ในใจของเยี่ยจื่ออวิ๋นก็พลันบังเกิดความรู้สึกคับข้องใจนัก นางเป็องค์หญิงน้อยของท่านเ้าเมือง ท่านปู่ก็เป็ถึงผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเยี่ยโม่ แต่เล็กจนใหญ่ไม่ได้อ่านหนังสือลับโบราณมามากมายเท่าไหร่ ความรู้ลึกซึ้งกว้างขวางกว่าเด็กในวัยเดียวกันมากมาย ในใจจึงยังมีความภาคภูมิอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดเช่นเนี่ยหลี นางรู้สึกว่าตนช่างไร้การศึกษาเสียจริง
แต่ก็ไม่แปลกใจที่เยี่ยจื่ออวิ๋นจะมีความคิดเช่นนี้ เนี่ยหลีคือคนที่ไม่อาจใช้สายตาของคนทั่วไปมาตัดสินได้
เนี่ยหลีเดินไปตามรอยแตกบนผนังหิน วิธีการจัดปูแผ่นกระเบื้องบนพื้นบ่งบอกได้อย่างง่ายดายว่ากับดักถูกฝังอยู่ตรงจุดไหน
“วิธีการวางกับดักเช่นนี้ไม่มีความยากเย็นอันใด!” เนี่ยหลีเดินนำหน้าไปได้ระยะหนึ่ง เขาหยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่งและโยนออกไปราวห้าถึงหกหมี่ (เมตร) กระแทกถูกอิฐเขียวก้อนหนึ่งพอดี
ซู่ ซู่ ซู่!
ฝุบ ฝุบ ฝุบ!
กลางทางเดินตรงหน้าเต็มไปด้วยลูกธนูพุ่งออกมาทุกแห่งหนราวกับพายุฝน ปลายลูกศรทอประกายแสงสีเขียว
ลูกธนูทั้งหมดอาบด้วยยาพิษ ใบหน้าที่น่ารักของเยี่ยจื่ออวิ๋นค่อนข้างซีดขาว ลองคิดดูหากพวกเขาเดินต่อไปไม่ทันระวัง เผลอกระตุ้นถูกกับดักเข้าจะย่ำแย่แค่ไหน พริบตานั้นทั้งร่างคงต้องพรุนเพราะลูกธนูอย่างแน่นอน
ยังอีกตั้งไกล เนี่ยหลีรู้ได้อย่างไรว่ากลไกกับดักอยู่ตรงไหน?
“เอาล่ะ พวกเราไปต่อได้!” เนี่ยหลีหันมองเยี่ยจื่ออวิ๋น ยิ้มบางๆ และพูดกับเยี่ยจื่ออวิ๋น
แม้กับดักทั้งหมดล้วนซุกซ่อนอยู่ในมุมมืด เยี่ยจื่ออวิ๋นกลับมีความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง ตราบใดที่นางเดินตามเนี่ยหลี นางต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน ปัญหาทั้งหลายย่อมไม่เป็ปัญหาอีกต่อไป!
เห็นแผ่นหลังของเนี่ยหลี แม้เขาจะค่อนข้างผอม แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความปลอดภัย
เยี่ยจื่ออวิ๋นก้มศีรษะลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ บางทีตอนอยู่กับเนี่ยหลีก็ไม่เลว ทว่าต่อมานางก็รีบสะบัดศีรษะไปมา สลัดความคิดเช่นนี้ทิ้งไป นางกำลังคิดบ้าอะไรอยู่นี่! หนิงเอ๋อร์ดูเหมือนจะมีใจให้เนี่ยหลีเสียแล้ว และเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง หูเหยียนหลันรั่วก็ประกาศว่านางจะไล่ตามเนี่ยหลี
เนี่ยหลี เ้าคนเ้าชู้ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะวุ่นวายกับเด็กสาวมากน้อยเท่าไหร่?
นางไม่เชื่อว่าเนี่ยหลีจะชอบนางเพียงคนเดียวหรอก!
เยี่ยจื่ออวิ๋นเงยหน้าขึ้นด้วยท่วงท่าทระนง นางจะไม่ยอมทำอะไรตื้นเขินเช่นเด็กสาวพวกนั้นเด็ดขาด
ทั้งสองคนเดินหน้าต่อตามเส้นทางที่ลึกเข้าไป
ขณะที่เนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังสำรวจเส้นทางนี้ด้วยกัน ที่ด้านนอกภายในผืนป่า
“พวกเ้าล้วนไม่ได้เื่ กลับปล่อยให้วานรั์แขนเทาตัวนั้นหนีไปได้ทั้งๆ ที่าเ็หนัก!” ผู้ช่วยอวิ๋นฮว๋าก่นด่าลูกน้องของเขาด้วยความไม่พอใจ สัตว์อสูรที่มีจิตอสูรนั้นแค่มีระดับเงินก็สามารถขายได้นับแสนเหรียญจิตอสูรแล้ว
ท้ายที่สุดคนทั้งหกาเ็และวานรั์แขนเทาระดับจิตอสูรตนนั้นก็หนีรอดไปได้
พวกเขารู้สึกโกรธเนี่ยหลีนัก หากมิใช่เพราะเนี่ยหลีล่อวานรั์แขนเทาระดับจิตอสูรตัวนั้นเข้ามาหาพวกเขา สภาพก็คงไม่ย่ำแย่ปานนี้
“ช่างเถอะ ก็แค่วานรั์แขนเทาตัวหนึ่ง เด็กๆ จากครอบครัวชนชั้นสูงพวกนั้นมีค่าตัวสูงกว่าเ้าลิงตัวนั้นอย่างแน่นอน! ค้นหาให้ทั่ว! หากพวกเ้าไม่สามารถจับมาได้แม้แต่คนเดียวก็อย่าได้กลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” อวิ๋นฮว๋าะโอย่างโมโห คนทั้งกลุ่มก็รีบแยกย้ายกันออกไปค้นป่า
แสงไฟไกลออกไปดึงดูดความสนใจของพวกเขา
ไฟสามารถใช้สกัดกั้นสัตว์อสูรทั้งหลายในยามค่ำคืนได้ ทำให้พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้ ทว่าก็สามารถทำให้กลายเป็เป้าที่มองเห็นได้ในความมืด
“เหตุใดพวกเ้าจึงมาจับข้า? พวกเ้าเป็ใคร?”
ชายชุดดำหลายคนจับได้ใครบางคนและรีบเร่งนำตัวไปให้อวิ๋นฮว๋า
ผู้ช่วยอวิ๋นฮว๋าหัวเราะร่า คนที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้สวมใส่ชุดหรูหรา ฐานะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“หึหึ ไอ้ลูกชาย เ้าคงเคยได้ยินชื่อสมาคมมืดของพวกข้ามาบ้าง คนที่เรา้าล้วนเป็พวกเด็กจากครอบครัวชั้นสูงเช่นเ้า หึหึ ฉะนั้นเวลานี้ข้าควรนำตัวเ้าไปแลกเงิน... หรือว่าฆ่าเ้าทิ้งดี?”
คนที่ถูกจับมาที่แท้เป็เสิ่นเยวี่ย
ได้ยินชื่อสมาคมมืด ใบหน้าของเสิ่นเยวี่ยซีดขาวขึ้นมาทันที พูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนว่า “อย่าฆ่าข้าเลย! ข้าเป็คนของตระกูลเสินเซิ่ง ทางบ้านข้าให้เงินเ้าได้มากมาย!”
“ตระกูลเสินเซิ่งรึ?” ผู้ช่วยอวิ๋นฮว๋าใเล็กน้อย แววผิดหวังฉายชัดขึ้นในดวงตาขณะเริ่มพูดกับตัวเอง “ข้าคิดว่าพวกเราจะได้ลงมือฆ่าคน เื่กลับกลายเป็คนของท่านรอง ช่างโชคร้ายเสียจริง!”
ผู้ช่วยอวิ๋นฮว๋าหันไปมองหน้าพวกลูกน้องและตวาดลั่น “หาต่อไป!”
เสิ่นเยวี่ยคิดว่าคนของสมาคมมืดคงต้องทำให้เขาลำบาก คิดไม่ถึง พวกมันกลับไม่สนใจเขาเลย พวกมันทิ้งคนไว้เพียงคนเดียวเพื่อเฝ้าเขา เสิ่นเยวี่ยค่อยโล่งใจ ดูเหมือนว่าสมาคมมืดยังมีความหวาดกลัวต่อตระกูลเสินเซิ่งอยู่บ้าง
เขาคิดว่าชื่อของตระกูลเสินเซิ่งทำให้พวกสมาคมมืดหวาดกลัว สีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็ภาคภูมิใจทันที แตกต่างจากคนเก่าที่แทบจะทำให้กางเกงของตนเปียกแฉะเมื่อครู่นัก
เนี่ยหลีพาเยี่ยจื่ออวิ๋นเดินหน้าต่อไป ราวห้าถึงหกชั่วโมงต่อมา เนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋นจ้องมองห้องโถงใหญ่โตโอ่อ่าที่อยู่ห่างออกไป
“ที่แท้เมืองกู่หลันสร้างอยู่เหนือวังใต้ดินแห่งนี้ พวกชนชั้นสูงของเมืองกู่หลันคงต้องรู้จักวังลับใต้ดินแห่งนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงมีความเป็ไปได้สูงว่าพวกเขาจะเก็บทรัพย์สินของตนไว้ที่นี่!” เนี่ยหลีพูด พิจารณาจากตำแหน่งขณะนี้ พวกเขาคงอยู่ใต้โรงเรียนทหารแล้ว
เป็ดังที่เนี่ยหลีคาด เ้าเมืองกับชนชั้นสูงเ่าั้คงต้องซุกซ่อนของดีๆ เอาไว้ใต้สนามของลานฝึกเป็แน่!
ขณะเดินเข้าไปถึงห้องโถงห้องหนึ่ง ภาพฉากตรงหน้าก็พลันทำให้เนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋นต้องตกตะลึง ในนั้นมีกองกระดูกเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนแห่ง มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่กองสุมรวมกันอยู่ ขณะเสียชีวิตพวกเขาคงพยายามดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง
“เกิดอะไรขึ้น เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?” ดวงตาของเยี่ยจื่ออวิ๋นแดงก่ำ น้ำตาหยาดหยดลงสองข้างแก้ม นางเห็นเด็กมากมายห่อตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนเสียชีวิตพวกเขาคงต้องเป็เด็กที่น่ารักมากๆ ทว่ากลับต้องมาตายอย่างเงียบเหงาอยู่ในนี้
เนี่ยหลีทอดถอนใจและพูด “ที่นี่คงจะเป็สถานที่หลบภัยชั่วคราวของเมืองกู่หลัน พวกเขาคงย้ายพวกคนเฒ่าคนแก่ สตรีและเด็กมาไว้ที่นี่ เดาว่าพวกเขาคงคิดรอจนกว่าาจะจบลงและค่อยมาพาคนเหล่านี้ออกไป ทว่าเมืองโบราณกู่หลันกลับถูกทำลาย คนเหล่านี้จึงได้แต่ติดอยู่ในนี้ หิวโหยจนตาย!”
เยี่ยจื่ออวิ๋นอ้าปากค้าง สีหน้าเ็ปยิ่งนัก
เนี่ยหลีสูดลมหายใจลึกๆ เวลานี้ในใจของเขาสั่นสะท้านยากจะสงบได้ นี่มิใช่เมืองกวงฮุยในชีวิตหนก่อนหรอกหรือ? ก่อนเมืองล่มสลาย พวกเขาก็ย้ายผู้คนมากมายเข้าไปในพื้นที่หลบภัย ต่อมาเมืองกวงฮุยแตกพ่าย พวกเขาถูกสถานการณ์บังคับให้อพยพออกจากเมือง ไม่รู้ว่าพวกผู้เฒ่า สตรีและเด็กเ่าั้จะเป็เช่นใดแล้ว เดาว่าก็คงเสียชีวิตด้วยความหิวโหยอยู่ในที่หลบภัยนั้นเช่นกัน
ภาพอันน่าเศร้าสลดใจขณะที่เมืองกวงฮุยถูกทำลายยังคงชัดเจน เนี่ยหลีกำหมัดแน่น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เื่เช่นนั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีกเป็อันขาด!
“ข้าคิดว่า พวกเราควรไปต่อเถอะ” เยี่ยจื่ออวิ๋นพูดขึ้น นางไม่อาจทนอยู่ในที่แห่งนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
“ไม่ พวกเราไปไม่ได้ พวกเราต้องเก็บของมีค่าทั้งหมดในนี้ออกไปด้วย!” เนี่ยหลีตอบ “ของล้ำค่าในนี้สามารถช่วยบำรุงพลังของพวกเราได้ หากพวกเราแข็งแกร่งขึ้น พวกเราก็จะสามารถปกป้องเมืองกวงฮุยได้ มิเช่นนั้นเมืองกวงฮุยก็จะกลายเป็เมืองกู่หลันแห่งที่สอง!"
ได้ฟังคำพูดของเนี่ยหลี เยี่ยจื่ออวิ๋นตะลึงงันแล้ว ความคิดวูบหนึ่งเกิดขึ้นในใจ “เมืองกวงฮุยจะกลายเป็เมืองกู่หลันแห่งที่สองอย่างนั้นหรือ?” แม้เมืองกวงฮุยยังปลอดภัยอยู่ในเวลานี้ แต่ก็ยังมีสัตว์อสูรอยู่นอกเมืองให้เห็นอยู่เสมอ บางครั้งก็ยังทำลายกำแพงเข้ามาได้
สีหน้าของเยี่ยจื่ออวิ๋นฮึกเหิมขึ้น ใช่แล้ว พวกเขาต้องพัฒนาฝีมือของตนทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเมืองกวงฮุย แม้การทำตัวเป็โจรขโมยสุสานจะน่าละอายใจอยู่บ้าง แต่ชีวิตมากมายในเมืองกวงฮุยเ่าั้เล่า เช่นนั้นจะนับเป็อะไรได้?
เนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋เริ่มค้นหาไปทั่วห้อง
“มีชุดเกราะระดับทองแดงอยู่ตรงนี้!”
“ตรงนี้ก็มียาเม็ดอยู่หลายขวด แต่น่าเสียดายพวกมันเสียหมดแล้ว!”
“์ นี่เป็หินิญญา!” เยี่ยจื่ออวิ๋นอุทานออกมา สองมือของนางยกขึ้นกุมอธิษฐานครู่หนึ่งและจึงดึงหินิญญาชิ้นนั้นออกจากลำคอของเด็กหญิงคนหนึ่ง หินชิ้นนี้มีโซ่สีเงินเส้นเล็กผูกติดอยู่ แลดูงดงามนัก บ่งบอกถึงฐานะของเด็กหญิงผู้นี้ ยามเมื่อนางยังมีชีวิตคงต้องเป็ชนชั้นสูงผู้หนึ่งเป็แน่
แต่ไม่ว่าอย่างไรคนก็ตายแล้ว หากมอบหินิญญาชิ้นนี้ให้แก่ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองผู้หนึ่งใช้ อาจจะช่วยให้ผู้ควบคุมจิตอสูรคนนั้นสามารถพัฒนาฝีมือได้สูงยิ่งขึ้น
เนี่ยหลีก็เก็บทรัพย์สมบัติต่างๆ ได้ไม่น้อย เฉพาะชุดเกราะและอาวุธระดับทองแดงก็เก็บได้หลายสิบชิ้นแล้ว ยังมีมีดสั้นระดับเงินเล่มหนึ่งซึ่งยังมีสภาพดีอยู่ ไม่ถูกทำลาย นอกจากนี้ยังมีผลึกอสูรหลายชิ้น ของหลายอย่างมีมูลค่ามากมาย
อย่างไรก็ตาม เนี่ยหลียังไม่พบตะเกียงิญญาที่เขาค้นหาอยู่
สายตาของเนี่ยหลีตกอยู่ที่กลางห้องโถง ตรงกลางห้องโถงมีโลงศิลาบรรจุศพที่มีขนาดยาวสามหมี่ (เมตร) และสูงจากพื้นราวหนึ่งหมี่ ผิวของหีบศพนี้มีอาคมลึกลับปกคลุมอยู่ อาคมเหล่านี้ดูค่อนข้างคุ้นตา แต่เขานึกไม่ออกว่าคืออาคมใด
อาคมเหล่านี้คืออะไรกันแน่?
ขณะเดินเข้าไปข้างโลงศิลาบรรจุพระศพของจักรพรรดิคงิ เนี่ยหลีรู้สึกได้ถึงพลังลึกลับอย่างหนึ่งที่พุ่งเข้าปะทะหน้าของเขา เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งราวกับกำลังยืนอยู่กลางคลื่นลมในมหาสมุทร อาจถูกพัดปลิวออกไปได้ทุกเมื่อ ไม่แปลกใจที่ทุกคนซึ่งเสียชีวิตอยู่ในนี้ล้วนไม่อาจเข้าใกล้โลงศิลานี้ได้
“เนี่ยหลี โลงศิลานี้มีอะไรหรือ?” เยี่ยจื่ออวิ๋นเตรียมเดินเข้ามาหา แต่ขณะอยู่ห่างจากโลงศิลาราวสามหมี่ ใบหน้าของนางกลับพลันซีดขาวขึ้นมา ต้องถอยหลังตึง ตึง ตึงไปหลายก้าว
“เ้าเป็อะไรรึ?” เนี่ยหลีมองเยี่ยจื่ออวิ๋นอย่างงุนงง
“ขณะที่ข้าเดินมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกปวดหัวจนแทบะเิขึ้นมา!” เยี่ยจื่ออวิ๋นตอบ
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจื่ออวิ๋น สองคิ้วของเนี่ยหลีขมวดมุ่นขึ้น พลังเช่นนี้รู้สึกคุ้นเคยนัก คงต้องมียอดคนผู้หนึ่งวางอาคมเขตแดนไว้กลางโลงศิลานี้ ดังนั้นเยี่ยจื่ออวิ๋นจึงไม่อาจเดินเข้ามาใกล้ได้ แต่เหตุใดเขาซึ่งอยู่ห่างจากโลงศิลาแค่ก้าวเดียวกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น?
หรืออาคมควบคุมนี้จะมีผลต่อสตรีเพศเท่านั้น ไม่มีผลต่อบุรุษเพศอย่างนั้นหรือ? หรือมันมีผลต่อผู้อื่น แต่ไม่มีผลต่อเนี่ยหลี?
เนี่ยหลีคาดเดาในใจ เขาหันไปพูดกับเยี่ยจื่ออวิ๋น “เ้าไปสำรวจบริเวณอื่นก่อน ที่นี่ปล่อยเป็หน้าที่ของข้าเอง!”
“อืม” เยี่ยจื่ออวิ๋นพยักหน้าและเดินไปอีกด้านหนึ่ง
เนี่ยหลีเริ่มตรวจสอบโลงศิลาตรงหน้าอย่างระมัดระวัง โลงศิลาถูกปิดผนึกเอาไว้แ่า ้าลงยันต์ลึกลับเอาไว้สารพัดแบบ กระทั่งเนี่ยหลีผู้มีความรู้กว้างขวางก็ยังไม่เคยเห็นรูปแบบยันต์เหล่านี้มาก่อน
หรือนี่ก็คือโลงศิลาของจักรพรรดิคงิอย่างนั้นหรือ? แต่เหตุใดอาคม้าจึงดูไม่เหมือนมาจากยุคอาณาจักรเสินเซิ่งเล่า?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้