ทั้งสองเดินต่อเข้าไปจนถึงใจกลางถ้ำก็ได้พบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ (บ่อน้ำแห่งจินตนาการ) แสงสว่างเจิดจ้าจากปากบ่อดั่งผงเกล็ดมุกเปล่งประกายระยิบระยับคล้ายมีมนต์เรียกหาล่อลวงให้ผู้พบเห็นเดินเข้าไป แสงวิบวับสะท้อนใบหน้าหวาดกลัวใของเหล่าศีรษะที่ถูกตรึงอยู่ปากเพดานรอบๆ คล้ายว่าสิ่งเ่าั้กำลังแยกเขี้ยวร้องโหยหวนเตรียมตะครุบ
บริเวณรอบๆ เหล่าจิตภูตบินอยู่บนปากบ่อมากมาย เมื่อเ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟาเดินเข้าไปใกล้ ก็พึ่งเห็นแสงสว่าง ฉายเข้ากับหน้าจิตภูติ ตาโตดำ หูตั้งชันสูง ไม่มีจมูก เขี้ยวแหลมเต็มปาก
“นี่มันภูติผีรึเปล่าเนี๊ยะ!” เ้าวั่งซูคิด แต่ก็เพราะหน้าตาเหยเกปนน่ารักน่าชังของเ้าจิตภูตินี้ ทำให้สติของวั่งซูไขว้เขวถูกดึงกลับมาชั่วครู่
“นี่มันมนต์ยั่วยุกลีบบุปผา” เ้าวั่งซูสะบัดพัดดำในมือร่ายเวทย์ “มนต์สะกดลวงตา จงหายไป!” และโบกสะบัด แสงสีพวยพุ่งตามแฉกกรีบพัด พัดพาเหล่าจิตภูติร้องกระเจิงแตกวง ไอหมอกไอควันวิบวับจากปากบ่อบางตาลงเหลือเพียงไอหมอกใสใส มองผ่านไอหมอกไปอีกด้านขอบบ่อ ฮวาเฟยฟากำลังหมดสติและล้มลงปากบ่อ เ้าวั่งซูกระโจนเข้าโอบรับและดึงร่างทั้งสองออกห่างปากบ่อ ตอนนี้ฮวาเฟยฟาหมดสติอยู่ในอ้อมแขนเ้าวั่งซู เ้าวั่งซูเอามือตีแก้มเบาๆ
“เฟยเฟย เ้าเป็ไรไม๊! ตื่นสิ!”
ยังไม่มีสัญญาณการมีสติ เมื่อตีไปได้สักพัก มือของเ้าวั่งซูกลับเปลี่ยนเป็ลูบและััอย่างเบาๆ อ่อนโยนคลึงไปมา “ทำไมผิวเ้าถึงละเอียดขาวดังหิมะแต่เย็นะเื ขนตายาวเป็แพ จมูกโด่ง ปากคมอิ่มเอิม ช่างงดงามเหมือนัน้ำยามนิทรา”
“เฮ้ย! นี่ข้าคิดอะไร เ้าวั่งเอ้ย นี่มัน”
ฮวาเฟยฟาได้สติเริ่มลืมตาขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับข้า เ้าวั่งซู ข้าจำได้ว่าพวกเราพบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่น และและ...”
“ใช่ บ่อน้ำนั่น แสงจากบ่อนั่น และจากพวกจิตภูต รวมถึงกะโหลก้า ล้วนเป็กับดัก ร่ายมนต์ยั่วยุกลีบบุปผา ล่อลวงสิ่งต่างๆ มาติดกับเข้ามาได้ แต่ ไม่มีชีวิตรอดจากนี่ไปได้” เ้าวั่งซูกล่าว
“แต่อะไรทำให้พวกนี้ต้องมาตายสภาพแช่แข็งเช่นนี้หล่ะ” ฮวาเฟยฟาครุ่นคิด
“เอ๊ะ! ผลึกวิบวับจากบ่อนั่นเหมือนข้าเคยเห็น มันคือทราย หยิงเซ่อหยางเหมา (ขนแกะเงิน) และ จิงเซ่อหยางเหมา (ขนแกะทองคำ) ของ ั์ถูหลันเม่งเซี๊ยะ-มารฝัน จากภพฝัน” ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
“แล้วมันคือใคร!” เ้าวั่งซูกล่าว
“ฮ่าๆๆๆ! ข้าก็คิดว่าเ้าจะรู้” เฟยฟาหัวเราะร่าออกมา
“แหะแหะ! ไม่! ข้าอาจจะพึ่งมากำเนิดได้ไม่นาน หรือ ไม่ค่อยได้ตั้งเล่าเรียนตอนเด็กๆ” เ้าวั่งซูลูบหัวตัวเอง
“ั์ถูหลันเม่งเซี๊ยะหรือมารฝันคือเ้าผู้ปกครองภพฝันแห่งความเงียบงัน เป็ภพเดียวที่มิอาจแบ่งแยกขาวดำชัดเจน จริงๆ แล้วอีกชื่อหนึ่งตามที่ตำราในหอมนต์ตราสววรค์เขียนไว้คือ มันควรจะถูกเรียกว่า “ภพฝันนามธรรม และ ภพฝันรูปธรรม” ข้าเคยได้ยินว่าเ้าภพฝัน มารฝันนั้น มีสองคนในร่างเดียว คือ
“ฝันดี (เม่งเซี๊ยะ-นางฟ้าถือพิณและทรายหยิงเซ่อหยางเหมา (ขนแกะเงิน) และ ฝันร้าย (ถูหลัน-ั์สีแดงหน้าตาน่ากลัวเขี้ยวล้นปากถือกู่เจิงและทรายจิงเซ่อหยางเหมา (ขนแกะทองคำ) ”
“ร่างหนึ่งทำหน้าที่กระจายฝันดีสู่ทุกภพด้วยพิณสะกดใจ และ พาดวงจิตที่เร่ร่อนออกจากร่างมาสู่ภพฝัน ก่อฝัน สร้างฝัน ด้วยทรายขนแกะเงิน เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนพบความฝันที่สวยงามและสำเร็จทำให้ดวงจิตสว่างสไวขึ้น”
“ส่วนอีกร่างฝันร้ายในทางตรงข้ามคือกระจายฝันร้าย ความดำมืด สู่ฝันผู้คนด้วยกู่เจิงบังคับจิตและทรายขนแกะทองคำ นำพาดวงจิตที่ตกอยู่ในความฝันล่องไปในทางมืดและดำเปลี่ยว ฝันร้ายแบบที่สุดในโลก”
“มารฝันจะได้ไอสว่างจากจิติญญาเป็ค่าตอบแทน และ คนผู้นั้นจะสูญเสียความกระปรี้กระเปร่าไปในร่างจริงเนื่องด้วยเศษเสี้ยวจิติญญาที่นำไปแรกมา ว่ากันว่ามีสิ่งมีชีวิตจากต่างภพมากมายที่หลงอยู่กับฝันตน จนโดนดูดซับไอชีวิตหมดสิ้นแสงสว่างแห่งดวงจิตจนแห้งเฉากึ่งเป็กึ่งตาย สรุปเลยยังไม่มีใครรู้ว่าตกลง เ้าภพฝัน และ ภพฝันนั้นดีหรือไม่ดี และเกิดมาเพื่อสิ่งใด” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“เอ่ออ! กึ่งเป็! กึ่งตาย! เหี่ยวเฉา! แบบพวกที่อยู่้าผนังถ้ำนั่นรึเปล่า” เ้าวั่งซูกล่าว
“จริงด้วย สภาพกายเหล่านี้ ดูซีดเหี่ยวแห้งคล้ายโดนดูดไอแห่งดวงจิตไปจนหมด” เฟยฟากล่าว
“จริงๆ ด้วย ข้าพึ่งนึกออก ความสามารถของมารฝันอีกอย่างหนึ่งคือสามารถย้ายภพฝันเข้าซ้อนทับภพอื่น โดยที่ไม่ได้ออกจากภพตัวเอง แต่เป็การยกภพทั้งหมดมาวางซ้อนลงบนภพอื่น หรือว่านั่นคือการสร้างภพนามธรรม เข้าทับซ้อน ภพรูปธรรม” ฮวาเฟยฟาเอ่ยครุ่นคิด
“ใช่! ถ้าแบบนี้แสดงว่า ถ้ำนี้! บ่อนี้! คือภพฝันแห่งความเงียบงัน และ ได้ถูกย้ายไปหลายๆ ภพในลักษณะซ้อนทับลงเหมือนกับดักรอเหยื่อจากภพนั้นๆ เดินเข้ามา และ เอาชีวิตมาทิ้งที่นี้” เ้าวั่งซูกล่าว
“ถ้างั้นพวกเราก็ไม่น่าจะ.......”
สิ้นเสียง เหล่าซากศพรอบๆ รอบๆ ถ้ำ เริ่มสั่น และ ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ลมแรง พวกจิตภูติสแยะยิ้มแยกเขี้ยวคล้ายมันบ้าขึ้น
“หรือว่า....พวกนี้ก็เป็เหยื่อของภพฝันแห่งความเงียบ เข้ามา และ ถูกทำให้ไร้สติ! แสดงว่าทุกสิ่งที่เข้ามาในนี้ล้วนเสียสติเพราะฤทธิ์ของ......” ยังไม่สิ้นเสียงความคิดขอฮวาเฟยฟา
“ฮ่ะ! เสียงพิณ เสียงกู่เจิง และ ละอองทรายที่ลอยวิบวับอยู่ในถ้ำนี้ทั้งหมด คือกับดัก! ไปเร็ว! รีบออกไปจากที่นี่! วั่งซู”
ฮวาเฟยฟาะโเรียก และ พุ่งเข้าโอบกอดรัดตัวเ้าวั่งซู เหาะตรงย้อนกลับทางที่เข้ามา ประติมากรรมสิ่งมีชีวิตที่ร้องโหยหวนตามผนังและเพดานถ้ำ เอื้อมมือมาปัดขัดขวาง ยื่นหน้า ยื่นปากลิ้นฟันเข้ามาจะกัดกลืนกิน ทุกสิ่งทุกอย่างในนี้ขยับตะครุบทั้งสองคนอย่างวุ่นวายไปหมด เหล่าจิตภูติรวมตัวบินตรึงแขนขาฮวาเฟยฟาและเ้าวั่งซูไม่ให้ขยับไปต่อ เหล่ามือเป็ร้อยเป็พันมือแย่งกันยื่นจับยึดร่างทั้งสองไม่ให้ขยับไป ดูหมือนจะสายเกินไป ทั้งสองยังไม่ถึงปากถ้ำ ทางกลับออกไปสู่ปากถ้ำเริ่มปิดลง
“ช้า!ช้าก่อน! นั่น! มีบางสิ่งกำลังขึ้นมาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” เ้าวั่งซูยังอยู่ในการโอบรัดในอ้อมแขนของฮวาเฟยฟา ชี้ไปที่ปากบ่อน้ำ
“ฮ่ะ! นั่นมัน! มารฝัน นี่เราติดอยู่ในกับดักฝัน หนีออกไปไม่ได้”
แสงเจิดจ้าพวยพุ่งขึ้นจากปากบ่อ เทพธิดาเม่งเซี๊ยะ ค่อยๆ ลอยปรากฏกายโผล่ขึ้นจากบ่อ กายหยาบที่ขาวละเอียด และ ดวงหน้าคมมนช่างงดงามเหมือนนางฟ้านาง์ แต่ ที่แปลกตาคือบนศีรษะมีเขาแพะอันใหญ่ขดเป็เกลียวบนหัว สองมืออุ้มประคองพิณ ดวงตากวางเรียวงามคู่นั้นหลับไม่เปิดขึ้น
“นั่นต้องเป็เม่งเซี๊ยะ ข้าเข้าใจละว่าทรายขนแกะเงินคือมาจากขนของตัวนางเอง” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“เ้าคือเทพธิดาเม่งเซี๊ยะ เ้าภพฝันแห่งความเงียบงันใช่หรือไม่ เหตุใดจึงมาปรากฏตัวภพมนุษย์”
“ใช่คือข้าเอง พวกเ้าเก่งไม่น้อยที่รู้จักข้า และ ภพฝันแห่งความเงียบงัน” เม่งเซี๊ยะพูดทั้งที่ยังลอยอยู่ในอิริยาบทชดช้อยงดงามคล้ายถือพิณกำลังฟ้อนรำ และ ดวงตาคู่งามก็มิได้เปิดขึ้น
ฮวาเฟยฟา ผายมือในอากาศ ไป่ชิงหลงปรากฏกายขึ้นด้านหลังขดตัวสูงอยู่เหนือฮวาเฟยฟา และ อ้าปากเปล่งแสงจากลำคอพวยพุ่งกระบี่สีขาวหยก รูปร่างเหมือนแฉกเขี้ยวัขาวลอยเปล่งแสงออกจากปากไป่ชิงหลง กระบี่เล่มนี้เป็หนึ่งในอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐี
กว่าหมื่นปีที่มีการถือกำเนิดของโลกนี้ และ หนึ่งสัตว์ที่เก่าแก่มากที่สุดที่ถือเกิดมาพร้อมกับโลกใบนี้ ณ ภพเดรัจฉาน คือ เผ่าั และ ในทุกๆ ครั้งของการถือกำเนิดและดับสลายในทุกคมเขี้ยว พลัง จากซากสังขารัจะกอรปรวมเข้ากับดวงจิตลอยออกมาเข้ารวมร่างกับกระบี่เล่มนี้ นั่นหมายถึง กระบี่เล่มนี้คือที่รวมกันของดวงิญญาทุกดวงของบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์ั
“กระบี่สุสานั!”
เทพธิดาเม่งเซี๊ยะ เริ่มร่ายรำไปมาพร้อมดีดพิณประจำกาย “ทำนองนำพาิญญา”
หนึ่งในทำนองเก่าแก่จาก “ตำนานปีศาจขโมยฝัน ปีศาจั้แ่สมัยาลักษณะเหมือนคนแคระเครายาวแบกถุงเข้าขโมยความฝันของผู้คนยามค่ำคืน” ทำนองนี้ที่ถูกเก็บไว้ใน หอจิ่งซือเย่เถวีย (หอมนตรา์) ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้และเป็หนึ่งในทำนองที่ถูกทำให้ลืมไปตลอดกาล
ดวงตากวางยาวยังคงหลับ เม่งเซี๊ยะเริ่มดีดนิ้วเรียวไล้ไปบนพิณ เสียงแว่วหลอนซึ้งถูกดีดออกมาประสานเข้ากับสายลม จังหวะช้าระรื่นถี่ถี่กระเพื่อมเข้าโสดประสาท เม่งเซี๊ยะยกตวัดนิ้วสวยดีดนิ้วเร่งจังหวะอีกครั้ง
เหล่าร่างที่ถูกตรึงบนผนังถ้ำ เริ่มส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนโดนปลุก และ ร้องอย่างเ็ปแต่ก็ไม่มีทางหลุดจากพันธนาการที่รัดรึงไว้
“โอ๊ย! เสียงนี่มันคือเสียงอะไร ไพเราะ! ยั่วยวน! ดึงดูด! และทรมานในใจ!” วั่งซูเอามือกุมหัวแน่น
“ปิดหู! วั่งซู!” ฮวาเฟยฟาบอก อย่าไปฟัง อันนี้คือทำนองปีศาจ มันจะล่อลวงดวงจิตเข้าสู่ความฝัน และ จะติดอยู่ในนั้นนิรันดร์”
“วี๊ดด! วี้! โฮ๊ก! กรี๊ด! ว๊าก!” เสียงร้องโหยหวนทรมานดังกระหึ่มทั่วถ้ำรอบด้าน
เฟยฟาตวัดกระบี่ขึ้นเป็แนวตั้งฉาก ตั้งจิตรวมพลัง สองนิ้วกรีดกระบี่ ร่ายมนต์
“มนต์กลืนกินความมืดแห่งเผ่าั” กระบี่สุสานัเปล่งแสง พวยพุ่งตรงสู่ เม่งเซี๊ยะ กระแทกกำแพงทรายแกะเงินที่ห่อหุ้มร่างกายเม่งเซี๊ยะแตกกระจายจนเกือบหมด ปลายเส้นสายของพลังพุ่งตรงตัดสายพิณหนึ่งเส้นขาดผึ่ง
เม่งเซี๊ยะเหวอ “นี่เ้าคือบุตรชายคนเดียวของเผ่าพันธุ์ัในรอบพันปีหรอ มีเพียงเกล็ดัที่สามารถตัดสายพิณและทำนองแห่งข้าได้ องค์ชายัแห่งภพ์” เม่งเซี๊ยะหน้าเสียใ
“ท่านคือเทพ ภพต้นกำเนิดคือภพ์ แต่ท่านฝ่าฝืนกฏ สร้างกรรมมากมาย ท่านฆ่าและกักขังทุกดวงจิตที่หลุดเข้ามาในภพฝันแห่งความเงียบงัน ท่านขโมยดวงจิต และ ร่างพวกเค้า มันคือการฝ่าข้อห้ามร้ายแรง” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“พวกเราต้องส่งท่านคืนสู่ภพต้นกำเนิด และจะปิดผนึกท่านไว้ตลอดกาล” เ้าวั่งซูพูดพร้อมเรียกเคียวสู่ภพปรากฎ
“งั้นเ้าก้คือผู้สืบสายเืตระกูลเ้า เ้าวั่งซู เ้าแห่งภพมนุษย์ โชคชะตาอะไรกันทำให้เราได้มาพบกัน” เสียงของเทพธิดาเม่งเซี๊ยะอ่อน และ สลดลง
“ขโมยและกักขังดวงจิตหรอ! ใช่! มันฟังดูเหมือนเป็อย่างนั้น แต่พวกเ้ารู้ไหมจริงๆ แล้วทุกคนที่เดินเข้ามายังภพฝันนี้ล้วนแล้วแต่ได้รับการขับกล่อมด้วยพิณสู่ฝันและทรายแกะเงิน มันคือทำนอง และ ศาตราแห่งเทพ ที่ทำหน้าที่นำทางเหล่าดวงจิตที่สิ้นหวังและหลงทางสู่ความฝัน สู่จินตภาพที่พวกเค้าไฝ่ฝัน มันก็ทำหน้าเหมือนเคียวสู่ภพของเ้าไง เ้าเด็กตระกูลเ้า”
เ้าวั่งซู สะดุ้ง และ สะอึกหนึ่งที
“และตัวข้านั้นไม่ได้มีหน้าที่บังคับใจพวกเค้า การที่ติดอยู่ที่นั่นในภพฝันนามธรรม เป็สื่งที่พวกเค้าเอง ้า และ เต็มใจที่จะอยู่ในนั้นไปตลอด พวกเ้าคิดว่าการที่พวกเ้ามาอยู่ที่นี่เป็เื่บังเอิญรึ?! เด็กน้อย ไม่! เ้าคิดผิด! ดวงจิตทั้งหลายไม่ว่าจะมีร่างกำเนิดจากภพภูมิใด ก็ล้วนแล้วแต่ไฝ่หาหนทางสู่ความสงบ มีความ้าที่จะอยากอยู่ในสักที่ใดที่หนึ่ง ที่ช่วยให้พวกเค้าได้รู้สึกหลุดพ้นจากโลกแห่งความเป็จริงที่โหดร้าย ความทุกข์ทรมานที่ต้องได้รับ และ ข้าเม่งเซี๊ยะถูกโทษทัณฑ์จาก์ให้ลงมาดูแลภพฝันห่งความเงียบงันแห่งนี้ และ พันธะเพียงหนึ่งเดียวของข้า ก็คือเปิดทางสู่โลกแห่งฝันนามธรรมให้พวกเค้า พวกเหล่าคนที่มีดวงจิตที่สะอาดสว่างและมีบารมีมากพอ ที่จะเดินไปสู่ฝันที่พวกเค้า้า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้