คนรับใช้ของตระกูลฉินต่างรีบวิ่งเข้ามาด้วยความใ มองไปที่ฉินอวี่ด้วยความตกตะลึง คนรับใช้เ่าั้ต่างเคยดูถูกฉินอวี่ จึงเริ่มตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
นี่ยังเป็คุณชายสามคนธรรมดาทั่วไปคนนั้นหรือไม่?
เมื่อฉินเฟิงเห็นฉินอวี่เดินเข้ามาใกล้อย่างปีศาจดุร้าย ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด มีของเหลวสีเหลืองอ่อนไหลออกมาจากเป้ากางเกง เขาคลานไปทางฉินจ้านด้วยความสยดสยองและร้องไห้อย่างขมขื่น “ท่านพ่อช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”
“ฉินอวี่ หยุดเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็พี่ชายของเ้า” ฉินจ้านะโด้วยเสียงต่ำ อันที่จริงฉินจ้านอยากจะพูดออกไปว่าให้อดทนต่อไปอีกครึ่งปี
“ไปให้พ้น!” ฉินอวี่หันศีรษะมาพร้อมเสียงะโ มองไปทางฉินจ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึงและพูดอย่างเ็า “เขาเป็พี่ชายของข้าหรือ? ตอนที่เขารังแกข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านไปอยู่ที่ไหนมา?”
“ท่านอยู่ที่ไหนตอนที่เขาบังคับให้ข้าคุกเข่าให้เขา?”
“ท่านอยู่ที่ไหนตอนที่เขาพาคนมาฆ่าข้าและเสวี่ยเอ๋อ?”
“และตอนตัดเงินส่วนตัวของพวกข้าสองพี่น้อง ท่านไปอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขาสองคนเป็ลูกของท่าน ใช่หรือไม่? พวกข้าไม่ใช่? หรือเป็เพราะพวกข้าเป็เด็กกำพร้า จึงเป็เหมือนวัชพืชที่อยู่ตามไร่นาให้ผู้คนเหยียบย่ำได้?”
“ท่านไม่คิดจะตอบข้าหน่อยหรือ? ท่านก็อยู่ที่นี่แล้วมิใช่หรือ? วันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญพบกันในวันนี้ ข้ากับเสวี่ยเอ๋อก็คงตายอยู่ตรงนี้กันหมด”
“ตอนนี้ท่านยังมาบอกข้าว่าเขาเป็พี่ชายของข้าอีกหรือ?”
“วันนี้ ข้าไม่เพียงแค่ตัดเส้นลมปราณของเขาเท่านั้น ทั้งเขาและชุยซั่วไม่มีทางหลบหนีได้อีกแล้ว ข้าจะให้พวกเขาต้องชดใช้อย่างสาสมไปทีละคน หากเ้ายังดึงดันจะขัดขวาง ตัวข้าฉินอวี่และฉินเสวี่ยก็คงต้องขอตัดสัมพันธ์พ่อลูกกับท่านอย่างแน่นอน!!”
ม่านตาของฉินจ้านหดตัวลงอย่างรวดเร็ว คำพูดแต่ละคำของฉินอวี่เหมือนมีดคมทีละเล่มที่ปักเข้าไปในหัวใจของฉินจ้าน
เมื่อมองไปยังดวงตาสีแดงก่ำของฉินอวี่ เขาพบว่าเขาผิดพลาดอย่างยิ่ง ผิดพลาดเกินไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมาเขาทุ่มเทให้กับกิจการค้าขายเพื่อปูทางให้สองพี่น้องอย่าง ฉินอวี่และฉินเสวี่ย เขาจึงละเลยมากเกินไป เขานึกไม่ถึงเลยว่าฉินอวี่และฉินเสวี่ยจะประสบกับความไม่เป็ธรรมมากมายเช่นนี้
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่บอบบางและดวงตาอันเป็ที่รักเ่าั้ ดวงตาของฉินจ้านก็แดงก่ำ เขาชำเลืองมองไปทางฉินอวี่อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างช้าๆ แต่ร่างที่สูงสง่าของเขา ดูโงนเงนอย่างเห็นได้ชัด มองเห็นถึงความผันผวนและเศร้าโศก...
ฉินอวี่ไม่ได้หันมองฉินจ้านและค่อยๆ เดินไปหาฉินเฟิง ในขณะที่ฉินหย่งตัวสั่นเทาไปด้วยความใ เขาได้ลุกขึ้นอย่างเร่งรีบและเตรียมหนีออกจากที่นี่ แต่เขาก็ได้ยินเสียงเ็าดังขึ้น “ถ้าเ้ากล้าที่จะก้าวไปอีกก้าวเดียว จะฆ่าทิ้งอย่างไม่ปรานี!!!”
ร่างกายของฉินหย่งสั่นขึ้นอย่างรุนแรง เท้าขวาที่ยกขึ้นได้หยุดอยู่กลางอากาศโดยไม่กล้าก้าวออกไป
ฉินอวี่ค่อยๆ นั่งยองๆ ลงตรงหน้าฉินเฟิง จ้องฉินเฟิงด้วยดวงตาสีแดงเข้ม และพูดออกไปว่า “เ้าควรชดใช้ให้กับสิ่งที่เ้าทำไว้ก่อนหน้านี้ ข้าจะเตือนเ้าอีกครั้ง หากมีครั้งต่อไป ข้าจะตัดเส้นลมปราณของเ้าออกอย่างแน่นอน!”
“พี่ชาย...” ฉินเสวี่ยคุกเข่าลงในห้อง ร้องไห้ทั้งน้ำตา คำพูดของฉินอวี่ก่อนหน้านี้เป็เหมือนก้อนหินที่กระแทกเข้าไปในหัวใจที่เปราะบางและใสซื่อของนาง ทำให้หัวใจของนางเหมือนถูกเชือดเฉือน
ฉินอวี่เอียงศีรษะเล็กน้อย และไม่มองไปทางฉินเสวี่ย พลังการต่อสู้ปรากฏชัดในสายตาของเขา หลังจากนั้นไม่นาน ฉินอวี่ก็กระแทกหมัดออกไปสี่หมัด ซึ่งหมัดทั้งสี่กระทบเข้าตรงข้อศอกและเข่าของทั้งสองข้างของฉินเฟิง จากนั้นฉินอวี่ยังคงออมมือ และเพียงหักแขนขาของฉินเฟิง แต่ว่า
“อ๊าก...” ฉินเฟิงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่หมัดที่สามกระแทกเข้ามา เขาก็สลบไปทันทีด้วยความเ็ป
ฉินอวี่ลุกขึ้นช้าๆ มองไปทางฉินหย่งที่หยุดนิ่งและกำลังสั่นเทา พลางพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เ้าจะลงไปนอนบนพื้นดีๆ หรือจะให้ข้าลงมือ?”
ฉินหย่งสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในฐานะแม่ทัพกองพันเขาสูญเสียพลังในการต่อสู้อย่างครั้งก่อนไปนานแล้ว เขาหันไปมองฉินอวี่ซึ่งเต็มไปด้วยเืและมีดวงตาที่ดูน่ากลัว ฉินหย่งหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงเอนตัวนอนลงไป
“ตูม ตูม ตูม ตูม!”
หลังจากถูกต่อยไปสี่ครั้ง ฉินหย่งก็หมดสติไปด้วยความเ็ปเช่นกัน มีจุดจบเช่นเดียวกับฉินเฟิง แขนขาและข้อต่อทั้งหมดของเขาถูกฉินอวี่ทุบตี รวมถึงแขนที่เพิ่งจะต่อกลับมาได้ก็ถูกหักอีกครั้งหนึ่ง
ฉินอวี่ลุกขึ้นอย่างช้าๆ และเหลือบมองคนรับใช้ที่กำลังหวาดกลัวอยู่ตรงหน้าเขา และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ลากพวกเขาออกไป” พูดจบ ฉินอวี่ก็ค่อยๆ หันกลับมาและเดินโซเซไปทางห้องพักของตนเอง
ในขณะที่เท้าขวาของเขาก้าวเข้ามาในห้อง ฉินอวี่รู้สึกเหมือนฟ้าดินกำลังจะพลิกกลับ ความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรงได้กลืนจิตใจของเขา และร่างกายของเขาก็ล้มลงไปทันที
ฉินอวี่ได้ยินเสียงร้องที่บีบหัวใจของฉินเสวี่ยอย่างแ่เบา
จะตายแล้วหรือ?
จะเป็เหมือนครั้งก่อนหรือ?
หลงอวี่มองนิ่งไปที่ฉินอวี่ จิตใจของนางว่างเปล่า นางเห็นด้วยตาตนเองว่าฉินอวี่เอาชนะชุยซั่วด้วยตัวคนเดียว นางเห็นและได้ยินทุกอย่างด้วยตาและหูของตนเองแล้วทั้งสิ้น
การต่อสู้กับชุยซั่วโดยลำพังทำให้นางต้องตกตะลึง
การสนทนากับฉินจ้านทำให้นางรู้สึกเศร้าใจ
ยุติความโเี้และความเืเย็นของฉินเฟิงและฉินหย่ง
นี่จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่กระทบต่อจิตใจของหลงอวี่ นี่หรือคือฉินอวี่ นี่คือฉินอวี่จริงๆ หรือ?
เมื่อมองใบหน้าที่เปื้อนเื ใบหน้านั้นกลับยังโดดเด่นและคมชัด หลงอวี่จ้องมองเช่นนั้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
คนรับใช้ที่อยู่ไกลออกไปต่างตกตะลึง ในขณะนี้ ภาพลักษณ์ของฉินอวี่ถูกยกระดับให้ถึงขีดสุดในหัวใจของพวกเขา
นี่คือคุณชายสามหรือ?
...
ในห้องหนึ่ง บนอาคารร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง
จื่อซวินเอ๋อและผู้เฒ่าเก๋อกำลังดูวุ่นวาย เบื้องหน้าของพวกเขาคือม่านแสงชุดหนึ่ง และภาพในม่านแสงนั้นคือสวนเล็กๆ ที่พำนักของฉินอวี่ พวกเขากำลังมองดูความเคลื่อนไหวทั้งหมด
ในห้องนั้นเงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่น ผู้เฒ่าเก๋อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ซีดขาวปรากฏขึ้นภายใต้เสื้อคลุมสีดำ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ฉินอวี่ที่ปรากฏภาพอยู่ในม่านแสง ในดวงตาของเขาเหมือนมีความใอยู่ลึกๆ และไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง
“คุณหนู คนผู้นี้ยังมีความลับบางอย่างที่พวกเรายังไม่รู้!” ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าเก๋อก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
เมื่อเทียบกับความใของผู้าุโแล้ว จื่อซวินเอ๋อมีอารมณ์ซับซ้อนมากกว่า นางทั้งใและเศร้าใจ แม้ว่านางจะไม่ได้ยินเสียงของฉินอวี่ แต่นางก็สามารถอ่านปากของฉินอวี่ได้ ทุกคำที่พูดกับฉินจ้านเป็สิ่งที่สะกิดใจของจื่อซวินเอ๋ออย่างยิ่ง
หรือเป็เพราะพวกข้าเป็เด็กกำพร้า จึงเป็เหมือนวัชพืชที่อยู่ตามไร่นาให้ผู้คนเหยียบย่ำได้?”
“คุณหนู?” ผู้เฒ่าเก๋อหันศีรษะมาด้วยความสงสัย มองไปทางจื่อซวินเอ๋อและเรียกสตินางเบาๆ
จื่อซวินเอ๋อรู้สึกตัวกลับมาแล้วพูดขึ้นว่า “ผู้เฒ่าเก๋อ มีอะไรหรือ?”
“คนผู้นี้น่ากลัวมาก ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้สิ่งใดกันที่ทำให้การต่อสู้ของเขายิ่งรบยิ่งกล้าหาญเช่นนี้ แต่ข้ารู้สึกได้ว่าคนผู้นี้มีพลังอันแข็งแกร่ง ภายหน้า ในเวลาที่เหมาะสม เขตแดนฟ้าชิงเหลียนจะมีที่ยืนสำหรับบุคคลคนนี้อย่างแน่นอน” ผู้เฒ่าเก๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เป็เช่นนี้ยิ่งไม่ดีหรือ? หากเป็เช่นนี้เขาก็มีคุณสมบัติที่จะเป็โล่กำบังของข้า...” จื่อซวินเอ๋อยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
คนสองคนที่นางไม่อาจมองทะลุผ่านได้ หากต้องเป็ศัตรูกันขึ้นมาจริงๆ จะเป็อย่างไร?
คงต้องรอดู!
...
ในเวลาเดียวกัน
ดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งไม่เป็ที่รู้จัก บนยอดเขาั์ที่สูงเสียดฟ้าตรงจุดใจกลางสุดของแดนแห่งนี้ มีเด็กชายคนหนึ่งที่สวมหมวกจักรพรรดิเก้าักำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
สิ่งที่น่าใคือรูปร่างหน้าตาของเด็กชายคนนี้ ดูเหมือนเด็กอายุเพียงแปดหรือเก้าขวบ แต่ใต้ท้องของเขามีกระดูกที่แห้งเหี่ยว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเน่าเปื่อยมาเป็เวลาหลายปีแล้ว
“พลังกรรม พลังกรรมของปีศาจคลั่งถูกรวบรวมขึ้นมาอีกครั้งหรือ?”
“เป็ไปได้อย่างไร? ปีศาจคลั่งถูกระงับไว้ด้วยพลังนิรันดร์ไม่ใช่หรือ และเป็ะนิรันดร เขาก็จะไม่สามารถปรากฏตัวขึ้นได้?”
“ปีศาจคลั่ง? เป็ไปไม่ได้!”
มีเสียงอุทานดังขึ้น และดูเหมือนัทั้งเก้าบนหมวกจักรพรรดิจะยังมีชีวิตอยู่
“ข้า... รู้สึกถึงพลังกรรมของปีศาจคลั่ง”
“เป็ไปไม่ได้ ปีศาจคลั่งถูกทำลายการสืบต่อไปแล้ว เป็ไปไม่ได้ที่จะมีพลังกรรมของปีศาจคลั่งอีก แม้ว่าจะมี ก็ต้องตัดทิ้งเสีย” ัที่อยู่ตรงกลางมงกุฎจักรพรรดิกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“พลังกรรมของปีศาจคลั่งปฏิเสธโองการฟ้า! เฮ้อ...”