ขณะที่กู้เฟิงกำลังลังเลว่าจะยุติการฝึกฉู่อี้ก่อนกำหนดดีหรือไม่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรีบร้อน
"มีอะไร?" เปิดประตูออกแล้วเอ่ยถาม
"มาสเตอร์เฟิงจื่อ มีคนมาครับ สถานการณ์ซับซ้อนมาก รบกวนท่านช่วยไปจัดการทีครับ" ผู้ช่วยที่เข้ามาเหงื่อไหลโซมกาย ดูท่าทางน่าจะรีบร้อนจริงๆ
"พูดมาให้เคลียร์ สถานการณ์มันเป็ยังไง" กู้เฟิงไม่ชอบตามใครไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า
"เสพติดครับ พวกเราเอาเขาไม่อยู่แล้วครับ"
"เสพติด? ตรวจร่างกายหรือยัง?" กู้เฟิงขมวดคิ้ว ทำไมถึงรับคนที่มีปัญหาแบบนี้เข้ามาได้?
"หมอเวินก็อยู่ด้วยครับ จู่ๆ อาการเขาก็กำเริบขึ้นมา หมอเวินเลยให้ผมมาตามท่านครับ"
กู้เฟิงอยากจะสบถว่า 'ทำไมไม่บอกั้แ่แรก' ถ้าเขารู้ว่าเวินรื่อโอวให้คนมาตามเขา เขาคงไม่มัวแต่พูดพล่ามไร้สาระอยู่ที่นี่หรอก
"โอเค ฉันรู้แล้ว ช่วยฉันแก้มัดหมอนี่แล้วส่งกลับไปที่ห้องฉันที อย่าลืมให้อาหารเหลวเขาด้วยล่ะ"
"ครับ"
กู้เฟิงหันไปมองฉู่อี้ด้วยสายเป็ตากังวล แล้วผละออกไปอย่างรีบร้อน
สิ่งที่ฉู่อี้ไม่รู้คือ ในอีกหลายปีข้างหน้า หรือตลอดชีวิตของเขา เขาจะตั้งคำถามกับตัวเองหนึ่งข้อ คือ ถ้าเขารั้งกู้เฟิงในตอนที่หันมามองเขาได้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากเดิมไหม? เขาจะมีโอกาสคนคนนี้แต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องแบ่งปันเขากับคนอื่นๆ ได้ไหม?
แน่นอนว่าฉู่อี้ไม่ได้รั้งกู้เฟิงในตอนนี้ เขาเห็นเฟิงจื่อที่เรียกตัวเองว่าเป็ครูฝึกของเขาหาไปต่อหน้าต่อตา แม้ว่าตนจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันที่ประตู แต่ลางสังหรณ์ของฉู่อี้บอกว่าเขาน่าจะได้รับอิสระให้ไปนอนได้แล้ว
...
เมื่อกู้เฟิงมาถึงห้องตรวจเวินรื่อโอว ก็เจอกับสภาพที่วุ่นวาย ผู้ช่วยร่างใหญ่หลายคนไม่สามารถตรึงร่างบางบนเตียงตรวจโรคได้ ขณะที่หมอเวินยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ
"เวินโหรว?" ่แรกที่รู้จักเวินรื่อโอว เพราะคำพูดของเย่ถานเพียงประโยคเดียวที่ว่า 'ทำไมนายไม่ชื่อว่าเวินโหรวไปเลยล่ะ' ชื่อเล่นของเวินรื่อโอวก็ถูกตั้งอย่างเป็ทางการ และถูกใช้มานานหลายปี
"เฟิงจื่อมาแล้วเหรอ?" สีหน้าของเวินรื่อโอวที่เหมือนได้รับการปลดแอก ทำให้กู้เฟิงอยากจะหัวเราะออกมา
"เกิดอะไรขึ้น? สถานการณ์เป็ยังไงบ้าง?"
"เสพติดน่ะ"
"ไปเล่นยามาเหรก?" กู้เฟิงขมวดคิ้ว
"จากการวินิจฉัยเบื้องต้นไม่ใช่การติดยาเสพย์ติด บนร่างกายไม่มีร่องรอยของรูเข็ม แต่ผลการตรวจสอบที่ชัดเจนคงต้องรอผลเืส่งมาก่อนถึงจะรู้"
"แล้วเป็การเสพติดแบบไหนล่ะ?" การเสพติดแบบไหนที่ทำให้เด็กที่อายุไม่น่าเกิน 13-14 ปีมีแรงดิ้นพล่านมหาศาลแบบนี้
เวินรื่อโอวหน้าแดง "กะ...การวินิจฉัยเบื้องต้น เป็การติดเซ็กส์ พะ...เพราะเมื่อกี้ตอนที่ฉันตรวจทวารหนัก จู่ๆ เขาก็อาการกำเริบขึ้นมา"
"แล้วนายจะหน้าแดงทำไมหา?" กู้เฟิงยิ้มเยาะ ไม่ใช่ว่ากู้เฟิงไม่รู้สาเหตุที่เวินรื่อโอวเลือกมาทำงานที่นี่ แต่เขาไม่เห็นด้วยกับมันจริงๆ
"กะ...ก็แค่ฉันไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อน" นิสัยพูดติดอ่างของเวินรื่อโอวเวลาที่ตื่นเต้นแก้ยังไงก็ไม่หายสักที
"ถึงกับประหม่าขนาดนี้เลยเหรอ? เขาจูบนายงั้นเหรอ หรือว่าไปทำอะไรนาย?" ในเมื่อเวินรื่อโอววินิจฉัยว่าเป็โรคติดเซ็กซ์ แถมเด็กคนนั้นยังอาการกำเริบแบบนี้อีก แสดงว่าโอกาสที่เวินรื่อโอวจะไม่ถูกลวนลามเป็ศูนย์
"ฉัน...ผมไปตรวจตัวอย่างเืก่อนล่ะ" เวินรื่อโอวหยิบหลอดทดลองขึ้นมาแล้ววิ่งออกมา
"อุ๊บ!" กู้เฟิงขำออกมา โดยไม่สนว่าเวินรื่อโอวจะไปหรือยัง แล้วเินเข้าไปที่เตียงตรวจโรค เพื่อดูแฟ้มประวัติที่แขวนไว้ที่ปลายเตียง นอกจากเงื่อนไขในการตรวจร่างกายบางประการแล้ว ยังมีข้อมูลตัวตนของเด็กอีกด้วย ที่จริงเด็กคนนี้ถูกทอดทิ้งจากร้านอื่นในวงการเดียวกัน แต่เวินรื่อโอวบังเอิญไปเจอเข้าจึงพากลับมาด้วย
กู้เฟินจินตนาการปฏิกิริยาของเย่ถานออกแทบจะทันที 'ไอ้เวรตะไลนั่นมันหิ้วคนกลับมาหาฉันอีกแล้วเหรอ คิดว่าที่นี่เป็สถาสงเคราะห์หรือไง?'
ต้องเป็ผู้ชายขายตัวั้แ่อายุยังน้อย แถมยังถุกขับไล่มาอีก? ดูเหมือนว่าสถานการณ์ค่อนข้างจะซับซ้อน!
กู้เฟิงใส่แฟ้มประวัติกลับ เดินมาที่ข้างเตียง และส่งสัญญาณให้เหล่าผู้ช่วยปล่อยคนที่พวกเขากำลังจับอยู่ ทัทีที่พวกเขาคลายมือออก เด็กคนนั้นก็เด้งตัว 'ผลุบ' ขึ้นมา แล้วตะครุบร่างทุกคนที่เห็น ผู้ช่วยหลายคนรีบหลบกันไปคนละทาง เหลือแต่กู้เฟิงเพียงคนเดียว เมื่อเด็กคนนั้นก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว ก็ตรงปรี่เข้ามาตะครุบร่างของกู้เฟิงทันที ใช้เวลาไม่นานเขาก็ฉีกทึ้งเสื้อแขนกุดของกู้เฟิงเป็ชิ้นๆ จากนั้นก็ตอด จูบ รวมถึงกัดบริเวณหน้าอกของกู้เฟิงด้วย ราวกับยังไม่พอใจ เขาฉีกทึ้งกางเกงของกู้เฟิงเป็ชิ้นๆ ด้วยมือของตนเอง
"เฮือก..." เสียงสะดุ้งเฮือกดังมาจากรอบๆ แม้ว่าเด็กคนนี้จะมีทักษะดีมาก ไม่ว่าจะเป็การถอดเสื้อผ้าหรือการเล้าโลมล้วนแต่ชำนิชำนาญ แถมยังมีความก้าวร้าวระหว่างร่วมรักอีกด้วย แต่เขากำลังเผชิญหน้ากับกู้เฟิง ครูฝึกผู้เชี่ยวชาญในวงการ SM! บางคนเริ่มไว้ทุกข์ให้กับเด็กคนนั้นแล้ว
แน่นอนว่ากู้เฟิงก็คือกู้เฟิง อย่างเขาจะอยู่ในระดับเดียวกับเวินรื่อโอวได้อย่างไร? เขาไม่ได้รู้สึกรู้สากับเด็กคนนั้นเลย ในขณะปล่อยให้อีกฝ่ายก่อกวนร่างกายของตน เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "มองฉัน"
กู้เฟิงยื่นมือออกไป และพยายามจะจะล็อกศีรษะของเด็กให้มองตรงมาที่ตัวเอง แต่ก็ล้มเหลว ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะไม่ได้ยินเขาเลย การอดนอนทำให้กู้เฟิงหมดความอดทน อีกทั้งเขาไม่เคยอ่อนโยนกับคนในวงการเดียวกันเลย ดังนั้นกู้เฟิงจึงฟาดมือเข้าที่ใบหน้าของเด็กคนนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เขาล้มลง แต่ที่มุมปากยังมีเืไหลซิบๆ ออกมา
และแล้วกู้เฟิงก็สบตาเข้ากับดวงตาคู่นั้น เป็ดวงตาที่สิ้นหวัง เฉยชา ว่างเปล่า...แต่เปราะบางจนราวกับเศษกระจกที่แตกกระจายอยู่บนพื้น
"นาย้าอะไร?" ขณะที่คนหลายคนยังรั้งตัวไม่ไหว แต่กู้เฟิงเพียงคนเดียวกลับตรึงร่างนั้นบนเตียงได้ กู้เฟิงค่อมตัวเหนือร่างของเด็กคนนั้น บีบคางของอีกฝ่ายด้วยมือข้างเดียว พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา
กู้เฟิงรู้ดีว่าความสิ้นหวังของคนคนหนึ่งนั้นบาดลึกเพียงใด และเขามีความปรารถนามากเพียงใด เพียงเพราะความปรารถนาไม่เคยถูกตอบสนอง ความสิ้นหวังจึงบาดลึก อีกอย่างเด็กคนนี้ยังดูเด็กมากอย่างเห็นได้ชัด!
เด็กน้อยจองมองเข้าไปในดวงตาของกู้เฟิง และสงบลงอ่างน่าประหลาด แม่ว่าร่างกายยังคงบิดเร่าๆ และส่งเสียงโวยวายอย่างไม่ยินยอมอู่ใต้ร่างของกู้เฟิงก็ตาม แต่ความสนใจทั้งหมอนั้นพุ่งตรงมาที่กู้เฟิง ไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่เสียสติไป
"นายชื่ออะไร?" กู้เฟิงเปลี่ยนคำถาม
"...หลิงหลิง" แม้จะช้าสักหน่อย แต่เด็กน้อยก็ตอบคำถามในที่สุด
"ดีมาก นาย้าอะไร?" กู้เฟิงผ่อนคลายน้ำเสียง แล้วถามอีกครั้ง
ทันใดนั้น หยดน้ำก็พลันไหลออกมาจากดวงตาของเขา เสี้ยวขณะหนึ่งดูเหมือนเศษแก้วแตกสลายที่กลิ้งไปตามพื้น ดวงตาคู่นั้นกำลังขอความช่วยเหลือจากเ้านายของตน อ้างว้างที่อยู่ในแววตาตราบชั่วฟ้าดินสลายบ่งบอกว่าเขากำลังจะตาย...แต่เด็กคนนั้นกลับดื้อรั้น เขาปิดปากแน่นไม่เอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมาสักคำ
กู้เฟิงรู้สึกว่าความเ็ปอันบางเบาที่ติดค้างในส่วนใดส่วนหนึ่งของหัวใจเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา พลันถูกกระตุ้น และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อมันขยายออกไปถึงจุดหนึ่งก็กลายร่างเป็เด็กน้อยตรงหน้าเขา ยังไม่ทันไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน คำพูดก็โพล่งออกมา "ฉันยังไม่มีสัตว์เลี้ยง นายสนใจหรือเปล่า?"
ดวงตาของเด็กคนนั้นเหมือนจะสว่างขึ้นมาทันใด สมาธิของเขาแข็งแรก่งจนแทบจะเจาะทะลุร่างของกู้เฟิงได้ ทว่าน้ำเสียงของเขากลับสั่นเครือและไม่แน่ใจ "จริงเหรอ?"
"ถ้านายผ่านการประเมินของฉันได้อะนะ" กู้เฟิงไม่เคยมีนิสัยเสียใจกับสิ่งที่พูด
"ผมจะเชื่อฟัง" น้ำเสียงกระตือรือร้น
"แค่นั้นไม่พอ นายต้องพยายามอย่างหนักด้วย"
"ผมทำได้ ผมจะพยายาม" ในแววตาที่แตกสลายราวกับเศษแก้วนั้น พลันฉายแววแน่วแน่และบ้าคลั่งที่ฝังแน่น
"ดีมาก ทีนี้ช่วยทนต่อความอยากของนายคราวนี้ลงก่อนนะ" กู้เฟิงหยิบไข่สั่นเครื่องเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนไปให้ผู้ช่วยคนหนึ่ง เพื่อเป็สัญญาณขอความช่วยเหลือ "เฝ้าเขาไว้ พรุ่งนี้ฉันจะมาเช็คใหม่"
เมื่อกู้เฟิงกลับไปที่ห้องนอน ฉู่อี้กำลังนอนหลับฝันหวานบนเตียง กู้เฟิงเดินเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำแล้วออกมาผล็อยหลับข้างๆ ฉู่อี้
บางทีโชคชะตาก็แปลกประหลาด บางสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์และความผูกพันนั้นจะเกิดขึ้นเพียงเพราะใครบางคนปรากฎตัวขึ้นใน่เวลาที่เหมาะเจาะ อย่างเช่นหลิงหลิง
หากเป็่เวลาอื่น เขาอาจจะรู้สึกเห็นใจและสังเวชหลิงหลิง แต่ไม่มีทางรู้สึกอยากทะนุถนอม ยิ่งไม่มีทางรู้สึกเอ็นดู แต่อย่างไรก็ดี หลิงหลิงมาปรากฎตัวในตอนที่กู้เฟิงเพิ่งจะเปิดช่องว่างในหัวใจให้กับฉู่อี้ แต่เขาตัดสินใจที่จะปล่อยฉู่อี้ไป ประกอบกับความที่ไม่ได้นอนมาหลายวัน และต้องใช้สมาธิสูง ทำให้อารมณ์ของคนเราพุ่งพล่านได้ง่าย ดังนั้นกู้เฟิงจึงเลือกที่จะเก็บหลิงหลิงไว้ข้างตัว แม้ว่าหลิงหลิงในตอนนี้จะไม่สามารถแทรกตัวผ่านช่องวางในหัวใจของกู้เฟิงเข้ามาได้ แต่อย่างน้อยเขาก็มีโอกาส โอกาสหายากที่คนอื่นๆ ต่างเฝ้าคอยหลายสิบปี แม้จะพูดไม่ได้ว่าหลิงหลิงเข้ามาฉวยโอกาส แต่ก็เป็ความจริงที่เขาปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมและชนะฉู่อี้ขาดลอย ถึงแม้ในว่าอีกหลายปีต่อมา ทุกคนจะเข้าใจเื่ราวทั้งหมดแล้ว แต่ความเป็จริงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก แน่นอนว่ากู้เฟิงไม่ได้สนใจ ถึงอย่างไรเสียมันก้ไม่แย่สำหรับเขา หลิงหลิงนอกจากจะรู้สึกขอบคุณโชคชะตา ยังยินดีกับสิ่งที่์ประทานมาให้ ส่วนฉู่อี้คงได้แต่กัดฟัน
หลับไปคราวนี้เขาหลับลึกมาก เมื่อทั้งสองคนตื่นมาอีกครั้ง ก็ผ่านไปสิบแปดชั่วโมงแล้ว ทั้งสองคนตื่นขึ้นมาเกือบจะในเวลาเดียว และในตอนนั้นเองพวกเขาก็รู้ตัวพร้อมๆ กันว่าทั้งสองกำลังกอดก่ายกันอยู่ ใช่แล้ว ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งกอดอีกฝ่าย แต่กอดกันและกัน ไม่ว่าใครที่เริ่มก่อนในระหว่างห้วงนิทรา แต่ความจริงข้อนี้ก็พิสูจน์ปัญหาข้อหนึ่งได้แล้ว การที่พวกเขากอดกันในสถานการณ์ที่ไม่้าความอบอุ่น ก็แสดงว่าถ้าพวกเขาไม่ปรารถนาในกันและกัน อย่างน้อยพวกเขาก็้ากันและกัน
แต่กู้เฟิงตัดสินใจที่จะเมินปัญหานี้ไอ เพราะเขามีปัญหาที่สำคัญกว่านั้นจะต้องคุยกับฉู่อี้ ตรงกันข้ามฉู่อี้กลับสับสนกับความจริงข้อนี้เล็กน้อย แต่ยังไม่ทันตอบสนองใดๆ กู้เฟิงก็ผละออกจากอ้อมกอดของตน และเบี่ยงเบนความสนใจของตนไปได้สำเร็จ
"นายอยากออกไปจากที่นี่ไหม?" คำพูดเรียบง่ายของกู้เฟิง ทำเอาฉู่อี้ตึงเครียดขึ้นมาทันที
"นายหมายถึงอะไร?"
"จะหมายถึงอะไรได้อีกล่ะ? ฉันจะช่วยนายเอง" คำพูดของกู้เฟิงช่างเรียบง่ายสบายๆ เหมือนคำว่า 'อรุณสวัสดิ์' ในทุกๆ เช้า
"แบบนี่ไม่สมกับเป็นายเลยนะ" ฉู่อี้จ้องมองกู้เฟิงโดยไม่พลาดทุกรายละเอียดในการสีหน้าของเขา
"ไม่สมกับเป็ฉัน?" กู้เฟิงยิ้มยิงฟันขาว "นายรู้เหรอว่าฉันเป็ยังไง?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้