บทที่ 41 กระบี่โบราณชื่อยวน
ฉู่อวิ๋นสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบเดินไปที่กระดูกของบรรพบุรุษ และหยิบกระบี่ขึ้นสนิมที่เขาขว้างทิ้งขึ้นมา
เมื่อยกขึ้นมาดูก็พบว่าที่กระบี่มีคราบสนิมเกรอะไร้ความคม แต่ตัวกระบี่กว้างและเรียบตรง มีเส้นสีแดงเข้มสลักอยู่หลายเส้นซึ่งแปลกมาก
ไม่อยากเชื่อเลยว่ากระบี่โบราณที่มีสนิมเกรอะกรังเล่มนี้จะสามารถทำลายขวานรบิญญายุทธ์ของฉู่ป้าได้
“หืม? นี่คือ…” ฉู่อวิ๋นเช็ดฝุ่นบนกระบี่ที่เป็สนิมและมองดูอย่างระมัดระวัง เขาเห็นตัวอักษรเล็กๆ สองตัวที่แกะสลักไว้บนด้ามจับที่เรียบง่าย ลายมือนั้นแข็งแรงและทรงพลังพร้อมกับรัศมีที่คมกริบ
ชื่อยวน
ดูเหมือนว่านี่คือชื่อของกระบี่ขึ้นสนิมเล่มนี้
ฉู่อวิ๋นตะลึงเล็กน้อย เขาถูกระบี่แล้วถอนหายใจ "ชื่อยวน[1] หุบเหวสีแดงชาดราวกับเปลวไฟที่แยกแผ่นดิน ช่างเป็ชื่อที่ดุเดือดนัก"
โดยทั่วไปแล้ว อาวุธที่มีชื่อมักจะไม่ใช่อาวุธธรรมดา ตัวอย่างเช่น กระบี่เศวตรรุ้งเป็กระบี่อันดับหนึ่งในบรรดาอาวุธธรรมดา
“กระบี่เล่มนี้ไม่เพียงมีชื่อเท่านั้น แต่ยังสามารถทำลายขวานรบของฉู่ป้าได้อีกด้วย มันมีระดับสูงหรือ?” ฉู่อวิ๋นไม่ทราบวิธีการระบุอาวุธ ดังนั้นเขาจึงอดสงสัยไม่ได้เป็ธรรมดาและยังคงมองที่กระบี่ชื่อยวนในมือต่อไปเรื่อยๆ
ข้างๆ เขา มู่หรงซินเห็นฉู่อวิ๋นดูคล้ายผู้ฝึกกระบี่ที่ลุ่มหลงในกระบี่เล่มงาม นางกระทืบเท้าด้วยความโกรธทันที เ้าหนุ่มคนนี้ไม่อยากหนีออกจากสุสานด้วยซ้ำกระมัง
นางเดินเข้าไปด้วยความโมโห หยิกแขนของฉู่อวิ๋นแล้วพูด "นี่! มองพอหรือยัง? เ้าเจออะไรแปลกๆ บ้างหรือไม่?"
ฉู่อวิ๋นได้สติขึ้นมาพร้อมกับส่ายหน้าแล้วพูดว่า "มันก็ดูเหมือนกระบี่ธรรมดาทั่วไป แต่ถูกวางไว้ในมือของโครงกระดูก อาจเป็กระบี่ต่อสู้ที่บรรพบุรุษของพวกเราใช้เมื่อหลายพันปีก่อน"
“จริงหรือ? ให้คุณหนูเช่นข้าดูด้วย” มู่หรงซินค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น นางคว้ากระบี่ชื่อยวนมาสังเกตดู นางไม่เชื่อว่าฉู่อวิ๋นคนบ้านนอกเช่นนี้จะมองเห็นสิ่งใดได้
แล้วดวงตาคู่งามของมู่หรงซินก็เบิกโพลง เมื่อนางมองดูใกล้ๆ ก็ต้องสูดอากาศเย็นๆ เข้าปอดไปทันที
“กระบี่เล่มนี้...มีต้นกำเนิดไม่ธรรมดา! ที่แท้คืออาวุธลึกลับร้อยกล!”
“อาวุธลึกลับร้อยกล?” ฉู่อวิ๋นก็ดูตกตะลึงเช่นกัน
“ไม่ผิด! ข้าเคยเห็นลวดลายบนกระบี่มาก่อน มันเป็ลายสลักาขั้นสูงซึ่งสามารถเสริมพลังของอาวุธได้ กระบี่ชื่อยวนนี้มีลวดลายแกะสลักอยู่หนึ่งร้อยแบบ มันเป็อาวุธลึกลับร้อยกลอย่างแน่นอน!” มู่หรงซินอธิบายด้วยดวงตาที่สดใส
อาวุธามีสี่ระดับ ได้แก่ อาวุธมนุษย์ อาวุธสมบัติ อาวุธลึกลับ และอาวุธิญญา ส่วนลายสลักา เป็พื้นฐานในการตัดสินระดับอาวุธ
ลายสลักามีหลายประเภท โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็ประเภทความแข็งแกร่ง การป้องกัน ความคล่องตัว และคุณสมบัติ ความแข็งแกร่งสามารถเพิ่มน้ำหนักและพลังของอาวุธได้ การป้องกันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของอาวุธได้ และความคล่องตัวสามารถลดน้ำหนักของอาวุธได้
ส่วนคุณสมบัติสามารถทำให้อาวุธสร้างแรงบันดาลใจของพลังิญญาทั้งห้าได้
ยิ่งระดับของอาวุธสูงเท่าไร ก็ยิ่งสามารถแกะสลักรูปแบบาได้มากขึ้นเท่านั้น
โดยทั่วไปแล้ว วัสดุของอาวุธมนุษย์นั้นค่อนข้างธรรมดาและไม่สามารถแกะลายสลักาได้ แต่อาวุธสมบัติสามารถแกะสลักได้สิบกล อาวุธลึกลับสามารถแกะสลักได้ร้อยกล และอาวุธิญญาที่หายากที่สุดสามารถแกะสลักได้อย่างอัศจรรย์นับพันกล
ไม่ต้องพูดถึงอาวุธิญญาพันกล แม้แต่อาวุธลึกลับร้อยกลต่อให้ไปวางขายอยู่ที่ตลาดก็ยังมีคุณค่ามากพอจะดึงดูดนัย่อยกรบจำนวนมากให้มาแย่งชิง
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะเป็สมาชิกของตระกูลฉู่และได้เรียนรู้ด้านพลังยุทธ์การต่อสู้มาั้แ่เด็ก แต่เขาอยู่ในตระกูล ย่อมไม่มีโอกาสได้ัักับอาวุธขั้นสูงมากนัก มากที่สุดก็คือได้เห็นอาวุธสมบัติสิบกลเท่านั้น
นอกจากนี้ อาวุธขั้นสูงยังมีวิธีการแสดงรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างกัน ฉู่อวิ๋นไม่สามารถเข้าใจพวกมันได้
ไม่แปลกใจเลยที่กระบี่ชื่อยวนสามารถทำลายขวานรบสีทองของฉู่ป้าได้ อาวุธทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
ฉู่อวิ๋นหยิบกระบี่กลับมาจากมู่หรงซินอีกครั้งด้วยแววตาประหลาดใจ เขาไม่อาจวางมันลงได้อีก และพูดกับตัวเองว่า "ที่แท้นี่คือกระบี่ที่ยอดเยี่ยม! น่าเสียดายที่ถูกเก็บไว้ในสุสานมานานหลายปีจนสนิมเกาะเขรอะหมดแล้ว”
มู่หรงซินพูดอย่างสงสัย "สนิมเขรอะแล้วอย่างไร? ทำลายขวานเน่าๆ อันใหญ่ขนาดนั้นก็สุดยอดแล้ว มาเถอะ รีบถ่ายเทพลังปราณเข้าสู่กระบี่แล้วเปิดใช้ลายสลักา"
“ได้!” หลังจากมู่หรงซินเตือนแล้ว ฉู่อวิ๋นก็กระตือรือร้นที่จะลองดู เขาเดินไปที่โล่ง ระดมพลังปราณออกมาและถ่ายมันเข้าสู่กระบี่ชื่อยวน
"เคร้ง!"
ทันใดนั้น กระบี่ชื่อยวนก็เหมือนกับน้ำค้างหลังจากผ่านความแห้งแล้งที่ยาวนาน ปล่อยความล้ำค่าะเิออกมา สว่างไสวละลานตา
บนตัวกระบี่ ลายสลักาห้าสิบกลที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังปราณ ปรากฏแสงเรืองรองส่องประกาย
แต่ฉู่อวิ๋นไม่คิดว่าลายสลักาเหล่านี้จะเป็ลายสลักประเภทความแข็งแกร่งทั้งหมด! แต่ละครั้งที่มีการเปิดใช้งาน น้ำหนักของกระบี่ชื่อยวนก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยจิน
ห้าสิบกลเทียบเท่ากับห้าพันจิน!
“์ ทำไมมันหนักขนาดนี้!” แขนของฉู่อวิ๋นลดต่ำลงและถูกกระบี่ชื่อยวนสะท้อนโจมตีเข้าทันที เขาร้องด้วยความใและหยุดการถ่ายเทพลังปราณอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นอยู่ที่สี่พันจิน เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอที่จะควบคุมกระบี่ชื่อยวนได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อเห็นเื่น่าอับอายของฉู่อวิ๋น มู่หรงซินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดติดตลก "ฮ่าๆ! เ้าคนบ้านนอกถูกดาบขึ้นสนิมรังแก คุณหนูเช่นข้าขำนัก!"
“โอ้ ใช่หรือ?” ฉู่อวิ๋นตอบอย่างไม่แยแสและเปิดใช้งานลายสลักสี่สิบกลทันที ทำให้น้ำหนักของดาบกระบี่ชื่อยวนกลายเป็สี่พันจิน จากนั้นก็โยนมันให้มู่หรงซิน
“อ๊ะ! เ้าคนสารเลว! ช่าง...ช่างน่ารังเกียจ!” มู่หรงซินหยิบกระบี่ชื่อยวนขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่แข็งแกร่งพอ นางสะดุดล้มและถูกกดลงกับพื้นทันที นางล้มลงแล้ว ช่างน่าอับอายขายหน้า ก่อนจะกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
“ใครให้เ้าหัวเราะข้าเล่า?” ฉู่อวิ๋นเผยรอยยิ้มบางๆ ที่เห็นได้ยาก หยิบกระบี่ชื่อยวนกลับมา ปลดปล่อยพลังปราณต่อไป และควบคุมน้ำหนักของกระบี่ให้เหลือสี่พันจิน
“วิ้ง!”
ฉู่อวิ๋นชูมือโบกกระบี่ชื่อยวนและชี้มันไปในความว่างเปล่า ก่อให้เกิดเสียงลมพัดทึมทื่อ
แต่การแกว่งกระบี่ครั้งนี้ไม่แม่นยำอย่างยิ่งและควบคุมค่อนข้างลำบาก
แขนของฉู่อวิ๋นสั่นเล็กน้อย เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อรักษาเสถียรภาพของกระบี่ และพูดกับตัวเอง "ไม่ได้ สี่พันจินอยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า ข้าต้องลดน้ำหนักต่อ"
แม้ว่าด้วยระดับพลังยุทธ์ในปัจจุบันของฉู่อวิ๋น จะทำให้เขามีความแข็งแกร่งถึงสี่พันจิน แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถควบคุมอาวุธที่มีน้ำหนักเท่ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบและกวาดควงมันได้อย่างอิสระ
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อควบคุมกระบี่ชื่อหยวนอยู่ที่สองพันจินได้ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกสบายขึ้น
ต่อมา ฉู่อวิ๋นพยายามเปิดใช้งานลายสลักาอื่นๆ และพบว่านอกเหนือจากลายสลักาประเภทความแข็งแกร่งแปดสิบกลแล้ว กระบี่ชื่อยวนยังมีประเภทคุณลักษณะอีกยี่สิบกล
"ควั่บ!"
พลังปราณถูกอัดเข้าสู่ตัวกระบี่ ลายสลักกลเปล่งแสงเป็ประกาย
จู่ๆ กระบี่ชื่อยวนก็ปล่อยความร้อนออกมา ทำให้อุณหภูมิของทั้งหลุมศพสูงขึ้นอย่างมาก
“เป็ลายสลักคุณสมบัติไฟจริงๆ ด้วย สมแล้วที่ชื่อชื่อยวน”
ฉู่อวิ๋นประหลาดใจ จากนั้นดวงตาของเขาก็เพ่งมองและวาดกระบี่ออกไปอย่างแรง ร่องรอยของกระบี่ชื่อยวนปรากฏขึ้นทันทีพร้อมกับร่องรอยของเปลวไฟที่ลุกโหม ราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาท้องฟ้า แสงของมันสว่างจ้า คล้ายจะเผาทุกสิ่ง
“แข็งแกร่งมาก! ถ้าเ้าใช้กระบี่เล่มนี้ต่อสู้กับคนอื่น คงจะปรับปรุงวิชายุทธ์ของเ้าได้มากเป็แน่!” ดวงตาของมู่หรงซินฉายแววอิจฉา จ้องมองไปที่กระบี่ชื่อยวนอย่างเพ่งพิศ
ในการวัดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนักรบิญญา นอกจากการฝึกฝนของตนเองแล้ว อาวุธก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน
หากมีการปะทะกันระหว่างนักรบที่มีพลังการต่อสู้เท่ากัน ผู้ที่ถืออาวุธระดับสูงจะมีโอกาสชนะมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ถูกต้อง! ข้าจะลองฟันศิลาทลายัด้วยกำลังทั้งหมดของข้าดู อยากรู้ว่าข้าจะสามารถทำลายมันได้หรือไม่?!” ฉู่อวิ๋นผุดความคิดขึ้นมา ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เดินไปที่ศิลาทลายั กล้ามเนื้อของเขาปูดโปนออกมา เขาระดมพลังปราณเพื่อเปิดใช้งานกระบี่ชื่อยวนแล้วฟาดกระบี่ออกไป
"ชิ้ง!"
แสงกระบี่สีแดงเพลิงตัดผ่านความว่างเปล่า ราวกับัเพลิง พุ่งออกไปสู่พื้นผิวของหิน
“ชิ้ง!”
กระบี่และหินปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงที่คมชัดและเสียงดังหึ่งๆ แต่ศิลาทลายัยังคงอยู่ครบถ้วน
“เชอะ!” ฉู่อวิ๋นไม่ยอมแพ้ เขามองด้วยสายตาที่แน่วแน่ และเหวี่ยงกระบี่ชื่อยวนออกไปอย่างต่อเนื่อง เปลวไฟยังคงอยู่ครู่หนึ่ง คลื่นความร้อนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!
"ชิ้ง ชิ้ง!"
เขาฟาดฟันกระบี่ออกมาหลายร้อยครั้งติดต่อกัน และไม่หยุดพักจนกว่าพลังปราณในร่างกายจะหมดลง
ภายใต้การใช้ท่ากระบี่และการเปิดใช้งานลายสลักาแบบคู่ พลังปราณจึงหมดไปอย่างรวดเร็ว
การโจมตีด้วยกระบี่ที่รวดเร็วและรุนแรงนี้ ทำให้เกิดรอยขีดข่วนตื้นๆ หลายร้อยรอยบนพื้นผิวของศิลาทลายั แต่ก็มีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฉู่อวิ๋นหายใจหอบ นั่งบนพื้นเพื่อฟื้นพลัง จากนั้นเปลี่ยนกลยุทธ์และโจมตีกำแพงรอบด้านแทน แต่หลังจากทุบกำแพงหินแล้ว เขาพบว่ายังมีค่ายกลอยู่ภายในกำแพง ไม่อาจทำลายมันได้อีก
ดูเหมือนว่า จะไม่มีทางอื่นที่จะหลบหนีได้แล้ว นอกจากทำลายศิลาทลายั
“ให้ตายเถอะ!...พวกเราจะติดอยู่และตายอยู่ที่นี่จริงๆ หรือ? ไม่ได้! ข้าอยากกลับไปหาพี่หญิงแบบมีชีวิตอีกครั้ง...” ฉู่อวิ๋นคิดถึงรูปลักษณ์ที่สวยงามของฉู่ซินเหยาก็เริ่มรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เขาวางกระบี่ชื่อยวนลงด้วยความโกรธและกระแทกกำแพงหินอย่างแรง
กระบี่เล่มนี้ดูเหมือนจะเป็เพียงกระบี่ของบรรพบุรุษที่ค่อนข้างมีค่า ไม่ใช่สมบัติลับที่สืบทอดมา และมันไม่สามารถช่วยอะไรในการหลบหนีออกจากสุสานได้
เมื่อเห็นท่าทางที่ลุกลนของฉู่อวิ๋น มู่หรงซินก็ขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากและรู้สึกสิ้นหวังไปด้วย ก่อนจะพูดเบาๆ "เอาล่ะ คุณหนูเช่นข้าก็บริสุทธิ์นะ ต้องมาอยู่กับอันธพาลตัวเหม็นเช่นเ้า ทั้งวันไม่เห็นมีอะไรดีเลย! ตอนนี้ก็ดีแล้วสิ คุณหนูเช่นข้าก็ติดอยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน!”
“ถ้ารู้เช่นนี้...ถ้ารู้เช่นนี้ ข้าคงไม่มากับเ้า เ้าคนต่ำช้า!” ขณะที่นางกำลังจะพูด มู่หรงซินก็ปิดปากเงียบลงไปกะทันหันและกลืนคำพูดนั้นกลับลงคอไป
เมื่อพูดถึงเื่นี้ นางเป็คนตามมาที่นี่โดยสมัครใจและการที่ติดอยู่ที่นี่ก็เป็เื่ไม่คาดคิด ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่อวิ๋นเพิ่งทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อของเขา ดังนั้น นางไม่อยากทำให้เขาหงุดหงิดอีก
ล่วงเวลายามดึก แขไขสว่างวาว ดวงดาวระยับตา
ภายในหกชั่วยาม ก็จะถึงเวลาที่ผู้เข้าร่วมการประลองเซี่ยหยางจะกลับมารวมตัวกัน
แต่ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินยังคงติดอยู่ในสุสานบรรพบุรุษของสุสานปราณั อารมณ์ของพวกเขาก็ไม่มั่นคงมาก
"ตึงตัง!"
"ตึงตัง!"
ในสุสาน มีเสียงหินโบราณแตก และเสียงหมัดของฉู่อวิ๋นที่กระทบกับกำแพง
ในทางกลับกัน ขณะที่กำลังพังกำแพง มู่หรงซินกลับนั่งอย่างเบื่อหน่ายบนแท่นหินตรงกลางห้อง มองดูทุกอย่างอย่างเรื่อยเปื่อยและว่างเปล่า
“แตกไปซะ! ทำลายไปซะ!” หมัดของฉู่อวิ๋นมีเืไหลออกมา เขาะโซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามทำลายกำแพงลง
บางทีอาจมีช่องว่างในค่ายกลป้องกันอยู่? เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ!
ไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็มาถึงตรงกลางกำแพงหินทางด้านซ้าย บนผนังมีเส้นแปลกๆ แกะสลักเรียงกันเหมือนตัวอักษรโบราณ คลุมเครือและยากที่จะเข้าใจ
"ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!"
จู่ๆ หมัดก็เหวี่ยงออกไป กำแพงหินที่เปราะบางก็แตกออกอย่างช้าๆ
ทันใดนั้น ดวงตาคู่วามของมู่หรงซินที่ไร้จุดหมายก็สว่างขึ้น นางพูดอย่างเร่งรีบ "นี่! เ้าอันธพาลตัวเหม็น อย่าเพิ่งต่อย! เร็วเข้า...เงยหน้ามองขึ้นไปเร็ว!"
“ฮะ?” ฉู่อวิ๋นสับสน เงยหน้าขึ้นมองตามคำบอก
หลังจากที่กรวดบนพื้นผิวของกำแพงหินหลุดออกไป กลับมีผนังด้านในที่มืดมิดและมีเส้นแกะสลักจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ ซึ่งเมื่อรวมกับคำแปลกๆ ที่ถูกเปิดเผยแต่แรกเริ่ม ก็จะก่อตัวเป็ภาพที่สมบูรณ์
นอกจากนี้ เมื่อฉู่อวิ๋นสะบัดหมัดโบกมือ เืก็ทะลักออกมาตามเส้น ในทันที ทุกเส้นสลักก็เปล่งประกายเจิดจ้า แสงเรืองรองสว่างวาบ ปรากฏสีมงคลนับพันสี ลึกลับและสวยงาม
“นี่ข้า ทำบ้าอะไรลงไปอีก?” ฉู่อวิ๋นตกตะลึง
--------------------
[1] 赤渊 แปลว่า หุบเหวสีแดงชาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้