เย็นวันนั้น เมื่อญาติพี่น้องแยกย้ายกันพักผ่อน
วิทยาเดินออกมายังเฉลียงหลังบ้าน สายตายังจับจ้องไปที่ต้นมะม่วงเก่า ใบหน้าเคร่งขรึม คิ้วขมวดแน่น
วุฒิเดินตามออกมา ถือแก้วน้ำเย็นสองใบ
ส่งให้อย่างเงียบ ๆ
ทั้งสองนั่งลงข้างกันในความเงียบครู่หนึ่ง
จนในที่สุด ลุงวิทยาก็ถอนหายใจยาว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
“วุฒิ นายคิดเหมือนฉันไหม มันก็แปลกอยู่นะ แม่ให้มรดกกับวีวี่มากขนาดนั้น
ทั้งที่บ้านนี้เราก็อยู่ดูแลกันมาตลอด หุ้นบริษัทอีก สุดท้ายเราได้ส่วนแบ่งน้อยกว่าหลานแท้ ๆ
แต่ลูกเรานี่นะ ได้แค่ทุนกับเงินก้อนเล็ก ๆ”
เขาวางแก้วลงกับโต๊ะไม้ดัง ‘กึก’
วุฒินิ่งไปก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“แต่ลองคิดดูดี ๆ แม่ก็แค่ทำในสิ่งที่แม่คิดว่าสมควรนะ แม่เคยมอบทุกอย่างให้เอมอร น้องสาวคนเดียวของเรา
แต่เอมอรเสียชีวิตเร็ว ตอนนี้วีวี่ ก็เป็เหมือนตัวแทนของเอมอร
บ้านนี้แม่คงอยากให้หลานสาวสานต่อแทนลูกสาวที่แม่รักมากที่สุด
ส่วนเราสองคนก็ยังได้ที่ดิน บ้านพัก หุ้นบริษัทอยู่ไม่น้อยเลย”
วิทยาหันมามองน้องชาย สีหน้าขัดใจ
“แต่มันก็ไม่แฟร์นะวุฒิ แม่รู้ไหมว่าพอเป็แบบนี้ ภาษีมรดกที่หลานต้องจ่ายยังมากกว่าที่ลูกจ่ายด้วยซ้ำ
แทนที่ถ้าให้เราก็ไม่ต้องจ่ายค่าภาษีเยอะขนาดนั้น
แต่หลานสาวที่ไม่เคยอยู่บ้าน กลับได้ทุกอย่างฉันก็คนในตระกูลเหมือนกัน อายุก็ขนาดนี้
วีวี่อายุยังน้อยจะไปคุมกรรมการบริหารบริษัทได้ยังไง”
วุฒิหัวเราะแ่
“วิทยา แม่อาจจะไม่ได้คิดเื่ภาษีหรือความยุติธรรมเป๊ะ ๆ อย่างเราหรอกแต่แม่คิดเื่อนาคตและ
ความเหมาะสมคงเห็นอะไรในตัวหลาน วีวี่คือลูกของเอมอร
แม่ก็อยากให้ความรักนั้นส่งต่อ ส่วนพวกเราแม่รู้ว่าเราอยู่ได้ เราเข้มแข็งกว่าที่คิดและ
ที่สำคัญสุดท้ายถ้าวีวี่ไม่ไหวหรือไม่เลือกที่จะอยู่ไทยทุกอย่างก็จะกลับมาหาเราตามเงื่อนไขอยู่ดี”
วิทยาถอนใจ มองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี
“หวังว่าคุณแม่จะคิดถูกนะ แต่ถ้าหลานสาวคนนี้คิดสั้น กลับไปต่างประเทศเมื่อไหร่
อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
วุฒิตบบ่าพี่ชายเบา ๆ
“เอาน่า อย่าเพิ่งรีบคิดอะไรเลยพี่ ให้เด็กมันได้ลองดู บางทีมุมมองดี ๆ ก็อาจมาจากคนรุ่นหลาน
เราเองก็ต้องเป็ผู้ใหญ่ที่ใจเย็นให้แม่ภูมิใจเถอะ พี่น้องอย่าทะเลาะกันเลย”
ทั้งสองเงียบไปอีกครั้ง มีเพียงเสียงใบไม้ไหวกับลมหายใจอันหนักอึ้งของผู้สืบสายเืมรดก
อาจแบ่งได้แต่ความรักและอดีตในบ้านจันทรโรจน์นั้นแบ่งไม่เคยลง
รุ่งเช้าวันถัดมาหลังเปิดพินัยกรรม
วีวี่เพิ่งแต่งตัวเสร็จ เตรียมลงไปกินข้าวเช้ากับครอบครัว
ขณะที่กำลังจะเปิดประตู โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นด้วยเสียงแจ้งเตือนรัว ๆ
มือเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นหัวข้อข่าวบนหน้าจอ
“ตระกูลจันทรโรจน์โยกหุ้น 1.5 ล้านหุ้น ให้หลานสาวที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ – วงในจับตาทายาทหญิงคนใหม่!”
“ข่าวใหญ่ธุรกิจ หุ้นใหญ่ ‘จันทร กรุ๊ป’ เปลี่ยนมือ!”
เสียงทีวีในห้องรับแขกเปิดคลอ
พิธีกรข่าวธุรกิจพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เป็ข่าวใหญ่ของวงการธุรกิจเมื่อคุณวรรษมน จันทรโรจน์ หลานสาวคนโตของตระกูลได้รับมรดกหุ้นจำนวนมาก
กลายเป็ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทันทีหลังการเสียชีวิตของคุณอมราหญิงแกร่งผู้สร้างอาณาจักร
จันทร กรุ๊ป ให้มั่นคงเป็ปึกแผ่น”
เธอเดินลงบันไดช้า ๆ
เห็นลุงวิทยา ลุงวุฒิ และบ๊วยหวานนั่งดูข่าวด้วยสีหน้าแตกต่างกัน ลุงวิทยาเหลือบมองหลานสาว
ด้วยรอยยิ้มเจือความคาดหวังปนระแวง
“ข่าวไวเหมือนลม หวังว่าหลานจะพร้อมรับแรงกดดันจากคู่ค้าและบอร์ดบริหารได้นะ”
ลุงวุฒิพลิกหน้าหนังสือพิมพ์
“คนในวงการเขากำลังจับตาดูว่าวรรษมนจะเอาอย่างไรกับหุ้น จะขาย จะถือ หรือจะเข้ามาบริหารเอง”
แต่ในใจวูบไหว เธอรู้ว่าความคาดหวังและแรงกดดันในตอนนี้ไม่ใช่เื่เล่น
เธอยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเดินไปทางไหน
ในโลกธุรกิจ
นักวิเคราะห์เริ่มเขียนบทความวิจารณ์ ไปไกลเกินจริงมากเพราะมรดกที่เปิดนั้นมันเป็สิทธิส่วนตัวของคุณยาย
แต่ตระกูลของเราเองนั้นมีการแบ่งการบริหารสินทรัพย์ของตระกูลอยู่แล้ว
เพียงแต่ด้วยหุ้นใหญ่ของ จันทร กรุ๊ป มันเป็ของคุณยาย จึงทำให้สื่อเล่นข่าวใหญ่โตเกินจริงไปมากโข
“ทายาทสาวที่หายไปจากธุรกิจของตระกูล กลับมาในวันที่ได้รับมรดกมหาศาล
‘จะถือหุ้น หรือเขามาบริหารเอง?’
กลุ่มคู่ค้าต่าง ๆ เริ่มติดต่อขอเข้าพบเพื่อดูทิศทางของบริษัท
สายตาผู้บริหารเดิมก็กังวลว่าเด็กสาวคนนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมให้บอร์ดหรือไม่?”
เสียงโทรศัพท์ยังคงดังไม่หยุด
นักข่าว
คณะกรรมการท่านอื่น ๆ และแม้แต่คนที่วีวี่ก็ไม่รู้จัก
“ขอสัมภาษณ์เื่แผนอนาคตค่ะ”
“จะเข้ามาบริหารบริษัทหรือมอบอำนาจให้ผู้ใหญ่ในบ้านจัดการต่อแทน?”
ทุกประโยคเหมือนแรงกดดันมหาศาลที่ถาโถมใส่เธอ
วีวี่หันไปมองรูปถ่ายคุณยาย
ในใจสับสน
‘ยาย หนูควรทำยังไงต่อไปดี’
'ยายรู้ล่วงหน้าหรือเปล่า ว่าวันนี้จะทำให้หนูกลายเป็คนดังในหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ'
และนี่คือครั้งแรกที่วีวี่ต้องเผชิญหน้ากับโลกของธุรกิจ
ที่เงิน หุ้น และอำนาจ เดินเคียงข้างกับความโดดเดี่ยว
ในตอนที่เธออยู่ที่สิงคโปร์นั้น งานของเธอจัดว่าออกแนวเนิร์ดอยู่กับตัวเลข
การวิเคราะห์ซึ่งดูแตกต่างจากตอนนี้มาก
'วีวี่ เธอต้องเปลี่ยนหมวกให้ได้นะ' เธอพึมพำกับตัวเอง
หลังเปิดพินัยกรรม ชีวิตของวีวี่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับบรรยากาศใหม่
ภายในบ้านจันทรโรจน์เธอเริ่มสังเกตโครงสร้างอำนาจ
ในบริษัทของครอบครัวมากขึ้น
จากเอกสารที่ได้รับมาจากทนายในวันเปิดพินัยกรรม
“จันทร กรุ๊ป จำกัด”
คือกลุ่มธุรกิจครอบครัวเก่าแก่ที่เริ่มต้นจากการค้าข้าว
สารและสินค้าเกษตรั้แ่สมัยคุณทวด
ก่อนที่จะมาขยายและเติบโตในรุ่นของคุณอมราและลูก
ชายทั้งสอง จันทร กรุ๊ป ได้ปรับตัวสู่ยุคใหม่จนกลายเป็บริษัทใหญ่ ที่ลงทุนในหลาย ๆ ด้าน
มีธุรกิจหลักครอบคลุมดังนี้
1. นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า F&B (Food & Beverage) ระดับพรีเมียม
- นำเข้าไวน์ น้ำผลไม้ อาหารแปรรูป ช็อกโกแลต ของหวาน ฯลฯ จากยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย
-มีข้อตกลงการเป็ตัวแทนจำหน่ายกับแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ
- ส่งสินค้าให้กับโรงแรม 5 ดาว ร้านอาหารชื่อดัง ซูเปอร์มาร์เก็ตและดีลักซ์สโตร์ทั่วประเทศ
2. ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหาร
- บริหารร้านแฟรนไชส์กว่า 60 สาขาในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่
3. ลงทุนในพลังงานสะอาด
- เพิ่งเริ่มลงทุนในพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย
4. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ลุงวิทยา— เป็ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (Managing Director)
เป็คนลงมือบริหารงานทุกวัน ดูแลการนำเข้าและบริหารซัพพลายเชนสินค้า F&B
เจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ
ขึ้นชื่อเื่ความละเอียด รอบคอบ บางทีก็เ้าระเบียบ
ใครในบริษัทต่างเกรงใจและนับถือ
พูดง่าย ๆ — “ขาดวิทยาไป จันทร กรุ๊ปก็เหมือนขาดคนควบคุมเครื่องยนต์หลักในสาย F&B”
ลุงวุฒิ— เป็ ประธานบริหาร (Chairman of the Board)
ดูแลภาพรวม วางแผนกลยุทธ์ใหญ่ ติดต่อกับนักลงทุนใหญ่ คุมภาพลักษณ์และอนาคตของธุรกิจ
มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองและธุรกิจในวงการอาหาร
“พูดน้อยแต่ได้ใจความ” คือคำจำกัดความของวุฒิ
ทั้งสองลุงเป็คู่หูที่เหมือนจะต่างแต่ก็พึ่งพาอาศัยกัน เรียกได้ว่าจะทำอะไรก็จะเกรงใจ ให้เกียรติกันตลอด
บ๊วยหวาน—ลูกสาวลุงวิทยา แม้อายุยังน้อยแต่เข้ามาช่วยใน ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหาร
เธอจัดการเื่รีแบรนด์ การทำการตลาดออนไลน์ และบริหารร้านเบเกอรี่ซึ่งเป็ธุรกิจส่วนตัว
บ๊วยหวานสดใส เข้ากับคนง่าย เป็ที่รักของพนักงาน
เธอฝันจะขยายแบรนด์ขนมของตัวเองให้โด่งดังในเมืองไทยและอาเซียน
ขณะที่ทุกคนในบ้าน “มีตำแหน่ง” ชัดเจน
วีวี่ที่เพิ่งกลับมา รับรู้ถึงบรรยากาศ “เป็คนนอก” อย่างชัดเจนขึ้นทุกที
วีวี่นั่งอยู่ในห้องรับแขก มองดูทั้งลุงและบ๊วยหวานคุยเื่ปัญหาสินค้าเข้าไม่ทัน
เสียงลุงวิทยาออกคำสั่งเื่คลังสินค้า
ลุงวุฒิเสนอแผนเจรจาแบรนด์ใหม่ บ๊วยหวานพลิกสมุดโน้ตนำเสนอแคมเปญร้านขนม
ทุกอย่างไหลลื่นเป็ระบบ โดยที่ไม่ต้องมีเธอ
‘เราจะไปต่อกับบริษัทนี้ได้ไหมนะ’
‘ฉันมีสิทธิ์หรือศักยภาพอะไรจะมาสั่งการลุงทั้งสองคน
แล้วถ้าล้มเหลว ทุกคนจะผิดหวังในตัวเราหรือเปล่า’
‘หรือเราควรจะอยู่เงียบ ๆ รอให้ครบหนึ่งปี แล้วค่อยกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม’
สายตาของวีวี่เต็มไปด้วยความลังเล
ความกดดันที่ไม่ได้พูดออกมา เธอรู้ดีว่ามรดกก้อนใหญ่และหุ้นบริษัทในมือ
อาจกลายเป็แรงกดดันแทนที่จะเป็โอกาส
ถ้าเธอไม่มีที่ยืนจริงและนี่คือจุดเริ่มต้นของความสับสน
ในใจวีวี่ บ้านและบริษัท อาจเป็ของเธอในกระดาษ แต่โลกของจันทร กรุ๊ปนั้น
เต็มไปด้วยผู้คนที่อยู่ตรงนี้มาก่อนนานแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้