ร่างกายของหลี่จวิ้นะเิออกมาพร้อมกับแรงสั่นะเือันรุนแรง รวมถึงร่างกายของหญิงสาวอีกสองคนก็ะเิออกมาเช่นกัน สะเก็ดเืกระเด็นออกไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้ทุกคนต้องกระเด็นถอยไปแต่มันไม่ได้มาจากแรงะเิแต่มันมาจากพิษที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของพวกเขา ซิ่วหนิงพยายามจะฝ่าฟันพิษเ่าั้เพื่อเข้าไปช่วยลูกชายของนาง แต่เมื่อมองไปที่เศษซากและเืที่กระจายอยู่บนพื้น หัวใจของนางก็แหลกสลายไปในทันที
เสียงกรีดร้องอย่างเ็ปหลุดออกจากปากของซิ่วหนิง “ไม่…จวิ้นเอ๋อ!”
หลิงเสอและไป๋กู่หวังเองก็มีสีหน้าตกตะลึง พวกเขามองสภาพที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจปนระมัดระวัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เกินความคาดหมายของพวกเขาไปบางส่วน
ซิ่วหนิงลุกขึ้นมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ทว่าในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความสับสนและปวดร้าว นางจ้องไปที่หลิงเสอและไป๋กู่หวังด้วยดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความอาฆาต "พวกเ้าจะต้องชดใช้…"
หลิงเสอยกมือปัดฝุ่นจากเสื้อผ้าด้วยท่าทีที่เยือกเย็น "ข้าเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น หากเ้า้าการแก้แค้น ข้าว่าเ้ายังคงไม่มีความสามารถอยู่ดีเป็ถึงจักรพรรดินักบุญแต่ไม่สามารถฆ่ากษัตริย์นักบุญได้ มันน่าอายจริงๆ"
ไป๋กู่หวังหัวเราะเบา ๆ ขณะที่ร่างของเขาเริ่มเปล่งแสงสีเขียว "ข้าล่ะอยากเห็นจริงๆ …ว่าเ้าจะเอาชีวิตของข้าไปได้อย่างไร"
ในขณะที่การถกเถียงอันดุเดือดระหว่างหลิงเสอ ไป๋กู่หวัง และซิ่วหนิงยังคงดำเนินต่อไป บรรยากาศในที่นั้นก็เริ่มแปรเปลี่ยน เมื่อจู่ ๆ พวกเขาทั้งหมด รวมถึงผู้นำหอการค้าจันทราที่เหลือรอดและชาวเมืองที่อยู่ใกล้เคียงต่างพากันพ่นเืออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ ทันใดนั้นเอง พลังการบ่มเพาะของทุกคนก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
ซิ่วหนิงสังเกตเห็นว่าการบ่มเพาะของนางร่วงลงสู่ระดับกษัตริย์นักบุญ ระดับที่ 9 ในทันที ความตกตะลึงปนความโกรธสะท้อนในดวงตาของนาง น้ำตาของนางเอ่อล้นออกมาพร้อมเสียงที่สั่นเครือ
“พิษงั้นหรือ? ไอ้พวกสภาเทพขยะ! พวกเ้ากล้าวางยาพิษในร่างของลูกชายข้างั้นรึ? ช่างเป็แผนการที่แยบยลและน่ารังเกียจยิ่งนัก...ข้าหลงกลพวกเ้าเข้าแล้วจริง ๆ”
ไป๋กู่หวังที่เริ่มรู้สึกว่าพลังของตัวเองหายไปเช่นกันก็หันไปตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “เ้าลองก้มมองดูที่พื้นดูสิ เผื่อจะมีสมองของเ้าตกอยู่กับพื้นในตอนนี้ เพื่อว่าถ้าเ้าเก็บมาใส่ได้ทันเวลามันอาจจะทำให้เ้าฉลาดขึ้นสักหน่อยถึงจะไม่มากแต่ก็น่าจะดูออกว่าข้าเองก็โดนพิษเหมือนกัน! โง่!!”
ซิ่วหนิงกัดฟันพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด “ข้าคิดไว้แล้วว่าพวกเ้ามันเชื่อใจไม่ได้เลย ไอ้พวกงูพิษ ไอ้พวกหนูสกปรกที่วันๆ เอาแต่แอบอยู่ใต้ดิน พวกเ้าคงวางแผนจะเล่นงานหอการค้าจันทราของข้ามาั้แ่แรกสินะ!”
ไป๋กู่หวังพูดแทรกขึ้นมา “เ้าโง่รึไง?! เ้าคิดว่าข้าจะใช้พิษให้โดนตัวเองด้วยทำไมกันละ ถ้าเป็ไอ้งูขาวนั้นมันโง่อยู่แล้วและโอกาสที่มันจะใช้พิษโดนตัวเองไปด้วยมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เอ๊ะ…. อืม…. เ้าใช่ไหมหลิงเสอ!! เ้าตั้งใจจะฆ่าข้าเพื่อแย่งชิงผลงานทั้งหมดของข้าไปสินะ ข้า... ข้า... ข้า… คิดว่าเ้าเป็เพื่อนมาตลอดแท้ๆ”
หลิงเสอถอนหายใจเบา ๆ ขณะเหลือบมองไปที่ไป๋กู่หวังด้วยท่าทีเยาะเย้ย “เ้าไปว่าคนอื่นว่าโง่อย่างนู้นอย่างนี้ แต่เ้าเองก็ดูจะไม่ได้ฉลาดไปกว่าซิ่วหนิงมากนักนะว่าไหม แต่ข้าสาบานได้เลยว่า หากข้ารอดกลับไปได้ ข้าจะเอากระดูกของเ้าไปให้หมาเคี้ยวเล่นเอง”
ไป๋กู่หวังยิ้มเยาะเสียงแ่ “ก็นั้นไง ข้าคิดไว้แล้ว เ้าคงอยากจะเปลี่ยนคู่หูสินะ แต่มันถึงกลับต้องใช้วิธีการแบบนี้เลยหรือไงกัน”
ซิ่วหนิงมองทั้งคู่ด้วยความขยะแขยง นางสบถอย่างรุนแรง “เ้าทั้งสองช่างโง่เขลายิ่งนักที่ใช้พิษแล้วยังกลับมาทำร้ายตัวเองด้วยเนี่ยนะ?”
หลิงเสอหัวเราะ “พูดมาก ข้าเริ่มไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกชายของเ้าถึงได้โง่ขนาดนั้น กรรมพันธุ์ความโง่มันต้องถูกส่งต่อมาจากเ้าแน่ ๆ!”
ซิ่วหนิงตัวสั่นด้วยความโกรธ จ้องมองหลิงเสอด้วยสายตาที่อาฆาต “สองคำก็โง่ สามคำก็โง่ เ้าไม่มีปัญญาคิดคำด่าที่ดีกว่านี้หรือ…”
แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ เสียงลมแหวกอากาศพัดผ่านหูไปอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้น หัวของซิ่วหนิงก็หลุดออกจากร่างของนางทันที ร่างไร้ศีรษะของนางล้มลงสู่พื้น เืกระเซ็นเปื้อนพื้นดินโดยรอบ ท่ามกลางแรงะเิและเศษซากของเมืองที่พังพินาศ หลิงเสอและไป๋กู่หวังต่างสะดุ้งเมื่อมองไปยังภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า รวมถึงผู้นำหอการค้าจันทราคนอื่นๆ ที่ยังรอดอยู่ก็ใเช่นกัน
หลิงเสอตั้งสติและอ้าปากออกอย่างกะทันหัน ร่างของงูขาวขนาดใหญ่ั์ก็พุ่งออกมาจากปากเขาอย่างรวดเร็ว งูขาว ตัวนั้นกลืนร่างของไป๋กู่หวังเข้าไปทันทีและพุ่งทะยานออกจากเมืองอย่างรวดเร็ว หวังที่จะหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ทว่า ไม่ทันที่หลิงเสอจะหนีไปได้ไกลนัก ลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ั์ได้พุ่งตรงลงมาจากฟากฟ้าด้วยความรวดเร็วและแรงกดดันอันมหาศาลของมันแผ่ไปทั่วบริเวณ
ตูมมมมม!!!
เสียงะเิสั่นะเืไปทั่วทั้งเมือง เปลวเพลิงลุกโชนแผ่กระจายกินพื้นที่ไปทั่วเมือง เหลือเพียงเถ้าถ่านที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ครึ่งหนึ่งของเมืองได้ถูกทำลายไปจนไม่เหลือร่องรอยอาคารใด ๆ ส่วนหลิงเสอ แม้รอดพ้นจากความตาย แต่เขาก็ได้รับาเ็สาหัส ร่างกายของเขามีรอยไหม้จากพลังเพลิงที่พุ่งเข้าโจมตี ทำให้เขาหายใจรวยริน แต่ถึงอย่างนั้น แววตาของเขายังคงแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและความสนุก
หลิงเสอพยายามรวบรวมพลังที่เหลืออยู่ เขาหลับตาเพ่งสมาธิ ก่อนที่ร่างของงูขาวขนาดใหญ่ั์นั้นจะแตกออกเป็งูตัวเล็กนับแสนตัว งูเ่าั้ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง กระจายตัวหลบหนีในทุกมุมอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน หอกเพลิงจำนวนมหาศาลได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าในพริบตา เปลวเพลิงแผ่กระจายไปทั่วปกคลุมฟ้าอย่างไม่หยุดยั้ง หอกเพลิงนั้นร่วงหล่นดุจสายฝนที่โปรยปราย พุ่งทะลวงร่างงูขาวทุกตัวที่กระจายไปคนละทิศคนละทาง และมันได้กวาดล้างงูขาวเล็กๆ เ่าั้จนไม่มีเหลือแม้แต่ตัวเดียว
บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ หลี่หวงลอยอยู่เหนือเมฆขณะตรวจสอบรายการแจ้งเตือนของระบบอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบชื่อของหลิงเสอหรือแม้แต่ไป๋กู่หวังด้วยซ้ำ ทำให้หลี่หวงคิดว่าพวกมันสองคนน่าจะหนีไปได้อีกแล้ว
ทันใดนั้น ฉิงอิ๋งปรากฏตัวขึ้นจากหมู่เมฆ นางก้มศีรษะลงและคำนับ ก่อนจะรายงานข่าวให้หลี่หวงด้วยความเคารพ
“ฝ่าา ตอนนี้หน่วยลับเงาทมิฬได้เข้าไปควบคุมหอการค้าจันทราได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง และอีกหนึ่งวันจะสามารถควบคุมสาขาที่เหลือทั้งหมดของหอการค้าจันทราได้อย่างสมบูรณ์เ้าค่ะ”
หลี่หวงพยักหน้าเล็กน้อยขณะครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “เ้านำหน่วยลับเงาทมิฬไปเก็บสมบัติและของมีค่าทั้งหมดในเมืองให้หมด ภายในเวลา 5 นาที”
ฉิงอิ๋งรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ก่อนจะพุ่งตรงลงไปยังเมืองเบื้องล่างเพื่อดำเนินการทันที ขณะนั้น หลี่หวงเองก็ใช้พลังของดวงตาเพ่งมองตรวจสอบว่าในเมืองยังมีบุคคลที่มีร่างกายพิเศษที่น่าสนใจหลงเหลืออยู่หรือไม่ แต่ถึงจะสำรวจรอบเมืองอย่างละเอียด ก็ไม่พบผู้ใดที่โดดเด่นหรือน่าจะเป็ประโยชน์กับเขาเลย
เวลาผ่านไปห้านาที ฉิงอิ๋งกลับมาพร้อมกับทรัพยากรและสมบัติมากมายที่รวบรวมมาได้อย่างเต็มมือ หลี่หวงมองดูสิ่งที่ถูกนำขึ้นมาก่อนจะรวบรวมพลังิญญาขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้น ลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ั์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เปลวเพลิงลุกโชนร้อนแรงจนพื้นดินเบื้องล่างสั่นะเื และหลี่หวงก็ค่อยๆ ปล่อยลูกบอลเพลิงนั้นลงไปยังเมืองข้างล่างทันที
“ตูมมม!!!”
เสียงะเิกึกก้องะเืไปทั่วทั้งเมือง อาคารบ้านเรือนและทุกสิ่งที่ขวางทางถูกเปลวเพลิงกลืนกินไปในพริบตา ซากปรักหักพังและเถ้าถ่านปลิวลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าดุจหมอกควัน หลี่หวงยืนมองไปข้างล่างด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ฉิงอิ๋งเ้าจงนำหน่วยลับเงาทมิฬไปตรวจสอบบริเวณรอบๆ ในรัศมีรอบเมือง 1 แสนกิโลเมตร ข้าไม่้าให้มีสิ่งมีชีวิตใดๆ แม้แต่ตัวเดียวที่เหลือรอดอยู่”
ฉิงอิ๋งรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ก่อนจะนำหน่วยลับเงาทมิฬไปสำรวจบริเวณรอบทันที พวกเขาฆ่าทุกอย่างที่สามารถเคลื่อนไหวได้โดนไม่สนว่ามันจะเป็ มนุษย์หรือสัตว์ิญญาใดๆ ขณะนั้นเองในใจของหลี่หวงก็มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ท่านสังหารผู้คนไปมากมาย ได้รับแต้มสังหาร 45,451,111,000]
[แต้มสังหารทั้งหมด: 46,292,346,810 แต้ม]