เจ็ดชั่วโมงหลังเกิดอุบัติเหตุ ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้พบกับครอบครัวของคังเหว่ยที่โรงพยาบาลเผิงเฉิง
แม่และอารองของคังเหว่ย รวมถึงกวนฮุ่ยเอ๋อเดินทางมาด้วยกัน
กวนฮุ่ยเอ๋อเห็นมือของเซี่ยเสี่ยวหลานถูกพันผ้าไว้แ่า ใบหน้าที่เคยสะสวยกลับเปื้อนคราบยา ตอนเพิ่งเกิดอุบัติเหตุใหม่ๆ นั้นไม่เท่าไร แต่ตอนนี้แผลบนใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานบวมแดงมากอย่างเห็นได้ชัด กอปรกับสีของยาฆ่าเชื้อยิ่งทำให้แผลบนใบหน้าของเธอดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
ความสวยงามหายไปหมดแล้ว กวนฮุ่ยเอ๋ออดะเืใจไม่ได้ เด็กสาวเพิ่งปิดเทอมฤดูหนาว หากอยู่ที่ซางตูคงไม่เป็อะไร ทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงมาเผิงเฉิง นั่นก็เพราะอยากเจอโจวเฉิงมิใช่หรือ!
“นอนลง เธอเดินไปเดินมาแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
“คุณน้า ฉันไม่เป็อะไรจริงๆ ค่ะ ไม่จำเป็ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ บนหน้าก็มีแต่ยาทั้งนั้น คุณอาคัง คุณน้าเซี่ย ฉันจะพาไปหาคังเหว่ยนะคะ”
คังเหลียนิมาถึงโรงพยาบาลก็จับมือกับทังหงเอินเป็การทักทาย “รบกวนท่านนายกเทศมนตรีแล้วครับ ถ้าไม่ได้ท่านช่วยไว้ วันนี้คง... ผมในฐานะตัวแทนของตระกูลคังต้องขอขอบคุณท่านจริงๆ !”
“ไม่เป็ไรครับ คุณไปดูหลานก่อนเถิด พวกคุณคงกังวลตลอดการเดินทางแล้วสินะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานแค่มองคังเหลียนิก็รู้ว่าเขามีมาดของความเป็นักการเมืองตามแบบฉบับทุกอย่าง ความเข้มงวดเคร่งขรึมฝังลึกเข้ากระดูกดำ ตอนไหนควรยิ้ม มุมปากควรทำมุมเท่าไร ล้วนผ่านการคิดวิเคราะห์มาเป็อย่างดี หากกวนฮุ่ยเอ๋อไม่แนะนำให้รู้จักแล้วเธอบังเอิญเดินเจอเขาที่ริมถนน เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่มีทางคิดว่าผู้ชายคนนี้เกี่ยวข้องกับคังเหว่ยอย่างแน่นอน
เซี่ยอวิ๋นมีภาพลักษณ์เหมือนกับที่เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินมา เซี่ยเสี่ยวหลานเดินไปส่งที่หน้าห้องของคังเหว่ย พอเซี่ยอวิ๋นเห็นร่างที่มีสายระโยงระยางก็รู้สึกโศกเศร้าจนไม่อาจควบคุมตัวเอง เธอป็นลมล้มพับไปในอ้อมแขนของกวนฮุ่ยเอ๋อทันที
คังเหลียนินิ่งกว่ามาก เขาเรียกแพทย์ที่ผ่าตัดคังเหว่ยให้มาหา ก่อนจะขอให้หมอช่วยอธิบายอาการของคังเหว่ยอย่างละเอียด
ไม่เข้าใจคำศัพท์เฉพาะคำไหน คังเหลียนิก็จะถามต่อหน้าทุกคนทันทีอย่างไม่กลัวเสียหน้า
ยิ่งหมออธิบายมากเท่าไร คิ้วของคังเหลียนิก็คลายตัวลงมากเท่านั้น สุดท้ายเขาก็จับมือกับหมอ และกล่าวขอบคุณเสียยกใหญ่ แตกต่างกับเซี่ยอวิ๋นอย่างสิ้นเชิง
“เธอคือเสี่ยวหลานใช่ไหม”
คังเหลียนิเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานไปอีกทางเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนเกิดเหตุ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีอะไรต้องปิดบัง เธอเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงเื่ที่ตนหักพวงมาลัยให้เขาฟัง คังเหลียนิไม่ถือโทษโกรธเธอแต่อย่างใด เขาบอกเธอว่า “เธอทำถูกต้องแล้วล่ะ”
หากรถตรงมาจากด้านข้างแล้วพุ่งชนเข้ากับที่นั่งด้านหน้า คนแรกที่จะถูกแรงกระแทกคือเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ถึงอย่างไรคังเหว่ยก็ไม่พ้นเคราะห์เช่นกัน
ตอนนั้นคังเหว่ยใจนทำอะไรไม่ถูก เซี่ยเสี่ยวหลานถึงได้หักพวงมาลัย!
จะโทษเซี่ยเสี่ยวหลานหรือ?
ต้องโทษผู้ก่อเหตุต่างหาก
“เธอบอกว่าคนที่ขับรถชนเป็นักธุรกิจฮ่องกง และตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ เธอเล่าประวัติของตู้เ้าฮุยคร่าวๆ รวมถึงเื่ที่ไป๋เจินจูเตะเขาจนฟันหักให้คังเหลียนิฟัง
ริ้วรอยที่มุมปากคังเหลียนิเด่นชัดมาก คงเพราะเขาชอบเม้มปากอยู่เป็ประจำ เวลาเซี่ยเสี่ยวหลานคุยกับเขาก็จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ทั้งที่เป็คนระดับหัวหน้าเหมือนกัน แต่คังเหลียนิแตกต่างจากโจวกั๋วปินและทังหงเอินอย่างสิ้นเชิง เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าคังเหลียนิน่าจะเป็พวกรักความสมบูรณ์แบบ เข้มงวดกับตัวเองและคนรอบข้าง เธอได้ยินมาว่าลูกชายและลูกสาวของเขาคนหนึ่งทำงานแล้ว แต่ไม่ได้ทำงานอยู่ในหน่วยงานที่สุขสบายเหมือนคังเหว่ย กลับต้องไปประจำอยู่ในพื้นที่แร้นแค้นและลำบากที่สุด ส่วนอีกคนกำลังเรียนอยู่ ทว่ามีสภาพชีวิตเรียบง่ายและเข้มงวดมากเช่นกัน
มีเพียงคังเหว่ยเท่านั้นที่คังเหลียนิปล่อยให้ใช้ชีวิตตามใจชอบ คนนอกบอกว่าเขาไม่อยากให้คังเหว่ยประสบความสำเร็จ แม้แต่สองผู้เฒ่าในตระกูลก็คิดเช่นเดียวกัน
แต่จะเป็แบบนั้นจริงหรือ?
ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานอธิบาย คังเหลียนิตั้งใจฟังเป็อย่างมาก
ส่วนเื่ที่ไป๋เจินจูเตะตู้เ้าฮุยฟันหัก คังเหลียนิไม่วิจารณ์อะไรแม้แต่น้อย เดิมทีคนแบบเขาก็ไม่จำเป็ต้องแสดงอารมณ์ให้เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นอยู่แล้วน่ะสิ
ไม่ใช่เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานคือแฟนสาวของโจวเฉิง ต่อให้เธอเป็คู่ครองของคังเหว่ย คังเหลียนิก็คงไม่พูดอะไรกับเธอมากเช่นกัน
เซี่ยอวิ๋นยังคงนั่งเฝ้าคังเหว่ยพลางร้องไห้ออกมา คังเหลียนิถามไถ่อาการจากหมอเสร็จก็ไม่สนใจคังเหว่ยอีกต่อไป เพียงบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานพาเขาไปหาตู้เ้าฮุยที่ห้องผู้ป่วยเท่านั้น
ตู้เ้าฮุยอ้างว่าปวดหัวและปวดฟัน ลูกเตะของไป๋เจินจูไม่เพียงทำให้ฟันของเขาหัก แต่ยังทำให้สมองของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอีกด้วย
สมองของคนเราเป็อวัยวะที่ซับซ้อนที่สุดของมนุษย์ ศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยด้านสมองไม่มากนัก แม้หมอจะตรวจดูอาการตู้เ้าฮุยแล้วพบว่าปกติดี แต่ในเมื่อตู้เ้าฮุยยืนกรานว่าตัวเองป่วย ทางโรงพยาบาลจะทำอะไรได้ นอกจากต้องหาห้องพักให้เขาหนึ่งห้อง
เพราะทังหงเอินอยู่ด้วย ตู้เ้าฮุยจึงไม่ได้ทำอะไรไป๋เจินจู ดังนั้นเขาจึงทำแบบนี้แทนการต่อต้าน
ถึงอย่างไรเขาก็จ่ายค่ารักษาให้คังเหว่ยแล้ว เื่มาถึงขั้นนี้คงไม่มาบอกให้เขาไปเปิดกระโหลกเหมือนคังเหว่ยเพื่อรับผิดชอบหรอกนะ?
ตู้เ้าฮุยไม่เก็บเื่นี้มาใส่ใจแม้แต่น้อย เขาคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตีโพยตีพายเกินไป อีกทั้งตอนนี้คังเหว่ยก็ปลอดภัยแล้ว ตู้เ้าฮุยเองก็ได้เตรียมค่าชดเชยไว้พร้อมเรียบร้อย เหลือก็แค่รอให้ทุกคนมานั่งเจรจากันเท่านั้น
มีอำนาจมากแค่ไหนก็ไม่มีทางรังเกียจเงินหยวน
ปัจจุบันเงินเดือนของคนแผ่นดินใหญ่ต่ำเสียขนาดนี้ ก่อนการปฏิรูปประเทศ รัฐไม่อนุญาตให้ทำธุรกิจอิสระ ดังนั้นปี 1985 คงยังไม่มีเศรษฐีระดับพันล้านอยู่ในแผ่นดินใหญ่แน่นอน แม้แต่คนระดับทังหงเอินอย่างมากก็ได้เงินเดือนแค่ไม่กี่ร้อยหยวน ต่อให้ครอบครัวคังเหว่ยมีอำนาจแค่ไหน ตู้เ้าฮุยก็ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะปฏิเสธเงินชดเชยก้อนโตได้
ถ้าตระกูลคังรวยจนไม่ยอมรับเงินชดเชยจากเขาก็ยิ่งน่าสนใจไม่ใช่หรือ นอกจากรับสินบนแล้ว ตู้เ้าฮุยก็คิดไม่ออกอีกแล้วว่ายังจะมีวิธีหาเงินมาจากไหนตั้งมากมาย!
ตู้เ้าฮุยกำลัง ‘รักษาตัว’ อยู่ในห้องผู้ป่วย คนคุ้มกันถูกเขาไล่ออกไปข้างนอก ตอนนั้นเองคนคุ้มกันคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา
“คุณชายใหญ่ ครอบครัวคังเหว่ยมาถึงแล้วครับ เป็คุณอาของเขา เขาบอกว่า้าเจอคุณชาย คุณเซี่ยก็ตามมาด้วยครับ”
คุณเซี่ยตอนนี้หน้าบวมมากจึงไม่สวยเท่าตอนที่ยังไม่าเ็ เพื่อคุณเซี่ยคนนี้คุณชายใหญ่ถึงได้เดินทางไปที่หัวชิงถึงสองครั้ง แต่ที่ไหนได้คุณเซี่ยกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวสักนิด ที่แท้เพราะมีแฟนอยู่แล้วนี่เอง ตอนนี้คุณชายใหญ่ดันทำให้แฟนของเธอาเ็ มิน่าถึงร้อนตัวจนต้องมาหลบอยู่ในห้องเช่นนี้
คนคุ้มกันคิดไปไกลโขโดยที่ตู้เ้าฮุยไม่รู้ตัว
ตู้เ้าฮุยมองสภาพย่ำแย่ของตัวเอง สูทขาวเปื้อนเืยังไม่ได้เปลี่ยนออก ซีกหน้าข้างหนึ่งบวมช้ำ ตอนนี้เขาไม่อยากเจอคุณอาของคังเหว่ยสักนิด ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้น่ะสิ
“ให้พวกเขาเข้ามา”
ทว่าคนที่เดินเข้ามากลับไม่มีเซี่ยเสี่ยวหลาน มีเพียงชายวัยกลางคนคนเดียวเท่านั้น ท่าทางของเขาไม่ต่างจากภาพข้าราชการแผ่นดินใหญ่ที่ตู้เ้าฮุยจินตนาการไว้เท่าไร คนคุ้มกันของตู้เ้าฮุยยืนอยู่ในห้อง ทว่าเลขาของคังเหลียนิกลับเชิญคนคุ้มกันให้ออกไป “หัวหน้ามีเื่ต้องคุยกับสหายตู้ พวกคุณจะกลัวอะไร”
อย่าตลกไปหน่อยเลย คิดว่าคังเหลียนิจะล้วงมีดออกจากกระเป๋าเสื้อมาแทงตู้เ้าฮุยอย่างนั้นหรือ?
ตู้เ้าฮุยพยักหน้า “ให้ฉันกับคุณคังคุยกันเป็การส่วนตัว”
ผู้ชายคนนี้ต้องใช้เงินเท่าไรถึงซื้อได้กันนะ
สมองของตู้เ้าฮุยคิดเช่นนี้ เป็แค่อาไม่ใช่พ่อคงยิ่งคุยง่ายอย่างแน่นอน!
เซี่ยเสี่ยวหลานที่ถูกสั่งให้รออยู่หน้าห้องก็รู้สึกไม่มั่นใจสักเท่าไร เพราะสิ่งที่เธอได้ยินมาคือคังเหลียนิผู้นี้ไม่ค่อยใยดีคังเหว่ยนัก คังเหลียนิจะช่วยทวงความยุติธรรมให้คังเหว่ยได้หรือเปล่า หรือเพียงตู้เ้าฮุยยื่นเงื่อนไขเป็ค่าชดเชยเล็กน้อย คังเหลียนิก็ยอมประนีประนอม?
“นักศึกษาเซี่ย ให้พื้นที่ส่วนตัวกับหัวหน้าเถิด หรือคุณไม่เชื่อใจท่าน คิดว่าท่านไม่สามารถจัดการปัญหาได้?”
คังเหลียนิที่เข้มงวดและแข็งกร้าว แต่เลขาของเขากลับเป็คนหนุ่มสุภาพอ่อนน้อม แถมเวลายิ้มยังมีเขี้ยวอีกด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่อาจยอมรับว่า เธอไม่ค่อยเชื่อใจคังเหลียนิเท่าไรนัก
แต่เธอก็ไม่รู้จะบุกเข้าไปในห้องด้วยข้ออ้างอะไร เพราะเธอเป็แค่เพื่อนของคังเหว่ยเท่านั้น!