ิอวี่ขบคิดแล้วก็พอจะเข้าใจเิหยูเยียน เขาจึงยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับนางอีก
ในเวลานี้เอง คนที่สวมชุดสีน้ำเงินขาวด้านข้างท่าทางดูดีก็หันมาทักิอวี่ “สวัสดีน้องิ ข้าชื่อจูหง มาจากราชวงศ์ไป่เลี่ยน ปีนี้อายุสิบแปด คนนี้เป็เพื่อนรักของข้า”
ระหว่างที่พูด จูหงก็ชี้ไปยังคนที่อยู่ด้านข้าง ท่าทางของเขาดูสุขุมและอ่อนโยนมาก
พอเห็นิอวี่เหลียงชิงซานเองก็พยักหน้า “เหลียงชิงซาน”
“มีวาสนาได้รู้จักทั้งสองท่าน ถือเป็เกียรติของข้า” ิอวี่ยกมือคำนับ ภาพจำของจูหงกับเหลียงชิงซานนั้นไม่เลวเลย ดังนั้นน้ำเสียงของิอวี่จึงค่อนข้างเป็มิตร
ิอวี่ไม่ได้รู้เื่เกี่ยวกับราชวงศ์ไป่เลี่ยนนัก สามารถออกมาจากราชวงศ์ไป่เลี่ยนได้ แสดงว่าพวกเขาสองคนจะต้องมีความสามารถพอตัว
ในความเป็จริงแล้ว จูหงกับเหลียงชิงซานไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ แต่เป็แค่ผู้มีความสามารถทั่วไปเท่านั้น
ราชวงศ์ไป่เลี่ยนขึ้นชื่อในเื่ของการตีเหล็ก แต่ละปีจะผลิตศาสตราวุธจำนวนมากเพื่อขายให้กับราชวงศ์อื่น สิ่งที่แข็งแกร่งของสมาชิกของราชวงศ์จึงไม่ใช่พลังความสามารถ แต่เป็ทักษะการสร้างศาสตราวุธ ดังนั้น วังหลวงราชวงศ์ไป่เลี่ยนจึงไม่สามารถที่จะมีผู้มีพร์ที่ตรงตามการเข้าร่วมทดสอบของสำนักเทพอัคคีได้
แต่จูหงกับเหลียงชิงซานเป็คนที่มีพร์ทั้งคู่ เดิมทั้งสองไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ระหว่างที่ไปล่าสมบัติพวกเขาได้ช่วยเหลือชีวิตของกันและกัน จากนั้นพวกเขาก็ร่วมเป็ร่วมตายเพื่อฝ่าฟันในทุกเหตุการณ์ของราชวงศ์ไป่เลี่ยน จนสุดท้ายก็ได้รู้เื่ของสำนักเทพอัคคีและเดินมายังเส้นทางนี้ ซึ่งระหว่างทางก็ได้พบกับพวกเิหยูเยียนเข้าจึงเดินทางมาด้วยกัน
“เอ่อ ... พี่ชาย ข้าชื่อิอวี่ ไม่ทราบท่านชื่ออะไรหรือ?” ิอวี่หันไปถามคนที่นั่งอยู่บนเหยี่ยวหัวล้านทางด้านขวา
แต่ชายคนนั้นกลับมีสีหน้าไร้อารมณ์ แทบจะไม่ได้สนใจอะไริอวี่เลย
“น้องชาย ข้าว่าเ้าอย่าได้เปลืองแรงเลย จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ชื่อของเขาเลย เขาทำตัวลึกลับมาก” จูหงยิ้มแล้วส่ายหน้า สำหรับชายคนนั้น เขาเองก็หมดคำพูดเหมือนกัน
“ก็ได้”
ิอวี่ยักไหล่ ใครจะนิสัยอย่างไรมันก็เป็เื่ของตัวเขา ในเมื่อยุ่งไม่ได้ิอวี่ก็ไม่พูดมากอีก
ิอวี่จึงเข้าร่วมกับกลุ่มของทั้งหกคนโดยปริยาย ทุกคนพักสักครู่ จากนั้นก็ขี่อสูรสัตว์ปีกบินไปทางทิศตะวันออก ระหว่างนั้น จูหงกับเหลียงชิงซานมีหันมาคุยกันเป็ระยะ แต่หญิงสาวสามคน แล้วก็คนลึกลับอีกคน รวมถึงิอวี่ แทบไม่คุยกันเลย
สมาธิของพวกเขาอยู่ที่การเดินทางเพื่อให้ไปถึงสำนักเทพอัคคีให้เร็วที่สุด และจะต้องผ่านการทดสอบเท่านั้น
เหตุการณ์ก็เป็อยู่อย่างนี้ พวกเขาแทบไม่พูดกันเลย ได้แต่บินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
หลังผ่านไปสามวัน พวกิอวี่ก็ผ่านเทือกเขาออกมาแล้ว ด้านหน้าเป็พื้นที่สีเหลืองที่กว้างขวาง เมื่อมองออกไปมันเหมือนทะเลทราย และมันก็คือพื้นที่รกร้างนั่น!
ในพื้นที่รกร้างเหมือนมีแต่ทะเลทรายที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมันแห้งแล้งตลอดปี อากาศร้อนมากจนแทบจะไม่มีอสูรอาศัยอยู่บริเวณนี้เลย
ทะเลทรายแห่งนี้ไร้ซึ่งผู้คน เห็นเพียงเมฆกับท้องฟ้าสีคราม แสงแดดที่ส่องเข้าตา และอากาศที่ร้อนอบอ้าวจากทรายสีเหลืองทอง
คนของราชวงศ์ต่างๆ คิดว่าในพื้นที่รกร้างแห่งนี้เป็ที่สิ้นสุดของโลก แต่ิอวี่มาที่นี่ครั้งแรกกลับััได้ถึงความอ้างว้างของทะเลทราย และยังได้กลิ่นร่องรอยความลึกลับ
ถึงแม้เขาจะไม่เห็นที่สิ้นสุดของพื้นที่รกร้าง แต่เขารู้ว่าพื้นที่รกร้างที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ... มันเป็แค่จุดเริ่มต้นของโลกอีกใบ!
สำนักเทพอัคคีมันอยู่ที่ดินแดนอันแสนไกลนับจากจุดนี้!
บินต่อเนื่องมาอีกสิบวัน พวกของิอวี่ก็เข้าใกล้จุดศูนย์กลางของพื้นที่รกร้างเข้าไปเรื่อยๆ และตำแหน่งค่ายกลขนส่งที่ระบุอยู่ในแผนที่ก็อยู่ห่างจากตรงนี้ไปไม่ไกลนัก ใช้เวลาอีกประมาณสองวันก็น่าจะถึง
่เย็นในวันนี้ พวกของเิหยูเยียน จูหงกับเหลียงชิงซาน และอีกคนที่ลึกลับ รวมถึงิอวี่ ก็ลงมาที่ทะเลทรายและเตรียมตัวที่จะพักผ่อน
การบินอย่างต่อเนื่องทำให้เหล่าอสูรสัตว์ปีกมีอาการเหนื่อยล้ามากแล้ว ทุกคนเตรียมอาหารเอาไว้ให้พาหนะของตนเองแล้ว ิอวี่เองก็ป้อนยาจูหยวนตันให้เ้าวิหคัปีกมืดทีละเม็ดอย่างปวดใจ
การกินอาหารครั้งนี้ เ้าวิหคัปีกมืดก็กินจูหยวนตันไปอีกหนึ่งพันเม็ด มูลค่าเท่ากับสิบล้านเหรียญหยกดำ ...
ิอวี่รู้สึกว่าเขานั้นโชคดีที่เ้าวิหคัปีกมืดมันไม่ได้กินอาหารบ่อยเท่าไร ยาจูหยวนตันหนึ่งพันเม็ดสามารถทำให้มันอยู่ได้ประมาณครึ่งเดือน หากสามวันต้องกินหนึ่งที เขาคงบินไปไม่ได้กี่วันก็ต้องลงมาป้องอาหารทีจนหมดตัวแน่
แต่ว่า ถึงแม้ิอวี่จะเสียยาจูหยวนตันไปแล้วสามพันเม็ดตลอดการเดินทาง แต่เ้าวิหคัปีกมืดมันไม่ใช่แค่กินอิ่มอย่างเดียว กำลังของมันเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปีกของมันดูจะแข็งแกร่งขึ้น ดวงตาของมันดูมีชีวิตชีวาขึ้น ความอึดในเวลาบินก็เหมือนจะมีมากขึ้นด้วย
ิอวี่ประเมินว่า หากเป็ในลักษณะนี้ต่อไปอีกไม่กี่เดือน เ้าวิหคัปีกมืดก็น่าจะพัฒนาไปถึงระดับเก้าสูงสุดได้ นั่นก็หมายความว่ามันจะกลายเป็อสูรระดับสิบ!
ถึงเวลานั้น ความเร็วของเ้าวิหคัปีกมืดก็จะเร็วมากขึ้น ถึงเวลานั้นถ้าเจอศัตรูที่เขาสู้ไม่ไหวก็สามารถใช้ความเร็วของเ้าวิหคัปีกมืดเอาตัวรอดได้
พอคิดได้แบบนี้ ิอวี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีและตื่นเต้นเล็กน้อยด้วย
และในเวลานี้เอง ด้านหน้าก็มีลมร้อนพัดเอาฝุ่นทรายเข้ามา
ลมร้อนที่ว่าแรกเริ่มเดิมทียังไม่มีใครสนใจ แต่เมื่อผ่านไปสักห้านาทีคลื่นลมก็ดูรุนแรงขึ้น และหมุนม้วนฝุ่นทรายเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ลมที่รุนแรงขึ้น ฝุ่นทรายมหาศาลที่ม้วนเป็วง ทำให้เกิดพายุทรายที่น่ากลัวอย่างมาก!
พายุทรายนั้นรุนแรงมาก มันขยายตัวกว้างถึงสี่ห้าลี้ สูงถึงประมาณสิบเมตร ราวกับคลื่นทะเล เสียงลมพัดรุนแรงขึ้นจนแทบจะคลุมตัวของพวกิอวี่จนมิดเลย
“รีบไปเร็ว!”
จูหงขึ้นขี่อสูรสัตว์ปีกของตัวเองลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่กระแสลมนั้นแรงมากจนอสูรไม่สามารถบินไปตามแรงลมได้ ทำให้พวกเขาไหลลงมาจากตัวของพวกมันอย่างรวดเร็ว
แต่เิหยูเยียนกลับนิ่งมาก นางปล่อยลมปราณออกมาคุ้มกันร่างกายเพื่อต้านพายุทรายเ่าั้เอาไว้
เิหยูเยียนมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง นางสามารถใช้ลมปราณที่มีต้านฝุ่นทรายเหล่านี้ได้ แล้วขี่อสูรสัตว์ปีกบินลอยขึ้นฟ้าไปเพื่อหนีจากการถูกฝุ่นทรายเล่นงาน แต่ว่าเิเยวี่ยกับเิฮวากลับมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับสูงสุดเท่านั้น ถึงแม้จะมีกำลังกายที่แข็งแกร่งแต่ลมปราณไม่ได้กล้าแกร่งขนาดนั้น เลยไม่สามารถขี่อสูรสัตว์ปีกบินขึ้นไปได้
และเิหยูเยียนก็ไม่สามารถใช้ลมปราณของนางคุ้มกันทั้งสามคนได้ นางเลยเลือกที่จะไม่ไปไหน
เิหยูเยียนพูดอย่างใจเย็นว่า “ฝุ่นทรายพวกนี้มาอย่างกะทันหัน ในเมื่อพวกเ้าไม่สามารถหนีออกจากวงล้อมนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้วิธีการป้องกันแทน ดูแลอสูรสัตว์ปีกของตัวเองให้ดี อย่าให้มันถูกฝุ่นทรายพัดเอาไปเด็ดขาด ไม่งั้นจะต้องเสียใจภายหลังแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของเิหยูเยียน จูหงกับเหลียงชิงซานก็เข้าใจความหมายในทันที
พวกเขามีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับสูงสุด มีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวต้านฝุ่นทรายที่ว่านี่มันเหลือเฟือ แต่ว่าอสูรสัตว์ปีกของพวกเขาไม่ได้มีกำลังขนาดนั้น และฝุ่นทรายยังหมุนเข้ามาอีกจนรอบตัวมืดไปหมด ยื่นมือออกไปยังแทบไม่เห็นอะไร ในสถานการณ์แบบนี้อาจจะไม่สามารถรักษาอสูรสัตว์ปีกเอาไว้ได้
พวกเขาจึงพยายามจับเชือกอสูรสัตว์ปีกเอาไว้แน่นที่สุด แต่ิอวี่ไม่ได้ทำแบบนั้น
เขากับเ้าวิหคัปีกมืดมีใจสื่อถึงกัน ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าพวกเขาอยู่ตรงไหนกัน ดังนั้นิอวี่เลยไม่ได้สนใจวิหคัปีกมืด เพราะไม่ว่ามันจะบินไปไหนเขาก็หามันเจอ
แล้วิอวี่เองก็ไม่ได้สนใจที่จะออกไปจากฝุ่นทรายที่ว่าด้วย เพราะเขารู้สึกว่ารอบข้างนั้นเหมือนมีแรงต้านที่รุนแรง ฝุ่นทรายเสียดสีไปทั่วร่างกายของเขาจนเกิดเสียงที่รุนแรงขึ้นมา
หากเป็คนธรรมดาทั่วไปและอยู่ท่ามกลางพายุฝุ่นทรายนี้ ร่างกายคงถูกฉีกขาดจนเละไปแล้ว แต่ิอวี่ฝึกเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูง มีร่างกายแห่งหยินหยาง ฝุ่นทรายพวกนี้มันแค่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็แรงต้าน แต่มันไม่ได้มีผลอะไรกับร่างกายเขาเลย
ฝุ่นทรายที่รุนแรงเช่นนี้ มันทำให้ิอวี่รู้สึกเหมือนเห็นอกเห็นใจ และเป็ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างมาก ...
ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กันนะ?
ิอวี่ลองคิดทบทวนดู และสุดท้ายก็คิดออก ที่แท้ความรู้สึกที่รุนแรงแบบนี้ มันเหมือนกับความคิดที่เขาอยากจะเข้าถึงหมัดคชสารัใหญ่เลย!
หมัดคชสารัใหญ่ต้องเข้าใจจิตสำนึกัคชสารให้ได้ แล้วฝุ่นทรายรอบตัวเขามันให้ความรู้สึกกล้าหาญไร้ความเกรงกลัว และิอวี่เองก็้าความรู้สึกแบบนี้
กล้ามเนื้อขาทั้งสองข้างของิอวี่เป่งขึ้นเพื่อตอบรับกับเพลงหมัดคชสารัใหญ่ เขาค่อยๆ เดินหน้าไปทีละก้าว ฝ่าเท้าของเขาจมลงไปในทรายโดยไม่สั่นคลอนเลย
เขาซัดหมัดฝุ่นทรายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางฝุ่นทรายที่กำลังก่อกวนอยู่ ไม่ว่าจะเป็วิถีหมัดหรือลักษณะทางร่างกาย มันไม่ง่ายเลยที่จะมีความมั่นคงได้ขนาดนี้ แต่สภาพแวดล้อมที่โหดร้าย แรงกดดันจากภายนอกที่รุนแรงทำให้ิอวี่สามารถเปลี่ยนแรงกดดันเป็แรงกระตุ้น พลังจิตที่แข็งแกร่งทำให้เขาสามารถเข้าถึงหมัดคชสารัใหญ่ได้ เขาออกหมัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเฉียบคมและต่อเนื่อง!
ที่ผ่านมา ิอวี่ออกหมัดโดยที่รอบตัวนั้นเงียบสงบ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในฝุ่นทรายที่รุนแรง แรงกดดันแบบนี้ มันบีบให้เขาปล่อยพลังแฝงออกมา ทำให้การเข้าถึงในหมัดคชสารัใหญ่มีมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ฝุ่นทรายที่รุนแรงเหล่านี้ยังทำให้ิอวี่นึกถึงความเย่อหยิ่งของัและคชสารที่ไม่มีใครเทียบได้ การกวาดล้างกองกำลังนับพัน แรงผลักดันที่ไม่ย่อท้อ สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในหมัดของเขา!
ในทะเลทราย ิอวี่เริ่มฝึกเพลงหมัดไปจนถึงระดับที่ลืมตัว
ถ้าคนอื่นมาเห็นสภาพนี้ของิอวี่ พวกเขาจะต้องใมากว่าิอวี่ที่มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับสูงสุด แต่กลับเข้าถึงหมัดคชสารัใหญ่ทักษะเสวียนระดับล่างที่ทรงพลังได้มากขนาดนี้ ทั้งยังมีความก้าวหน้าไปรวดเร็วมาก และเข้าใจอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น!
ถึงแม้ตอนนี้ิอวี่จะเข้าใจหลักใหญ่สำคัญของหมัดคชสารัใหญ่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วเขาก้าวหน้าไปรวดเร็วหลายเท่าตัว!
ิอวี่ทำการฝึกเพลงหมัดของเขาท่ามกลางพวกของเิหยูเยียน แต่ฝุ่นทรายมันรุนแรงมากจนทำให้ทัศนวิสัยต่ำมากจนยากที่จะมองเห็นนิ้วมือ ดังนั้นพวกของเิหยูเยียนจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของิอวี่เลย
ในเวลานี้จูหงกับเหลียงชิงซานและคนลึกลับเ็าอีกคนกำลังพยายามจูงอสูรสัตว์ปีกและต้านพายุฝุ่นทรายไปด้วย ส่วนเิหยูเยียนก็ดึงเอาลมปราณบางส่วนมาคุ้มกันพี่สาวทั้งสองของนาง
พวกเขายุ่งอยู่แต่กับเื่ของตัวเองจึงไม่มีใครสนใจว่าิอวี่จะทำอะไร
