“จัดป้ายไหว้ให้มารดาเ้าสิข้ายังไม่ทันได้ตายเสียหน่อย...ข้าพูดไปแล้วว่าข้าไม่ชอบการปฏิบัติประจบสอพลออะไรทำนองนี้ ถ้ายังมีอีกข้าจะถือว่าคำที่พูดไปเมื่อสักครู่เป็โมฆะ!” เย่ชิงหานด่าออกไปด้วยความขบขันและโมโห ทันใดนั้นพลันนึกอะไรขึ้นมาได้สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังพร้อมกับพูดขึ้น “เย่กุ้น ข้าจะถามเ้าเื่หนึ่ง เื่สำคัญ!”
“เื่สำคัญ?” เย่กุ้นมองดูเย่ชิงหานสีหน้าเดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายเริ่มไม่เข้าใจในอารมณ์ของเขาขึ้นมา ครั้นแล้วจึงไม่กล้าพูดจาไร้สาระอีกต่อไปสีหน้าจริงจังขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“เ้ารู้ใช่ไหมว่าเมืองหมันของเ้ามีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งชื่อว่าอั้นเยว่? เถ้าแก่เนี้ยของพวกเขามีชื่อว่าอั้นเยว่ที่ทั้งสวยสาวพราวเสน่ห์น่าหลงใหล!” เย่ชิงหานเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามเสียงเบาขึ้น
“อั้นเยว่?”
เย่กุ้นนึกว่าเื่สำคัญของเย่ชิงหานคือเื่อะไร กลับได้ยินเย่ชิงหานถามถึงหญิงสาวนางนี้จึงลอบพูดขึ้นภายในใจด้วยความยินดีว่าโอกาสมาแล้ว ที่แท้เย่ชิงหานก็มีรสนิยมเช่นนี้นี่เอง
เพียงแต่เขาคิดไปคิดมาเริ่มรู้สึกว่าจะยุ่งยากอยู่สักหน่อย จากนั้นเอามือเกาหัวแล้วพูดขึ้นอย่างลังเล “นายน้อยใหญ่ เถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่แน่นอนว่าเป็หญิงสาวพราวเสน่ห์น่าลุ่มหลงที่หาได้ยากคนหนึ่ง นางคือดอกไม้งามของเมืองหมัน... เพียงแต่ว่าหากนายน้อยใหญ่อยากที่จะเล่นสนุกกับนางคงจะยุ่งยากอยู่สักหน่อย เื้ัของนางมีขุนเขาลูกใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนอยากที่จะขึ้นเตียงกับนางล้วนไม่มีใครทำได้สำเร็จแม้แต่คนเดียว อืม...ถ้าหากนายน้อยมีความ้าเช่นนี้จริงๆ ละก็ข้าจะหาทางทำให้สำเร็จให้ได้!”
“ฮึ! ไม่จำเป็ต้องให้เ้าช่วยหาทางเลยสักนิด” เย่ชิงหานคิดขึ้นภายในใจ นึกถึงในตอนนั้นที่ตนเองยังเป็เพียงแค่ลูกหลานคนที่เจ็ดอยู่ก็ได้ขึ้นเตียงกับดอกไม้งามของเมืองหมันมาแล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ครั้นแล้วเขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจว่า “ขุนเขาลูกใหญ่ที่หนุนหลังนางอยู่คือผู้ใด? เ้าอยู่ที่เมืองหมันมาเป็ระยะเวลาหลายปีแล้วสืบทราบอย่างแน่ชัดแล้วหรือยัง?”
“ข้าน้อยแม้จะไม่เป็โล้เป็พายนัก แต่เื่ราวภายในเมืองหมันนั้นรู้เป็อย่างดี!” เย่กุ้นเห็นว่าอารมณ์ของเย่ชิงหานดีเป็พิเศษจึงรีบพูดขึ้นต่อ “ตามที่ข้าคาดคะเน อั้นเยว่น่าจะเป็คนของเมืองั เมืองัได้ส่งทูตลับไปยังทุกๆ เมืองของเขตปกครองเทพา และทูตลับประจำเมืองหมันก็น่าจะเป็อั้นเยว่!”
“อ้อ...ที่แท้ก็เป็คนของเมืองันี่เอง ข้าก็นึกว่าเป็คนของขุมกำลังใต้ดินขนาดใหญ่ของทวีปัเพลิง หรือองค์กรกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของทวีปัเพลิงอะไรทำนองนี้! คนของเมืองั...อืม อย่างนั้นก็จัดการได้ไม่ยาก!” เมื่อได้ฟังเย่ชิงหานรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาเองก็เข้าใจดีว่าเื้ัของอั้นเยว่จะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่ หาไม่แล้วผู้หญิงตัวคนเดียวจะเปิดโรงเตี๊ยมอยู่ในเมืองหมันสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรดมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร แถมยังกิจการดีขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
เพียงแต่ไม่คิดเท่านั้นเองว่าจะเป็คนของเมืองั เขาคิดจินตนาการมาตลอดว่าขุมกำลังที่หนุนหลังนางอยู่อาจจะเป็ขุมกำลังใต้ดิน หรือองค์กรกลุ่มนักฆ่าอะไรทำนองนั้น หากยังทำการติดต่อกับอั้นเยว่อยู่เช่นนี้อาจจะมีอันตรายได้อะไรประมาณนั้น แต่ในเมื่อเป็คนของเมืองัเช่นนี้ก็ง่ายขึ้นมาก เขาพูดขอคนกับหลงสุ่ยหลิวและหลงไซ้หนานโดยตรงก็ได้แล้ว
“ขุมกำลังใต้ดิน? องค์กรกลุ่มนักฆ่า? นายน้อยใหญ่ท่านมีอารมณ์ขันเสียจริง อาณาเขตแดนทิศใต้ของเขตปกครองเทพาตระกูลเย่ของพวกเรานี่แหละคือขุมกำลังใต้ดินที่ใหญ่ที่สุด ไฉนเลยจะยอมให้มีขุมกำลังอื่นๆ เกิดขึ้นมาท้าทายได้? จัดการได้ไม่ยาก? เอ่ออ...นายน้อยใหญ่ เื่เช่นนี้ท่านจะฝืนใช้กำลังบังคับเอาไม่ได้เชียวนา หากผิดใจกับเมืองัท่านหัวหน้าตระกูลแม้จะออกหน้าแทนท่านก็คงไม่ง่ายดายนัก!”
เย่กุ้นนึกว่าเย่ชิงหานถูกใจเถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่คนนั้นจึงคิดที่จะใช้กำลังบังคับขืนใจจึงได้รีบพูดเตือนขึ้นอย่างเป็กังวล แม้ตำแหน่งฐานะและพลังฝีมือของเย่ชิงหานในตอนนี้จะสูงมากแล้ว แต่ถ้าหากบังคับขืนใจทูตลับของเมืองัละก็ เมืองัเองก็คงอึดอัดใจเช่นกันที่ต้องมาเผชิญหน้ากับตระกูลเย่
“ขืนใจบ้านป้าแกสิ! ข้านายน้อยคนนี้จะมีอะไรกับหญิงสาวทั้งทีจำเป็จะต้องถึงขนาดใช้กำลังบังคับด้วยรึ? เ้าจะดูถูกข้าเกินไปแล้ว!” เย่ชิงหานร้องด่าออกไปจากนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามขึ้น “ระยะนี้นางเป็อย่างไรบ้าง สบายดีไหม?”
“ข้าน้อยปากไม่ดีเอง นายน้อยใหญ่ลงมือตามจีบเองแน่นอนว่าไม่มีพลาดอย่างแน่นอน แหะๆ!”
ไม่ใช่การใช้กำลังบีบบังคับแต่เตรียมที่จะตามจีบเอง? เย่กุ้นเข้าใจขึ้นมาได้ในทันทีจึงทำการตบไปที่ใบหน้าอ้วนเต็มไปด้วยไขมันของตนเองอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่งแล้วจึงหัวเราะขึ้น
“ได้ยินว่านางก็ยังคงเหมือนเดิม หยอกล้อเล่นหูเล่นตากับพวกผู้ฝึกยุทธ์ไร้สมองเ่าั้จนหลงหัวปักหัวปำ แต่ก็เช่นเดิมไม่ยอมเสียเปรียบถูกแต๊ะอั๋งแม้แต่น้อย อ้อ...ใช่ ข้านึกออกพอดี ตอนอยู่บนถนนขามาเมืองชางข้าได้ยินว่านางไม่สบายไม่ได้ออกมาเจอผู้คนอยู่หลายวัน เื่ราวโดยละเอียดข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แหะๆ สำหรับข้าหญิงสาวที่เอื้อมไม่ถึงข้าเลยไม่ค่อยจะได้ใส่ใจนัก...”
“ไม่สบาย? อืม...ขากลับไปเมืองหมันข้าจะให้เ้านำของบำรุงและจดหมายฉบับหนึ่งนำไปมอบให้นางแทนข้าด้วย!” เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังคิ้วพลันขมวดขึ้นในทันที อั้นเยว่เป็ผู้หญิงคนแรกของเขา สำหรับผู้ชายแล้วผู้หญิงคนแรกเป็ความรู้สึกที่ยากจะตัดให้ขาดออกไปได้ เพียงแต่ในตอนนี้เขายังไม่มีเวลาที่จะออกเดินทางไปไกลถึงเมืองหมันเช่นนั้น จึงทำได้เพียงให้เย่กุ้นไปเยี่ยมเยียนแทนและนำจดหมายฉบับหนึ่งไปมอบให้แก่นาง
“จดหมาย? นายน้อยใหญ่รู้จักนาง?” เย่กุ้นตกตะลึงและสงสัยขึ้น แต่เมื่อเห็นเย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับสายตาของเขาที่มองเย่ชิงหานพลันเปลี่ยนเป็เลื่อมใสและเคารพบูชาขึ้น เท่าที่เขาทราบเย่ชิงหานเคยไปที่เมืองหมันเพียงแค่ครั้งเดียว เมื่อตอนที่ไปนั้นยังเป็เพียงแค่ไอ้ขยะที่มีพลังฝีมือระดับขั้นแรกขอบเขตขั้นสูงเพียงเท่านั้น ในตอนนั้นกลับสามารถผูกสัมพันธ์กับดอกไม้งามที่ใครๆ ต่างก็อยากจะดมดอมได้แล้ว? เด็กหนุ่มคนนี้ร้ายกาจไม่ธรรมดาเลยจริงๆ...
หลายวันต่อมาเย่ชิงหานยุ่งเป็อย่างมาก ต้องคอยพบปะสมาชิกของตระกูลที่มาจากเมืองน้อยใหญ่ที่อยากจะมาพึ่งบารมี และต้องคอยรับของขวัญของฝากต่างๆ จากตระกูลเล็กตระกูลน้อยที่เป็บริวารที่นำมามอบให้
สมบัติของวิเศษล้ำค่าผลึกพลังต่างๆ ถูกนำมามอบให้จนแทบจะี้เีรับเอาไว้ จนสุดท้ายเย่ชิงหานรู้สึกี้เีที่จะออกไปพบผู้คนแล้ว เพียงแต่...เมื่อเขานำของต่างๆ มานับรวมเข้าด้วยกันดูมูลค่าที่ได้ประมาณแสนก้อนผลึกพลัง ซึ่งสามารถสร้างหอหานซินได้อีกหนึ่งแห่งเลยทีเดียว
.................................
อั้นเยว่นางไม่ได้เจ็บป่วยแต่อย่างใด ตลอดระยะเวลาหกปีที่ผ่านมานางขยันฝึกฝนเป็อย่างมาก จากเดิมที่พลังฝีมือที่อยู่ในระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์จนตอนนี้ฝึกฝนขึ้นมาจนถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตนักรบแล้ว พลังฝีมือระดับนี้จะเจ็บป่วยได้อย่างไร?
ตอนนี้นางนอนเอนหลังอยู่บนเตียงหลังใหญ่สีชมพูภายในลานที่พักด้านหลัง บนเรือนร่างมีผ้าห่มปิดไว้ครึ่งตัวปรากฏท่อนขาขาวเนียนราวหิมะโผล่ออกมาให้เห็น แม้ระยะเวลาจะผ่านไปถึงหกปีแต่กาลเวลากลับไม่ได้ทิ้งริ้วรอยใดๆ ไว้บนเรือนร่างของนางแม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้นางดูน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดุจดั่งลูกท้อสุกที่ดูยิ่งน่าอร่อยแผ่กลิ่นความหอมลอยออกมาอย่างเป็ธรรมชาติในตัวมันเอง ดวงตาหงส์ทั้งสองข้างที่น่าหลงใหลของนางในตอนนี้เบิกกว้างขึ้นเหม่อมองออกไปยังูเาเขียวที่อยู่ห่างไกลออกไปคล้ายกับกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ แต่คิ้วเรียวงามทั้งสองข้าง้าดวงตากลับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
หลายวันก่อนเย่กุ้นกลับมายังเมืองหมันพร้อมกับยาและของบำรุงอีกหลายอย่างหาบมาให้นาง ยังมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ ซึ่งเนื้อหาสั้นๆ ง่ายๆ สองคำ “รอข้า”
แต่คำแค่เพียงสองคำนี้กลับทำให้นางที่ร่างกาย “เจ็บป่วย” มาหลายวันอยู่แล้วยิ่ง “เจ็บป่วย” หนักยิ่งขึ้นกว่าเก่า
ตลอดระยะเวลาหกปีมานี้นางไม่เคยลืมคืนที่น่าเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงคืนนั้นเลย กับชายหนุ่มตัวน้อยที่ดูร้ายกาจและห้าวหาญผู้นั้น ไม่เคยลืมเรือนร่างที่ดูผอมแห้งแต่กลับแข็งแกร่งเต็มไปด้วยพลังของเขาที่เคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดบนเรือนร่างของนาง ไม่เคยลืมรสจูบที่อ่อนโยนและหนักหน่วงบ้าคลั่งของเขา ไม่เคยลืมท่วงทำนองที่เร่าร้อนจนแทบสติหลุดลอยนั้นไปได้...
“แม้ว่าข้าอยากจะอยู่กับเ้าเพื่อดื่มด่ำความสุขเช่นนี้อีกสักครั้ง แต่ในเมื่อเ้าเป็ผู้หญิงของข้าแล้ว ข้าคิดว่าโอกาสนี้จะต้องมีอีกอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าคิดว่าควรกลับไปจัดการกับธุระของข้าให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยมาจัดการกับเื่ของเ้าให้ถูกต้อง แม้ว่าการพูดเช่นนี้...จะดูว่าไม่มีความรับผิดชอบเป็อย่างมากก็ตาม”
“พอมีสิทธิ์มีเสียงอยู่บ้างคงเป็เพราะขุมกำลังที่หนุนหลังเ้าอยู่ แต่เ้าจงจำเอาไว้ว่า ไม่ว่าสถานการณ์ใดหรือเวลาไหนก็ตามขุมกำลังเพียงหนึ่งเดียวที่เ้าจะพึ่งพาอาศัยได้อย่างดีที่สุดมีเพียงผู้ชายของเ้าเพียงเท่านั้น ลืมบอกเ้าอย่างหนึ่ง การต่อสู้เมื่อคืนวานต่อให้เ้าใช้พลังฝีมือทั้งหมดข้าก็ยังสามารถเอาชนะเ้าได้อยู่เช่นเดิม จำเอาไว้ชื่อของข้าคือเย่ชิงหาน...เป็ผู้ชายของเ้า!”
ข้างหูยังคงปรากฏเสียงพูดของชายหนุ่มตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความองอาจห้าวหาญและหนักแน่นทรงพลังอย่างมั่นใจ นางยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เป็รอยยิ้มที่น่าลุ่มหลง เป็รอยยิ้มที่น่าเคลิบเคลิ้มหลงใหลอย่างถึงที่สุด
เพียงแต่ชั่วครู่นางคิดอะไรขึ้นมาได้รอยยิ้มพลันเริ่มแข็งทื่อขึ้นมา คิ้วของนางเริ่มขมวดเข้าหากันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากนั้นพลิกผ้าห่มออกแล้วควานหาบางสิ่งบางอย่างบนเตียงอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายยกมือข้างซ้ายขึ้นแบออกไว้ด้านหน้า ภายในมือมีกระดาษสีขาวที่ยับยู่ยีอยู่สองแผ่น ซึ่งกระดาษทั้งสองแผ่นล้วนเป็จดหมาย
“รอข้า!”
“ไม่ว่าต้องแลกกับสิ่งใดหาทางเข้าใกล้เย่ชิงหานแล้วทำให้เขาไว้วางใจเ้าให้ได้ แล้วรอคอยคำสั่งต่อไป!”
จดหมายฉบับหนึ่งมาจากเมืองชาง ส่วนอีกฉบับหนึ่งมาจากขุมกำลังที่หนุนหลังนางอยู่ เป็ภารกิจลับที่นางได้รับมาเมื่อสิบกว่าวันก่อน
นางลุกขึ้นนั่งอย่างระทมทุกข์ นิ้วมือเรียวงามที่มีอาการสั่นเทาเล็กน้อยเริ่มลูบผ่านไปที่ตัวหนังสือที่เย่ชิงหานเขียนขึ้นในจดหมาย หางตาปรากฏหยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาใส่ตัวหนังสือทั้งสองคำที่อยู่บนจดหมายจนกลายเป็เลือนรางขึ้นมา สุดท้ายนางใช้สองมือออกแรงฉีกกระดาษจดหมายทั้งสองฉบับจนขาดออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วโยนทิ้งขึ้นไปกลางอากาศเหนือศีรษะ จากนั้นนั่งขดตัวกอดเข่าตนเองพร้อมกับก้มหน้าลงเริ่มร้องไห้ออกมาอยู่บนเตียง
กระดาษสีขาวชิ้นเล็กชิ้นน้อยสาดกระจายขึ้นบนอากาศดูราวกับหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาใส่เตียงสีชมพูหลังใหญ่ มองดูแล้วเป็ภาพสะดุดตามากเป็พิเศษ...
โรงเตี๊ยมอั้นเยว่ในเวลานี้ยังคงครึกครื้นเฮฮากันอยู่เช่นเดิม ผู้คนจำนวนมากที่มาดื่มเหล้ายังคงสาดส่องสายตาไปยังประตูลานที่พักด้านหลังอยู่ตลอด แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าลานที่พักด้านหลังเวลานี้กำลังเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำฝนที่ไหลรินลงมาอย่างไร้ซุ่มเสียง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้