เย่ชิงเสียนโมโหเป็อย่างมาก
แต่ไม่ว่าใครถ้าหากถูกปลุกจากเตียงหลังใหญ่ภายในหอนางโลมหมอกควันเมามายก็คงอารมณ์ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น
เย่เจี้ยนถูกกักบริเวณ เย่ชิงขวงถูกขับออกจากตระกูล ต้นไม้ใหญ่ที่ค้ำยันศีรษะของเขาทั้งสองต้นล้วนล้มลงทั้งหมดแล้ว ดังนั้นหลายปีมานี้ความเป็อยู่ของเขาภายในตระกูลเย่จึงไม่สุขสบายเหมือนเช่นแต่ก่อน แม้เย่เทียนหลงจะไม่ได้จำกัดสิทธิอะไรของเขา และคนของตระกูลก็ไม่ได้กดหัวเขาเพราะสาเหตุที่ครอบครัวลูกคนโตหมดอำนาจลง แต่เขาก็รู้จักสถานการณ์ดีจึงทำตัวติดดินอย่างถ่อมตัวไม่ให้เป็ที่สนใจมาโดยตลอด อยู่แต่ภายในจวนตระกูลเย่ไม่ค่อยออกไปไหน
หนึ่งเดือนก่อนเย่เทียนหลง เย่ชิงหนิว และเย่เชียงนำกำลังคนไปทีู่เาสุสานทวยเทพ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนมานี้เย่ไป๋หู่อยู่แต่ภายในเขตูเาด้านหลังไม่ได้ออกมา เย่ชิงเสียนจึงแอบออกมาจากจวนของตระกูลเย่เมื่อคืนวาน เขามายังหอหมอกควันเมามายของถนนหมายเลขสิบสาม จากนั้นเหมาสาวงามในหอนางโลมมานอนด้วยจำนวนสามคนเพื่อระบายความเก็บกดทุกข์ทรมานที่อัดอั้นมาหลายปี เพียงแต่...หลังจากที่ออกศึกใหญ่อย่างสุดกำลังมาตลอดทั้งคืน เพิ่งจะล้มตัวลงนอนด้วยความพออกพอใจเป็อย่างยิ่งอยู่นั้น เขากลับถูกคนปลุกให้ตื่นขึ้นกลางคัน
“ไอ้ระยำบัดซบ ทางที่ดีเ้าจงรีบพูดอธิบายเหตุสมผลที่น่าฟังออกมาให้ข้าได้ฟังเดี๋ยวนี้!” เย่ชิงเสียนมองดูบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างเตียงด้านล่าง ถลึงดวงตาที่แดงไปด้วยเส้นเืฝอยพร้อมกับร้องตวาดออกมาอย่างเดือดดาล
“นายน้อยรองรีบๆ ใส่เสื้อผ้าเถอะ นายน้อยเฟิงเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าท่านผู้าุโสูงสุดเย่ไป๋หู่เพิ่งจะถ่ายทอดคำสั่งเรียกรวมพลอย่างเร่งด่วนออกมา หากท่านยังไม่รีบกลับไปจะต้องถูกลงโทษจากหอผู้คุมกฎอย่างแน่นอน!” บ่าวรับใช้ปรายสายตามองไปยังร่างที่ขาวอวบของหญิงนางโลมทั้งสามนางที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ลอบกลืนน้ำลายลงคอคำหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยความเร่งรีบ
“คำสั่งเรียกรวมพลอย่างเร่งด่วน?” เย่ชิงเสียนเมื่อได้ฟังก็ลนลานขึ้นในทันที คำสั่งเรียกรวมพลอย่างเร่งด่วนเป็คำสั่งที่มีระดับความสำคัญมากที่สุดของตระกูลเย่ ไม่รู้ว่านานกี่ปีแล้วที่ตระกูลเย่ไม่ได้ถ่ายทอดคำสั่งนี้ลงมา แต่เมื่อคำสั่งถูกถ่ายทอดลงมาลูกหลานของตระกูลเย่ทั่วทั้งเขตปกครองเทพาจะต้องรีบกลับไปรวมตัวกันที่ตระกูลให้เร็วที่สุด ถ้าหากชักช้าแม้แต่น้อยจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” เย่ชิงเสียนดีดตัวลอยขึ้นในทันทีพร้อมกับหอบเอาเสื้อผ้าวิ่งออกไปพลางสวมใส่ไปพลาง
“ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด ตอนที่ข้าน้อยรีบมาที่นี่เห็นลูกหลานของตระกูลจากเมืองอื่นๆ ต่างรีบเร่งมุ่งหน้าไปกันยังจวนตระกูลเย่แล้ว คาดว่าคงจะต้องมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!” บ่าวรับใช้ไม่กล้าที่จะส่งสายตาแอบมองร่างที่ขาวอวบของหญิงสาวทั้งสามนางอีกต่อไป รีบติดตามเย่ชิงเสียนออกไปอย่างเร่งรีบ
“ไร้สาระ...ถ้าไม่มีเื่ใหญ่ทางตระกูลจะถ่ายทอดคำสั่งเรียกรวมพลอย่างเร่งด่วนเพื่ออะไร?”
เย่ชิงเสียนด่าออกไปคำหนึ่ง จากนั้นรีบพุ่งทะยานออกจากประตูใหญ่ของหอหมอกควันเมามายอย่างเร่งรีบโดยไม่มีเวลามาสนใจต่อรอยยิ้มพราวเสน่ห์ของแม่เล้าที่ส่งมาทางเขา
.................................
รอจนกระทั่งเย่ชิงเสียนกลับมาถึงจวนตระกูลเย่ ภายในลานกว้างหน้าจวนล้วนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายอยู่ั้แ่เนิ่นนานแล้ว มีทั้งศิษย์ที่อยู่ภายในจวนและศิษย์จากเมืองอื่นๆ และยังมีอีกมากมายที่ไม่รู้จัก คาดว่าคงจะเป็กองกำลังลับที่ตระกูลเย่เก็บซ่อนเอาไว้ ผู้คนในลานกว้างคาดคะเนจากสายตาอย่างน้อยมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันคน
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” เย่ชิงเสียนมุดเข้าไปท่ามกลางฝูงชนด้วยความถ่อมตัวจากนั้นเอ่ยถามขึ้นต่อเย่ชิงเฟิงด้วยน้ำเสียงแ่เบา แม้ว่าเย่ชิงเฟิงจะมีอายุเพียงแค่สิบกว่าปีแต่กลับรู้เื่เข้าใจสิ่งต่างๆ เป็อย่างดี เมื่อเย่เจี้ยนถูกกักบริเวณฐานะครอบครัวตกต่ำ ด้วยสภาพครอบครัวเช่นนี้จึงทำให้ลูกหลานของครอบครัวมีความคิดเป็ผู้ใหญ่ เรียนรู้และเข้าใจเื่ราวต่างๆ ได้เก่งขึ้น
“พี่รอง ข้าก็ไม่รู้เื่ราวแน่ชัดเหมือนกัน ตอนเช้าผู้าุโสูงสุดถ่ายทอดคำสั่งเรียกรวมพลอย่างเร่งด่วนลงมา ท่านแม่ถึงได้บอกให้ข้าเรียกพี่กลับมา!” เย่ชิงเฟิงส่ายหัวไปมาดวงตาไม่ได้มีแววยโสโอหังเหมือนดังเช่นแต่ก่อน ดูแล้วหลายปีมานี้ผ่านมาอะไรมามากคงทำให้เขาเข้าใจเื่ราวอะไรขึ้นมามากยิ่งขึ้น
“อ้อ!” เย่ชิงเสียนหันหน้าไปทางอื่นมองไปโดยรอบทั้งสี่ทิศเริ่มเงี่ยหูฟังเสียงผู้คนที่กำลังพูดคุยกัน
“พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น?”
“ไม่รู้เหมือนกัน คำสั่งเรียกรวมพลอย่างเร่งด่วนของตระกูลเย่ที่ไม่เคยใช้มาเป็ระยะเวลาหลายร้อยปี จำได้ว่าสองครั้งก่อนที่เรียกรวมพลอย่างเร่งด่วนนั้นคือครั้งหนึ่งคนทรยศของเผ่าคนเถื่อนจากเผ่าหมันเซียงที่นำกำลังบุกโจมตีเข้าโจมตีเมืองหมัน และอีกครั้งคือปรมาจารย์บรรพบุรุษเย่รั่วสุ่ยได้รับป้ายคำสั่งโลหิตเทพากลับมายังตระกูล แล้วครั้งนี้เป็เื่ใหญ่อันใดอีก?”
“แปลก แปลกมากๆ...”
เย่ชิงเสียนฟังดูอยู่สักพักพบว่าฟังไม่ได้เื่ราวใดๆ ที่เป็ประโยชน์แม้แต่น้อย และในเวลานี้เองูเาด้านหลังตระกูลเย่ก็มีคนเหาะลอยมาจำนวนสามคน ผู้ที่อยู่ด้านหน้าสุดคือเย่ไป๋หู่และตามมาด้วยผู้าุโของตระกูลอีกสองท่าน ทุกคนที่อยู่ภายในลานกว้างจึงต่างเงียบเสียงลงไม่กล้าพูดคุยสิ่งใดกันอีกต่อไป ทำเพียงยืนตรงอยู่เงียบๆ รอคอยคำสั่งจากเย่ไป๋หู่
“เหล่าลูกหลานของตระกูลเย่จงฟัง!”
เย่ไป๋หู่เหาะลอยอยู่กลางอากาศ สีหน้าดูมีราศีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดโบกสะบัดมือขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมา “เย่ตู๋ เย่ซู เย่เฉวียน พวกเ้าทั้งสามรับผิดชอบจัดเตรียมโต๊ะงานเลี้ยง ให้จัดเตรียมโต๊ะงานเลี้ยงที่ระดับสูงที่สุด คนอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมดตามข้าออกไปยังนอกเมืองสิบกิโลเมตรเพื่อรอคอยต้อนรับท่านหัวหน้าตระกูลและนายน้อยใหญ่ของตระกูล รวมไปถึงแขกระดับสูงจากทั่วทั้งสี่ทิศ!”
โต๊ะงานเลี้ยงระดับสูงที่สุด? ออกไปนอกเมืองสิบกิโลเมตร? นายน้อยใหญ่ของตระกูล? แขกระดับสูง?
เย่ชิงเสียนเมื่อได้ฟังภายในใจพลันรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมา มองดูลักษณะท่าทางของเย่ไป๋หู่ก็พอเดาได้ว่าตระกูลเย่มีเื่ยินดีอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าตระกูลเย่มีนายน้อยใหญ่ของตระกูลขึ้นมาั้แ่เมื่อไหร่กัน? เมื่อก่อนเย่ชิงขวงถือว่าเป็นายน้อยใหญ่ของตระกูลอยู่ครึ่งตัว ตอนนี้กลับ...
คนจำนวนพันกว่าคนเคลื่อนตัวติดตามเย่ไป๋หู่ออกไปยังประตูใหญ่ทางด้านทิศใต้ ตระกูลเย่เคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรเช่นนี้ทำให้ผู้คนทั่วทั้งเมืองชางตื่นตระหนกใกันขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงเดินตามคนของตระกูลเย่ไปยังภายนอกเมือง พวกเขาต่างแปลกใจว่าตระกูลเย่เคลื่อนพลกันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้หรือว่าจ้าวเทวะของนครแห่งเทพมาเยือน?
สิบกิโลเมตรจากเมืองชางยิ่งเวลาผ่านไปนานผู้คนที่มายิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในปีนั้นตระกูลเย่เพื่อรอคอยต้อนรับเย่รั่วสุ่ยจึงได้สร้างศาลาที่พักแห่งเกียรติยศไว้ ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงพื้นที่ราบรอบๆ ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนอยู่อย่างแน่นขนัด
ฟิ้ว!
หลังจากผ่านไปอีกสิบนาทีท้องฟ้าทางด้านทิศใต้มีเสียงดังแหวกอากาศลอยมา ทุกคนต่างส่งสายตามองไปยังตำแหน่งที่มาของเสียงมองเห็น้าท้องฟ้ามีเงาร่างสีดำมากมายของคนกลุ่มหนึ่งปกคลุมอย่างมืดฟ้ามัวดินตรงเข้ามา อย่างน้อยมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน
“ว้าว...ผู้คนระดับสูงมากมาย ยอดฝีมือมากมายมีทั้งจากตระกูลเฟิง ตระกูลฮวา ตระกูลเยว่ และเมืองัล้วนอยู่กันอย่างพร้อมหน้า!”
“ฮ่าๆ ดูจากสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของท่านหัวหน้าตระกูลและผู้าุโสูงสุดเย่ชิงหนิว คิดว่าคงจะได้รับชัยชนะมาอย่างงดงามจากการไปเสาะหาสมบัติภายในูเาสุสานทวยเทพครั้งนี้อย่างแน่นอน!”
“เอ๊ะ! เด็กหนุ่มที่ท่านหัวหน้าตระกูลพามาด้วยผู้นั้นเป็ใคร? เขาคือลูกหลานของตระกูลเย่ด้วยรึ? รู้สึกจะคุ้นๆ หน้าอยู่หน่อย พวกเ้ารู้จักหรือไม่?”
“…”
“ทุกคนจงอยู่ในความสงบ อีกสักพักเตรียมตัวทำการต้อนรับพร้อมกันกับข้า ข้างกายของท่านหัวหน้าตระกูลก็คือนายน้อยใหญ่ของตระกูลเราในภายภาคหน้า นี่คือคำสั่งประกาศิตสูงสุดจากูเาด้านหลัง คงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง อีกสักพักเหล่าผู้าุโทั้งหลายช่วยจัดเตรียมดูแลความเรียบร้อยของพิธีต้อนรับอย่าได้ชักช้า...”
ในขณะที่ทุกคนต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราวด้วยความแปลกใจและสงสัยอยู่นั้น เย่ไป๋หู่ปล่อยพลังกดดันน่าเกรงขามสายหนึ่งออกมา กดทับเสียงพูดเกรียวกราวของผู้คนที่ดังอยู่นั้นจนเงียบลงแล้วจึงค่อยพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
นายน้อยใหญ่?
คำพูดของเย่ไป๋หู่พูดออกมาง่ายๆ แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงขึ้นรีบหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายของเย่เทียนหลง จากนั้นเริ่มส่งกระแสเสียงแก่กันและกันทำการคาดเดาขึ้น
คนอื่นไม่รู้จักแต่ผู้คนอีกไม่น้อยที่อยู่ในที่นี้ล้วนรู้จักคุ้นเคยกับเขาเป็อย่างดี ยกตัวอย่างเช่นเย่ชิงเสียน
“เย่ชิงหาน! เย่ชิงหานเขาสามารถกลับออกมาจากูเาสุสานทวยเทพได้? มารดามันเถอะ! ขนาดนี้ยังรอดมาได้อีก? นายน้อยใหญ่? เกิดอะไรขึ้น? เขากลายมาเป็นายน้อยใหญ่ได้อย่างไร? แถมยังถูกแต่งตั้งโดยคำสั่งประกาศิตสูงสุดจากูเาด้านหลังอีก? คงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง?”
เพียงชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของเย่ชิงเสียนพลันขาวซีดเผือดขึ้นในทันที ตัวเขาที่เป็นายน้อยลำดับสองของตระกูลเมื่อก่อนเคยบังเอิญได้ยินบิดาพูดให้ฟังว่า คำสั่งประกาศิตสูงสุดจากูเาด้านตระกูลนั้นมาจากปรมาจารย์บรรพบุรุษผู้ที่เป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลสั่งการออกมาเอง ตอนนี้เมื่อได้ฟังเขารู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่มีน้ำตา เย่ชิงหานถูกแต่งตั้งให้กลายเป็นายน้อยใหญ่ของตระกูลเช่นนี้ ขอเพียงแค่อนาคตภายภาคหน้าไม่ตายก็จะกลายเป็หัวหน้าตระกูล ดูท่าว่าต่อไปฝั่งครอบครัวลูกคนโตคงไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้