"ท่านอ๋อง ท่านฝึกวรยุทธ์มาหนึ่งวันเต็มแล้ว" ซื่อผิงค่อนข้างเป็ห่วง แม้ว่าปรกติท่านอ๋องของพวกเขาจะฝึกวรยุทธ์สม่ำเสมอ แต่ไม่เคยเป็เช่นนี้มาก่อน
อากาศเดือนห้าไม่ถึงกับทำให้เหงื่อชุ่มแผ่นหลัง แต่หรงจ้านเวลานี้กลับเหมือนถูกช้อนขึ้นมาจากแม่น้ำ เขาไม่แม้แต่จะขยับ เพียงเอ่ยสั้นๆ "ถอย"
แล้วฝึกต่อไป ไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของซื่อผิง
หรงจ้านรู้สึกว่าในเมื่อตนเองเป็คนจิตวิปริต หรือสมองมีปัญหาอย่างที่ผู้อื่นว่ากัน เหตุใดเ้าแตงน้อยถึงมองตาค้างเล่า นางเป็เพียงเด็กหญิงอายุสิบขวบ นี่ไม่ถูกต้อง ต้องโทษ... ต้องโทษที่ดวงตาของนางเจิดจรัสเกินไป ต้องโทษดวงดาวระยิบระยับในตาของนาง
นึกมาถึงตรงนี้ เขาก็ก้มหน้าฝึกต่อ
เื่ยุ่งเหยิงทั้งหมดถูกเขาโยนทิ้งไปจากสมอง เขาจะผิดปรกติไม่ได้ เขาเป็อะไรไป?
"ท่านพี่จ้าน ท่านคนเดียวเหตุใดถึงเอาของกินมามากมายเพียงนี้เล่า? ฮิฮิ ท่านตั้งใจมากินกับพวกเราใช่หรือไม่" น้ำเสียงใสกังวานพลันผุดขึ้นมาในสมอง
หรงจ้านสะบัดศีรษะอย่างแรง ไปเสีย ไปให้พ้น!
"ท่านพี่จ้าน ท่านคือไฟ คือแสงสว่าง คือตำนานที่มีเพียงหนึ่งเดียว..."
"พูดตามตรง"
"ท่านน่ะ เหมือนไปหมดทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคืุ์ ฮิๆๆ ข้าล้อเล่น ข้าว่าท่านเหมือนเซียนน่ะ"
หรงจ้านสะบัดศีรษะอีกครา ไป ออกไป!
หรงจ้านสูดหายใจลึก หยุดความเคลื่อนไหว "พวกเราไปร้านขายแป้งชาดกัน"
ซื่อผิงงุนงง แต่ยังคงตอบ "นายท่านไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ดูจากโมงยาม หากพวกเราไปที่นั่นเกรงว่าจะปิดแล้ว
หรงจ้านชำเลืองมองเขา "เ้าคิดว่าข้ากังวลเื่นี้หรือ?"
เขาสะบัดแขนเสื้อเดินกลับห้อง ซื่อผิงไปเตรียมน้ำทันที ปรกติเ้านายของเข้าต้องอาบน้ำหนึ่งชั่วยาม แต่วันนี้เร็วกว่ามาก ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม
เขาสวมอาภรณ์ตัวยาวสีเขียวหมอก สายคาดเอวสีน้ำเงินเข้ม บุรุษรัชสมัยนี้มักจะรวบผมขึ้นเกล้าเป็มวย ไม่วุ่นวาย ทั่วร่างให้ความรู้สึกเยือกเย็นทะนงองอาจ
เขาเข้าไปในรถม้า ขบคิดอยู่เงียบๆ ว่าควรซื้อเครื่องหอมอะไรบ้าง ต้องเป็เพราะกลิ่นกายหอมละมุนของเ้าแตงน้อยแน่ๆ หรือไม่ก็ต้องโดนอาคมบางอย่าง มิเช่นนั้นเขาจะได้รับผลกระทบเช่นนี้ได้อย่างไร ต้องซื้อแป้งชาดผัดหน้า เครื่องหอมสีผึ้งทาผิวส่งไปให้เยอะหน่อย ก็คงจะพอกลบกลิ่นกายของนางได้บ้างกระมัง
นึกมาถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะหึๆ
เมื่อกลิ่นกายหอมเย้ายวนนัก เขาก็จะส่งเครื่องหอมไปให้มากหน่อย ใช้ความหอมพื้นๆ เ่าั้กลบกลิ่นหอมสะอาดของนางให้มิด เขาจะได้ไม่ผิดปรกติเช่นนี้
ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็ของนาง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจกลายเป็คนวิปริตเพราะเด็กน้อยสิบขวบคนเดียว
จุดนี้เขามั่นใจเต็มเปี่ยม
ร้านเครื่องหอมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงอยู่ในเขตที่มีความเจริญ มีผู้คนพลุกพล่าน ฤดูกาลนี้ดอกไม้กำลังเบ่งบาน อากาศอบอุ่น เป็ฤดูกาลที่มวลบุปผาพฤกษชาติกำลังงดงามตระการตาที่สุด ไม่ร้อนระอุดังเช่นฤดูร้อน เป็่เวลาที่น่าเดินเที่ยวเป็ที่สุด
แต่วันนี้ลูกค้าเยอะ หาใช่เพราะฤดูกาล แต่เป็เพราะสำนักศึกษาสตรี
ได้ยินว่าพรุ่งนี้สำนักศึกษาสตรีจะศึกษาเกี่ยวกับเครื่องหอม หญิงสาวหลายคนมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องหอมที่เหมาะสม แม่นางน้อยจากตระกูลใหญ่ไหนเลยจะขาดแคลนเครื่องหอมที่ชมชอบ ไม่มีอะไรมากไปกว่าหาโอกาสออกมาซื้อของ
ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย ขอเพียงเป็สตรีก็มักจะเป็เช่นนี้
เถ้าแก่ใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่พูดอะไรมาก มองพวกนางเลือกซื้อของอยู่เงียบๆ คอยตอบคำถามเป็ครั้งคราว และแนะนำเครื่องหอมที่ดีให้แก่ทุกคน แต่ก็ไม่หว่านล้อมเกินไปจนน่ารำคาญ
"เถ้าแก่ ปรกติแล้วถ้าเพิ่งเริ่มศึกษาวิชาเครื่องหอม ควรต้องเลือกเครื่องหอมชนิดใดบ้าง?" โม่หลันเอ่ยถามเสียงใส
เถ้าแก่ไว้เคราแพะ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส "ส่วนใหญ่แล้วก็ใช้กำยานทั่วไปที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่นไม้หอมเฉินเซียง ถานเซียง จ้านเซียง ฮั่วเซียง หรือจย่าเซียงเป็ต้น ศิษย์สำนักศึกษาสตรีแต่ละปีมักมาซื้อไม้หอมพื้นฐานเหล่านี้ และซื้อเครื่องหอมพิเศษอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกบางส่วน”
โม่หลันพยักหน้า ถามเฉียวเยว่ที่ยืนอยู่ข้างกาย "เฉียวเยว่ ข้าได้ยินว่ามารดาเ้าปรุงเครื่องหอมเก่งมาก ไม่เคยได้ยินว่าเ้าบอกว่าปรุงเครื่องหอมเป็มาก่อน เ้าปิดบังไว้หรือว่า... ยังไม่ได้ศึกษา?" คำถามแฝงแววหยอกเย้า
แม้ว่าจะรู้จักเฉียวเยว่ไม่นับว่านานมาก เพียงปีเดียวเท่านั้น แต่โม่หลันพบเฉียวเยว่ครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคยมานาน ย่อมเต็มใจออกมาเดินเที่ยวกับนาง ยิ่งรู้นิสัยของนางดีว่าจะไม่ขุ่นเคืองเพราะเื่เล็กน้อยเหล่านี้"
เฉียวเยว่ยิ้มกล่าวว่า "เป็น่ะเป็อยู่ ข้าเองก็สนใจเหมือนกัน แต่มักรู้สึกว่าตนเองยังทำได้ไม่ดีเท่ามารดา ยังแสดงฝีมือไม่ได้"
ความสามารถในทางปฏิบัติของเฉียวเยว่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แล้วเหตุใดนางจะไม่เรียนเล่า
วิชาที่ฉีอิ่งซินไท่ไท่สามสกุลซูโดดเด่นที่สุดขณะเรียนอยู่สำนักศึกษาสตรีก็คือวิชาปรุงเครื่องหอม แม้ว่าตอนนี้จะไม่ค่อยได้ฝึกปรือฝีมือ แต่หากให้ปรุงจริงๆ ก็ยังได้รับความสนใจ
ขึ้นชื่อว่าสตรีก็มักจะสนใจด้านนี้เป็พิเศษ หากบอกว่าเก่งวิชาคำนวณ ทุกคนก็จะไม่รู้สึกว่ามีความพิเศษอันใด แต่การปรุงเครื่องหอมต่างออกไป ผู้ที่สามารถปรุงเครื่องหอมได้อย่างยอดเยี่ยมของแต่ละปีจะได้รับความสนใจจากผู้คนเป็พิเศษ
"แล้วเ้าซื้ออะไรบ้างล่ะ?"
"เฉียวเยว่ โม่หลัน"
ฉินอิ๋งเข้าประตูมาเห็นสหายร่วมชั้นสองคน รอบๆ ยังมีคนรู้จักมักคุ้นอีกสองสามคนล้วนแต่เป็สหายร่วมเรียนกับตนเอง ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา "พวกจ้ามากันเร็วจัง"
เหล่าแม่นางต่างยอบกายให้กันเล็กน้อย ดูมีมารยาทอย่างยิ่ง
ข้างกายของฉินอิ๋งหาใช่ใครอื่น ก็คือหร่วนหลีญาติผู้พี่ของนาง หร่วนหลีไม่สนิทกับทุกคน นางเพียงยกยิ้มน้อยๆ แล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง แต่ก็มีคนไม่น้อยทักทายนางศิษย์พี่หร่วน
"พวกเ้าตัดสินใจได้หรือยังว่าจะซื้ออะไร? ร้านนี้มีเครื่องหอมเยอะมาก ข้าดูจนตาลายหมดแล้ว" ฉินอิ๋งถาม
เฉียวเยว่ยิ้ม "เครื่องหอมสำคัญสองสามอย่างข้าล้วนเอาหมด" แต่แม้จะกล่าวเช่นนี้ก็ยังคงดูต่อ
ฉินอิ๋ง "ข้าได้ยินว่ามีเครื่องหอมชื่ออะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับปลา ชื่ออะไรนึกไม่ออก เห็นว่าราคาแพงระยับเป็หมื่นตำลึงทอง ไม่รู้ว่าเป็ของชนิดไหน?
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เถ้าแก่ร้านหัวเราะ "ที่คุณหนูกล่าวถึงคืออำพันทะเล กำเนิดขึ้นในลำไส้ของปลาวาฬหัวทุย อำพันทะเลมีกลิ่นหอมที่ทำให้คนรู้สึกมีความสุขคล้ายกับกลิ่นชะมดเชียง และที่สำคัญมันยังคุณสมบัติพิเศษคือช่วยให้เครื่องหอมมีกลิ่นติดทนนาน แม้ว่ากลิ่นชะมดเชียงจะหอมมาก แต่มักไม่ปลอดภัย ติงเซียน (กานพลู) เจี้ยงเซียง (ไม้พะยูงหอม) ชะมดเชียง ล้วนเป็สมุนไพรที่ทำให้แท้งบุตรได้ง่าย แม้จะมีคนซื้อแต่ก็ใช้ไม่มาก ทว่าอำพันทะเลไม่เหมือนกัน กลิ่นของมันแตกต่างออกไป ไม่มีอันตรายและไม่มีข้อด้อยอย่างอื่น เว้นเสียแต่ราคาแพงลิบ"
เฉียวเยว่ขบขันกับถ้อยคำติดตลกของเถ้าแก่ นึกถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณของแอมเวย์ทางที่เคยศึกษาก่อนจะข้ามภพมา ส่วนใหญ่ในโลกออนไลน์มักกล่าวถึงกันว่า ผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีข้อเสียอย่างอื่นยกเว้นแต่ราคาแพง
พูดถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เฉียวเยว่พลันนึกได้ว่าสีผึ้งหิมะของตนเองใกล้จะหมดแล้ว จึงตัดสินใจว่าเดี๋ยวจะต้องซื้อกลับบ้าน
"เช่นนั้นร้านของท่านมีเครื่องหอมชนิดไหนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้อีกบ้าง?" โม่หลันถามด้วยความใคร่รู้
"ซูเหอเซียง จินซีอวี้ฉุย อำพันทะเล จยาหลัวเซียง สี่อย่างนี้ล้วนเป็สุดยอดแห่งเครื่องหอม"
เฉียวเยว่ยืนสงวนวาจาอยู่ด้านข้าง แต่กลับยิ้มอย่างสงบ เถ้าแก่ร้านหันมามองนางต่อเนื่องกันถึงสองครั้ง หลังจากนั้นก็ถามว่า "ท่านนี้คือคุณหนูเจ็ดจวนซู่เฉิงโหวใช่หรือไม่?
เฉียวเยว่พยักหน้าตอบรับ "ใช่แล้ว"
"ที่แท้ก็ท่านนี่เอง เมื่อสองสามวันก่อนมารดาท่านจองจินซีอวี้ฉุยของร้านเราเอาไว้ ของเพิ่งมาถึงเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ข้ากำลังคิดจะนำไปส่งที่จวนวันพรุ่งนี้ ในเมื่อคุณหนูเจ็ดมาแล้ว ไม่ทราบว่าจะรบกวนฝากคุณหนูเจ็ดกลับไปได้หรือไม่"
เฉียวเยว่ตอบเสียงดังกังวาน "ย่อมได้ เพียงแต่ไม่ทราบว่า..."
"คุณหนูเจ็ดมิต้องเป็ห่วง ไท่ไท่สามจ่ายเงินเอาไว้แล้ว และได้ดูสินค้าตัวอย่างเรียบร้อย หากมีปัญหาย่อมจะติดต่อข้ามาเอง ท่านไม่ต้องวิตกมากนัก"
เฉียวเยว่พยักหน้ายิ้ม "เช่นนั้นก็ได้"
“ตอนนั้นจินเซียงอวี้ฉุยมีเฉพาะตัวอย่าง ต้องจองไว้ให้ของมาถึงก่อน ลืมนึกไปว่าเจียหลัวก็มี คงต้องไหว้วานคุณหนูเจ็ดช่วยแจ้งไท่ไท่สามสักคำ ข้าจะเก็บไว้ให้ก่อน หากว่า..."
"ไม่ต้องเก็บ"
น้ำเสียงของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาดังชัดเจนแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งทะนงตน มุมปากของเขาโค้งขึ้น แต่รอยยิ้มกลับไม่ทำให้คนััได้ถึงความอ่อนโยน ตรงข้ามกลับยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเย็นะเื
ผู้มาหาใช่ใครอื่น แต่เป็อวี้อ๋องหรงจ้าน เดิมทีหรงจ้านคิดจะไปร้านเครื่องหอมที่อยู่ติดกัน ที่นั่นเป็ร้านขายแป้งชาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง แต่บังเอิญเหลือบมาเห็นเ้าแตงน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ
เถ้าแก่รีบเข้ามาต้อนรับ "คารวะท่านอ๋องอวี้ นอกจากเครื่องหอมพิเศษสองอย่างนี้ซึ่งเพิ่งมาถึงใหม่ๆ นอกนั้นล้วนมีขายปรกติพ่ะย่ะค่ะ"
เขาเว้นจังหวะไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยอีกว่า "เพียงแต่ก่อนหน้านี้รับปากไท่ไท่สามไว้แล้ว หากมีเครื่องหอมพิเศษจะเหลือไว้ให้นาง ดังนั้น..."
คนผู้นี้คิดจะชิงซื้อตัดหน้า?
"ห่อให้นางทั้งหมด ลงบัญชีจวนอวี้อ๋อง"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะกล้ารับ นางเข้าไปรั้งชายเสื้อของอวี้อ๋อง แล้วพูดอย่างจริงจัง "ของแพงเช่นนี้ ข้าไม่กล้ารับของจากท่าน" หลังจากนั้นก็เอ่ยอีกว่า "หากเป็ของราคาถูก ข้าคงไม่ใส่ใจนัก แต่จยาหลัวเซียงชิ้นนิดเดียว ก็ราคาหลายพันตำลึงแล้ว หากข้ารับของแพงเช่นนี้จากท่าน ท่านพ่อท่านแม่ต้องไม่ละเว้นข้าแน่"
เฉียวเยว่หาใช่คนไม่รู้จักแยกแยะ ของสิ่งนี้จะเหมือนกับของกินได้อย่างไร เพียงไม่กี่ชิ้นราคาหลายพันตำลึง หากเป็สินค้าของยุคปัจจุบันราคาก็หลายหมื่นถึงหลักแสนกว่าหยวน นางไหนเลยจะกล้ารับ!
อวี้อ๋องเลิกคิ้ว ถามอย่างเอ้อระเหย "ราคาถูก? สิ่งใดคือของราคาถูก?
"ก็พวกของกินอย่างไรเล่า" เฉียวเยว่ตอบอย่างฉาดฉาน
อวี้อ๋องหัวเราะหึๆ
พอเห็นรอยยิ้มของเขา เฉียวเยว่ก็ร้องในใจว่าแย่แล้ว ยังไม่ทันที่นางจะหาเหตุผลมาช่วยชีวิต อวี้อ๋องก็ยิ้มกล่าวอย่างเ็า "เ้ากระต่ายโง่เขลาไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งของ"
ต่อหน้าผู้คนมากมายเขาใคร่ครวญถึงความภูมิใจในตนเองของสตรีบ้างหรือไม่? เห็นแก่ว่าเขามีพระคุณต่อตนเองอย่างใหญ่หลวง มิเช่นนั้นป่านนี้นางคงโกรธคิ้วตั้งไปแล้ว ไหนเลยจะมายืนให้คนด่าเฉยๆ
"เครื่องหอมห่วยๆ ราคาไม่กี่พันตำลึงเท่านั้น แต่อาหารฝีมือข้าหมื่นลี้ก็มิอาจหาได้ ถึงแม้รัชทายาทจะอยากเสวย ก็ต้องดูอารมณ์ของข้าก่อน เ้ากลับเห็นว่าไม่มีราคา?"
เฉียวเยว่รีบโบกไม้โบกมือ "ไม่ใช่ ไม่ใช่เพคะ"
"ไม่ใช่อันใด? เมื่อครู่เป็เ้าพูดเองมิใช่หรือ อาจารย์สอนวิชาขี่ม้ายิงธนูมาสอนวิชาคำนวณให้เ้าหรือไร เ้าถึงได้ยังประเมินคุณค่าสิ่งของไม่เป็"
เขาโจมตีเฉียวเยว่อย่างต่อเนื่องหลายกระทง เฉียวเยว่อยากจะเอาหน้าไปมุดรูหนูเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่เวลานี้ทำได้เพียงสงบนิ่งอย่างระทมใจ
"เป็ข้าใช้คำพูดผิดไปเอง แต่ข้ามิได้หมายถึงของที่ท่านทำ ข้าย่อมทราบว่าสิ่งของเ่าั้แม้หมื่นลี้ยังไม่อาจหาได้ ข้าหมายถึงของจากข้างนอกที่ท่านซื้อส่งมาให้ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว"
หรงจ้าน "จะถือว่าเป็คำขอขมาแล้วกัน ของนี้รับไปเถอะ แล้วก็เ้าตามข้ามา"
เขาใช้สองนิ้วหนีบอุ้งเท้ากระต่ายน้อย แล้วเอ่ยว่า "เ้าไปร้านข้างๆ กับข้า"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้