เมื่อหวังซื่อได้ยินข่าวก็รีบรุดมา แล้วยังพาชุ่ยจูมาช่วยอีกด้วย
วันที่ห้าเดือนหกวันนั้น หวังซื่อกับหูฉางหลินและภรรยาพาผิงซั่นที่อายุเพิ่งครบเดือนไปวัดโบราณชิงเหยียน
เ้าของร้านหลิวส่งผู้ดูแลคนหนึ่งนามว่าหลิวชีร่วมเดินทางมาด้วยกัน
เื่ราวราบรื่นเกินความคาดหมาย
ไต้ซือคงอู้แก้ไขดวงชะตาวันเกิดของผิงซั่นตัวน้อยในห่อผ้าด้วยตัวเอง
แล้วยังมอบถุงหอมหนึ่งใบเล็ก ด้านในห่อด้วยเครื่องหมายอยู่เย็นเป็สุขที่ไต้ซือคงอู้ทำขึ้น
พวกหวังซื่อดีใจกันเป็อย่างยิ่ง แขวนถุงหอมบนลำคอเล็กของผิงซั่นทันที
เพิ่มเงินค่าตะเกียงน้ำมันหอมให้ในวัดสองร้อยเหลียง ปัญหาของผิงซั่นก็นับได้ว่าหาทางออกได้แล้ว
หินก้อนใหญ่ในใจของทุกคนทิ้งลงพื้นทันที ต่างคนก็ผ่อนลมหายใจออกมา
มีเพียงเหลียงซื่อที่อุ้มบุตรชายคนเล็กไว้อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
เงินสองร้อยเหลียงหายไปเช่นนี้...
เื่ของผิงซั่นโชคดีที่ได้การรับรองจากหลิวชี กล่าวตามตรงแล้วก็คือเป็หนี้ไมตรีของสกุลกู้
หวังซื่อมือหนึ่งหิ้วไก่ มือหนึ่งหิ้วตะกร้าผัก รีบจ้ำอ้าวเข้ามาในห้องครัวของบ้านครอบครัวหู
เข้ายึดครองห้องครัวมาอย่างมีดใหญ่ขวานปากกว้าง [1]
อาหารมื้อเที่ยงหนึ่งมื้อทำได้อร่อยครบทุกด้าน [2]
ทำให้ทุกคนชมเชยออกมาเป็เสียงเดียวกันไม่ขาดสาย
แม้แต่กู้ฉีผู้นี้ เป็คนป่วยที่ตลอดมาไม่สามารถทานอาหารนอกบ้านได้ ล้วนััตะเกียบลงบนอาหารทุกชนิด
หลังมื้ออาหารหวังซื่อให้หูฉางหลินอุ้มผิงซั่นตัวน้อยมากล่าวคำขอบคุณกู้ฉี
กู้ฉีมองเด็กทารกตัวน้อยเหมือนก้อนแป้ง รู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก
เขาล้วงเอากระเป๋าผ้าใบใหม่หนึ่งใบเล็กออกมาจากในอก ด้านในใส่เม็ดทองเปลือยเล็กๆ ที่สลักคำว่าวาสนา ร่ำรวย อายุยืน และมีความสุขไว้สิบกว่าเม็ด กลับเมืองหลวงครั้งนี้อันซื่อเตรียมของให้เขาไม่น้อย จำพวกของที่ไว้สำหรับให้รางวัลคนโดยเฉพาะหรือของที่ใช้มอบเป็ของขวัญ
เขาวางลงในอ้อมอกเด็กทารกถือเป็ของขวัญแรกพบหน้า [3]
หูฉางหลินไม่รู้ว่าด้านในคืออะไร แต่ก็กล่าวขอบคุณไปอย่างหวาดระวังไม่สงบ
รอจนส่งกู้ฉีกลับไปแล้ว หูฉางหลินถึงเทเม็ดทองเปลือยสิบสองเม็ดออกมาจากกระเป๋าผ้าใบไหม ดวงตาจ้องเบิกกว้างกลมโต
เม็ดทองเปลือยหนักหนึ่งเหลียงแกะสลักว่า วาสนา ร่ำรวย อายุยืน และมีความสุข แตกต่างกันไป
เม็ดทองเปลือยสิบสองเม็ดเป็เงินเท่ากับหนึ่งร้อยยี่สิบเหลียง
ของขวัญแรกพบหน้าของเด็กทารกตัวเล็กล้วนมีค่าสูงถึงเพียงนี้เลยหรือ หูฉางหลินใจนรีบยื่นกระเป๋าผ้าส่งไปให้หวังซื่อทันที
หวังซื่อรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของเม็ดทองเปลือย สายตามองไปทางหลานสาวอย่างอดไม่ได้
“ให้ผิงซั่นไว้แล้วก็เก็บไว้เถอะเ้าค่ะ ครอบครัวเก่าแก่ร่ำรวยจากเมืองหลวงก็ให้เม็ดเงินเปลือยเม็ดทองเปลือยต่างๆ นานาแก่ผู้อ่อนาุโอย่างนี้ ท่านลุง ท่านเก็บไว้ดีๆ ต่อไปจะเอาออกมามอบเป็รางวัลให้คนหรือมอบเป็ของขวัญล้วนได้หมดเลยเ้าค่ะ” เจินจูชำเลืองมองรูปแบบของเม็ดทองเปลือย ไม่แตกต่างกับที่สะสมอยู่ในมิติช่องว่างของนางมากนัก ล้วนเป็รูปแบบที่นิยมของครอบครัวขุนนางที่มีตำแหน่งสูงและอำนาจมากทั้งนั้น
มอบเป็รางวัลให้คนหรือมอบของขวัญ? ใช้เม็ดทองเปลือย? หูฉางหลินมองหลานสาวตนเองแล้วสูดลมหายใจเย็นหนึ่งเฮือก
กู้ฉีกลับไปถึงฝูอันถังค่อนข้างเหนื่อยล้าเล็กน้อย
วันนี้ออกจากบ้านสิ้นเปลืองกำลังร่างกายและกำลังวังชาไปไม่น้อยเลย แต่ อารมณ์ของเขายังคงดีอยู่เหมือนเดิม
“โอ๊ะ คุณชาย ท่านเหนื่อยแล้วกระมัง รีบกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะขอรับ” บนใบหน้าขาวผ่องของกู้ฉีปรากฏท่าทางเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย กู้จงรีบประคองเขาลงมาจากรถม้าทันที “ท่านนี่นะ เพิ่งมาถึงเมืองไท่ผิงเอง อย่างไรก็ควรพักผ่อนเสียสองวันแล้วค่อยออกจากบ้าน เร่งเดินทางมาครึ่งเดือน คนปกติล้วนเหนื่อยกันจนไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของท่านเช่นนี้ กว่าจะบำรุงร่างกายให้ดีขึ้นมาได้ไม่ง่ายเลย อย่าเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้สิขอรับ…”
เฉินเผิงเฝยมองบนอยู่ข้างหลังเขา เพราะเขาเสียงเอะอะโวยวายเช่นนี้น่ะสิ คุณชายไปไหนล้วนไม่อยากพาเขาไปด้วย
หลิวผิงรีบเข้ามาช่วยเฉินเผิงเฟยรื้อเอาของบนรถม้าลงมา
ถั่วแขก วอซุ่น [4] โหยวหมาไช่ [5] …
ฟักเขียว มะระ น้ำเต้า…
โอ้โห นี่เป็จังหวะย้ายแปลงผักของคนเขาให้ว่างเลยนี่
แล้วยังมีโถใหญ่สองใบทางนั้นอีก ไม่ต้องคิดเลยต้องเป็เนื้อพะโล้อันเป็เอกลักษณ์ของสกุลหูแน่นอน
พอเอ่ยขึ้นมา โถที่กองอยู่ทางห้องครัวไม่น้อยเลยทีเดียว ครั้งหน้าควรมอบคืนไปให้สกุลหูเสียแล้ว
เหวยจื่อยวนจับชีพจรให้กู้ฉีตามปกติ
ร่างกายของคุณชายนับวันยิ่งดีมากขึ้น อาการอ่อนแอและอ่อนล้าของร่างกายเปลี่ยนมาดีขึ้นอย่างมาก
การออกเดินทางไปข้างนอกของวันนี้ นอกจากอ่อนล้าอยู่บ้างนิดหน่อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
เขาปล่อยฝ่ามือที่จับชีพจรออกอย่างเงียบๆ นับั้แ่ครั้งก่อนที่คุณชายเรียกเขาไปกำชับหนึ่งรอบ เขาจึงรู้ได้ว่าต่อไปเขาอาจหลีกหนีไปจากจวนสกุลกู้ไม่ได้แล้ว
เหวยจื่อยวนแตกต่างกับกู้จงและเฉินเผิงเฟย เขาไม่ใช่คนรับใช้หรือองครักษ์ของจวนสกุลกู้ เขาเป็ลูกศิษย์ของท่านหมอหลวงหม่า ติดตามท่านหมอหลวงหม่ามาหลายปี ซึมซับวิชาการแพทย์ยอดหัวกะทิแห่งวิชาของท่านอาจารย์มาได้มาก ดังนั้นเมื่อกู้ฉีออกจากบ้านเดินทางไกลและจำเป็ต้องมีท่านหมอติดตามร่วมเดินทาง ท่านอาจารย์จึงได้แนะนำเขามา
ไม่เคยคิดมาก่อนเลย เพื่อปิดบังการมีอยู่ของหมู่บ้านในเขตูเาเล็กๆ ที่พิเศษแห่งนี้ เขาต้องยอมติดตามและช่วยเหลือความเป็อยู่ของจวนสกุลกู้
คิดถึงวันนั้นขึ้น สายตากู้ฉีที่อบอุ่นมาโดยตลอดได้ปรากฏความเย็นะเืออกมา เหวยจื่อยวนสั่นไปทั้งก้นบึ้งของหัวใจพักหนึ่ง
ชนรุ่นหลังของครอบครัวขุนนางที่มีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาก ล้วนไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน ถึงกู้ฉีจะร่างกายอ่อนแอ แต่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวหากโเี้ขึ้นมาล้วนไม่เห็นลูกหลานคนธรรมดาอย่างพวกเขาอยู่ในสายตาแน่นอน
หลังท่านอาจารย์ทราบเข้า เพียงกำชับให้เขาติดตามคุณชายกู้ดีๆ พูดทำนองว่าอย่าทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเกียรติ อย่างอื่นกลับไม่พูดถึง
เหวยจื่อยวนถอยออกมาด้วยใบหน้าเคารพนบนอบ
หลิวผิงถือกล่องไม้การบูรหนึ่งใบเดินเข้ามา
“คุณชาย นี่เป็โสมคนที่หลายวันก่อนได้รับมาจากครอบครัวของท่านหญิงชราสกุลหู”
วันที่ห้าเดือนหกตามปฏิทินจันทรคติของจีนวันนั้น ท่านหญิงชราสกุลหูอุ้มหลานชายคนเล็กอยู่ พาบุตรชายคนโตกับลูกสะใภ้ไปหาไต้ซือคงอู้ให้แก้ไขวันเกิดที่วัดโบราณชิงเหยียน เมื่อตอนมาถึงฝูอันถังก็นำโสมคนต้นนี้ติดมาด้วย
ที่จริงโสมคนอายุร้อยปีไม่ได้แปลกประหลาดอะไร เพราะในหนึ่งปีฝูอันถังได้รับโสมคนอายุร้อยปีไม่น้อย
หลิวผิงถือมารายงานให้ทราบเป็พิเศษ ที่จริงแล้วเป็เพราะว่าโสมคนต้นนี้มีความพิเศษอยู่
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวผิง กู้ฉีจึงหยิบโสมคนในกล่องไม้ขึ้นพิจารณาอย่างละเอียด
โสมคนมีมากกว่าสองแง่ง รากฝอยของโสมยาวเป็รอยทางลึก กลิ่นหอมของโสมบริสุทธิ์และยังส่งกลิ่นนาน ที่สำคัญที่สุดคือตัวโสมสีเหลืองอ่อนเผยให้เห็นสีม่วงบางเบา
โสมคนชั้นยอดที่หาได้ยากในความเป็จริง
สีหน้ากู้ฉีเคร่งขรึม นึกถึงคำที่ท่านย่าเคยกล่าวขึ้นมา หวงกุ้ยเฟยในวังกำลังประกาศให้เงินรางวัลมหาศาลสำหรับวัตถุดิบปรุงยาที่หายากและล้ำค่าต่างๆ และโสมคนก็เป็หนึ่งในนั้นด้วย
เขาถือโสมคนไตร่ตรองอยู่นาน “ส่งโสมคนต้นนี้กลับไปเมืองหลวง นำไปมอบให้ท่านย่าโดยตรง”
องค์ไท่จื่ออารมณ์ดุร้ายกระทำการอะไรแล้วจะทำจนถึงที่สุด องค์ชายสี่อาศัยอยู่ชายแดนที่ห่างไกล น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้ [6] หากฮ่องเต้ต เสือสองตัวต่อสู้กันและกันภายในต้องวุ่นวายแน่ เมื่อถึงเวลานั้นจวนสกุลกู้ก็ไม่สามารถคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเองได้ด้วยเช่นกัน
พระวรกายของฝ่าาแข็งแรงปลอดภัย ล้วนเป็เื่ที่ดีต่อบ้านเมืองและประชาชน
“ท่านพี่ พี่ชายยู่เซิงไปไหน? ทำไมครึ่งวันแล้วไม่เห็นเขาเลย?” ผิงอันกอบเครื่องเคลือบลายครามไว้ในมือแล้วถามพึมพำ
“ไปในเมือง กลับมาเย็นหน่อย” เจินจูยกมีดขึ้นลงหั่นผักป่า ใกล้ค่ำแล้วจึงเร่งทำก่อนที่ฟ้าจะมืด ต้องให้อาหารไก่อีกหนึ่งรอบ
“ดวงตะวันลาลับไปหลังูเาแล้ว ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ” ผิงอันเงยหน้ามองดวงตะวันสีแดงที่กระเจิงออกมา
“ท่านพี่ ข้าเอาัดินลวกน้ำ อีกเดี๋ยวสับเลี้ยงไก่นะ”
ัดินของผิงอันเลี้ยงอยู่ตลอดไม่ได้ขาด่ ในขณะนี้เขาได้พัฒนาให้กว้างขึ้นถึงสามกล่องไม้แล้ว ใช้เวลาว่างก่อนเข้าเรียนและเลิกเรียนของทุกวันให้เป็ประโยชน์ เลี้ยงเอาใจใส่ัดินได้อย่างเกิดลมน้ำขึ้น [7]
ทุกวันจะเลือกัดินตัวใหญ่อยู่สองครั้ง ล้างให้สะอาดแล้วลวกน้ำเดือดหนึ่งรอบ สับละเอียดคลุกในอาหารสัตว์ไว้เลี้ยงไก่ หมู และปลา
ประสิทธิผลไม่เลวเลย ขนาดตัวของไก่กับหมูเหมือนเป่าลมให้ดูโตขึ้นก็ไม่ปาน
หูฉางหลินเห็นความแปลกใหม่จึงทำตามวิธีของเขา วางพืชผลผสมกันในบ้านเก่าสกุลหู เลี้ยงัดินสองกล่องใหญ่ ตอนนี้ก็เริ่มใช้ัดินเลี้ยงสัตว์ในบ้านแล้ว
ผู้ที่เริ่มเลี้ยงัดินในเวลาเดียวกันนั้นยังมีเอ้อร์หนิว ถู่วั่ง และหลิ่วเทียนฟานกับหลิ่วเทียนเป่า
หลิ่วเทียนฟานและหลิ่วเทียนเป่าเป็บุตรชายคนเล็กสองคนของหลิ่วฉางผิง สาเหตุเพราะหลิ่วฉางผิงช่วยครอบครัวหูสร้างบ้าน หลังเข้าเรียนแล้วจึงกลายเป็ผู้ที่เรียนด้วยกันกับสองพี่น้องสกุลหูไปโดยปริยาย
เด็กค่อนข้างโตไม่กี่คน รู้ว่าเลี้ยงัดินจะสามารถเพิ่มการเติบโตให้สัตว์ได้ ทั้งประหยัดรำข้าวแล้วยังสามารถบำรุงพวกมันเพิ่มขึ้นด้วย จึงเรียนรู้วิธีนี้แล้วกลับบ้านไปเลี้ยงตามทันที
ขณะนี้ในหมู่บ้านวั้งหลินเริ่มปรากฏการณ์อย่างหนึ่งขึ้น คือความนิยมของการเลี้ยงัดินไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ในบ้าน
เจินจูให้หูฉางกุ้ยนำวิธีการเลี้ยงัดินนี้ แจ้งให้หัวหน้าหมู่บ้านทราบตามความเป็จริงเสียเลย แล้วค่อยให้หัวหน้าหมู่บ้านประกาศให้ชาวบ้านทราบอีกที จะได้ไม่เกิดเื่เลี้ยงได้ไม่เหมาะสมขึ้น
สกุลหูใน่เวลานี้ ทำเื่ดีให้แก่ชาวบ้านอย่างใจกว้างไม่เห็นแก่ตัว แต่ละเื่แสดงออกเปิดเผยต่อหน้าชัดเจน ชื่อเสียงและความนิยมค่อยๆ แพร่กระจายออกไปยังหมู่บ้านบริเวณข้างเคียง
คนในหมู่บ้านเดียวกันส่วนใหญ่ทั้งประหลาดใจ ชื่นชม และอิจฉายินดีต่อสกุลหู แน่นอนว่าย่อมต้องมีไม่น้อยที่อิจฉาตาร้อน สงสัย และริษยาด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีญาติห่างๆ หรือคนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเข้ามาตีสนิทกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น
ครอบครัวบิดามารดาของเหลียงซื่อ ครอบครัวแม่สามีของหูอู้จูกับครอบครัวหูชิวเซียงต่างทยอยกันเข้ามาในบ้านและเฝ้าหน้าประตูสกุลหูทุกสามวันห้าวัน
โดยเฉพาะเฝิงซื่อมารดาของเหลียงซื่อ มักหาจังหวะมาหยุดค้างอยู่บ้านสกุลหู แต่ละวันพาหลานชายสองสามคนเข้าออกในบ้านเก่า แล้วยังกล่าวอย่างไร้ยางอายว่ามาช่วยบุตรสาวตนเองเลี้ยงหลานชาย
บนความเป็จริงคือพาหลานๆ มาเกาะกินข้าวและธัญพืช ทานเสร็จยังนำสิ่งของติดตัวกลับไปอีก
หวังซื่ออดกลั้นอยู่สองสามวัน ลองให้ภรรยาของบุตรชายกล่าวก่อนสักรอบ ผลสุดท้ายไม่เห็นผลลัพธ์
เฝิงซื่อโพนทะนาอยู่ข้างนอกว่าญาติตนเองร่ำรวยขึ้นแล้ว ไม่เสียดายที่จ่ายเงินสร้างโรงเรียนให้เด็กที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันได้ แต่กลับเสียดายการช่วยเหลือญาติตนเอง ให้คนนอกได้รับผลประโยชน์แต่ให้ญาติตนเองทนหิวได้รับความยากจน ดังนั้นนางเลยมักมาหยุดพักอยู่บ้านสกุลหูอย่างมีเหตุผลเพียงพอให้ทำเช่นนี้ได้
หวังซื่อโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ตอนแรกช่างน้ำมันหมูพอกใจจริงๆ [8] ถึงได้เป็ญาติกับครอบครัวที่พฤติกรรมหยาบคายเช่นนี้ ตนเองหวังดีสอนการเลี้ยงกระต่ายให้ครอบครัวนางไป กระต่ายล้วนขายได้สองสามรุ่นแล้ว ในที่ลับยิ่งไม่รู้ว่าเหลียงซื่อให้เงินสงเคราะห์คนผู้นี้ไปตั้งเท่าไร รอบนี้ช่างดีเหลือเกิน หันกลับมากัดสกุลหูหนึ่งที จิตใจคนไม่พองูกลืนอัครเสนาบดี [9]
บิดากับพี่น้องผู้ชายของเหลียงซื่อล้วนปล่อยให้เฝิงซื่อทำเช่นนี้ไปมาอย่างแสร้งทำเป็เพิกเฉย สามารถเอาเปรียบได้หน่อยก็เอาเปรียบ สำหรับการกระทำที่เฝิงซื่อพาหลานมาเกาะกินดื่มก็แสร้งทำเป็ไม่สนใจ
ในที่สุดยามพลบค่ำวันหนึ่ง เฝิงซื่อทานอิ่มหนำจนพอใจแล้ว ในอ้อมอกซ่อนชุดกระโปรงที่เย็บขึ้นใหม่ ผ้าคลุมหมอน ผ้าเศษที่เหลือ แปรงไม้ต้นท้อ และอื่นๆ ที่เป็สิ่งของเล็กๆ ไม่เป็ชิ้นเป็อันของเหลียงซื่อไว้ ก่อนกลับนางถูกหวังซื่อขวางอยู่หน้าประตูลานบ้าน ข้างหลังนางเป็ฟู่เหรินสองสามคนที่รู้จักกัน
หวังซื่อดึงของในมือมา เฝิงซื่อหลบไม่ทันของในอ้อมอกร่วงลงที่พื้น
สีหน้าของคนหนึ่งกลุ่มมองเฝิงซื่ออย่างประหลาดใจ
แต่เฝิงซื่อกลับกล่าวอย่างหน้าตาเฉยว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็บุตรสาวมอบให้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อนาง
หวังซื่อพาเหลียงิฮวาออกมาจากในบ้านเพื่อยืนยันต่อหน้าทันที
เหลียงิฮวาลำบากใจเป็อย่างมาก หลายวันมานี้การกระทำของมารดานางทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็อย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็มารดาของนางเอง นางไม่สามารถตีแล้วก็ไม่สามารถดุด่าได้ นางลำบากใจหวังให้เื่ผ่านไปด้วยดีอยู่สองสามวัน แต่มารดานางกลับทำรุนแรงมากขึ้นไปอีก หยิบของในห้องของนางขึ้นอย่างไม่มือไม้อ่อนเลยสักนิด
ภายใต้สายตารวดเร็วและดุดันดุจมีดของแม่สามี นางทำได้เพียงกล่าวอย่างหัวหด มารดาของนางเพียงใส่ไว้ในอ้อมอกแล้วลืมหยิบออกมา
คำพูดของนางเหมือนแหย่รังต่อ [10]
ชั่วพริบตาเดียวเฝิงซื่อคล้ายกับถูกะเิอารมณ์ ไล่ตีเหลียงิฮวา “เ้าสุนัขป่าตาขาว เลี้ยงเ้ามาเติบใหญ่เสียเปล่านัก เ้าแค่ตอบแทนมารดาเ้าเช่นนี้ หยิบสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ของเ้าไปแล้วเป็อะไร? บ้านแม่สามีเ้าร่ำรวยแล้ว ของเล็กน้อยเช่นนี้ยังไม่หนาเท่าขนขาครอบครัวสกุลหูของพวกเ้าเลย เ้ายังคิดเล็กคิดน้อยกับมารดาเ้าอีก ตอนแรกมารดาเ้าประหยัดกินประหยัดใช้ เลี้ยงเ้ามาลำบากอย่างมือหนึ่งกำอุจจาระมือหนึ่งกำปัสสาวะ เ้ามันไม่รู้บาปบุญ หาเงินร่ำรวยขึ้นได้ไม่คิดจะตอบแทนมารดาเ้าเสียเล็กน้อยบ้าง กำเงินจ่ายไปกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทำไมเ้าไม่ปวดใจแทนครอบครัวบิดามารดาเ้าที่ทานผักป่าทุกวันบ้าง…”
เฝิงซื่อวิ่งไล่เหลียงิฮวาไปทั่วทั้งลานบ้าน ทุบตีไปพลางด่าสะเปะสะปะไปพลาง
หวังซื่อถูกอากัปกิริยาชี้ต้นหม่อนแต่ด่าต้นไหวของนาง ทำให้โกรธจนหน้าผากมีเส้นโลหิตดำปูดขึ้นมา
เงินของสกุลหูจะจ่ายออกไปกับที่ไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับบ้านสกุลเหลียง
หวังซื่อยืนมองสองคนอยู่ด้านข้างอย่างเ็า
เชิงอรรถ
[1] มีดใหญ่ขวานปากกว้าง เป็การอุปมาว่า เฉียบขาด เด็ดขาด
[2] อร่อยครบทุกด้าน หมายถึง ดูครบรสไปหมด ไม่ว่าจะเป็รูปลักษณ์ รสชาติ กลิ่นหอม หรือแม้แต่สีสัน
[3] ของขวัญแรกพบหน้า หมายถึง ของขวัญที่ให้เมื่อพบหน้ากันครั้งแรก ผู้าุโกว่าเป็ผู้มอบให้แก่ผู้อายุน้อย
[4] วอซุ่น (莴笋) คือ หน่อไม้ฝรั่งผักกาดหอม หรือผักสลัดต้น หรือผักกาดหอมต้น
[5] โหยวหมาไช่ (油麻菜) คือ ผักกาดคอส หรือผักกาดโรเมน หรือผักกรีนคอส หรือเบบี้คอส บ้างก็เรียกผักกาดหวาน
[6] น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้ หมายถึง แม้วิธีการดีแต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้ หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงหน้าได้
[7] เกิดลมน้ำขึ้น หมายถึง เื่บางสิ่งบางอย่างได้เจริญก้าวหน้าไปมาก
[8] น้ำมันหมูพอกใจ หมายถึง จิตใจถูกครอบงำจนมืดบอด
[9] จิตใจคนไม่พองูกลืนอัครเสนาบดี อุปมาถึง การเป็คนโลภมากมักมีจุดจบไม่สวย
[10] แหย่รังต่อ หมายถึง ก่อให้เกิดความวุ่นวาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้