เนวิลล์หยิบคางคกสีเทาตัวอ้วนกลมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แฮร์รี่ขยับตัวถอยไปด้านในโดยสัญชาตญาณ
แต่เนวิลล์ดูจะไม่รู้สึกถึงความรังเกียจของทุกคนเลยแม้แต่น้อย เขายกคางคกตัวโปรดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ กำลังจะพูดบางอย่าง ทว่าในวินาทีนั้นเอง คางคกตัวอ้วนกลับเตะขาอย่างแรง พุ่งกระโจนออกจากมือของเขา มุ่งตรงไปยังประตูห้องโดยสารที่ยังไม่ได้ปิดสนิท
"เลฟฟ์!"
เนวิลล์ร้องเสียงหลง ลุกขึ้นอย่างเก้งก้าง แต่เ้าเลฟฟ์ะโอีกครั้งไปถึงปากประตู และอีกเพียงก้าวเดียวมันก็จะลับสายตาไปแล้ว ทว่าทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงปนเหนื่อยใจ
"เลฟฟ์ บินมา"
"กว๊าบ"
คางคกที่กำลังจะหายไปกลับลอยกลับมา ร่วงลงใกล้ ๆ เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตกตะลึง
"คาถาลอยตัว (Wingardium Leviosa)"
เดม่อนร่ายคาถาอีกครั้ง ควบคุมให้คางคกลอยอยู่กลางอากาศ เขาไม่อยากััเ้าสัตว์ตัวนี้เลยจริง ๆ
"เลฟฟ์!"
เนวิลล์ถอนหายใจโล่งอก รีบเข้าไปคว้าคางคกกลับคืนมา เฮอร์ไมโอนี่รีบหันไปปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้มันหนีออกไปอีก
"ขอบคุณมากเลย!"
"ไม่เป็ไร"
เดม่อนตั้งใจจะตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่พอคางคกตัวนั้นยื่นเข้ามาใกล้หน้าก็ทำให้เขาเผลอเอนตัวถอยไปหลายก้าว
เนวิลล์เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่า คางคกของเขาไม่ได้เป็ที่รักของทุกคน เขาจึงนั่งกลับลงไปอย่างเรียบร้อย พร้อมกอดเลฟฟ์ไว้แน่นด้วยสองมือ ไม่ให้มันหนีไปอีก
เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่แอบถอนหายใจ ก่อนจะกลับมาตื่นเต้นทันที
"คาถาเรียกของ! นายร่ายคาถาเรียกของได้ด้วยเหรอ!" สีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ไม่หยิ่งเหมือนก่อนอีกต่อไป "นายต้องมาจากครอบครัวพ่อมดแน่เลย ใช่ไหม?"
"เปล่า ฉันเป็เด็กกำพร้า ทั้งหมดนี่ฉันเรียนมาจากหนังสือเวทมนตร์ด้วยตัวเอง"
"โอ้! ขอโทษนะ"
เฮอร์ไมโอนี่รีบขอโทษทันที
เดม่อนพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่พูดถึงเื่นั้นต่อ เพราะจริง ๆ แล้ว คนที่สูญเสียพ่อแม่จริง ๆ ก็นั่งอยู่ข้างเขา แฮร์รี่หันมามองเดม่อนที่สูญเสียพ่อแม่เช่นกัน รู้สึกคล้ายคลึงกันขึ้นมาอย่างประหลาด
แม้ว่าเขายังมีครอบครัวเดอร์สลีย์ เอ่อ แบบนั้นไม่นับซะจะดีกว่า
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย ขบวนรถไฟก็แล่นออกจากลอนดอนแล้ว
ตอนนี้รถไฟกำลังแล่นผ่านทุ่งหญ้าโล่งที่เต็มไปด้วยฝูงวัวและแกะ ทั้งหมดเงียบลงครู่หนึ่ง มองวิวชนบทที่เลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เฮอร์ไมโอนี่อดใจไม่ไหว เธอหันไปพูดกับเดม่อนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
"ทฤษฎีการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด? ฉันอ่านจบหมดแล้วนะ บอกตามตรง เนื้อหามันลึกมาก ฉันยังเข้าใจไม่หมด แต่ฉันจดจำทุกอย่างไว้แล้ว จะมีเวลาทำความเข้าใจอีกมากมายในอนาคต"
แปะ!
เดม่อนปิดหนังสือ หันไปมองเด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้ม แสงอาทิตย์ยามเที่ยงลอดผ่านหน้าต่างกระทบขนตาของเธอราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์
"ไม่ เธออ่านไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพราะทฤษฎีมันลึกเกินไปหรอก"
"ความจริง ฉันคิดว่าหนังสือเล่มนั้นก็แค่ทฤษฎีไร้สาระทั้งหมด ไม่มีประโยชน์จริง ๆ เลย อย่างน้อยก็สำหรับพ่อมดรุ่นเล็กอย่างเรา"
ตอนที่เดม่อนพูด เขาสวมเชิ้ตสีขาวตัวเรียบ ผิวของเขาอาบอยู่ในแสงอุ่น ทำให้คำพูดของเขาดูสงบนิ่งราวกับผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็กนักเรียนปีหนึ่งธรรมดา
เฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ รวมถึงเนวิลล์ ถึงกับอึ้งไป
พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา ปีหนึ่งเหมือนกัน ทำไมเขาดูเป็ผู้ใหญ่มากขนาดนี้?
เฮอร์ไมโอนี่จ้องเดม่อนอยู่ไม่กี่วินาที รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก
ในใจของเธอมีความขุ่นเคืองผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะเนื้อหาที่เธอตั้งใจอ่านมาหลายวัน กลับกลายเป็ไร้ค่าในสายตาของเขา
แต่อีกด้านหนึ่งของสมองเธอกลับกระซิบบอกว่า เดม่อนอาจไม่ได้พูดผิดทั้งหมด
ความอยากเอาชนะเริ่มก่อตัว เธอพูดต่อทันที
"งั้นนายคิดว่าทฤษฎีแบบไหนที่มีประโยชน์จริงล่ะ?"
เดม่อนกำลังจะตอบ แต่เสียงเอะอะจากทางเดินหน้าห้องก็ดังขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูห้องด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและลักยิ้มบนแก้ม
"เด็ก ๆ ้าอะไรจากรถเข็นขนมไหมจ๊ะ?"
แฮร์รี่ไม่ได้กินอะไรั้แ่เช้า จึงรีบลุกขึ้น เดม่อนก็วางหนังสือลง พูดกับเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ
"ยังมีเวลาอีกเยอะ ค่อยคุยกันต่อทีหลังแล้วกัน"
สำหรับเขา การที่เด็กฝึกหัดสองคนถกเถียงเื่ทฤษฎีเวทมนตร์กันยังไงก็ไม่เร้าใจเท่าขนมในโลกเวทมนตร์
"ขอทุกอย่าง อย่างละสามชุดครับ รบกวนด้วยครับ คุณผู้หญิง"
"แน่ใจเหรอลูก?" แม่ค้าขนมมีสีหน้าสงสัย ั์ตาเต็มไปด้วยความอยากรู้ "ขนมพวกนี้ราคาไม่ถูกนะ ต้องใช้สองเกลเลียนทองกับอีกสามซิกเกิ้ลเงินเลยล่ะ"
"สามเกลเลียนทอง ไม่ต้องทอนครับ"
เดม่อนพูดอย่างไม่ลังเล ส่งเหรียญทองไปพร้อมยกขนมทั้งหมดมากองไว้บนที่นั่งของตัวเอง
แฮร์รี่ยังเดินวนรอบรถเข็น พึมพำไม่หยุด
"เอาอันนี้ด้วย แล้วก็อันนั้น… อืม อันนี้ก็น่าลอง"
พอเขาเห็นการซื้อแบบไม่ลังเลของเดม่อน ก็ชะงักไปนิด
"แฮร์รี่ กินของฉันก็ได้นะ" เดม่อนยื่นขนมไปให้ น้ำเสียงสบาย ๆ "ฉันซื้อมาก็เพื่อแบ่งกันอยู่แล้ว ถ้านายไม่รังเกียจนะ"
"เอ่อ โอเค ขอบใจนะ"
เฮอร์ไมโอนี่มองเดม่อนที่กลับมานั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูจะไม่พอใจเท่าไหร่
เธอเบิกตากว้าง พูดอย่างไม่พอใจ
"นายฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว! นายบอกว่าเป็เด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่านายเป็ลูกหลงของตระกูลขุนนางเวทมนตร์อะไรสักแห่ง?"
"ฉันเคยมีชื่อเสียงพอสมควรในโลกมักเกิ้ล มันทำให้ฉันหาเงินได้ไม่น้อย"
เดม่อนหัวเราะเบา ๆ ไม่อธิบายต่อ หยิบช็อกโกแลตคางคกส่งให้เนวิลล์
"นี่มันอะไรเหรอ?" แฮร์รี่ถาม "อย่าบอกนะว่ามันเป็กบจริง ๆ น่ะ?"
"เปล่าหรอก นายลองดูการ์ดข้างในสิ ฉันกำลังสะสมอยู่พอดี"
เนวิลล์เปิดช็อกโกแลตคางคก หยิบการ์ดขึ้นมาโชว์ให้แฮร์รี่ดู
ในการ์ดมีใบหน้าชายแก่ใส่แว่นครึ่งวงกลม จมูกเบี้ยว ผมและเครายาวสีเงิน ข้างใต้เขียนว่า: อัลบัส ดัมเบิลดอร์
"โอ้ ดัมเบิลดอร์!" แฮร์รี่ร้องออกมา
"เขาเป็การ์ดยอดฮิตเลยเหรอ?"
เดม่อนก็หยิบการ์ดดัมเบิลดอร์ได้เหมือนกัน แต่เขารู้สึกว่าตาเ้าลุงนี่จ้องเขาแบบประหลาด ชวนให้ขนลุก
ในสายตาของเดม่อน ดัมเบิลดอร์คือตัวแทนของ ลัทธิมาคิอาเวลลี ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์สูงสุด แม้ต้องเสียสละจริยธรรม
ั้แ่พบว่าแฮร์รี่มีชิ้นส่วนิญญาของโวลเดอมอร์ ดัมเบิลดอร์ก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาอาจต้องปล่อยให้แฮร์รี่ตาย จนกระทั่งได้รู้จักกันจริง ๆ จึงเริ่มลังเล
“เพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า”
เป็คติที่ทั้งดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ต่างยึดถือ
แม้ดัมเบิลดอร์ในวัยชราจะอ่อนโยนขึ้นมาก แต่บางครั้ง เขาก็ยังยึดมั่นในแินี้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตตัวเอง
ถ้าอีกฝ่ายค้นพบพร์ของเขาในวันหนึ่ง จะมองเขายังไงกันนะ?
แต่ก็คงไม่ต้องกังวลมาก เพราะอย่างน้อย ดัมเบิลดอร์ก็ยัง "เป็คนดี"
สิ่งที่เขาต้องทำ คือพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้กลายเป็ "เครื่องมือ" ในความน่าจะเป็อันน้อยนิดนั้น
เดม่อนคิดพลางพลิกการ์ดกลับมาอีกครั้ง ดัมเบิลดอร์หายไปจากภาพแล้ว
เนวิลล์กับแฮร์รี่เริ่มคุยเื่การ์ดในช็อกโกแลตคางคก เฮอร์ไมโอนี่หยิบเค้กรูปหม้อขึ้นมาชิม พร้อมจ้องเดม่อนอย่างมีเป้าหมาย รอโอกาสกลับไปคุยเื่ทฤษฎี
แต่เดม่อนกลับเพลิดเพลินกับขนมแปลกใหม่ตรงหน้า
หมากฝรั่งเวทมนตร์, ช็อกโกแลตคางคก, พายฟักทอง, เค้กรูปหม้อ, ไม้ชะเอมดำ, น้ำตาลบิน, ไข่แมวคาราเมล, เยลลี่เวทมนตร์, ลูกอมรสทุกอย่างของบีบี...
เอ่อ อันหลังนี่ขอผ่าน
เดม่อนวาง ลูกอมรสบีบี ลง สีหน้าเคร่งเครียด
เขาไม่อยากเสี่ยงกินรส...อึ ต่อให้มีแค่ 1 ในล้านก็เถอะ!
"โอ๊ย! ฉันได้รสขี้นกฮูก!"
เนวิลล์ร้องลั่น เสียงหัวเราะะเิขึ้นในห้องโดยสาร
(จบบทที่ 8)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้