การติดตั้งเครื่องจักรเป็งานที่ทั้งยุ่งยากและเหนื่อยล้า หมี่หลันเยว่จึงร่วมแรงร่วมใจกับพี่ชายทั้งสองอย่างแข็งขัน แม้จะไม่ถนัดเื่การประกอบเครื่องจักร แต่การหยิบเครื่องมือ ส่งอะไหล่ ก็พอช่วยได้ พอเห็นหมี่หลันเยว่มาช่วยประกอบเครื่องจักรด้วย เจิ้งซวี่เหยาก็อาสาเข้ามาช่วยอย่างเต็มใจ
เจิ้งซวี่เหยาเพิ่งรู้ว่าการประกอบจักรเย็บผ้าไม่ใช่เื่ง่ายเลย เมื่อมองเครื่องจักรที่ประกอบเสร็จแล้วดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่ก่อนที่จะประกอบกลับมีชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ มากมาย ทำให้เขาต้องออกแรงมาก ต้องให้เฉียนหย่งจิ้นและคนอื่นๆ คอยแนะนำ แต่พอประกอบเครื่องที่สาม เขาก็กลายเป็ผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว
คนงานใหม่ที่โรงงานเพิ่งรับเข้ามาก็ช่วยประกอบเครื่องจักรด้วย แต่การทำเสื้อผ้าได้ไม่ได้หมายความว่าจะประกอบจักรเย็บผ้าเป็ ดังนั้นกำลังหลักในการประกอบเครื่องจักรจึงเป็หลิวเสี่ยวหว่าน หมี่หลันหยาง และคนอื่นๆ แต่เนื่องจากมีกำลังคนเพียงพอ คนงานหลายคนจึงช่วยกันประกอบเครื่องจักรหนึ่งเครื่อง ช่วยประหยัดแรงของหมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ ไปได้มาก
เมื่อเห็นเครื่องจักรที่ประกอบเสร็จทั้งหมด ทุกคนก็กุมเอวที่ปวดเมื่อยพลางหัวเราะอย่างมีความสุข เครื่องจักรที่ขึ้นเงาเหล่านี้ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งถือเป็ผลงานของตนเอง ความภาคภูมิใจจึงบังเกิดขึ้นในใจ มากกว่าการเซ็นสัญญารายใหญ่เสียอีก
"ขอบคุณทุกคนที่มาช่วยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะเสร็จเวลานี้แล้ว วันนี้เราจะกินอาหารดีๆ ร่วมกัน เพื่อขอบคุณความพยายามของทุกคน และถือเป็การเลี้ยงต้อนรับของโรงงานเราด้วย เดี๋ยวทุกคนจะได้ทำความรู้จักกันให้ดี คนที่รู้จักกันแล้วก็จะได้พูดคุยสานสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพราะต่อไปนี้เราคือสหายร่วมรบแล้ว"
คนงานทุกคนหัวเราะออกมาทันที
"อย่าหัวเราะสิคะ ฉันพูดจากใจจริงนะ โรงงานของเราก็เหมือนสนามรบ เราต้องช่วยเหลือ สนับสนุน และให้อภัยกัน เมื่อเรารวมกันเป็หนึ่งเดียว โรงงานของเราก็จะเจริญรุ่งเรือง"
หมี่หลันเยว่ชี้ไปที่เครื่องจักรที่อยู่ตรงหน้า
"อย่ามองว่าตอนนี้เราประกอบเครื่องจักรได้แค่สามสิบเครื่อง ลองดูโรงงานของเราสิ นอกจากเครื่องจักรสามสิบเครื่องนี้แล้ว เรายังมีพื้นที่ว่างอีกสองในสามส่วนเลยนะคะ"
"และในคลังสินค้าข้างในก็ยังมีเครื่องจักรอีกมากมายที่ยังไม่ได้ประกอบ ดังนั้นฉันหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโรงงานของเราจะขยายตัวไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ขนาดนี้แน่นอน พวกคุณคือคนงานกลุ่มแรกของโรงงานเรา แต่ไม่ใช่กลุ่มสุดท้ายอย่างแน่นอน หากคุณสามารถยืนหยัดได้ คุณก็จะเป็ผู้ก่อตั้งโรงงานของเราค่ะ"
"และไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ทุกคนตั้งใจทำงาน ไม่สร้างเื่ไร้สาระ ฉันรับรองว่าจะทำให้รายได้ของพวกคุณสูงที่สุดในบรรดาคนงานตัดเย็บเสื้อผ้าในปักกิ่ง แต่สิ่งแรกที่พวกคุณต้องรับประกันคือ การทำเสื้อผ้าที่มีคุณภาพสูง ทุ่มเทกำลังทั้งหมดให้กับการทำงาน"
"ถ้าฉันรู้ว่าใครไม่ตั้งใจทำงาน ชอบสร้างแต่เื่ ฉันจะไม่ให้อภัย ไล่ออกทันที ไม่มีข้อยกเว้น ฉันพูดไว้ตรงนี้ก่อน ถือว่าเป็การพูดก่อนทำ ถ้าใครหุบปากตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ก็ยกมือลาออกจากโรงงานของเราได้เลย"
หมี่หลันเยว่เว้นจังหวะเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ เธอจึงพูดต่อ
"ไม่มีเหรอ ดีมาก หวังว่าพวกคุณจะจำคำพูดของฉันในวันนี้ อย่ารอให้เื่เกิดขึ้นแล้วค่อยมาร้องห่มร้องไห้ให้ฉันช่วยแก้ ไม่มีทางแก้ และถ้าสร้างผลกระทบอย่างมาก ฉันจะลงโทษด้วยการปรับเงิน"
หลังจากพูดเื่ที่เคร่งครัดจบลงอย่างจริงจัง หมี่หลันเยว่ก็เปลี่ยนน้ำเสียง
"ในเมื่อเราทุกคนมีความเห็นตรงกันแล้ว ตอนนี้เราไปเริ่มงานเลี้ยงสังสรรค์กันเลยดีกว่า ทุกคนกินให้อร่อย ดื่มให้เต็มที่ เหนื่อยมาสองวันแล้ว ยังไงก็ต้องกินให้คุ้มหน่อย"
คนงานที่เพิ่งรู้สึกตึงเครียดเมื่อครู่ พอได้ยินคำพูดของเธอก็หัวเราะออกมา
"ใช่ พวกเราจะกินให้เยอะๆ เลย เอวจะเคล็ดอยู่แล้ว ต้องบำรุงหน่อย"
"ใช่ๆ ครับผู้จัดการโรงงาน ให้กินเนื้อเยอะๆ นะ"
ในเวลานี้ การได้กินเนื้อสักสองสามคำถือเป็สวัสดิการที่ดีมาก หลิวเสี่ยวหว่านรีบพูด
"เื่นี้ฉันตัดสินใจไม่ได้ ต้องให้เถ้าแก่บ้านเราเป็คนตัดสิน แต่เถ้าแก่ของเราไม่ใช่คนขี้เหนียว ไม่ต้องให้พวกคุณบอก เขาต้องจัดให้ดีกว่าที่พวกคุณขอแน่นอน"
เมื่อเห็นว่าผู้จัดการหลิวพูดแบบนี้ คนงานก็เก็บของ ใส่เสื้อคลุม หยิบกระเป๋า ทุกคนออกจากบ้านสี่ประสานอย่างครึกครื้น มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่จองไว้ แน่นอนว่างานเลี้ยงก่อนเปิดทำการนี้ ก็กลายเป็การรวมตัวที่ดี
เรียกพนักงานร้านค้ามาร่วมด้วย ทุกคนสนุกสนานด้วยกัน ทั้งฉลองความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจของการเปิดร้าน และอวยพรล่วงหน้าให้การเปิดโรงงานในวันพรุ่งนี้เป็สิริมงคล ในงานเลี้ยง หมี่หลันเยว่ในฐานะเ้าของกิจการไม่ได้กดดันพนักงาน แต่หลิวเสี่ยวหว่าน หนิวเถียจู้ และคนอื่นๆ กลับแสดงบทบาทผู้นำในแต่ละตำแหน่งได้อย่างดี
ในบรรยากาศสบายๆ ที่ยกแก้วชนแก้วและพูดคุยกันอย่างเป็กันเอง ข้อบังคับต่างๆ ที่โรงงานและร้านค้าต้องปฏิบัติตาม ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจนในคำพูด ทำให้พนักงานได้รับการอบรม แต่ไม่รู้สึกกดดัน การรวมตัวแบบนี้ พวกเขาทำได้อย่างคล่องแคล่วและแเี เจิ้งซวี่เหยามองพลางพยักหน้า
อาหารมื้อนี้ ทุกคนกินกันอย่างมีความสุข แต่สิ่งที่ทำให้เจิ้งซวี่เหยารู้สึกประทับใจมากที่สุดคือ หลังจากมื้ออาหาร หมี่หลันเยว่ได้เตรียมกล่องอาหารให้พนักงานทุกคน ข้างในเป็อาหารขึ้นชื่อสองอย่างของร้านนี้ คือ ขาหมูน้ำแดง และผัดเปรี้ยวหวาน ซึ่งเป็อาหารที่มีราคาไม่น้อย แถมยังให้คนละกล่อง ที่นี่มีพนักงานสามสิบแปดคน การกระทำนี้ทำให้เจิ้งซวี่เหยาตกตะลึงมาก
แต่เขาก็รู้ว่าการกระทำของหมี่หลันเยว่ครั้งนี้ จะทำให้พนักงานทุกคนตั้งใจทำงานให้เธออย่างเต็มที่ เพราะกล่องอาหารนี้ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน แต่อยู่ที่การแสดงความห่วงใยของหมี่หลันเยว่ต่อพนักงาน การห่วงใยคนในครอบครัวของพวกเขา ทำให้ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งใจมากขึ้น
บนโต๊ะอาหาร เขาเห็นคนงานจำนวนมาก กินไปพลางกวาดสายตาไปที่อาหารบนโต๊ะอย่างไม่หยุดหย่อน แววตาเ่าั้คือความห่วงใยต่อคนในครอบครัว โดยเฉพาะความสงสารที่มีต่อลูกๆ คนเป็แม่ทุกคนมีความคิดเช่นนี้ เมื่อตัวเองได้กินของดีๆ แต่ลูกกลับไม่ได้กิน ในใจก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
"เถ้าแก่ ทำแบบนี้ไม่ดีมั้ง ที่นี่คนเยอะขนาดนี้ ให้คนละกล่อง มันดูไม่ค่อยเหมาะสม"
เมื่อเห็นกล่องอาหารที่วางซ้อนกันสูง ทุกคนยังไม่ลงมือ ในที่สุดก็มีคนงานคนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าการปฏิบัติต่อกันแบบนี้มันมากเกินไป กินก็คือกิน จะให้เอากลับไปด้วย มันดูไม่ดี
"แหม นี่เป็ครั้งแรกที่ฉันเลี้ยงข้าวพวกคุณทุกคน อย่าเกรงใจกันเลย โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ หรอก ฉันก็ไม่ได้รวยล้นฟ้าอะไรหรอกค่ะ"
หมี่หลันเยว่พูดอย่างสบายๆ กึ่งเล่นกึ่งจริง
"ฉันรู้ว่าตอนกินข้าว พวกคุณคงคิดถึงแต่พ่อแม่และลูกๆ ที่บ้าน ถ้าเปลี่ยนตัวเองเป็พวกเขามากินข้าวที่นี่ได้ พวกคุณคงจะอยากทำมากกว่า"
คนงานจำนวนมากพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว คำพูดของหมี่หลันเยว่แทงใจดำพวกเขา
"ถึงฉันจะอายุยังน้อย ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของคนเป็แม่ได้อย่างเต็มที่ แต่ฉันก็ยังเป็ลูกสาว รู้ว่าพ่อแม่ห่วงใยฉันมากแค่ไหน ฉันก็เลยเข้าใจว่าพวกคุณห่วงใยลูกๆ ของตัวเองมากแค่ไหน ดังนั้นอย่าเกรงใจกันเลย แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เอากลับไปให้พ่อแม่กิน และเอาไปดูแลลูกๆ เถอะค่ะ"
"พวกเรายังมีเวลาทำงานด้วยกันอีกนาน พ่อแม่ของพวกคุณก็คือพ่อแม่ของฉัน ลูกๆ ของพวกคุณ ฉันก็ควรจะดูแล พวกเรามีวาสนาได้มาร่วมงานกันที่นี่ พวกเราจะไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างเ้านายกับลูกน้อง แต่เรายังสามารถเป็เพื่อน เป็ญาติกันได้ด้วย"
คำพูดของหมี่หลันเยว่ ทำให้ทุกคนรู้สึกซาบซึ้งใจเป็อย่างยิ่ง
"เร็วๆ เข้า รีบเอาไปกันได้แล้วค่ะ ฟ้ามืดแล้ว ถ้าไม่รีบกลับ ลูกๆ คงกินข้าวกันหมดแล้วนะคะ อากาศร้อนขนาดนี้ อาหารมันเก็บไว้ไม่ได้ ความหวังดีของฉันก็สูญเปล่าหมด นี่เป็อาหารที่พ่อครัวของร้านอาหารตั้งใจทำเป็พิเศษให้พวกเราเลยนะ"
คนงานจึงต่อแถวรับกล่องอาหารของตัวเองไป เพียงแต่ในดวงตาของคนงานบางคน มีประกายน้ำตาเล็กน้อย ส่องแสงระยิบระยับ เจิ้งซวี่เหยามองหมี่หลันเยว่ ดวงตาของเขาก็ชื้นไปด้วย หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเปล่งประกายได้แม้ในความมืดมิด เขากลับไม่สามารถคว้าเธอไว้ได้ การพลาดโอกาสเป็ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
มีการกำหนดเวลาเข้างาน แต่ในวันรุ่งขึ้น นอกประตูบ้านสี่ประสานแต่เช้าก็มีเสียงดังเอะอะ คนงานมากันั้แ่เช้าตรู่ พวกเขาไม่อยากให้หมี่หลันเยว่ต้องรอพวกเขา พวกเขา้าตอบแทนความตั้งใจและความห่วงใยของหมี่หลันเยว่ด้วยผลงานของพวกเขาในวันแรก
"ไม่นึกเลยว่าทุกคนจะมากันแต่เช้าขนาดนี้ โชคดีที่เราตื่นกันแต่เช้าเหมือนกัน ไม่งั้น ป่านนี้คงโดนขังอยู่ในบ้านแล้ว ขายหน้าตายเลย"
เฉียนหย่งจิ้นพูดเล่นตามแบบของเขา
"คนงานมาเช้าแค่ไหน ก็คงไม่ถึงขนาดขังนายไว้ในผ้าห่มหรอกมั้ง นายมันี้เีขนาดไหนกัน?"
หมี่หลันหยางใช้ไหล่กระแทกเฉียนหย่งจิ้น ทั้งสองคนยืนเคียงข้างกันแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้า เมื่อวานนี้ หมี่หลันเยว่และพรรคพวกได้ย้ายออกมาจากบ้านสกุลเจิ้ง มาอยู่รวมกันที่บ้านสี่ประสาน
พอนอนอยู่ในบ้านของตัวเอง รู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าคนในสกุลเจิ้งจะดีกับทุกคนมาก แต่ก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ในใจก็ยังมีความกังวลและความกระวนกระวายอยู่เสมอ คืนแรกที่ได้อยู่ในบ้านของตัวเอง ความรู้สึกนั้นมันแตกต่างจริงๆ เพียงแต่ทุกคนแทบจะไม่ได้นอนกันเลย ตื่นเต้นกันมาก
"ทำไมพวกเธอไม่เข้ามาคอยข้างในล่ะ ประตูบ้านก็เปิดอยู่นี่"
หลิวเสี่ยวหว่านออกไปต้อนรับคนงานเข้ามา เปิดประตูโรงงานให้คนงานเข้าไป
"ถ้าต่อไปพวกเธอมากันเช้ากว่านี้ ก็เข้ามาคอยในบ้านได้เลยนะ ถ้าฉันได้ยินเสียง ฉันจะมาเปิดประตูโรงงานให้"
"มานี่ นี่คือกล่องเครื่องมือของแต่ละคน สามารถใส่กระเป๋าและเสื้อผ้าได้ ้ามีป้ายชื่อติดอยู่ เป็ชื่อที่เราติดแบบสุ่ม ดังนั้นทุกคนอย่าเลือกกันนะ"
หลิวเสี่ยวหว่านชี้ไปที่ห้องที่กั้นออกมาจากโรงงาน ด้านข้างกำแพงเป็ตู้ที่ทำเป็แถวๆ เตรียมไว้ให้คนงานใส่เครื่องมือและของใช้ส่วนตัว
ไม่คิดเลยว่าจะได้รับการดูแลแบบนี้ คนงานต่างตื่นเต้นหารายชื่อของตัวเอง ส่วนเื่กล่องจะอยู่บนหรืออยู่ล่าง ทุกคนไม่ได้สนใจอะไร เพราะการมีกล่องเครื่องมือ ก็ถือว่าสะดวกสบายขึ้นมากแล้ว
"ในเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว เราก็เริ่มงานกันเลย!"
คนงานถูกพาไปที่เครื่องจักร สามสิบคน ไม่ได้ใช้เครื่องจักรกันทุกคน หลิวเสี่ยวหว่านได้คัดเลือกคนออกมาทำงานตัดแล้ว โต๊ะขนาดใหญ่ก็เตรียมพร้อมแล้ว ด้านข้างมีตู้ขนาดใหญ่ เตรียมผ้าและวัสดุอุปกรณ์ไว้เรียบร้อย หลายคนเริ่มลงมือตัดเย็บทันที ส่วนคนงานที่เหลือก็เลือกเครื่องจักรของตัวเอง เริ่มทดลองเครื่องจักร โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลันเยว่ของหมี่หลันเยว่ได้เปิดทำการอย่างเป็ทางการแล้ว
