เด็กหนุ่มตรงหน้ามีดวงตาสุกสกาวออดอ้อนเหมือนแมว ใบหน้าน่ารักเกินจะพรรณนาขนคิ้วเรียงตัวสวย ทว่ากลับเจือไว้ซึ่งความน่าสงสาร
เส้นผมที่เปียกปอนถูกพาดไว้ที่ด้านหลังใบหน้าเรียวเล็กเสมือนเพิ่งถูกตบนั้นขาวซีดราวกับหยก
แม้จะเป็เพียงเด็กหนุ่ม แต่เขากลับมีลักษณะหน้าตาหล่อเหลาราวกับปีศาจเด็กคนนี้เป็ปีศาจตัวจ้อยขนานแท้
“พี่สาว...จงอวี้น่าเกลียดมากเลยเหรอ?” ดวงตาแมวน้อยคู่นั้นกะพริบปริบๆหลินจงอวี้เอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง
พวกพี่สาวที่อาบน้ำให้เขาเ่าั้เองก็เป็แบบนี้เช่นเดียวกันตอนนี้แม้แต่พี่สาวพระชายาเองก็จ้องเขาตาไม่กะพริบนี่หรือว่าเขาจะมีหน้าตาอัปลักษณ์จนเกินไป?
“น่าเกลียด? ไม่ไม่หรอก จงอวี้มานี่ซิ มานั่งข้างพี่”คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กที่บังเอิญรับมาเลี้ยงดูจากข้างถนนจะมีหน้าตางดงามดั่งเทพบุตรเช่นนี้
ดูท่าแล้วต่อจากนี้ไปตำหนักของท่านอ๋องอวี้จะมีสีสันมากขึ้น!
หลินจงอวี้เข้ามานั่งข้างหลินเมิ้งหยาอย่างว่าง่ายก้มหน้าลงด้วยความประหม่า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพี่สาวพระชายา
“จงอวี้ของพวกเราจะต้องกลายเป็หนุ่มหล่อในอนาคตอย่างแน่นอนแม้แต่ท่านอ๋องยังเทียบไม่ติด” หลินเมิ้งหยาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเส้นผมให้กับเด็กหนุ่มนางพบว่าตนเองคิดถึง่เวลาสมัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหลือเกินนางหวนนึกถึงภาพที่ตนเองกำลังดูแลเหล่าน้องชายน้องสาว
ตอนนั้นทุกเื่ที่ได้พบเจอล้วนเป็สิ่งสวยงามและบริสุทธิ์ไม่เหมือนตอนนี้ นางต้องระวังทุกย่างก้าวจึงจะปกป้องดูแลตนเองได้
“พี่สาวพระชายาต่อจากนี้ไปจงอวี้สามารถอาศัยอยู่กับท่านได้จริงหรือ?”ประหนึ่งลูกคนเดียวที่แสนโดดเดี่ยวสายตาที่มองมาเปี่ยมไปด้วยความหวังแล้วแบบนี้หลินเมิ้งหยาจะพูดว่าไม่ได้อย่างไรกัน
นางพยักหน้าลง โอบกอดเขาไว้นี่เป็เสมือนการระลึกชีวิตในอดีตครั้งสุดท้ายของนาง
“วางใจเถอะ พี่สาวคนนี้ไม่มีทางทอดทิ้งเ้า”เหตุเพราะนางเองก็ไม่สามารถละทิ้งความทรงจำในอดีตได้เช่นกันแม้ว่าวันเวลาจะผันผ่านและหล่อหลอมให้คงเหลือไว้เพียงความโดดเดี่ยวและภาพความทรงจำอันแสนเลือนรางทว่าในหัวใจของนางยังคงจดจำภาพในอดีตของตนเองได้เป็อย่างดี
ภายในห้องอ่านหนังสือ หลงเทียนอวี้นั่งอยู่ทางด้านหลังโต๊ะอ่านหนังสือไม้สีแดงเพื่อรับฟังรายงานจากลูกน้องใต้บังคับบัญชา
คิดไม่ถึงเลยว่า เขาเพียงล่วงหน้ากลับมาก่อนเท่านั้นแต่ทางด้านหลังกลับเกิดเื่ราวมากมายขึ้นถึงเพียงนี้ผู้หญิงคนนี้อยู่อย่างสงบไม่เป็เลยจริงๆ
“สุดท้ายพระชายาออกคำสั่ง แต่ไม่รู้ว่าออกคำสั่งกับชิวิ จางหวู่หวังอวี๋และซินอวิ๋นว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะพวกเขาปิดปากเงียบไม่เอ่ยอันใดเกี่ยวกับเื่ที่โรงน้ำชา แม้ข้าน้อยจะพยายามสืบหาข้อมูลก็มิพบอันใดหากท่านอ๋องอยากทราบเื่ ข้าน้อยจะรีบไปนำตัวทั้งสี่คนมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
ทว่าหลงเทียนอวี้กลับส่ายหน้า ก่อนจะสั่งให้หลินขุยออกไป
ภายในห้องอ่านหนังสือจึงเหลือเพียงหลงเทียนอวี้เพียงผู้เดียวทว่าอยู่ๆ ก็มีเงาดำโผล่ขึ้นมาตรงหน้าเขา
“เย่ ตรวจสอบมาหรือยังว่าเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่?”เย่ที่สวมใส่ชุดสีดำสนิททั้งร่างคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาคือคนที่มักจะเร้นกายอยู่ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน
ใบหน้ารูปไข่สีขาวซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินไม่มีใครล่วงรู้ถึงการมีตัวตนหรือชื่อที่แท้จริงของเขา
“ทูลท่านอ๋อง กลุ่มอันธพาลหลิวเย่เป็คนของไท่จื่อ1ที่เลี้ยงไว้เป็สุนัขรับใช้ ปกติมักทำเื่ชั่วช้าเล็กๆ น้อยๆยังมิปรากฏว่าเคยทำเื่ใหญ่หลวงอันใด ฉะนั้นจึงมิรู้ว่าจู่ๆ จึงไปชนเข้ากับรถม้าของพระชายาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
กลุ่มอันธพาลของไท่จื่อ คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากันคิดไม่ถึงเลยว่าเื่นี้จะมีความเกี่ยวข้องกับไท่จื่อ
“ยังมีเื่อะไรอีก”
“เด็กหนุ่มที่พระชายาพากลับมาคนนั้น ข้าน้อยทำการตรวจสอบแล้วไม่พบอันตรายใดๆ เขาเป็เพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่ถูกเก็บมาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อครู่หลินขุยรายงานเขาแล้วว่าหลินเมิ้งหยาเก็บเด็กคนหนึ่งมาจากข้างถนน
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงที่แม้แต่ดูแลตัวเองยังทำไม่ได้จะรู้สึกสงสารเด็กแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก
“จริงสิ ตกลงพระชายาไปทำอะไรที่โรงน้ำชากันแน่เหตุใดองครักษ์ทั้งสี่จึงมิยอมปริปากเอ่ยอันใดออกมา”
หลังจากนิ่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง เขาเริ่มอธิบายการกระทำของพระชายาด้วยน้ำเสียงแปลกไปเล็กน้อย
“ข้าน้อยไปตรวจสอบเ้าสามคนนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะคนหนึ่งกระดูกหักงอผิดรูป เกรงว่าจะกลายเป็คนพิกลพิการ อีกคนกล้ามเนื้อฉีกขาดชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ส่วนคนสุดท้าย...เกรงว่าจะไม่อาจใช้ชีวิตเช่นมนุษย์ธรรมดาต่อไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ั์ตาของหลงเทียนอวี้เจือไว้ซึ่งความตกตะลึงขณะมองเย่
“เ้ากำลังบอกข้าว่าพระชายาเป็ผู้ทำสิ่งเ่าั้ทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?” มองเห็นเย่พยักหน้าลงก่อนจะเผยท่าทางประหลาดใจ
นาง...เป็อิสตรีมิใช่หรือ?
“ข้าเข้าใจแล้ว เ้าออกไปได้” เย่พยักหน้าลงเพียงพริบตาเดียวร่างของเขาก็หายออกไปจากห้องอ่านหนังสือ
หลงเทียนอวี้เบือนหน้ามองต้นไผ่ที่กำลังลู่ลมด้านนอกหน้าต่างสายตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
หลินเมิ้งหยา...ตกลงเ้าเป็คนเช่นไรกันแน่?
หากพูดว่านางเป็คนโเี้แต่นางกลับสงสารเด็กน้อยแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก
หากพูดว่านางเป็คนจิตใจอ่อนโยน แต่คนที่ทำเื่เช่นนั้นได้มิใช่คนที่มีอุปนิสัยใจคอเหมือนหญิงสาวทั่วไป
หากพูดว่านางเป็คนที่มีจิตใจล้ำลึกเกินหยั่งแต่ดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์คู่นั้นกลับจ้องมองเขาโดยมิคิดหลบซ่อน
ตกลง...หลินเมิ้งหยาเป็คนเช่นไรกันแน่?
“ทูลท่านอ๋องด้านนอกมีคนนำตราประทับของพระชายามาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอกห้องอ่านหนังสือเสียงข้าทาสผู้หนึ่งร้องขัดความคิดของเขา
“เข้ามาได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ไม่รู้ว่านางไปก่อเื่อันใดไว้อีก?
“คุณหนูเ้าคะ หรูเยว่นอนกับคุณหนูได้มั้ยเ้าคะ?” ภายในตำหนักชิงหลาน หรูเยว่ส่งเสียงออดอ้อนคุณหนูของตนเอง
หากอ้างอิงจากกฎระเบียบของตำหนักแห่งนี้ นางเป็เพียงสาวรับใช้ระดับสองเงินเดือนนั้นไม่นับ เพียงแค่หากนางต้องไปนอนอยู่ที่ห้องของสาวรับใช้นางรู้สึกปวดหัวเป็อย่างมาก
หลินเมิ้งหยาไม่อาจช่วยนางได้ แต่...
ทุกคืนนางจะต้องเขย่าเตียงส่งเสียงร้องกับท่านอ๋องอวี้ หากหรูเยว่รู้เื่นี้เข้าแล้วปล่อยข่าวลือออกไปมันจะกลายเป็เื่ยุ่งยากมิใช่หรือ?
“เอาล่ะ เอาไว้ข้าค่อยให้เ้ามานอนด้วยวันหลัง อดทนหน่อยแล้วกัน” ท่าทางออดอ้อนของนางคล้ายกับซูชิงเพื่อนเพียงคนเดียวของนางไม่มีผิด
หลินจงอวี้ยกเก้าอี้ขึ้นมานั่งข้างกายของหลินเมิ้งหยาก่อนจะหัวเราะพี่สาวพระชายากับหรูเยว่
“ท่านอ๋องอวี้เสด็จ...” อยูๆ เสียงร้องก็ดังขึ้นเสียงแหบแห้งของขันทีทำเอาคนทั้งห้องตื่นตะลึง
มีเพียงหลินเมิ้งหยาที่ลุกยืนขึ้นด้วยท่าทางสงบนิ่งก็ไม่มีอะไรนี่นา นางได้เจอกับเขาทุกวันอยู่แล้วดังนั้นตอนนี้นางจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนอย่างครั้งแรก
“ถวายคำนับท่านอ๋อง” ทุกคนในห้องถวายคำนับมีเพียงหลินเมิ้งหยาที่ก้มหัวเอียงตัวเท่านั้นคนในยุคสมัยโบราณใช้ชีวิตยุ่งยากจนเกินไป ขยับนิดขยับหน่อยก็ต้องถวายคำนับแม้จะอยู่ในบ้านของตัวเองก็ตาม
“ตามสบาย ต่อจากนี้ไปไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย หลินเมิ้งหยาเ้ามาดูนี่สิว่ามันคืออะไร?”คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากันแน่นเพียงได้เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าอารมณ์ของเขาไม่ดีเท่าที่ควร
หลินเมิ้งหยาหันหน้าไปมองของสิ่งนั้นคือจดหมายแปะโป้งที่นางได้ทำเอาไว้
น่าเสียดาย นางไม่ได้แสดงท่าทีสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ทว่าหลงเทียนอวี้กลับอยากแหวกสมองของนางออกดูเหลือเกินจะได้รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!
“เ้าอธิบายมาให้ข้าฟังประเดี๋ยวนี้ตกลงว่าจดหมายแปะโป้งนี่คืออะไรกัน? ข้าหาได้รู้ไม่ว่าข้าที่เป็อ๋องอวี้ไม่มีแม้แต่เงินสักเศษสตางค์แดงเดียว!”
หลงเทียนอวี้แทบกระอักเืตายเมื่อครู่เ้าของร้านว่านเหย้าเก๋อขอเข้าเฝ้าพร้อมกับใบหน้าที่มีน้ำหูน้ำตาไหลไม่ขาดสายอีกทั้งยังวิงวอนร้องขอคิดเงินจากพระตำหนักแห่งนี้
ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหาเหาใส่หัว จนกระทั่งเ้าของร้านว่านเหย้าเก๋อหยิบตราประทับประจำตัวของพระชายาออกมาเขาจึงเชื่อว่าเป็เื่จริง
์รู้ดีว่าตอนนั้นเขาคิดอยากใช้มีดแทงผู้หญิงที่สร้างความอับอายขายหน้าให้กับเขาคนนี้มากเพียงไหน!
“ก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายนี่เพคะ หม่อมฉัน้ายาเพื่อนำมารักษาตนเองหม่อมฉันไม่มีเงินติดตัว ดังนั้นจึงเขียนจดหมายแปะโป้งจากนั้นใช้ของที่เป็สัญลักษณ์ของตนเองเพื่อวางมัดจำเอาไว้” หลินเมิ้งหยาโบกไม้โบกมือตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา โดยที่ไม่รู้สึกอารมณ์เสียเลยแม้แต่น้อย
“เ้า...” มือหนาอยากจะเข้าไปบีบคอยาวระหงสีขาวใจจะขาดทว่าหลงเทียนอวี้กลับระงับความโกรธของตนเองเอาไว้ เขาโกรธจนหัวเราะออกมาก่อนจะนำจดหมายแปะโป้งเข้าไปกดไว้ที่หน้านาง
“ถ้าเช่นนั้นทำไมเ้าจึงลงนามเป็ชื่อข้า?” ไม่กี่ร้อยตำลึงเท่านั้นแต่นางกลับเขียนชื่อเต็มของเขาลงไป หากเื่นี้แพร่กระจายออกไปแล้วละก็เขามิกลายเป็ตัวตลกในสายตาผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?
“อ๋อ เื่นี้นี่เอง!” หลินเมิ้งหยาหยิบจดหมายแปะโป้งขึ้นมาก่อนจะส่งสายตาใสซื่อไร้เดียงสากลับไป
“แต่ถ้าหากหม่อมฉันเขียนชื่อของตัวเองลงไปเถ้าแก่ร้านไม่รู้นี่นาว่าหม่อมฉันเป็ใคร! ฉะนั้นหม่อมฉันจึงไตร่ตรองดูการเอาสิ่งของไปมัดจำไว้รังแต่จะเกิดความยุ่งยากดังนั้นหม่อมฉันจึงนำแหวนหยกไปมัดจำเถ้าแก่ร้านเอาไว้ก่อนเพคะ”
ดวงตาใสซื่อกะพริบขึ้นลงปริบๆเหตุเพราะนางทำทุกอย่างไปอย่างมีเหตุมีผล ดังนั้นนางจึงบอกเล่าออกมาด้วยความมั่นใจ
จู่ๆ หลงเทียนอวี้ก็รู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ขวางหูขวางตาเขาเสียเหลือเกิน
หลงเทียนอวี้อารมณ์พลุ่งพล่าน เกือบจะถูกไฟแห่งโทสะเผาไหม้พยายามควบคุมตนเอง
หากคนอื่นรู้ว่าเขาถูกพระชายาของตนเองทำให้โมโหจนสติหลุดแล้วละก็เกรงว่าเื่นี้จะทำให้ตัวเขาเองต้องขายหน้า
“น้าจิ่นเยว่หากเข้าใจแล้วจงไปที่จงกงเพื่อเบิกเงินของพระชายาออกมา” กรมวังมอบเงินทองเอาไว้ให้หลินเมิ้งหยาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วเพียงแค่ยังไม่ถึงวันเบิกเท่านั้น ดังนั้นนางจึงยังไม่ได้รับเงิน
แต่ใครจะรู้เล่าว่านางจะไปติดหนี้คนอื่น! แถมใช้ชื่อเขาอีกด้วย!
“แต่ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉัน้ายาทั้งหมด เงินจำนวนนั้น...”ได้คืบเอาศอกริมฝีปากหยักยิ้มซุกซนขณะจ้องมองใบหน้าแข็งทื่อดั่งเหล็กกล้าของท่านอ๋อง
“เงินของตำแหน่งพระชายาได้มากถึงสองเท่าเบิกได้สามหมื่นสองพันตำลึง เพียงพอแล้วสำหรับพระชายา” เสียงของหลงเทียนอวี้ลอดผ่านไรฟันออกมา
ริมฝีปากของหลินเมิ้งหยาหยักโค้งเป็วงกว้างนางเกือบจะะโโลดเต้นด้วยความดีใจ
์โปรด เงินสมัยนี้ล้วนเป็ทองและเงินแท้มิใช่เพียงกระดาษที่มีค่าเงินน้อยลงทุกทีเพราะอัตราเงินเฟ้อ
ต่อจากนี้ไปนางจะเป็มหาเศรษฐี!
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่เผยให้เห็นรอยยิ้มน่าหยิกของนาง หลงเทียนอวี้รู้สึกราวกับว่าตนเองตกหลุมพรางเข้าเสียแล้ว
ั้แ่แปะโป้งซื้อยา ทิ้งตราประทับเอาไว้สุดท้ายสั่งให้เ้าของร้านมาที่นี่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว
เขาเริ่มไม่สบอารมณ์ หากไม่มีเงิน มาขอเขาก็ได้นี่เหตุใดต้องสร้างเื่ใหญ่โตเช่นนี้
เขาลุกขึ้น กลับออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองเขาเข้าใจแล้วว่าทางเดียวที่จะไม่ถูกนางทำให้โมโหจนตายคือการออกห่างจากนางให้ได้มากที่สุด!
“ท่านอ๋องไม่อยู่ต่ออีกหน่อยหรือเพคะ?”หลินเมิ้งหยาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์รีบพาบ่าวรับใช้ที่อยู่ในห้องออกมาส่งท่านอ๋องด้วยท่าทางดีอกดีใจ
นางได้เห็นเพียงฝีเท้าที่ก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิมของหลงเทียนอวี้ใบหน้ายับยู่ยี่กว่าเดิมหลายเท่าตัว!
*********************
1ไท่จื่อคือองค์ชายรัชทายาท