มู่ชิงเซียวมีสีหน้าตื่นตระหนก “เช่นนั้นเ้ามีความมั่นใจว่าจะรักษาท่านปู่ให้หายได้หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าจริงจัง “ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน! แต่ตอนนี้ข้า้ายาสมุนไพรตัวหนึ่งอย่างเร่งด่วน ต้องรบกวนพี่ใหญ่มู่ไปหามาให้ข้าทันที”
มู่ชิงเซียว “ได้ เ้าบอกมา ข้าจะไปหามาให้ทันที”
เฟิ่งเฉี่ยน “ข้า้าตะขาบสีแดงห้าตัว จงจำไว้ว่าจะต้องเป็ตะขาบที่โตเต็มที่ สีของตะขาบยิ่งแดงยิ่งดี”
มู่ชิงเซียวตกตะลึง “ตะขาบแดงหรือ นั่นมิใช่ตะขาบที่มีพิษร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งหรอกหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ถูกต้อง สิ่งที่ข้า้าคือพิษของตะขาบ พิษยิ่งร้ายแรงยิ่งดี”
“หรือเ้าคิดจะ...” มู่ชิงเซียวตื่นตระหนก
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้ายืนยัน “ใช่แล้ว ข้าจะใช้พิษถอนพิษ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง คนอื่นๆ ภายในห้องมีปฏิกิริยาทันที ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
“ใช้พิษถอนพิษหรือ ไม่ได้ เช่นนี้อันตรายเกินไป”
“ใช่แล้ว ชีวิตของไท่ฟู่แขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่อาจได้รับความทุกข์ทรมานอีกแล้ว”
“ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
“เลอะเลือนเกินไปแล้ว!”
มู่ชิงหว่านมีสีหน้าราวกับคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าจะเป็เช่นนี้ นางเอ่ยวาจาถากถาง “ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเ้าไม่มีความสามารถอันใด! ต่อให้ศิษย์พี่ของเ้าเป็เซียนพิษแล้วอย่างไรเล่า นั่นไม่ได้หมายความว่าเ้าจะถอนพิษและรักษาได้เช่นกันนี่นา ท่านพี่เช่อ อย่าให้นางรักษาท่านปู่เด็ดขาด นางจะทำร้ายท่านปู่”
เซวียนหยวนเช่อไม่ได้สนใจนาง แต่กลับเดินเข้ามาหยุดข้างกายเฟิ่งเฉี่ยน “เ้ามีความมั่นใจหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าพูดว่า “ข้าได้นำอาการของไท่ฟู่มาเปรียบเทียบกับบันทึกของศิษย์พี่ พิษที่ไท่ฟู่ได้รับน่าจะเป็พิษชนิดหนึ่งที่เรียกว่า พิษงูหัวแดง พิษชนิดนี้จะแอบแฝงอยู่ในร่างกายได้เป็อย่างดี ไม่อาจตรวจพบโดยง่าย แต่หลังจากที่ตรวจพบ พิษก็จะกระจายตัวเต็มที่ วิธีการที่จะถอนพิษมีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือใช้พิษที่ร้ายแรงยิ่งกว่าของตะขาบมาควบคุมมัน! ทว่าขั้นตอนของมันยังคงมีอันตรายอยู่บ้าง หากควบคุมพิษเอาไว้ไม่ดีพอ มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าร่างกายของไท่ฟู่จะได้รับพิษทั้งสองชนิดพร้อมๆ กัน...”
ไม่รอให้นางพูดจบ เซวียนหยวนเช่อตัดบทเสียงเย็น “เจิ้นถามเ้าเพียงว่า เ้ามีความมั่นใจหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนเบ้ปาก “หากข้าบอกว่าไม่มีเล่า”
“เ้าต้องมี ไม่มีก็ต้องมี!” แววตาของเซวียนหยวนเช่อนิ่งลึก เขาพูดเน้นๆ ทีละคำ “เพราะ...เจิ้นเชื่อในตัวเ้า”
หัวใจของเฟิ่งเฉี่ยนสะท้านไหว คนบ้านี่ประเดี๋ยวเ็า ประเดี๋ยวเผด็จการ ประเดี๋ยวอ่อนไหวเช่นนี้ ช่างทำให้คนยากจะคาดเดา
มู่ชิงหว่านจิกเล็บมือลงในฝ่ามือ นางหนาวเหน็บไปทั้งใจ ท่านพี่เช่อเคยมองนางด้วยสายตาเยี่ยงนี้เมื่อใดกัน
ความริษยาตรงเข้าทิ่มแทงหัวใจ!
มู่ชิงเซียวนำตะขาบแดงมาในเวลาไม่นานนัก ตะขาบสีแดงก่ำ สีแดงนั้นสดราวกับเปลวเพลิง มีทั้งหมดห้าตัวถูกใส่ไว้ในขวดกระเบื้องสีดำ
มู่ชิงหว่านเห็นเช่นนี้ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึก “บ้าไปแล้ว พวกเ้าล้วนเสียสติไปแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนรับมาด้วยสีหน้านิ่งแน่ว นางหันมาพูดกับทุกคน “ตอนนี้ข้าจะเริ่มถอนพิษให้ท่านฟู่ เชิญพวกท่านทุกคนออกไปก่อน!”
ต่อมาไม่มีใครออกไปสักคน!
คนของสกุลมู่ไม่วางใจ พวกท่านหมอทั้งหลายคิดจะดูว่านางจะถอนพิษอย่างไร แต่ละคนไม่คิดจะจากไป
มู่ฮูหยินเอ่ยปาก “แม่นางเฟิง ไม่ใช่พวกเราไม่เชื่อเ้า เพียงแต่เ้าบอกว่าวิธีการนี้ค่อนข้างอันตราย ท่านหมอเหล่านี้ล้วนมีประสบการณ์เต็มเปี่ยม หากตกอยู่ในนาทีวิกฤติยังพอจะช่วยเหลือได้ คนมากขึ้นหนึ่งคนก็มีพลังมากขึ้นหนึ่งส่วน”
ความเห็นของเฟิ่งเฉี่ยนสวนทางกับมู่ฮูหยิน บางครั้งการมีคนมากขึ้นหนึ่งคนก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนช่วยมากขึ้นอีกหนึ่งแรง แต่กลับเป็แรงค้านหนึ่งส่วนมากกว่า ทว่านางรู้ดีว่าตอนนี้นางไม่อาจพูดให้พวกเขายินยอมได้
ช่างเถิด อยากดูก็ดูไป!
นางไม่ได้ทำเื่พบหน้าผู้คนไม่ได้สักหน่อย!
เฟิ่งเฉี่ยนสูดลมหายเข้าปอดลึกๆ สายตานิ่งแน่วเอ่ยขึ้นเนิบๆ “เช่นนั้นข้าจะเริ่มรักษาแล้ว!”
ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจว่านางจะใช้วิธีการอันใดรักษาไท่ฟู่ นางทำความสะอาดมือของตน ได้ยินเพียงเสียงหายใจของคนในห้อง!
เห็นเพียงนางรับขวดโหลไปจากมือของมู่ชิงเซียว แล้วหยิบตะเกียบคู่หนึ่งคีบตะขาบขึ้นมาตัวหนึ่งป้อนใส่ปากมู่ไท่ฟู่
นี่มัน...
เดิมทีคิดว่านางจะใช้วิธีการพิเศษอันใดมาถอนพิษ คิดไม่ถึงว่าถึงกับป้อนตะขาบเป็ๆ เ้าแน่ใจนะว่าเ้ากำลังถอนพิษ มิใช่กำลังป้อนพิษ
กระทั่งมู่ชิงเซียวเองก็ยังใจนสะดุ้งโหยง เขารีบยื่นมือเข้าไปขวางตอนรู้สึกตัว “ไม่ได้!”
ตะขาบตื่นตระหนก เดิมทีมันกำลังหยั่งท่าทีอยู่ข้างปากของมู่ไท่ฟู่ มันส่งเสียงฟู่แล้วมุดเข้าไปในปากของไท่ฟู่เพียงไม่กี่ครั้งก็หายวับไปกับตา!
มู่ชิงเซียวเห็นตะขาบทั้งตัวชอนไชเข้าไปในปากของท่านปู่ทั้งเป็ๆ เช่นนี้ ถึงกับใจนตาค้าง
ดวงตาของเฟิ่งเฉี่ยนกลับทอประกายเจิดจ้า นางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ดีเหลือเกิน!”
มันได้ผล!
นางคีบตะขาบตัวที่สองขึ้นมาเตรียมจะส่งเข้าไปในปากของไท่ฟู่...
คนอื่นๆ ภายในห้องได้สติขึ้นมาในที่สุด และเริ่มส่งเสียงห้ามปราม
มู่ฮูหยินเป็คนแรกที่ส่งเสียง นางแทบจะพุ่งเข้ามา “หยุดนะ! เ้ากำลังทำอะไรกันแน่ ยังไม่รีบหยุดมืออีก”
ขณะที่นางเกือบจะพุ่งเข้าไปถึงข้างเตียง ถูกสายตาคมปลาบของเซวียนหยวนเช่อที่สาดออกไปปรามเอาไว้ ลั่วหยิ่งยื่นมือออกมาขวางนางเอาไว้ทันที “มู่ฮูหยิน ท่านอย่าได้รบกวนแม่นางเฟิงถอนพิษ!”
“ถอนพิษหรือ” มู่ฮูหยินเอะอะโวยวายขึ้นมา “นางกำลังถอนพิษอยู่หรือ นี่นางกำลังทำร้ายบิดาสามีข้าต่างหาก!”
นางหันไปเรียกเซวียนหยวนเช่อ “ฝ่าา ขอพระองค์ทรงบอกให้นางหยุดเพคะ! จะให้นางทำเช่นนี้ต่อไปไม่ได้!”
มู่ชิงหว่านรอจับผิดเฟิ่งเฉี่ยนอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเช่นนี้จึงรีบสนับสนุนคำพูดของมารดาทันที “ท่านพี่เช่อ คนที่ท่านควรห้ามคือนาง ท่านห้ามมารดาของข้าทำอันใด หรือท่านมองไม่ออกว่านางถอนพิษไม่เป็ มีใครกันป้อนตะขาบตัวเป็ๆ ใส่ปากคนไข้เช่นนี้ นี่มันไม่ใช่การรักษาของคนในอาชีพนี้! ไม่เชื่อ ท่านลองถามท่านหมอที่อยู่ในที่นี้ดู ใครเคยเห็นการถอนพิษที่ป่าเถื่อนเช่นนี้มาก่อนบ้าง”
บรรดาท่านหมอนั้นเก็บอัดความไม่พอใจเอาไว้นานแล้ว นับั้แ่เฟิ่งเฉี่ยนเข้ามา ฐานะของพวกเขาแทบจะถูกแขวนเอาไว้ กลายเป็ “ท่านหมอผู้ไร้ความสามารถ” หากเฟิ่งเฉี่ยนถอนพิษให้มู่ไท่ฟู่ได้จริงๆ เกรงว่าพวกเขาคงจะรั้งหมวกผ้าแพรขุนนางบนศีรษะไว้ไม่อยู่ ตอนนี้ไม่ง่ายดายเลยกว่าจะจับผิดเฟิ่งเฉี่ยนได้ พวกเขาจะยังไม่รีบผลักนางไปหาที่ตายอีกหรือ
“กระหม่อมเป็หมอมาหลายสิบปี ไม่เคยเห็นวิธีการถอนพิษเช่นนี้มาก่อน ช่างน่าขันจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
“มันถอนพิษที่ไหนกัน ป้อนพิษมากกว่า! นางจะต้องเป็ไส้ศึกที่แฝงตัวเข้ามาทำร้ายไท่ฟู่แน่นอน กระหม่อมขอเสนอความเห็นให้จับกุมตัวนางไปคุมขังในคุกหลวง แล้วค่อยไต่สวนอย่างละเอียด ไม่แน่ว่าในจวนสกุลมู่อาจจะยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอื่นๆ อีก!”
“ถูกต้อง จับกุมตัวนาง นางต้องเป็ไส้ศึกแน่นอน!”
“จับไส้ศึก!”
“จับไส้ศึก!”
คนทั้งหมดะโพร้อมกัน
เฟิ่งเฉี่ยนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า เวลาเพียงชั่วพริบตา ตนเองจะกลายเป็ไส้ศึก จินตนาการของพวกเขาช่างน่าเลื่อมใสนัก!
แต่นางไม่ได้แยแสคนเหล่านี้ หนึ่งตัว สองตัว สามตัว...นางป้อนตะขาบใส่ปากไท่ฟู่ต่อ สีหน้าท่าทางยังคงมุ่งมั่นตั้งใจ เพราะนางเชื่อว่าจะต้องมีคนช่วยนางชี้แจงเื่ทุกอย่าง
นางมีความเชื่ออย่างหาสาเหตุไม่ได้
เซวียนหยวนเช่อไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง เขาตวัดสายตาเยียบเย็นคมปลาบข้ามไปทำให้เสียงเอะอะพลันเงียบลงทันที
“เจิ้นเคยพูดแล้วว่าหากเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น เจิ้นจะรับผิดชอบเอง!” น้ำเสียงของเขาเย็นสุดขั้ว บาดลึกเข้าไปในโสตประสาทของทุกคน “ผู้ใดกล้าก่อกวนอีก อย่ากล่าวโทษว่าเจิ้นไม่ไว้ไมตรี!”
เสียงชักกระบี่ออกจากฝักขององครักษ์ดัง สวบๆๆ ขึ้นพร้อมเพรียงกัน แสงดาบที่สะท้อนแสงนั้นกดดันให้บรรดาท่านหมอถูกขับออกไปรออยู่นอกห้อง
บรรดาท่านหมอแต่ละคนกลายเป็ใบ้ทันที แม้ในใจจะยังคงคิดว่าวิธีการถอนพิษเช่นนี้นอกรีตเหลือทน แต่พวกเขาไม่มีความจำเป็ต้องล่วงเกินฮ่องเต้เพราะไท่ฟู่คนหนึ่ง