หมู่บ้านเหลยถิงกลับมาอยู่ในความควบคุมดูแลของเหลยอวิ๋นถิงอีกครั้ง เหลยอวิ๋นถิงเป็หัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ มีผู้าุโสองคนคือจางอวิ๋นเทียนและซุนรั่วไห่คอยให้ความช่วยเหลือ และมีสัตว์ผลึกเสวียนซึ่งเป็สัตว์ปิศาจระดับแปดที่ความสามารถเทียบได้กับขั้นเสวียนเต๋าคอยคุ้มครอง เรียกได้ว่าหมู่บ้านเหลยถิงในปัจจุบันพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นทันที
สำหรับพวกเหลยเทียนซินสี่คนก็ภักดีต่อหมู่บ้านเหลยถิง ทำความชอบลบล้างความผิด แม้จางอวิ๋นเทียนและซุนรั่วไห่จะไม่ยินยอมในเื่นี้อย่างยิ่ง แต่ก็จำต้องทำตามความประสงค์ของเซียวเฉินเพื่อหมู่บ้านเหลยถิง
ถึงอย่างไร ตอนนี้หมู่บ้านเหลยถิงก็ไม่อาจสูญเสียผู้าุโขั้นเสวียนฟ้าเก้าชั้นฟ้าระดับสูงสุดสี่คนไปในคราวเดียว
“ในเมื่อพวกเ้ายอมสยบ ข้าก็จะเชื่อพวกเ้า แต่เป็ไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเป็การเชื่อโดยปราศจากเงื่อนไข” ว่าแล้ว เปลวเพลิงสี่สายก็เต้นระริกอย่างงดงามบนนิ้วของเซียวเฉิน จากนั้น เซียวเฉินดีดนิ้ว เปลวเพลิงเข้าสู่ร่างของพวกเขาโดยไม่รู้สึกอะไรเลย
“นอกจากพวกเ้าบรรลุขั้นยุทธ์์ ไม่เช่นนั้น การยับยั้งของข้าจะอยู่ไปชั่วชีวิต และในนั้นยังมีการรับรู้ของข้า หากสักวันพวกเ้ามีจิตคิดทรยศ พวกเ้าก็จะถูกเพลิงผลาญเป็เถ้าธุลีทันที” มุมปากของเซียวเฉินแย้มยิ้มอย่างมีนัย
“หากไม่เชื่อพวกเ้าก็ลองดู”
คนทั้งสี่มีสีหน้าแปรเปลี่ยน พวกเขาจะไม่เชื่อได้อย่างไร แม้แต่เหลยเหมี่ยวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเฉิน ทำไมพวกเขาจะไม่เชื่อ จะกล้าไม่เชื่อได้อย่างไร? อีกอย่าง เดิมทีพวกเขาก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว ตอนนี้ได้รับการให้อภัย พวกเขาย่อมจะไม่ทรยศต่อหมู่บ้านเหลยถิงเป็อันขาด
ตอนที่เซียวเฉินยังไม่ฝังการยับยั้ง พวกเขาก็หลั่งน้ำตาอาบหน้า สาบานทันทีว่าจะไม่ทรยศต่อหมู่บ้านเหลยถิงชั่วชีวิต และสัญญาว่าลูกหลานรุ่นต่อไปจะรับใช้หมู่บ้านเหลยถิงทุกคน
แต่เซียวเฉินยังลงการยับยั้ง
ถึงอย่างไรก็เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะรั้งอยู่ที่หมู่บ้านเหลยถิงและเฝ้าดูพวกเขาสี่คนไปชั่วชีวิต ดังนั้น เปลวเพลิงสายนั้นคือความคุ้มครองสุดท้ายที่เขาสามารถมอบให้เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวได้
เหลยชิงโหรวเห็นเซียวเฉินทำเช่นนี้ก็มีน้ำตาอีก นางเดินมาเบื้องหน้าของเซียวเฉินและกอดเขาไว้ เอ่ยเบาๆ ว่า “พี่ใหญ่เซียว ขอบคุณนะ...”
“ขอบคุณที่ทำเพื่อพวกเรามากมายขนาดนี้”
เซียวเฉินเห็นเหลยชิงโหรวที่เหมือนมนุษย์น้ำตาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้นาง กล่าวว่า “ในเมื่อเ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ ข้าก็จะปกป้องเ้าเหมือนพี่ชายคุ้มครองน้องสาว อีกไม่นานพี่ใหญ่เซียวจะจากไปแล้ว สิ่งที่ทำให้เ้ากับอวิ๋นถิงได้ก็มีเพียงเื่เหล่านี้”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็มองเหลยอวิ๋นถิง ยิ้มกล่าว “สหาย ตอนนี้ภาระบนบ่าของเ้าหนักขึ้น ตั้งใจฝึกวิชาล่ะ ต่อไปจะต้องมีวันที่พวกเราได้พบกันอีก”
เหลยอวิ๋นถิงขอบตาแดงก่ำ
จากนั้นผงกศีรษะซ้ำๆ
“แน่นอน”
เซียวเฉินไม่เอ่ยวาจา เดินเยื้องย่างกลางหาวจากไปในชุดสีขาวอย่างสง่างาม พริบตาก็หายลับไปต่อหน้าทุกคน
ทุกคนเหม่อมองท้องฟ้าอยู่เนิ่นนาน
เหลยชิงโหรวน้ำตาพร่ามัว เวลานี้ นางเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างในใจ ผิดหวังและยากจะรับได้นิดๆ อยู่ด้วยกันเป็เวลานาน เด็กหนุ่มได้เข้ามาอยู่ในใจนางโดยไม่รู้ตัว แต่นางรู้ว่าตนเองไม่มีทางยืนอยู่ข้างกายเขาได้ เพราะหัวใจเขามีเ้าของแต่แรก ดังนั้น นางจึงเลือกที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ในใจเพียงผู้เดียว...
สายตาของเหลยอวิ๋นถิงเปลี่ยนเป็แน่วแน่ เขาเห็นเซียวเฉินจากไปก็หักใจไม่ได้อยู่บ้าง เขาพึมพำกับตนเองว่า “เซียวเฉิน หากวันหน้าเ้ามีเื่ลำบาก ต่อให้ข้าเหลยอวิ๋นถิงต้องเสี่ยงตาย ข้าก็จะไปยืนอยู่ข้างกายเ้า ช่วยเ้าแบกรับ”
ส่วนคนอื่นๆ ก็ยอมสยบให้กับความสามารถอันเลิศล้ำและองอาจกล้าหาญของเซียวเฉิน ถึงขั้นนำเซียวเฉินมาเป็เป้าหมายในการฝึกวิชา ชั่วขณะ คนของหมู่บ้านเหลยถิงก็อยากฝึกวิชาขึ้นมาอย่างมโหฬารทันใด
เื่นี้ทำให้หมู่บ้านเหลยถิงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความคิดต่อสู้อีกครั้ง
...
นี่คือย่านการค้าอันเจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง มีรถราขวักไขว่ งดงามเป็พิเศษ เซียวเฉินจากมาก็ไม่ได้ไปจากแคว้นเยี่ย ทว่ามุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนหลง เมืองหลวงของแคว้นเยี่ยทันที!
พริบตาเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนกว่า เซียวเฉินไม่เคยจากไป เพราะมีงานชุมนุมใหญ่ในเมืองหลวงของแคว้นเยี่ย หลายสิบปียากจะได้เจอสักครั้ง ดังนั้น เซียวเฉินจึงตัดสินใจว่าจะผ่อนคลาย ตอนนี้เขาเป็ผู้เข้มแข็งแล้ว ย่อมจะไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
เซียวเฉินรู้สึกถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงก็เ็ปในใจ เขาเคยไปเมืองหลวงของแคว้นชางหวง แต่กลับเสี่ยงตาย ชีวิตแทบหาไม่
“ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานศึกษาชางหวงเป็อย่างไรบ้าง พวกศิษย์พี่ซูสบายดีหรือไม่...”
เซียวเฉินเหม่อลอย พริบตา เบื้องหน้าเหมือนมีเงาร่างอันงดงามปรากฏ ครู่เดียวก็หายไป แต่กลับทำให้เซียวเฉินตะลึงงัน เหตุใดเขาจึงนึกถึงนางขึ้นมา
เซียวเฉินคิดถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างมีความหมาย
“ไม่รู้ว่านิสัยเ็าเป็น้ำแข็งของนางจะเปลี่ยนไปหรือไม่”
ในระหว่างที่เซียวเฉินเหม่อลอยอยู่นั้น ก็เกิดเสียงเอะอะขึ้นบนหอ
เดิมทีเซียวเฉินไม่คิดจะสนใจ แต่กลับมีบุรุษร่างสูงล่ำสันถือค้อนอันใหญ่เดินออกมาด้วยสภาวะดุร้าย มีหลังพยัคฆ์เอวหมี แลดูน่ากลัว
ตูม!
ค้อนใหญ่ร่วงพื้น ผืนดินะเื
เซียวเฉินมองเขา “มีธุระ?”
ฉู่หยวนเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างหงุดหงิด “บิดายังไม่ได้ถามเ้า เ้ากลับมาถามบิดา? เ้ารู้หรือไม่ว่าตำแหน่งที่เ้านั่งคือที่นั่งพิเศษของบิดา?”
ว่าแล้ว ฉู่หยวนก็เหวี่ยงค้อนใหญ่ แค่นเสียงกล่าว “ตอนนี้มีสองตัวเลือกให้เ้า ไสหัวไปหรือไม่ก็ให้บิดาทุบสักสามที แล้วคบเ้าเป็สหาย” น้ำเสียงนั้นราวกับบิดาเห็นเ้าเป็สหายก็นับว่าเป็เกียรติของเ้าแล้ว
แต่เซียวเฉินกลับยิ้ม จากนั้นหันกายจากไป
“ในเมื่อเ้าชอบที่นี่ขนาดนี้ ข้าก็จะยกให้” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากไป เดินไปถึงข้างกายของฉู่หยวนแล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “ต่อไปอย่ามาพูดว่าบิดานั่นบิดานี่กับข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะมีโทสะ”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ไปนั่งดื่มสุราต่อที่โต๊ะอื่น
แต่ฉู่หยวนโมโหแล้ว
“ทำไม ดูถูกบิดาหรือ ข้าให้เ้าหลีกทางให้หรือ? เ้าไม่ลองไปถามคนอื่นดูบ้างล่ะว่าบิดาเคยกลัวใครในเมืองเทียนหลงที่ไหน?”
เซียวเฉินยิ้ม “ประสาท!”
ฉู่หยวนร้องโวยวายตลอด “ไอ้หนู เ้าหาเื่หรือ? ถึงกับกล้าด่าข้าว่าประสาท? วันนี้ข้าต้องอัดเ้าสักยกให้ได้ มามามา พวกเรามาสู้กันสักสามร้อยกระบวนท่า!”
เซียวเฉินหมดวาจา เ้าหมอนี่เป็ไอ้บ้ามาจากที่ใด? ตอนแรกก็มาหาเื่ ทั้งยังเป็ตัวร้ายที่ชิงกล่าวฟ้องว่าเขาหาเื่ก่อนอีก
เซียวเฉินหมดความอดทน
“ไสหัวไปไกลๆ หน่อย ไม่เช่นนั้นจะให้โดนหามออกไป”
ประโยคนี้ยิ่งปลุกเร้าจิตใจที่ชอบต่อสู้ของฉู่หยวน เขาล้มโต๊ะของเซียวเฉินและร่ายรำค้อนใหญ่ทันที “เ้าไม่สู้กับข้า แต่ข้าพานจะให้เ้าสู้ คิดค่าเสียหายที่บิดา มาเถอะ”
เซียวเฉินมีสีหน้าเ็า
“เช่นนั้น ข้าจะสงเคราะห์ให้!” หลายปีมานี้ เขาไม่เคยเจอพวกบ้าดีเดือดขนาดนี้มาก่อน ผู้อื่นไม่คิดจะสู้ แต่พานบังคับให้ผู้อื่นสู้ ท่าทางเ้าหมอนี่คงรังแกคนอื่นมาเยอะ เขาสามารถผดุงคุณธรรมแทนฟ้าสั่งสอนเ้าหมอนี่ได้พอดี
เคร้ง!
กระบี่หนักเบิกฟ้าปรากฏขึ้นและฟันลงทันใด มีเสียงหวีดหวิวดุจกระบี่สะบั้นดารา ฉู่หยวนตวาด กวัดแกว่งค้อนใหญ่เข้าปะทะกับเบิกฟ้า สะเก็ดไฟกระเด็นไปรอบด้านทันที ฉู่หยวนล่าถอยติดต่อกัน
เขามีสีหน้าตื่นเต้น
“แรงเยอะดีจริงๆ เอาอีก!”
ว่าแล้วก็กวัดแกว่งค้อนใหญ่แล้วพุ่งเข้ามาแบบหยุดไม่ได้อีก ปลดปล่อยความคิดต่อสู้และพลังเสวียนอย่างบ้าคลั่ง ถึงกับเป็ความสามารถขั้นเสวียนฟ้า มิน่าเล่าจึงชอบสั่งและเหิมเกริมขนาดนี้
เซียวเฉินยิ้ม ใช้รังสีกระบี่ปะทะกับเขา
ตูม!
เซียวเฉินฟันหนึ่งกระบี่ กระแทกค้อนใหญ่ของฉู่หยวนกระเด็น
จากนั้น เซียวเฉินเคลื่อนไหวร่างด้วยความเร็วสุดขีด ฉู่หยวนยังมองเห็นไม่ชัดก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตนเองห้อยอยู่กลางอากาศแล้ว ถึงกับถูกยกขึ้นมา เซียวเฉินออกแรงแขนทั้งสองข้างฟาดเขากับพื้นอย่างหนักหน่วง
ตูม!
พื้นดินสั่นะเืทันที
เซียวเฉินยังฟาดต่อไปไม่หยุด
ปึกปึกปึก...
เซียวเฉินคว้าขาของฉู่หยวนมาฟาดจนฉู่หยวนไร้เรี่ยวแรงและพลังเสวียนถูกกระแทกสลาย เขาได้แต่ถูกทุบตี อีกทั้งยังหนักหน่วงขึ้นทุกที ทำเอาเขาร้องครวญคราง
“อ๊า...”
“สหายรีบ...”
“สหาย...รีบ...รีบหยุดมือ บิดายอมแพ้แล้ว...”