เขามองฉินเฟิงด้วยสีหน้าไม่ยินดีเสียงของชายร่างกำยำเบาดั่งแมลงวันบิน
“ท่าน..ปู่”
“ท่านปู่”
“ท่านปู่”
….
เมื่อมีคนนำทุกอย่างก็ราบรื่น เจ็ดคนยืนขึ้นเรียกฉินเฟิงว่า ‘ท่านปู่’ อย่างเหมาะสมและนั่งลงอีกครั้งพวกเขาไม่มีอารมณ์ที่จะกินต่อไปอีกแล้วในคืนนี้
หลังจากลงโทษเสร็จสายตาของพวกนั้นก็จับจ้องไปที่ฉินเฟิงและอีกสองคนอีกครั้งจ้าวปินกับหลิวิรู้ว่าไม่สามารถซ่อนขวดเหล้าได้พวกเขาคิดว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเลียนแบบฉินเฟิงด้วยการเหยียบขึ้นเก้าอี้และยกหัวทำตัวดั่งวีรบุรุษผู้ผ่านประสบการณ์ด้วยหัวใจที่ปวดร้าวอย่างแรงกล้า
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถยืนตรงได้หลังจากดื่มไปแค่สองอึกมันเป็ครั้งแรกที่ดื่มทั้งขวดรวดเดียว ดังนั้นทั้งคอ ตาและท้องของพวกเขาเผาไหม้ดั่งสุมไฟ ทันใดนั้นความรู้สึกที่ยากจะต้านทานก็ทำให้ทั้งสองตัวงอในทันที
พวกเขาเปลี่ยนจากวีรบุรุษไร้เทียมทานกลายเป็กุ้งในทันควัน
แค่กๆ!
ทั้งสองยังฝืนดื่มทั้งขวดหลังดื่มเสร็จพวกเขาก็ไออย่างควบคุมไม่อยู่พวกเขารับไม่ไหวอีกต่อไปและตัวแดงั้แ่หัวจรดเท้า
“ดูเหมือนว่าพวกนายทั้งสองค่อนข้างจะคอแข็งดีนะ เอ้านี่ อีกสักหน่อย”พวกเขาเพิ่งวางขวดเปล่าและฉินเฟิงก็ยกขึ้นอีกขวด เงยหน้าและกระดกลงไป
เมื่อเป็การดื่มฉินเฟิงเป็ผู้ช่ำชองที่แท้จริง เขาลิ้มรสเบียร์ครั้งแรกตอนอายุ 1 ขวบ ไวน์แดง 3 ขวบ เหล้าขาว 5 ขวบและอื่นๆ อีกตอน 10 ขวบ เขาไม่ได้ดื่มเหล้าจากจีนเขาชอบดื่มเหล้านำเข้าแรงๆ
มีบัลแคนว้อดก้าจากบัลแกเรีย88%เหล้ารัมเกรนาดา 90% สก็อตวิสกี้ 92% เบียร์เอลอเมริกันโกลเด้น 95% และของโปรดของฉินเฟิงในตอนนี้ว้อดก้าโปแลนด์ 96%
เทียบกับแอลกอฮอล์ที่แรงสุดยอดพวกนี้ดื่มเหมาไถ 53% มันก็เหมือนกับดื่มเบียร์สำหรับฉินเฟิงเขาต้องดื่มเป็ขวดถึงจะมึน