Chapter 4
กันต์ที่กำลังจ้องมองเพื่อนสนิทอยู่ละสายตาออกจากเ้าตัวแล้วหันไปมองร้านน้ำที่อยู่ไกลออกไป เพื่อให้แน่ใจว่ารุ่นพี่ที่เขาเพิ่งให้ฉายา ‘เลวสุดขั้ว’ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ออกไปจากโรงอาหารแล้ว
เื่ราวความรักที่แสนบอบช้ำของเพื่อนสนิทผ่านมานานพอสมควร เขารู้ว่าตอนนี้เ้าตัวตัดใจจากอีกฝ่ายได้แล้วจริงๆ แต่เพราะรักแรกทำให้ใกล้เจ็บมาก มันจึงเป็ความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในใจ เมื่อกี้ตอนที่เ้าตัวเห็นพี่ชินเดินเข้ามาในโรงอาหาร ใกล้ก็หวนนึกถึงเื่ราวในอดีตอีก
กันต์มองใบหน้าหวานๆ พลางคิดว่าเ้าของรอยยิ้มอ่อนหวานไม่ควรจะเสียใจอีกแล้ว กว่าดวงตาคู่นี้จะกลับมาสดใสได้อย่างทุกวันนี้ไม่ง่ายเลย ทว่าเขาก็อยากให้ใกล้ได้รู้ความจริงบางอย่าง
มันเป็ความจริงที่จะทำให้ใกล้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็คนทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนั้นพังลง ใกล้ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองอย่างที่คิด ทั้งหมดเป็เพราะคนคนหนึ่งตั้งใจให้ความหวังเพื่อนเขา
รอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้ประโยคคำพูดของพี่ชินวนกลับมาในหัวอีกครั้ง สีหน้าและน้ำเสียงของพี่ชินแสดงออกว่ารู้สึกผิดอย่างมาก แต่นั่นไม่ทำให้กันต์รู้สึกสงสารหรืออยากยกโทษให้เลย
‘พี่มาคิดได้ตอนที่เห็นใกล้ร้องไห้ในห้องสมุด…พี่คิดว่าน่าจะหยุดเื่นี้ไว้ั้แ่ตอนรับน้องแล้ว แต่เพราะอยากเอาชนะ มันเลยทำให้มาไกลถึงขนาดนี้’
‘กันต์ขอถามพี่หน่อย…ทำไมพี่ถึงยอมทำร้ายจิตใจใกล้เพียงเพราะอยากเอาชนะคำพูดของเพื่อน?’
‘…’
‘ขอคำตอบที่เป็ความจริงนะ เพราะถ้าพี่ยังโกหกต่อไป พี่แม่งไม่ใช่คนแล้ว’
‘ตอนนั้นพี่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยอมทำ…พี่คิดแค่ว่าต้องทำให้ใกล้สารภาพรักให้ได้ เพื่อนพี่จะได้รู้ว่าสิ่งที่พี่คิดเป็ความจริง พี่ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองอย่างที่พวกมันพูด’
‘พี่ก็คือคนเหี้ยดีๆ นี่เอง’
‘ถ้ากันต์จะด่าพี่ พี่ไม่โกรธหรอก เพราะเื่นี้มันตามหลอกหลอนให้พี่รู้สึกผิดตลอดเวลา’
‘กันต์ก็ไม่อยากด่าพี่ให้เปลืองน้ำลายหรอก แต่กันต์อยากจะบอกว่า…ต่อให้พี่รู้สึกผิดจนวันตาย มันก็ไม่สาสมกับสิ่งที่พี่ทำหรอก’
‘…’
‘แล้วทำไมพี่ต้องพูดตัดเยื่อใยกับใกล้ขนาดนั้น…คำพูดของพี่มันรุนแรงกับหัวใจคนแอบรักมากเลยนะ กันต์คิดว่าพี่รู้ดีว่าการเลิกรักคนคนหนึ่งมันยากแค่ไหน...แต่พี่ก็ยังบอกให้ใกล้เลิกรักพี่ ทั้งที่ตอนนั้นใกล้เพิ่งสารภาพรักกับพี่…กันต์ถามจริงๆ อีกสักครั้ง…ตอนที่พี่เห็นมันร้องไห้ พี่รู้สึกผิดแล้วจริงๆ เหรอ?’
‘เพราะพี่รู้สึกผิดจริงๆ ไง…พี่ถึงได้ทำอะไรไม่ถูก พี่อยากหยุดทุกอย่างแล้ว ไม่อยากให้ความหวังใกล้อีกต่อไป พี่เลยคิดว่าการที่พูดให้ใกล้เลิกรักพี่ มันจะทำให้ใกล้ตัดใจจากพี่ได้…ใกล้จะได้ไม่เสียใจเพราะคนอย่างพี่อีก’
‘ระบบความคิดพี่แม่งโคตรเพี้ยนเลย บนโลกนี้มีวิธีปฏิเสธเป็ร้อยเป็พันวิธี แต่พี่กลับเลือกวิธีที่ทำร้ายอีกฝ่ายมากที่สุด…พี่คิดว่าคนที่แอบรัก ถ้าเจ็บมากๆ แล้วจะหยุดรักได้เหรอ?’
‘…’
‘ยิ่งเจ็บมาก…มันก็ยิ่งฝังใจ’
‘…’
‘แต่โชคดีของใกล้แล้วที่ตัดใจจากพี่ได้’
‘พี่อยากเจอใกล้นะ…แต่พี่ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ไม่รู้จะสู้หน้าใกล้ได้ยังไง?’
‘มันไม่แปลกหรอกที่พี่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง เพราะพี่ทำกับใกล้ไว้ขนาดนั้น แล้วก็ไม่แปลกอีกที่จะไม่กล้าสู้หน้า เพราะพี่ปล่อยให้ใกล้คิดว่าที่ทุกอย่างพังลงก็เพราะมันคนเดียว ทั้งที่พี่เป็คนให้ความหวังมันโดยตั้งใจ เพื่อให้ใกล้คิดว่าพี่ชอบมันจริงๆ’
‘…’
‘กันต์ไม่อยากเชื่อเลยว่าเื่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคำว่าอยากเอาชนะคำเดียว’
‘…’
‘กันต์รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ขอให้พี่ทำอะไรให้…แต่กันต์ขอเถอะ พี่ไปขอโทษใกล้แล้วบอกความจริงกับมันซะ’
‘…’
‘ให้ใกล้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว คนที่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องพังลงไม่ใช่เพราะมัน แต่เป็เพราะพี่ด้วย…ให้ความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจมันได้หายไปสักที’
‘…’
‘พี่รู้ไหมว่าใกล้เคยบอกกันต์ว่าจะไม่ตกหลุมรักใครอีก เพราะกลัวว่าการแอบรักของตัวเองจะไปทำให้คนคนนั้นไม่สบายใจ อย่างที่มันเคยทำกับพี่…ตอนนี้กันต์อยากต่อยหน้าพี่มาก เพราะความคิดเหี้ยๆ ของพี่คนเดียว ที่ทำให้คนดีๆ แบบใกล้ไม่กล้ารักใครเลย’
‘พี่ขอโทษ…’
‘ไม่ต้องพูดคำนี้กับกันต์ พี่ควรจะไปขอโทษใกล้’
‘…’
‘แต่ยังดีที่ตอนนี้ใกล้มันได้ตกหลุมรักใครสักคนอีกครั้ง ถึงแม้จะเป็การแอบรักเหมือนเดิมก็เถอะ…แต่อย่างน้อยๆ คนคนนั้นก็ทำให้ใกล้ได้เข้าใกล้ความรักอีกครั้ง’
‘ตอนนี้ใกล้มีคนที่ชอบแล้วเหรอ?’
‘พี่ไม่ต้องเสือก’
‘…’
‘แล้วกันต์ขอจริงๆ นะ…ถ้าพี่ยังพอมีจิตใต้สำนึกของความเป็คนหลงเหลืออยู่บ้าง พี่ไปขอโทษใกล้ด้วยตัวเองสักครั้งเถอะ’
‘พี่…เคยขอโทษใกล้ไปแล้ว’
‘ตอนไหนวะ?’
‘วันที่ใกล้สารภาพรักกับพี่…พี่พูดคำว่าขอโทษไปแล้ว’
‘แล้วได้บอกไหมว่าขอโทษเื่ที่พี่ให้ความหวังมัน เพื่อหลอกให้มันสารภาพรัก’
‘เปล่า…แค่พูดคำว่าขอโทษเฉยๆ ’
‘โอ้โห สุดๆ ไปเลย…เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอคนเหี้ยซ้อนเหี้ยเนี่ยแหละ’
‘…’
‘ตอนทำเื่แย่ๆ กล้าทำแบบไม่กลัวผิด แต่ตอนขอโทษกลับไม่กล้า ต้องพูดขอโทษในสถานการณ์ที่ตัวเองดูไม่ผิด’
‘…’
‘พี่แม่งเลวสุดขั้วเลยว่ะ’
กันต์ถอนหายใจออกมาเมื่อบทสนทนาของเขากับพี่ชินจางหายไปจากโสตประสาท นั่นเป็คำด่าคำสุดท้ายของเขาที่มอบให้พี่ชิน สาเหตุที่เขาได้เจอพี่ชินและนำไปสู่การรู้ความจริงที่แสนโหดร้าย เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รุ่นพี่ในคณะของกันต์ชวนไปงานวันเกิด เขาจึงไปร่วมฉลองงานวันเกิดที่บ้านของรุ่นพี่ ทว่าเมื่อไปถึงก็เห็นพี่ชินนั่งดื่มอยู่ด้วย กันต์ถึงได้รู้ว่าพี่ชินเป็เพื่อนต่างคณะของรุ่นพี่เขา พี่ชินดูประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหลบสายตาเขาตลอดเวลา
ทว่าครั้งนี้พี่ชินไม่สามารถหลบหน้าเขาได้อีก แต่เพราะกันต์ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ จึงแกล้งทำเป็ไม่สนใจไปก่อน จนกระทั่งพวกเราดื่มกันไปได้สักพัก รุ่นพี่หลายคนลุกไปเข้าห้องน้ำ บ้างก็ไปสูบบุหรี่ กันต์หวนนึกถึงเื่ราวในอดีตขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะกับพี่ชินสองคน เขามีบางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ กันต์เลยตัดสินใจถามถึงสาเหตุที่พี่ชินหลบหน้าเขากับใกล้จนถึงตอนนี้
เป็เพราะประโยคคำถามของเขาที่ทำให้พี่ชินสารภาพความจริงทั้งหมด สิ่งที่กันต์ได้รู้ในวันนั้นทำให้รู้สึกเจ็บจุกแทนเพื่อนสนิท เขาไม่คิดว่าพี่ชินที่เป็คนดีในสายตาใกล้มาตลอด
ความจริงแล้ว
จะทำเลวได้ขนาดนี้…
กันต์ตัดสินใจจะเล่าเื่นี้ให้เพื่อนสนิทฟังั้แ่วันแรกที่รู้ความจริง แต่ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของใกล้ใจคนที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร เขาก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ การพูดความจริงครั้งนี้สร้างความลำบากใจให้เขาเป็อย่างมาก เพราะกันต์ไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากเพื่อนสนิทรู้ความจริงได้
กันต์กลัวว่า…
ถ้าพูดความจริงไปแล้ว…รอยยิ้มอ่อนหวานและแววตาสดใสแบบนี้
จะหายไปอีก…
เขาจึงเก็บเื่นี้เอาไว้ กันต์รู้ว่าตัวเองทำไม่ถูก ใกล้มีสิทธิ์จะรู้ความจริง แต่เขาอยากให้ผ่านวันเกิดเพื่อนสนิทไปก่อน กันต์ไม่อยากให้เพื่อนมีความรู้สึกแย่ๆ ติดไปจนถึงวันเกิด วันพรุ่งนี้ใกล้ควรจะยิ้มได้เยอะๆ และมีความสุขที่สุด ไม่ควรมีความรู้สึกใดๆ เข้ามาเจือปนเลย
กันต์รู้ดีว่าคนที่บอกความจริงกับใกล้…คงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
เพราะถ้ารอให้ไอ้รุ่นพี่เลวสุดขั้วมาสารภาพผิดเอง…ชาตินี้ใกล้ก็คงไม่รู้ความจริงหรอก
“ขมวดคิ้วแบบนี้…กันต์กำลังคิดมากเื่อะไรอยู่นะ?”
คนโดนทักรีบคลายปมคิ้วที่ขมวดยุ่งทันที ก่อนเอ่ย ‘ปะ เปล่า…กูแค่คิดว่าสิ่งที่มึงพูดน่ะถูกแล้ว ไม่มีใครลืมเื่ราวในอดีตได้หรอก และเื่ราวในอดีตก็ช่วยสอนเราได้หลายๆ อย่างเลย’
กันต์รู้ว่าตัวเองเริ่มทำตัวมีพิรุธในตอนที่ดวงตาเรียวรีหรี่มองเขาคล้ายจับผิด คงเพราะเขาไม่เคยโกหกหรือปิดบังอะไรกับเพื่อนสนิทเลย การเก็บซ่อนบางอย่างจากใกล้ใจจึงเป็เื่ยาก
“เราว่าไม่ใช่เื่ที่เราพูดหรอก…กันต์กำลังคิดมากเื่อะไรอยู่ บอกเราได้นะ”
“ไม่มีจริงๆ กูแค่…” แค่อะไรดี เขาเป็คนโกหกไม่เนียนด้วย “กูแค่คิดว่า…เราควรเอาจานไปเก็บแล้วไปเรียนกันได้แล้ว ไม่งั้นเข้าเรียนสายแน่ๆ”
เ้าของใบหน้าหวานขมวดคิ้ว พร้อมทำหน้าดุๆ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาโชว์ “เหลือเวลาอีกยี่สิบนาที เราว่ามันมากพอจะคุยเื่ที่กันต์กำลังไม่สบายใจอยู่”
“กู…กูยังคิดมากเื่ที่ไม่มีเงินคืนมึงไง”
“กันต์…” หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนเป็ปมค่อยๆ คลายออก ใกล้จ้องมองเขาด้วยสายตาจริงจัง ก่อนเอ่ย “บอกเรามาเถอะ…ว่ากันต์ไปเจอเื่อะไรมา ถึงได้ดูไม่สบายใจขนาดนี้”
กันต์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทุกครั้งที่เขาไม่สบายใจ ใกล้ไม่เคยปล่อยผ่านเลย เ้าตัวจะต้องรู้ให้ได้ และเป็ทุกครั้งที่เพื่อนช่วยทำให้เขาคลายความเป็กังวล รวมไปถึงช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาเสมอ
แล้วเขาจะทำร้ายคนดีๆ แบบนี้ได้ยังไง?
“ใกล้…ไว้พ้นงานวันเกิดมึงในวันพรุ่งนี้ไปแล้ว กูจะเล่าความจริงบางอย่างให้ฟังนะ”
“ความจริง…ความจริงเื่อะไรเหรอกันต์?”
กันต์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเอ่ย “กูขอให้มึงรู้หลังจากผ่านงานวันเกิดไปแล้วได้ไหม?”
“งั้นเราขอเหตุผลที่กันต์ต้องรอให้ผ่านงานวันเกิดไปหน่อย?”
“เพราะมึงเป็เพื่อนที่กูรักมาก…กูไม่อยากให้ความรู้สึกแย่ๆ ติดอยู่ในใจมึงไปจนถึงวันที่ควรจะมีความสุขที่สุด”
“ความจริงที่กันต์ว่า…มันเกี่ยวข้องกับเราโดยตรงเลยใช่ไหม?”
กันต์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาเพื่อนสนิท “อือ”
“กันต์…” เสียงเรียกที่แสนอ่อนโยนทำให้กันต์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้า รอยยิ้มอ่อนหวานค่อยๆ ปรากฏขึ้น ก่อนเอ่ยต่อ “บางครั้งเราอาจจะเ็ปเมื่อได้รู้ความจริงบางอย่าง…แต่ถ้ามองอย่างเข้าใจ เราจะรู้ว่าความจริงไม่ได้ทำร้ายเราขนาดนั้น…และเราเชื่อว่าความจริงจะมาปรากฏตัวในวันที่เราเข้มแข็งมากพอ”
“…”
“ตอนนี้เราคิดว่าตัวเองเข้มแข็งในระดับหนึ่งแล้ว…กันต์เล่าให้เราฟังเถอะนะ อย่าให้เื่นี้มันอยู่สร้างความลำบากใจให้กันต์ต่อไปเลย”
“ใกล้…กูสาบานได้ว่ากูไม่ได้ตั้งใจปิดบังมึงเลย ตลอดเวลาที่กูเก็บเื่นี้ไว้ กูไม่เคยสบายใจเลย เพราะกูคิดว่ามึงควรจะรู้”
“เราเข้าใจกันต์นะ…ไม่ต้องคิดมาก”
“…”
“ตอนนี้แค่เล่าความจริงให้เราฟังก็พอ”
“…”
“ไม่ต้องเป็ห่วงเรา…เราจะไม่เป็อะไร”
ใกล้พูดพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อนสนิท หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อยในตอนที่เห็นแววตาเป็กังวลของกันต์ เขาพอจะเดาได้ว่าความจริงที่เพื่อนเก็บไว้น่าจะเป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับพี่ชินด้วย เพราะดูจากที่กันต์แสดงสีหน้าไม่พอใจตอนเห็นพี่ชิน และในชีวิตนี้ใกล้มีเื่ที่ติดค้างอยู่ในใจเพียงเื่เดียวและยังคงเป็ข้อสงสัยจนมาถึงทุกวันนี้
คือเื่ที่มีคนเอาเื่ที่เขาสารภาพรักกับพี่ชินไปเล่าให้เพื่อนในสาขาฟัง…
ถึงตอนนี้ใกล้ไม่อยากรู้ว่าคนคนนั้นเป็ใคร แต่เขาคิดว่าคงถึงเวลาที่ควรจะรู้ความจริงแล้ว สิ่งเดียวที่ใกล้ทำได้คือเตรียมรับมือกับทุกอย่างที่กำลังถาโถมเข้ามา
ต่อให้ความจริงจะเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้าชายฝั่ง
ใกล้ก็จะไม่ล้มลงอีก…
“กูไม่รู้จะเริ่มยังไงดี…”
“ค่อยๆ เล่านะ เรารอได้”
กันต์พยักหน้ารับแล้วเริ่มเรียบเรียงเื่ราวก่อนจะถ่ายทอดความจริงออกไป “เมื่ออาทิตย์ที่แล้วกูไปกินเลี้ยงงานวันเกิดของรุ่นพี่ในคณะ…แล้วกูก็ไปเจอกับพี่ชิน เพราะพี่ชินเป็เพื่อนต่างคณะของรุ่นพี่กู มันเป็เื่บังเอิญมากๆ”
“…”
“พี่ชินพยายามหลบสายตากูตลอด…จริงๆ แล้วกูไม่อยากถามอะไรหรอก แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ กูเลยถามพี่ชินว่าทำไมต้องหลบหน้ากูกับมึงด้วย การที่เขาหลบหน้ามึง กูยังพอเข้าใจได้…แต่ทำไมต้องหลบหน้ากูอีกคน เขาน่าจะรู้ว่ากูเป็คนแยกแยะได้ กูจะไม่ถามเขาถึงเื่ที่มึงไปสารภาพรักแล้วถูกปฏิเสธกลับมาหรอก”
“…”
“พี่ชินน่าจะคุยกับกูเหมือนเดิม ไม่น่าทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันแบบนี้เลย”
“…”
“แล้วพี่ชินก็พูดถึงสาเหตุที่ต้องหลบหน้าเราสองคน…จริงๆ เรียกว่าสารภาพผิดมากกว่า”
“…”
กันต์สบกับดวงตาเรียวรี ในแววตาของเพื่อนสนิทดูมั่นคง ไม่ไหวเอนแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขารู้ว่าเ้าตัวเตรียมใจมาเป็อย่างดี “พี่ชินดูออกว่ามึงชอบเขา…ั้แ่ตอนที่อยู่ชมรมบาสด้วยกันแล้ว”
“…”
“แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร เพราะเป็ธรรมดาที่จะมีคนแอบชอบ แต่พอมา่หลังๆ ที่มึงชอบมองเขาบ่อยขึ้น พยายามเอาน้ำไปให้เขาหลายๆ ครั้ง…จากที่เขาจำชื่อไม่ได้ก็เริ่มจำได้”
“…”
“พี่ชินเลยเอาเื่นี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง…พี่ชินบอกเพื่อนว่ามึงชอบเขา”
‘…’
“แต่เพื่อนพี่ชินไม่เชื่อ”
“…”
“เพราะถ้ามึงชอบพี่ชินจริงๆ” กันต์หยุดเว้น่หายใจ เ้าตัวก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขา ใกล้จึงเคลื่อนมือไปกุมมือเพื่อนไว้ กันต์ถึงได้ยอมพูดต่อ “ถ้ามึงชอบพี่ชินจริงๆ …มึงก็ต้องสารภาพรักกับพี่ชินแล้ว”
ใกล้พรูลมออกจากปาก เมื่อเดาได้ว่าเื่ราวจะเป็ไปในทิศทางไหน เขาไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนสนิททำใจเล่าให้ฟังไม่ได้ เพราะความจริงเื่นี้หนักหนาจนเกินไป
“เราโอเค…เล่าต่อได้เลยกันต์”
“พี่ชินเลยบอกเพื่อนว่า…เขาจะทำให้มึงสารภาพรักกับเขาก่อนจบม.6 ให้ได้”
“…”
“แต่พอถึงวันที่ฉลองเรียนจบม.6 มึงก็ยังไม่สารภาพรักกับเขา”
“…”
“เพื่อนพี่ชินเลยบอกว่าพี่ชินฮอตในโรงเรียนก็จริง…แต่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่ารุ่นน้องทุกคนชอบตัวเองไม่ได้ พี่ชินควรจะยอมรับความจริง…เพราะดูเหมือนตอนนี้พี่ชินจะเข้าข่ายโรคหลงตัวเองแล้ว”
“…”
“เพราะคำพูดของเพื่อนพี่ชิน…เลยทำให้เขาอยากเอาชนะ”
“…”
“เอาชนะเพื่อนตัวเอง…และทำให้รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดเป็ความจริง”
“…”
“หลังจากเรียนจบไป พี่ชินยังติดต่อกับมึงอยู่ เพราะหวังว่าคุยกันไปเรื่อยๆ คงจะมีสักวันที่มึงจะสารภาพรักกับเขา แต่เหมือนโชคเข้าข้างคนเลวๆ” กันต์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยต่อ “เพราะเราเลือกเรียนมหา’ ลัยเดียวกับพี่ชินพอดี พี่ชินบอกว่าตอนนั้นคิดว่าเื่ที่จะทำให้มึงสารภาพรักง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”
“…”
“พี่ชินเลยบอกเพื่อนเก่าที่เคยว่าเขาไว้ว่า…พี่ชินจะทำให้มึงสารภาพรักกับเขาให้ได้”
ใกล้เม้มริมฝีปากพลางคิดถึงตอนที่พี่ชินทำดีกับเขา “เป็แบบนี้เอง”
กันต์พยักหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “พี่ชินทำทุกอย่าง…ก็เพื่อให้มึงคิดว่าเขาชอบมึง เขาให้ความหวังมึงมาตลอด”
“…”
“จนกระทั่งวันที่มึงสารภาพรักกับเขา…พี่ชินบอกว่า…”
“…”
“พี่ชินรู้สึกว่าชนะแล้ว…เขาเอาชนะเพื่อนได้แล้ว”
ใกล้เคยคิดว่าคำว่า ‘ชนะ’ ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่าง แต่เขาไม่คิดว่ามันจะต้องแลกมาด้วยความรู้สึกและน้ำตาของใครบางคน หากการเอาชนะต้องทำให้ใครสักคนเ็ปอย่างแสนสาหัส
ใกล้ยอมเป็…
คนขี้แพ้ตลอดไป
“แต่พี่ชินบอกว่าพอเห็นน้ำตาของมึงแล้ว…มันก็ทำให้เขาคิดได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ เขาน่าจะหยุดั้แ่ตอนรับน้อง”
“…”
“พี่ชินทำให้คนดีๆ แบบมึงต้องเสียใจ ทั้งที่มึงไม่เคยทำอะไรให้เลย”
“…”
“พี่ชินไม่ได้บอกเพื่อนว่ามึงสารภาพรักกับเขาแล้ว…เพราะคำว่า ‘ชนะ’ ไม่มีความหมายั้แ่วันที่เห็นมึงร้องไห้”
“มีหนึ่งอย่างที่เราอยากรู้…” ใกล้คิดว่าต่อให้คนคนหนึ่งจะทำผิดพลาดสักแค่ไหน จะเป็คนที่เลวร้ายจนไม่น่าให้อภัยสักเท่าไหร่ แต่ก็ควรมีความรู้สึกรักอย่างแท้จริงสักครั้ง เป็ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ได้หวังผลตอบแทน ขอเพียงแค่ได้รัก “เื่ที่พี่ชินแอบชอบรุ่นน้องผู้หญิงคนนั้น…เป็ความจริงใช่ไหม?”
“กูถามแล้ว…พี่ชินแอบรักรุ่นน้องผู้หญิงที่เรียนอยู่ศิลป์ญี่ปุ่นจริงๆ เพราะรุ่นน้องคนนั้นเคยทำแผลให้พี่ชินวันงานกีฬาสี…เคยคุยกันไม่กี่ครั้ง หลังจากนั้นก็แอบรักมาตลอด”
ใกล้พยักหน้ารับ “ยังดีที่พี่ชินรู้จักคำว่ารักจริงๆ”
“พี่ชินบอกว่าหลังจากที่มึงสารภาพรักกับเขาไปแล้ว พี่ชินก็รวบรวมความกล้าไปสารภาพรักกับรุ่นน้องคนนั้น…แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ต่างจากมึงเลย เขาโดนปฏิเสธกลับมา”
“…”
“พี่ชินเลยยิ่งรู้สึกผิด เพราะเขาเข้าใจแล้วว่ามึงเจ็บแค่ไหน”
“…”
“สาเหตุหลักๆ ที่ต้องหลบหน้าเราสองคนก็เพราะ…มันทำเหี้ยไว้ไง ถึงไม่กล้าสู้หน้า”
“เขาก็ได้รับบทเรียนของเขาแล้วแหละ”
“แล้วก็มีอีกเื่…เื่นี้ทำให้กูโมโหฉิบหาย”
ใกล้สูดลมหายใจเข้าลึกจนสุดปอดก่อนจะพยักหน้ารับ เพื่อบอกให้เพื่อนสนิทรู้ว่าเขาพร้อมรับฟังแล้ว “ว่ามาเลยกันต์…เอาให้จบวันนี้ไปเลย”
“คนที่เอาเื่ที่มึงสารภาพรักกับพี่ชินไปพูดในสาขามึงคือ…”
“…”
“ไอ้ทศ”
“ทศ?”
“ใช่…เพื่อนที่มึงเลิกคบไปนั่นแหละ”
“…เื่นี้มัน…” ใกล้ส่ายหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “มันคาดไม่ถึง…และซับซ้อนกว่าที่คิดไว้อีก”
“…”
“ลึกๆ ในใจเราเคยคิดว่าเป็พี่ชิน…แต่เพราะเราไม่อยากเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ เราเลยไม่สนใจ ไม่หาความจริง…แต่เราไม่เคยคิดว่าเป็ทศเลยที่เอาไปพูด”
“จริงๆ มึงก็คิดไม่ผิดนะ…พี่ชินบอกว่ามีวันหนึ่งที่ไปดื่มกับเพื่อนในสาขาตัวเอง แล้วบังเอิญว่าเพื่อนรู้จักกับไอ้ทศ มันก็เลยมาร่วมวงเหล้าด้วย”
“…”
“พี่ชินเมาก็เลยหลุดพูดเื่ที่มึงมาสารภาพรักกับเขาให้เพื่อนฟัง…พอไอ้ทศได้ยินก็เอาไปเล่าต่อให้คนในสาขาฟัง”
“…”
“พี่ชินบอกว่าพอสร่างเมาแล้วก็ไล่ถามเพื่อนว่าใครเอาเื่นี้ไปเล่าต่อบ้าง เขามาจับได้ว่าเป็ไอ้ทศก็เลยสั่งให้มันหยุด แต่ก็ช้าเกินไป เพราะเื่นี้กระจายไปทั่วแล้ว”
ใกล้พรูลมออกจากปากอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้า “พี่ชินคือคนที่ทำอะไรไปแล้วรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองไม่ได้เลย…ส่วนทศก็…” ใกล้ถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา “ทศคือคนที่ทำเหมือนคนอื่นไม่มีชีวิตจิตใจ…ไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะทำให้ใครทุกข์หรือเสียใจหรือเปล่า”
“ตอนนั้นมึงยังไม่รู้จักกับไอ้ทศเป็การส่วนตัวเลยใช่ไหม?”
“ใช่…ตอนนั้นแค่เคยเห็นหน้ากันในคลาสเรียนเฉยๆ พอจะรู้ว่าคนนี้เรียนอยู่สาขาเดียวกัน”
“แม่งเหี้ยตรงที่เอาเื่ของมึงไปพูด…แต่ยังเข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกับมึงได้หน้าตาเฉย หน้าหนาอย่างกับหนังตีนเลย”
ใกล้เชื่อแล้วว่า ‘ความจริง’ จะมาปรากฏตัวในวันที่เราเข้มแข็งมากพอ เพราะถ้าเขาได้รู้ความจริงในตอนนั้น ใกล้คิดว่าตัวเองรับไม่ไหวแน่ๆ
“ยังมีเื่อะไรที่ไม่ได้บอกเราอีกไหม?”
“หมดแล้ว…กูเล่าให้มึงฟังหมดแล้ว”
“จบกันสักที…ทุกอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ”
ใกล้ไม่ปฏิเสธสักนิดว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไร แม้ว่าเขาจะเข้มแข็งมากกว่าเดิม แต่ความจริงที่ได้รู้มามีอนุภาคร้ายแรงจนทำให้เกาะป้องกันที่อยู่ภายในใจของเขาสั่นคลอน
ใกล้คิดว่า…สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคงเป็จิตใจของคน
โลกไม่ได้มอบความเ็ปให้กับเรา
แต่เราต่างสรรค์สร้างความเ็ปให้กัน
การได้ฟังความจริงในเช้าวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับการที่ใกล้ถูกบังคับให้ดื่มกาแฟรสขมจัด ถึงแม้เขาจะไม่ชอบแต่ก็ต้องดื่มให้หมดเร็วที่สุด
เพราะใกล้ไม่อยากให้รสชาติขมนี้ซึมลึกเข้าไปในหัวใจ…
แต่เหมือนร่างกายของเขาจะปั่นป่วนไปหมด ใกล้รู้ว่าตัวเองไม่ได้กินข้าวเยอะจนเกินไป และไม่ได้มีใครทำร้ายเขา แต่ใกล้กลับรู้สึกเจ็บจุกไปหมด
ใกล้ก้มหน้าหลับตาลงเพื่อตั้งสติและคิดทบทวนถึงเื่ต่างๆ เขาคิดว่าตัวเองยังโชคดีที่ได้รู้ความจริงในวันที่หัวใจแข็งแรงมากพอ
ใกล้จึงไม่ล้มทรุดเหมือนในตอนนั้น…
ความรู้สึกผิดที่ถูกเก็บอยู่ภายในใจลึกๆ ตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ เขาคิดมาตลอดว่าที่ความสัมพันธ์ดีๆ ของเราต้องพังลง นั่นเป็เพราะเขาเพียงคนเดียว ใกล้ไม่คิดจะโกรธพี่ชินย้อนหลังหรอก เพราะเขาไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเ้าตัวอีก ให้เราได้อยู่คนละวงโคจรคงดีที่สุดแล้ว ถ้าใกล้ยังโกรธพี่ชินอยู่ เท่ากับเขาต้องคิดถึงพี่ชินซ้ำๆ อยู่แบบนั้น การปล่อยวางคือทางเดียวที่ทำให้ใกล้เดินหน้าต่อไปได้ เขาพรูลมออกจากปากในตอนที่กระบอกตาที่ร้อนผ่าวค่อยๆ จางหายไปพร้อมก้อนความรู้สึกขนาดใหญ่ที่คับแน่นอยู่ในใจ
และในตอนนี้…
วินาทีนี้…
ทุกความรู้สึกที่เคยติดค้างอยู่ในใจ…ได้ถูกความจริงลบเลือนไปหมดแล้ว
#ใกล้แค่พันลี้
“มึงเรียนตึกไหน?”
“เราเรียนตึกสิบเอ็ด”
“อ่าว กูเรียนคนละตึกกับมึงว่ะ” กันต์ที่ก้มหน้าดูตารางเรียนของตัวเองในโทรศัพท์ขมวดคิ้วยุ่ง “แล้วเมื่อคืนกูดูตารางสอนยังไงวะเนี่ย?”
“แล้วกันต์เรียนตึกไหน?”
“ตึกห้าอะ”
ใกล้หัวเราะ ก่อนจะหยุดเดิน “ตึกห้าเลยมาตั้งเยอะแล้ว…รีบวิ่งกลับไปเลย~ ไม่งั้นสายแน่ๆ”
“ใกล้…” กันต์สบตากับเขา เ้าตัวเอื้อมมือมาลูบศีรษะของเขาเบาๆ ก่อนเอ่ย “มึงไม่เป็อะไรจริงๆ นะ”
“จริงสิ…เรายอมรับว่าตอนแรกที่ได้ฟังก็รู้สึกแย่ ไม่คิดว่าพี่ชินจะทำกับเราแบบนั้น…” ใกล้ลอบถอนหายใจ ก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อนสนิท “เราจะไม่ปล่อยให้ตัวเองกลับไปรู้สึกแย่กับเื่ของพี่ชินแล้ว เพราะถ้าเราปล่อยให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้นอีก มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เรากลับไปจมปลักกับพี่ชิน”
“…”
“เราไม่รู้จะกลับไปจมปลักกับพี่ชินทำไม?”
“…”
“พี่ชินคงได้รับบทเรียนของเขาแล้วแหละ…ส่วนเราก็เดินหน้าใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป”
“มึงเป็คนที่มูฟออนเก่งมากๆ เลยนะ”
“ก็มูฟออนได้แค่บางเื่แหละนะ”
“ได้แค่กับบางคนด้วยใช่ไหมล่ะ?” กันต์พูดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม “…กับพระจันทร์ดวงกลมๆ ไม่เคยเห็นมึงเลิกมองได้สักที”
“กันต์!” ใกล้ดุกันต์ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘พระจันทร์ดวงกลมๆ’ ก่อนจะยกนิ้วชี้คาดโทษเ้าตัว
“เขินแล้วชอบดุ”
“เราไม่ได้เขินสักหน่อย”
“แต่หูมึงแดง”
ใกล้ถอนหายใจออกมาแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดที่ใบหูของตัวเอง ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา “พอเลย…เลิกล้อเราได้แล้ว เดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอก”
“ไปก็ได้…แต่วันนี้ขอให้เจอคุณพระจันทร์ดวงกลมๆ ของมึงนะ”
“กันต์นี่นะ”
ใกล้ส่ายหน้าน้อยๆ ขณะมองเพื่อนสนิทวิ่งยิ้มหัวเราะจากไป เขาเคยเล่าเื่ที่พันลี้ช่วยเขาจากการถูกเมฆคุกคามให้เ้าตัวฟัง ในตอนแรกกันต์ยังไม่รู้ว่าเขาแอบชอบพันลี้ จนกระทั่งกันต์มาเห็นเขาแอบยืนมองพันลี้อยู่ที่หน้าต่างบนตึกคณะเกือบทุกวัน เ้าตัวจึงจับได้ว่า…เขาหลงรักดวงจันทร์เข้าให้แล้ว
คนตัวเล็กเดินกอดกระดาษปึกหนึ่งที่มีเนื้อหาของเื่ที่จะต้องพรีเซนต์ในวันนี้ ใกล้เร่งฝีเท้าเมื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เขามัวแต่ยืนเถียงกับกันต์อยู่ตั้งนาน จนตอนนี้จะเข้าเรียนสายแล้ว
เมื่อเข้ามาภายในตึกเรียน ใกล้เห็นประตูลิฟต์ที่เปิดกว้างอยู่จึงรีบวิ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ตอนนี้ภายในตู้สี่เหลี่ยมมีเขาอยู่เพียงคนเดียว ใกล้กำลังจะกดปิดประตูลิฟต์ ทว่าเขาได้ยินเสียงร้องะโของใครบางคน ใกล้จึงรีบเคลื่อนมือไปกดปุ่มเปิดประตูทันที
“ขอไปด้วยครับ”
ใกล้พยักหน้ารับนักศึกษาชายคนหนึ่ง เ้าตัวหันมาส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะชะเง้อหน้ามองออกไปนอกลิฟต์แล้วะโเสียงดังอีกครั้ง
“เร็วๆ หน่อยดิวะ…เดี๋ยวไม่รอแม่งเลย”
เมื่อจบประโยคคำพูดของนักศึกษาชายคนนั้น ใกล้ก็เห็นนักศึกษาชายมาดเซอร์กลุ่มหนึ่งวิ่งกรูเข้ามาในลิฟต์ เขาที่ยืนงงอยู่ถูกเบียดจนถอยไปอยู่ชิดติดมุมด้านใน
แล้วเป็มุมด้านในด้วยนะ
หายใจแทบไม่ออกเลย
“ไอ้เอ้ ยืนเฉยๆ ทำไมอะ? ...กดปิดลิฟต์สิวะ”
“โทษๆ กูลืม”
ตอนนี้ตำแหน่งเดิมที่ใกล้เคยยืนอยู่ถูกคนชื่อเอ้แทนที่ไปเรียบร้อยแล้ว ใกล้หันไปมองคนที่ยืนเบียดเขาอยู่ทางด้านซ้าย เขาเม้มริมฝีปากด้วยความประหม่าเพราะถูกผู้ชายหน้าโหดคนหนึ่งจ้องมองอยู่ ก่อนจะตัดสินใจส่งยิ้มไปให้ พอเ้าตัวเห็นเขายิ้มก็ฉีกยิ้มกว้างทันที
“น่ารักอะ”
ใกล้ไม่เคยโดนชมในระยะประชิดขนาดนี้ เขาเลยไม่รู้จะตอบอะไร ทำได้เพียงแค่ก้มหน้ามองรองเท้าของตัวเองเท่านั้น ทว่าใกล้ยังรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างๆ ยังจ้องมองเขาอยู่
“ขอไปด้วยคนครับ!”
“ไอ้เอ้! เปิดลิฟต์”
เขาเงยหน้าแล้วพยายามมองหาประตูลิฟต์ ทว่าไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแผ่นหลังกว้างๆ ของคนตัวสูงหลายคนที่เบียดกันอยู่ในตู้สี่เหลี่ยม ใกล้ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาคิดว่าลิฟต์ตัวนี้ไม่สามารถรับใครเข้ามาได้อีกแล้ว
ตอนนี้เบียดกันจนเป็ปลากระป๋องแล้วนะ…
“ขอไปด้วยคน”
“เข้าไม่ได้แล้ว เต็มแล้ว”
“แล้วมึงเปิดประตูรอทำเหี้ยไรล่ะ?”
“พวกผมล้อเล่นครับคุณพันลี้”
คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงมุมลิฟต์เริ่มหัวใจเต้นแรงตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนที่เพิ่งเข้ามาในลิฟต์ เป็เสียงหัวเราะของผู้ชายคนหนึ่ง…ที่ใกล้คิดว่าน่าจะเป็คนขี้เล่นพอสมควร
“ไอ้เอ้! เพื่อนเข้ามาแล้ว กดปิดประตูได้แล้ว”
“ครับๆ”
“พวกกูล้อเล่นนิดเดียวเอง เกรี้ยวกราดอะไรเบอร์นี้?”
“กูก็ด่าแบบขำๆ ไง อย่าคิดมาก”
“นี่ขนาดด่าเล่นๆ นะ คำว่าเหี้ยยังมาเน้นๆ เลย”
“แล้วเด็กวิศวะมาเรียนอะไรที่ตึกนี้”
“มาเรียนภาษาอังกฤษกับทีชเชอร์แมรี่”
“ตั้งใจเรียนกันนะเด็กๆ”
“กูเกลียดคำพูดคำจาไอ้ลี้จริงๆ ชอบทำให้เด็กวิศวะอย่างกูหวั่นไหว”
แม้จะรู้ว่าชื่อ ‘พันลี้’ ไม่ได้โหลมากนัก ในมหา’ ลัยจะมีสักกี่คนที่ชื่อนี้ แต่ใกล้อยากจะเห็นกับตาตัวเองให้แน่ใจว่าคนสุดท้ายที่เพิ่งขึ้นลิฟต์มาด้วยกันคือ…
คุณ ‘ศศิน’ จริงๆ
คนตัวเล็กเขย่งจนสุดปลายเท้าแล้วยืดคอให้ยาวที่สุด แต่ก็ยังไม่เห็นคุณพระจันทร์สักที ใกล้จำเสียงของพันลี้ได้ แม้เคยได้ยินเพียงแค่ครั้งเดียว แต่เพราะเสียงของเ้าตัวมักจะดังขึ้นในโสตประสาทของเขาบ่อยๆ
ยิ่งในตอนที่รู้สึกไม่สบายใจ…
‘คนที่อยู่ข้างในนั้น…โอเคแล้วใช่ไหม?’
จะดังก้องอยู่ในใจซ้ำๆ จนรู้สึกดีขึ้น
ทว่าใกล้ไม่กล้าฟันธงหรอกว่าคนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกันคือพันลี้ จนกระทั่งคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าขยับตัว จึงทำให้เกิดช่องว่างเล็กน้อย ใกล้เลยเห็นเ้าของรอยยิ้มขี้เล่นอีกครั้งผ่านช่องเล็กๆ นั้น พันลี้หัวเราะแล้วมองคนที่เขาคาดว่าเป็เพื่อนต่างคณะของเ้าตัว
ตึก ตัก ตึก ตัก
เอาอีกแล้ว…
รอยยิ้มของพันลี้
ล้อเล่นกับหัวใจดวงน้อยๆ ของเขาอีกแล้ว
ใกล้เคยเห็นรอยยิ้มขี้เล่นของพันลี้มาหลายครั้งมากแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่ได้เห็นใกล้ๆ เท่าครั้งนี้เลย เพราะปกติเขาจะแอบมองจากที่ไกลๆ ตลอด
แต่ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล
รอยยิ้มของคุณพระจันทร์ก็ล้อเล่นกับหัวใจเขาทุกครั้งนั่นแหละ
“ไอ้ห่า! กูลืมล็อกรถ!” คนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาพูดโพล่งขึ้น ก่อนจะแสดงอาการลุกลี้ลุกลน แต่เพราะภายในลิฟต์เหลือพื้นที่ไม่มากนัก เ้าตัวเลยทำได้แค่ยกนิ้วชี้ไปที่ปุ่มเปิดประตู “ปะ เปิดประตูให้กูหน่อย”
“มึงจะให้เปิดเลยได้ยังไง ไอ้บอย…เดี๋ยวมึงค่อยออกชั้นสี่ล่ะกัน จะถึงแล้วเนี่ย”
“สะเพร่าจริงๆ”
“อย่าด่ากู แค่นี้ก็เครียดพอแล้วพวกไอ้ห่า!”
ใกล้เลื่อนสายตาขึ้นมองตัวเลขที่ปรากฏอยู่เหนือประตูลิฟต์ เลขสี่ที่เพิ่งมาแทนที่เลขสามทำให้เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ก่อนประตูจะเปิดออก
ติ้ง!
ผู้ชายตัวใหญ่ที่ลืมล็อกรถใช้มือแหวกเพื่อเปิดทางแล้ววิ่งออกไปอย่างร้อนรน เป็ในตอนนี้ที่ใกล้เห็นรอยยิ้มของคนขี้เล่นผ่านเสี้ยวหน้าด้านข้าง ภาพตรงหน้าคล้ายกับภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเลย เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีประตูบานใหญ่มาบดบังรอยยิ้มของพันลี้
ทว่าในวินาทีถัดมาทำให้ใกล้แทบหยุดหายใจตอนที่คนตัวสูงหันหน้าเข้าหาประตูลิฟต์แล้วถอยหลังเข้ามาใกล้เขา พันลี้ต้องขยับถอยหลังเข้ามาด้านในเพราะมีนักศึกษาคนอื่นที่รออยู่ที่ชั้นสี่เข้ามาในลิฟต์ด้วย คนตัวเล็กกลั้นหายใจอยู่อย่างนั้น เพราะคุณพระจันทร์ยังคงก้าวถอยหลังมาเรื่อยๆ
จนกระทั่ง…
หัวรองเท้าผ้าใบสีเหลืองคู่เก่งของเขา
อยู่ชิดติดกับ…
ส้นรองเท้าผ้าใบสีดำคู่เดิมของพันลี้
ริมฝีปากบางประกบเข้าหากันจนเป็เส้นตรง กระดาษปึกหนาถูกกอดรัดให้แนบชิดกับแผ่นอกมากกว่าเดิม ใกล้กลัวตัวเองจะเผลอไปโดนคุณพระจันทร์เข้า เพราะถ้าเ้าของแผ่นหลังกว้างหันมามองเขา
ถ้าเราได้สบตากันจริงๆ
บางทีอาจจะไม่ใช่ความร้อนจากพระอาทิตย์ที่หลอมละลายเขา
แต่คงเป็พระจันทร์ดวงนี้ที่ทำให้เขา
แย่แน่ๆ เลย...
“ทำไมวันนี้แต่งตัวหล่อจังวะลี้?”
“วันนี้มีเด็กจากหลายเซคมาพรีงานรวมกันที่เซคกู…ก็เลยต้องแต่งตัวดีๆ หน่อย”
“แต่ปกติไอ้ลี้ก็หล่อทุกวันอยู่แล้วปะวะ?”
คนตัวสูงที่ยืนหันหลังให้เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ย “เพื่อนโอ๊ตพูดดี เดี๋ยวมีรางวัล”
“แหม…ไอ้โอ๊ต พูดประจบไอ้ลี้เพราะอยากแดกเหล้าฟรีล่ะสิมึง”
ใกล้ไล่สายตามองคนตรงหน้า เขาอยากรู้ว่าวันนี้พันลี้แต่งตัวดูดีมากกว่าทุกวันจริงไหม ดวงตาเรียวรีมองเรือนผมสีบลอนด์ทองที่ดูเข้มกว่าเดิม เขาเพิ่งรู้ว่าพันลี้เจาะหูด้วย เ้าตัวใส่ห่วงสีเงินเล็กๆ ที่ใบหูข้างซ้าย
ไม่แปลกหรอกที่คนแอบมองอยู่ไกลๆ อย่างเขาจะเพิ่งเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเื่ที่เ้าตัวเจาะหู และไม่แปลกเลยที่กลิ่นน้ำหอมของอีกคนทำให้รู้ว่าการได้เข้าใกล้พระจันทร์ดวงเดิมที่เฝ้ามองมาตลอด
มันรู้สึกดีแค่ไหน…
คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาตอนเห็นบางอย่างที่ต่างไปจากทุกๆ วัน โดยปกติพันลี้มักจะใส่เสื้อนักศึกษาแขนสั้นตัวโคร่งกับกางเกงยีนสีดำ แต่วันนี้เ้าตัวใส่เสื้อนักศึกษาแขนยาวตัวใหญ่ๆ แล้วพับแขนเสื้อขึ้นเหนือข้อมือเล็กน้อยกับกางเกงยีนสีซีด ใกล้มองนาฬิกาสายหนังสีน้ำตาลไหม้ที่เคยเห็นเ้าตัวใส่บ่อยๆ
วันแรกที่ได้เจอกัน…พันลี้ก็ใส่นาฬิกาเรือนนี้
แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ใกล้ไม่เคยเห็นมาก่อนคือแหวนสีเงินแวววับที่เ้าตัวสวมไว้ที่นิ้วชี้ข้างขวา คนตัวเล็กลอบถอนหายใจพลางคิดว่าถ้าคุณพระจันทร์สวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย
ใกล้ใจคงต้องเตรียมใจไว้บ้างแล้ว…
เป็อีกครั้งที่ใกล้กลั้นหายใจหลังจากปล่อยให้ตัวเองหายใจคล่องๆ ได้ไม่นาน เพราะคนตัวสูงเริ่มขยับตัว พันลี้เอาโทรศัพท์มาสอดเก็บไว้ที่กระเป๋าหลังกางเกงก่อนจะใช้มือดึงชายเสื้อปิดบริเวณนั้นให้เรียบร้อย แต่ไม่ว่าพันลี้จะเคลื่อนขยับหรือทำอะไร…เ้าตัวไม่เคยหันมามองข้างหลังเลย
“กูไม่ได้ประจบไอ้ลี้เพื่อขอเหล้าฟรีเว้ย”
“แล้วมึงจะเอาอะไรไอ้โอ๊ต?” ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“กูขอเบอร์พราวได้ไหม? ดาวคณะปีเดียวกับมึงอะ มึงเคยบอกว่ารู้จักไม่ใช่เหรอ?”
“โอ้โห พราวน่ารักโคตรๆ คงมีแฟนแล้วมั้ง?”
“ยังไม่มี”
“งั้นกูขอเบอร์พราวได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“หวงเหรอพันลี้?”
“กูจะหวงทำไม เขาไม่ได้เป็อะไรกับกู…” ใกล้มองคนตัวสูงตอบเพื่อนที่ยืนอยู่อีกมุมของลิฟต์ “แต่กูไม่มีสิทธิ์เอาเบอร์ของเขาให้ใคร เดี๋ยวกูไปขออนุญาตพราวก่อน ถ้าเขาอนุญาต กูจะส่งเบอร์ให้”
“กราบน้ำใจมึงมากนะลี้ กูแอบชอบเขามาั้แ่ปีหนึ่งแล้ว”
“ขอให้สมหวังเร็วๆ”
“พ่อคนดี~”
“เออ ดีจนสาวๆ หลงทั่วบ้านทั่วเมือง”
“หลงอะไรอะ? ...มีแต่โดนบอกเลิก”
“ทำไมวะ?”
“ไม่รู้ดิ…เขาชอบคิดว่ากูคุยกับคนอื่น ทั้งที่กูนอนเล่นเกมอยู่บ้าน บางทีก็ไปดูบอลที่ห้องพวกมึงอะ”
“เขาเข้าใจผิดอะดิ ไม่ไปง้อหน่อยเหรอ?”
“ไม่อะ…ถ้ารักกันจริงๆ ก็ต้องเชื่อใจกัน แล้วคงไม่บอกเลิกกันง่ายๆ แบบนี้”
“นอยด์ปะเนี่ย”
“ไม่นอยด์…เื่ผ่านมาตั้งสองสามเดือนแล้ว”
“หาใหม่เพื่อน อย่าคิดมากน่า”
“ไม่หา…เบื่อความรัก” คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ก่อนเอ่ยต่อ “อยู่กับเพื่อนดีกว่า สนุกกว่าเยอะ”
“จริง อยู่กับพวกกูสนุกกว่าเยอะ”
“เออ ลี้…ไอ้เนอยากดวลเหล้ากับมึงอีก มันบอกว่าอยากแก้ตัว เพราะครั้งที่แล้วยังไม่พ้นขวดที่สามก็เมาอย่างหมาเลย”
“ก็มาดิคร้าบ~”
พันลี้นี่พันลี้จริงๆ เลยนะ
ใกล้ส่ายหน้าน้อยๆ ขณะอมยิ้มเพราะคำพูดทะเล้นๆ ของอีกคน ก่อนจะเงยหน้ามองตัวเลขที่ปรากฏอยู่เหนือประตูลิฟต์ ใกล้เอียงตัวไปทางซ้ายเล็กน้อยเพื่อเพ่งมองปุ่มบนแผงควบคุม เพราะพันลี้ยืนตัวตรง ไม่ได้เอนตัวอิงกับผนังฝั่งขวาจึงทำให้เขาเห็นปุ่มบนแผงควบคุมผ่านช่องว่างเล็กๆ ที่เ้าตัวเหลือไว้ให้โดยไม่ตั้งใจ ส่วนคนชื่อเอ้ที่ยืนบังอยู่บริเวณนั้นก็ขยับตัวพอดี
ใกล้ถึงได้รู้ว่า…ตัวเองลืมกดเลือกชั้น
เขามีเรียนที่ชั้นแปด
;_____________;
ทว่าตอนนี้ถึงชั้นเก้าแล้ว ไฟสีแดงที่ปรากฏอยู่บนปุ่มเลขสิบสี่บอกให้รู้ว่าลิฟต์ตัวนี้จะพาพวกเราไปหยุดที่ชั้นบนสุดของตึก ใกล้คิดว่าสาเหตุที่ทำให้ลิฟต์ตัวนี้พาทุกคนไปถึงจุดหมายช้ากว่าปกติเพราะมันหยุดเปิดประตูทุกชั้นเลย คนตัวเล็กส่ายหน้าเบาๆ พลางคิดว่าต้องรอให้ทุกคนออกจากลิฟต์ก่อน เขาถึงจะให้มันพากลับไปส่งที่ชั้นแปดได้
วันนี้เข้าเรียนสายแน่ๆ เลย
แต่ถ้าแลกกับการได้ฟังเสียงของพันลี้ต่ออีกสักสองสามนาที
ใกล้ใจจะยอมเข้าเรียนสายสักวัน…
“คืนนี้เลยไหมลี้?”
“ได้นะ คืนนี้ว่าง”
“ไปร้านพี่ฟ้าปะ?”
“ไปร้านพี่ฟ้าทำเหี้ยอะไร…ถ้าพี่ฟ้าเห็นกูแดกเหล้าเยอะๆ เดี๋ยวเขาอดไม่ได้ก็เดินมาด่ากูอีก”
“ฮ่าๆ เหนือพันลี้ก็มีหมื่นฟ้านี่ล่ะว้า”
“เหนือหมื่นฟ้าก็เงินเดือนที่ม้าฝากให้กูไง…โดนด่าไม่เท่าไหร่หรอก กูชินแล้ว…แต่โดนหักเงินเดือนเพราะไม่ยอมฟังพี่ฟ้านี่ดิ กูไม่โอเค”
เมื่อได้ยินประโยคคำพูดนั้น ใกล้ก็ละมือข้างหนึ่งออกจากกระดาษปึกหนาที่กอดไว้แล้วปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะ เขาคิดว่าเ้าตัวจะกลัวพี่ฟ้าจริงๆ แต่ความจริงพันลี้กลัวโดนหักค่าขนมมากกว่า
เคยกลัวอะไรบ้างไหมเนี่ย…คุณศศิน :)
“แล้วจะไปร้านไหน?”
“ร้านพี่บอส”
“ร้านที่มึงเคยไปร้องเพลงอะนะ?”
“อือ”
“โอเค อย่าเลทนะลี้”
“ครับผม”
“ไอ้ลี้…อย่าครับผม เดี๋ยวกูหวั่นไหว”
“ไม่หวั่นไหวก็แย่แล้ว”
ใกล้กลั้นยิ้มพลางคิดว่า…
ใช่…ไม่หวั่นไหวก็แย่แล้ว
เพราะขนาดหวั่นไหวอยู่แล้ว…ยังแย่เลย
“ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนผู้หญิงในสาขากูจะชอบมึงมาก…คนห่าอะไร พูดจาได้น่ารักน่าหลงฉิบหาย”
“พูดเกินไป…พูดกันเกินจริง” พันลี้พูดปนหัวเราะ
ในระหว่างที่ใกล้กำลังฟังบทสนทนาของพันลี้กับเพื่อนของเ้าตัวเพลินๆ คนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายก็เริ่มขยับมาเบียดเขามากขึ้น ใกล้จึงหันไปมองผู้ชายคนนั้นที่เคยฉีกยิ้มให้เขา
จนถึงตอนนี้…
ก็ยังฉีกยิ้มให้อยู่เลยเหรอเนี่ย
ใกล้จึงส่งยิ้มตอบกลับไป เ้าตัวอุตส่าห์ยิ้มให้ตั้งนาน เขาจะทำหน้าบึ้งตึงใส่ได้ยังไง ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายกมือขึ้นทาบที่บริเวณหน้าอกของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแ่เบาจนคล้ายเสียงกระซิบ
“ยิ้มหวานมากเลยอะ…เราใจละลายเลยเธอ”
คนตัวเล็กก้มหน้ามองรองเท้าของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะพรูลมออกจากปาก ผู้ชายคนนี้ทำให้ใกล้นึกถึงประโยคคำพูดหนึ่งของเพื่อนสนิท กันต์เคยบอกว่าเขามักจะ ‘โดนเต๊าะ’ โดยไม่รู้ตัว เพื่อนในสาขาของกันต์ชอบมาเต๊าะเขาเวลาไปหาเ้าตัวที่คณะ
ตอนแรกใกล้ไม่ค่อยเข้าใจคำว่า ‘โดนเต๊าะ’ ของกันต์นักหรอก ทว่าการโดนเต๊าะคงเป็แบบที่เจอในตอนนี้ ใกล้คิดว่าต่อให้ไม่ใช่คนที่เราแอบชอบ แต่ถ้าชมกันตรงๆ ด้วยถ้อยคำแบบนี้
เป็ใครก็อายทั้งนั้น…
“พวกมึงคุยกันเบาๆ หน่อยดิ!”
ใกล้สะดุ้งตัวเล็กน้อยตอนที่คนข้างกายะโเสียงดังออกมา เขาหันไปมองคนที่เคยฉีกยิ้มกว้าง ตอนนี้บนใบหน้าโหดๆ ไม่มีรอยยิ้มกว้างๆ นั้นแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าจริงจังแทน
“ในลิฟต์ไม่ได้มีแค่พวกเรานะเว้ย…เกรงใจคนน่ารักบ้าง”
โธ่…อยู่มาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก
“ไหนคนน่ารักของมึง กูก็เห็นมีแต่พวกเรา...คนที่แวะรับตรงชั้นสี่ก็ลงไปตั้งนานแล้วปะ?”
“คนนี้ไง…ข้างๆ กูเนี่ย”
“…”
“แต่เขาตัวเล็ก…พวกมึงที่ยืนอยู่ตรงประตูมองไม่เห็นหรอก”
เขาอยากจะยกกระดาษขึ้นมาปิดหน้าตัวเองตอนที่ทุกคนในลิฟต์พยายามมองหาเขา มีหลายคนที่มองเห็นเขาแล้วส่งยิ้มมาให้ บางคนก็ยกยิ้มมุมปาก ใกล้เลยทำได้แค่ส่งยิ้มตอบกลับไปให้ทุกคน
“อ๋อ คนนี้เข้ามาในลิฟต์คนแรกเลย คนที่เปิดลิฟต์รอพวกเราไง”
ใช่…แล้วพวกนายก็ดันเราเข้ามายืนมุมนี้ไง
รู้ไหมว่าหายใจแทบไม่ออกเลยนะ…
“ไหนคนน่ารักครับ?”
เป็ในตอนนี้ที่ใกล้ถูกเสียงของคุณพระจันทร์สะกดเอาไว้ เขามองร่างสูงที่พยายามจะเอี้ยวตัวหันมามองด้านหลัง แต่คงเพราะคุณศศินยืนอยู่ติดกับเขามากจนเกินไป บวกกับมีคนจำนวนมากในพื้นที่อันน้อยนิด การหมุนตัวหันมามองเขาจึงเป็เื่ยาก
แต่เมื่อใบหน้าของคนขี้เล่นกำลังจะหันมามองเขา ใกล้เผลอยกกระดาษปึกหนาขึ้นมาปิด่ปากและจมูกของตัวเองไว้ หัวใจดวงน้อยๆ ของใกล้ใจเต้นแรงจนจับจังหวะแทบไม่ได้ เขาจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพันลี้อยู่อย่างนั้น
จนกระทั่ง…
ติ้ง!
“ถึงแล้วเว้ย…ออกจากลิฟต์กันเร็วๆ กูอึดอัดฉิบหาย”
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น หลายคนที่ยืนอยู่ด้านในร้องโวยวายเพื่อให้คนที่ยืนอยู่บริเวณประตูรีบออกจากลิฟต์ พันลี้ที่กำลังจะหันมามองเขา โดนเพื่อนของเ้าตัวใช้แขนวาดกอดคอแล้วลากออกไปจากลิฟต์ ส่วนคนที่เรียกเขาว่าคนน่ารักรีบฉีกยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะโบกมือลาแล้ววิ่งตามเพื่อนออกไป
“คืนนี้ที่ร้านพี่บอส ห้ามเบี้ยวนัดพวกกูนะเว้ยลี้”
“เออ”
ใกล้มองคนตัวสูงที่โดนเพื่อนกอดคอขณะล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าหลังกางเกง เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วคุณพระจันทร์ยังอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่เอื้อมมือ แต่ในวินาทีถัดมากลับห่างไกลกันอีกแล้ว
และเมื่อใกล้เห็นพระจันทร์ดวงเดิมเริ่มห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
“ขอให้ความบังเอิญทำให้เราได้อยู่ใกล้กันอีกนะ…คุณศศิน”
ใกล้จึงฝากข้อความถึงคุณพระจันทร์
คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มหวานออกมาตอนที่ประตูลิฟต์ถูกปิดสนิท ใกล้คิดว่าพันลี้มักจะมาปรากฏตัวตอนที่เขาเจอเื่แย่ๆ อย่างเช่นวันนี้ที่เขาได้รับรู้ความจริงที่ทำร้ายความรู้สึก
แม้ว่าความจริงเื่นี้จะทำร้ายความรู้สึกแค่ใน่เวลาหนึ่ง
และแม้ว่าใกล้จะผ่านพ้นความรู้สึกแย่ๆ นั้นมาได้
แต่การที่มีพระจันทร์ดวงเดิมมาปลอบประโลม
หัวใจที่เคยอ่อนแอ…ก็กลับมาแข็งแรงมากกว่าเดิม
วันนี้ใกล้รู้แล้วว่า…พี่ชินไม่ได้ตัดเขาออกจากวงโคจรของเ้าตัว แต่เป็โลกใบกลมๆ ที่ยังเมตตาเขาอยู่บ้าง ถึงได้ดึงเขาออกมาอยู่ในวงโคจรของตัวเอง
แล้วเหวี่ยงพันลี้เข้ามาในวงโคจรของเขา
:)
#ใกล้แค่พันลี้
“กลุ่มเราขอจบการพรีเซนต์เพียงเท่านี้ครับ…ขอบคุณครับ”
ใกล้ใจที่เป็หัวหน้ากลุ่มและคนนำพรีเซนต์ยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสองคนที่ส่งยิ้มให้อยู่ เขาก้าวถอยหลังไปยืนข้างๆ เมย์ เพื่อรอตอบคำถามของอาจารย์หลังจากจบการพรีเซนต์
“นักศึกษาคิดว่าอะไรที่ทำให้บริษัทนี้ได้เปรียบคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน?”
ใกล้หันมองเมย์และพาย ที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ ใกล้พยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะหันกลับไปสบตากับอาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้า “นอกจากการขนส่งที่มีครบทุกวงจร ทั้งการขนส่งทางอากาศและภาคพื้น สิ่งที่เป็จุดแข็งและช่วยสร้างข้อได้เปรียบของบริษัทนี้คือกระบวนการทำงานที่เป็ระบบ มีการจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดครับ ทั้งนี้ทางบริษัทยังคงรักษามาตรฐานในส่วนนี้ได้อย่างดีเยี่ยม จึงได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้บริการมานานหลายสิบปี…และอีกอย่างคือเทคโนโลยีการขนส่งที่ล้ำสมัยครับ”
อาจารย์พยักหน้าแล้วเขียนบางอย่างลงในกระดาษแผ่นสีขาว การตอบสนองด้วยความเงียบทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายพอใจในคำตอบของเขา ในจังหวะที่อาจารย์ก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่นั้น หนุ่มลูกครึ่งที่ให้ฉายานามตัวเองว่า ‘บริตนีย์ สเปียส์ แห่งประเทศไทย’ เอื้อมมือมาสะกิดเขาจากทางด้านหลัง เมย์ที่ยืนอยู่ตรงกลางหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะเห็นพายยกนิ้วโป้งแล้วขยิบตาให้เขา
ท่านี้เป็ท่าประจำของเขาล่ะ…
พายเคยบอกว่าท่านี้มีความหมายว่า…เพื่อนของพายเก่งที่สุดเลยค่า~
ใกล้เม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้มเมื่อเสียงของพายตอนที่พูดประโยค ‘เพื่อนของพายเก่งที่สุดเลยค่า’ ดังขึ้นในหัว เขาคิดว่าพายน่ารักสุดๆ เวลาพูดให้กำลังใจเพื่อน และเสียงสดใสของเ้าตัวสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้เป็อย่างดี
50% ของรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขาที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน
มาจาก… ‘บริตนีย์ สเปียส์ แห่งประเทศไทย’ คนนี้
แม้พายจะเพิ่งเข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกับเขาและเมย์ หลังจากที่เราสองคนแยกตัวออกมาจากนิว อร และทศ ทว่าเราสามารถปรับตัวเข้าหากันได้อย่างรวดเร็ว ใกล้คิดว่าคงเพราะพายแสดงความจริงใจให้เห็นผ่านการกระทำหลายๆ อย่าง แต่หนึ่งสิ่งที่เขาชอบในตัวพายมากที่สุดคือ…
พายไม่เคยพูดให้ร้ายใครเลย
เ้าตัวมักจะพูดถึงเื่ของตัวเองเท่านั้น ในหนึ่งวันพายจะเล่าเื่ตลกๆ ให้เขาฟังมากกว่าสิบเื่ และเล่าถึงกิจกรรมยามว่างที่เพื่อนชอบทำ อย่างล่าสุดพายเล่าให้ฟังว่าเ้าตัวไปเป็คนนำเต้นแอโรบิกให้กับอากงอาม่าที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันใน่เย็น เพราะครูสอนเต้นแอโรบิกไม่มาสอนแล้ว เ้าตัวไม่อยากให้บรรยากาศสนุกๆ ยามเย็นที่หมู่บ้านหายไป พายจึงตัดสินใจศึกษาท่าเต้นแอโรบิกแบบพื้นฐานเพื่อมาสอนทุกคนแทน
ใกล้คิดว่าคนที่มีทัศนคติและนิสัยแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ในตอนที่ยังไม่รู้จักกัน ใกล้เคยได้ยินคนอื่นบอกว่าพายเป็คนแรงๆ เพื่อนในสาขาเลยไม่ค่อยคุยกับเ้าตัว ใกล้มักจะเห็นพายนั่งเรียนคนเดียวบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นพายนั่งเรียนคนเดียว ั์ตาสีฟ้าน้ำทะเลยังคงเป็ประกายเสมอ ไม่เคยหม่นหมองเลย ใกล้จะแอบยิ้มทุกครั้งที่เห็นพายยกมือขึ้นด้วยความมั่นใจเมื่ออาจารย์อนุญาตให้ถามคำถามในคลาสเรียน คงเป็เพราะพายยังยืนหยัดที่จะรักษาตัวตนของตัวเองไว้ ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เ้าตัวต้องอยู่คนเดียวตลอดไป เป็เพราะเหตุผลนี้แหละ…ที่ทำให้ใกล้ตัดสินใจส่งยิ้มให้พายในวันนั้น
ใกล้คิดว่าหลายๆ คนกำลังเข้าใจพายผิด
พายไม่ใช่คนแรงๆ อย่างที่ถูกตัดสิน
แต่พายคือคนที่มั่นใจในตัวเอง…และทุกอย่างที่พายทำด้วยความมั่นใจ
เป็สิ่งที่ดีเสมอ…
“นักศึกษาคนอื่นมีคำถามไหมคะ?” อาจารย์วางปากกาลงบนกระดาษแผ่นนั้นแล้วหันไปถามเพื่อนร่วมคลาสที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ใกล้แทบไม่ต้องเดาว่าจะมีนักศึกษาชายจากกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่หลังห้องยกมือขึ้นเพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อมูลที่กลุ่มเขานำเสนอ และเป็อย่างที่ใกล้คิดไว้ไม่มีผิด ทศยกมือขึ้นก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
“ผมมีครับอาจารย์”
“ไอ้ทศอีกแล้ว…มันจะอะไรกับพวกเรานักหนา” เมย์พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
พายลอบถอนหายใจก่อนจะเอ่ยเสียงแ่เบาๆ “ทศเป็อะไรกับกลุ่มเรา…มีคำถามทุกคลาส ทั้งที่เราก็ทำกันอย่างเต็มที่ ข้อมูลแน่นตลอด…ยังจะมีอะไรให้สงสัยอีก”
“ถามมาค่ะ…กลุ่มของใกล้ใจเหลือเวลาอีก 10 นาที”
“ครับ’ จารย์…” ทศจ้องมองเขาที่ยืนอยู่บนเวที ก่อนเอ่ย “ผมทราบว่าสำนักงานใหญ่ของบริษัทนี้อยู่ที่เยอรมัน และเมื่อกี้ผมได้ยินว่าในสามปีที่ผ่านมาทางบริษัทมีการเปิดสำนักงานใหม่ในต่างประเทศด้วย…แต่ไม่เห็นผู้นำเสนอได้บอกเลยครับว่าที่ไหนบ้าง?”
ใกล้สบตากับคนที่นั่งยักคิ้วอยู่หลังห้อง ทศดูมีความสุขในการตั้งคำถามที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญของเื่ที่กลุ่มเขานำเสนอ ใกล้รู้ดีว่าเ้าตัวอยากทำให้กลุ่มเขามีข้อบกพร่องในสายตาอาจารย์
ทศทำงานร่วมกับเขามาหลายครั้ง เ้าตัวน่าจะรู้ดีว่าเื่การศึกษาหาข้อมูลในการทำงาน เขาไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง
คนตัวเล็กส่ายหน้าเบาๆ เพื่อนสนิททั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เอื้อมมือมาลูบที่แขนเขา ใกล้จึงรีบหันไปมองเพื่อนก่อนจะส่งยิ้มให้ เมย์กับพายกำลังเข้าใจผิด ทั้งสองคนคงคิดว่าเขาตอบคำถามของทศไม่ได้ถึงได้ส่ายหน้าแบบนี้ ทว่าที่ใกล้ส่ายหน้าเพราะคิดว่า…ทศไม่มีทางทำร้ายเขาได้อีกแล้ว
“ทางบริษัทได้เปิดสำนักงานใหม่ที่เอาไว้เป็ตัวแทนประสานงานกับสำนักงานใหญ่อยู่ 3 แห่งครับ…มีที่ออสเตรเลีย มาเลเซีย และเวียดนาม” ใกล้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “…และผมขอเสริมเป็ความรู้เพิ่มเติมให้คุณทศวรรษด้วยนะครับ ในปีหน้าทางบริษัทจะเปิดสำนักงานใหม่เพิ่มที่ออสเตรียอีกที่ครับ”
“...”
อาจารย์พยักหน้าหลังจากฟังคำตอบของเขาเสร็จ “โอเค…มีใครมีคำถามอีกไหมคะ?”
“…”
“เงียบแบบนี้…คงไม่มีแล้วสินะ”
“...”
“แต่เพราะกลุ่มที่ผ่านๆ มาได้คะแนนพรีเซนต์ค่อนข้างน้อย และอาจารย์ไม่รู้ว่าหลังจากกลุ่มนี้ไป กลุ่มอื่นๆ จะได้คะแนนน้อยอีกไหม?” อาจารย์ที่ให้คะแนนยากที่สุดในสาขามองหน้าเขา ก่อนเอ่ย “งั้นเรามาเริ่มตอบคำถามเพื่อเพิ่มคะแนนกันั้แ่กลุ่มนี้เลย”
เมื่อประโยคคำพูดของอาจารย์สิ้นสุดลง ใกล้ได้ยินทั้งเสียงร้องเฮด้วยความดีใจและเสียงร้องโอดครวญอย่างไม่เห็นด้วยของเพื่อนร่วมคลาส
อาจารย์มักจะให้กลุ่มที่เพิ่งพรีเซนต์เสร็จตั้งคำถามเพื่อให้กลุ่มที่พรีเซนต์ไปแล้วตอบคำถาม หากตอบถูกก็จะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่ม ซึ่งมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบวิธีเพิ่มคะแนนแบบนี้
“กลุ่มนี้ใครจะเป็คนตั้งคำถาม…ภาสินีตั้งคำถามไหม?” อาจารย์เอ่ยถามแล้วจ้องมองเมย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา
คนโดนถามหันมามองเขา ก่อนเอ่ย “ใกล้ให้เราตั้งคำถามไหม?”
“ได้นะเมย์ ไม่ต้องกดดันตัวเองนะ ตั้งคำถามง่ายๆ ก็ได้ เอาเกี่ยวกับข้อมูลที่เราเพิ่งพรีเซนต์ไป”
“โอเค…” เมย์พยักหน้ารับ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเป็ปมคล้ายกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนเ้าตัวจะหันมามองเขาอีกครั้ง “เรากลัวว่าคำถามมันจะยากไปสำหรับเพื่อนๆ อะ”
“เวลาเหลือแค่ห้านาทีแล้วนะภาสินี…”
“คะ ค่ะ อาจารย์”
“หรือจะเปลี่ยนให้ใกล้ใจตั้งคำถาม?”
“ก็ได้ค่ะอาจารย์” เมย์ตอบก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ใบหูเขาเพื่อกระซิบบอกบางอย่าง “ใกล้ เราขอโทษนะ…แต่เราไม่มั่นใจจริงๆ”
ใกล้พยักหน้ารับ ก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อน “ไม่เป็ไรเมย์ ไม่ต้องคิดมากนะ”
“งั้นใกล้ใจเลือกกลุ่มที่อยากให้ตอบคำถามเลย เพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว…ไม่ต้องแย่งกันตอบเหมือนคาบที่แล้ว”
“…”
“ถ้ากลุ่มไหนตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาคะแนนช่วยพิเศษ เพราะอาจารย์ช่วยสุดๆ แล้ว…” อาจารย์พูดแล้วหันไปมองเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่หลังห้อง “ใครที่แอบเล่นโทรศัพท์อย่าคิดว่าอาจารย์ไม่เห็นนะ…นี่จะเป็บทลงโทษของพวกที่ไม่เคารพกฎระเบียบในคาบของอาจารย์ อาจารย์เชื่อว่าถ้าทุกคนตั้งใจฟังการพรีเซนต์ของเพื่อนกลุ่มนี้ จะต้องตอบคำถามได้แน่ๆ เพราะคำถามที่เพื่อนตั้งขึ้นมาก็เอามาจากเนื้อหาที่ได้พรีเซนต์ไปเมื่อกี้”
“ครับ/ค่ะ”
หลังจากอาจารย์ได้รับการตอบรับจากทุกคนในห้องเรียนก็หันมาเอ่ยกับเขา “ใกล้ใจตั้งคำถามและเลือกกลุ่มที่อยากให้ตอบคำถามเลย”
“ครับอาจารย์...” ใกล้พยักหน้ารับอาจารย์ ก่อนเอ่ยต่อ “จากที่กลุ่มของผมได้พรีเซนต์ไป จะทราบว่าบริษัทนี้เป็บริษัทขนส่งสินค้าแบบครบวงจร มีการขนส่งทั้งทางอากาศและภาคพื้น ดังนั้นรายได้หลักและกำไรจะมาจากการขนส่งสินค้า”
“…”
“คำถามคือ…นอกจากการขนส่งทางอากาศและภาคพื้นแล้ว มีอะไรที่สามารถสร้างรายได้เสริมและเพิ่มผลกำไรให้ทางบริษัทได้อีกครับ?”
“โอเค...คำถามไม่ยากเกินไป ตอนพรีเซนต์ก็พูดถึงเื่นี้…เลือกตัวแทนของกลุ่มที่พรีเซนต์ไปแล้วได้เลย”
“ครับ…” เหตุผลที่ใกล้ตั้งคำถามนี้เพราะเขาเลือกคนที่อยากให้ตอบคำถามไว้ในใจแล้ว ในตอนที่กำลังพรีเซนต์อยู่ ใกล้เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าเล่นโทรศัพท์โดยไม่สนใจฟังเลยสักนิด “ผมขอเลือกคุณทศวรรษกลุ่มบีครับ”
ทศเลิกตาโตเล็กน้อย เ้าตัวจ้องมองเขาไม่วางตา ใกล้จึงส่งยิ้มบางเบาให้อีกฝ่าย เขาไม่ได้อยากเอาชนะหรือคิดจะแก้เผ็ดเ้าตัว แต่ใกล้กำลังช่วยทศอยู่…
ช่วยทำให้รู้ว่า…
ต่อจากนี้ไป
เราควรจะต่างคนต่างเดิน
เพราะเขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านอีกต่อไป
ใกล้จะปกป้องตัวเองให้ถึงที่สุด
“ตอบได้ไหมทศวรรษ…?” อาจารย์หันไปถามทศ ก่อนเอ่ย “เพื่อนในกลุ่มช่วยกันตอบคำถามด้วย อย่าปล่อยให้เพื่อนต้องคิดคนเดียวสิ”
“เอ่อ…”
ใกล้สบตากับคนที่กำลังตอบกระอึกกระอัก คงเพราะห้องเรียนไม่ได้กว้างจนเกินไป ถึงแม้ว่าทศจะนั่งหลังห้อง แต่ใกล้เห็นแววตาไม่มั่นใจของเ้าตัว ทศเริ่มหันไปมองนิวและอรที่อยู่ข้างๆ ทว่าเพื่อนทั้งสองคนของเ้าตัวก็แสดงอาการเลิ่กลั่กไม่ต่างกัน
“ถึงอาจารย์จะให้แค่หนึ่งคะแนนในการตอบคำถามครั้งนี้ แต่มันก็มีผลให้เกรดพวกคุณเปลี่ยนได้เลยนะ…พยายามคิดหาคำตอบกันหน่อย อย่าเอาแต่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้นสิ” อาจารย์ส่ายหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “ถ้าเพื่อนไม่พูดถึงเื่นี้แล้วเอามาถาม อาจารย์จะไม่ว่าเลย แต่นี่เพื่อนก็เพิ่งพูดไปก่อนจะพรีเซนต์จบ…พวกคุณที่นั่งหลังห้องมัวแต่เล่นโทรศัพท์ใช่ไหมคะ?”
“...”
“อาจารย์เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าคาบของอาจารย์ ขอเวลาให้อาจารย์สองชั่วโมง…แล้วหลังจากนั้นพวกคุณจะไปเล่นโทรศัพท์กันกี่ชั่วโมง อาจารย์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอยู่แล้ว”
เพื่อนในคลาสเรียนเริ่มก้มหน้าหลบสายตาอาจารย์ เพราะเมื่อเครื่องเริ่มสตาร์ทติดแล้ว อาจารย์สุดโหดประจำสาขาจะบ่นน้ำไหลไฟดับเลย
“อาจารย์พูดไปกี่ครั้งแล้วว่าวิชานี้เข้าใจไม่ยาก แต่รายละเอียดมันค่อนข้างเยอะ…ถ้าพวกคุณไม่ตั้งใจเรียน ไม่ตั้งใจฟัง คุณก็จะตอบคำถามและทำข้อสอบไม่ได้แบบนี้ เนื้อหาที่สอนส่วนใหญ่ต้องอาศัยการจำทั้งนั้น อาจารย์ไม่ได้มีโจทย์มาแล้วให้พวกคุณหาคำตอบเป็ตัวเลขนะคะ แบบนั้นพวกคุณยังพอหาคำตอบกันได้ใช่ไหมล่ะ แต่นี่มันเป็เนื้อหาล้วนๆ เลย…แล้วถ้ายังเขียนคำตอบแบบแถๆ มาในข้อสอบเหมือนตอนสอบย่อยเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอีก อาจารย์ก็ไม่ให้คะแนนค่ะ”
“...”
“อย่าคิดว่ากลุ่มคุณพรีเซนต์เสร็จแล้วจะทำอะไรก็ได้ เพราะเื่ที่เพื่อนพรีเซนต์ก็สำคัญเหมือนกัน มันเป็ความรู้ทั้งนั้น…แต่ถ้าหากพวกคุณคิดว่าไม่จำเป็ต้องฟังเพราะรู้หมดแล้ว...อย่างน้อยๆ พวกคุณก็ควรจะให้เกียรติอาจารย์และเพื่อนที่กำลังพรีเซนต์บ้าง...อาจารย์ขอพูดเป็ครั้งสุดท้ายนะคะ อย่าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นในคาบของอาจารย์อีก”
“ครับ/ค่ะ”
“สรุปตอบได้ไหมคะ ทศวรรษ?” อาจารย์ย้ำถามอีกครั้ง
“เอ่อ…รายได้เสริมที่บริษัทได้มาจาก เอ่อ…การขยายธุรกิจไปในแทบเอเชียครับ”
อาจารย์หันหน้ากลับมาแล้วถอนหายใจ ก่อนจะก้มหน้าเขียนบางอย่างในกระดาษแผ่นสีขาว แล้วเงยหน้าสบตากับเขา “เพื่อนตอบคำถามถูกไหมคะ?”
“ไม่ถูกครับอาจารย์”
“อะ…อาจารย์ต่อเวลาให้อีกนิด มีกลุ่มไหนตอบได้ไหมคะ?”
“หนูค่ะอาจารย์”
“ตอบได้เลยค่ะ”
“การให้บริษัทอื่นเช่าคลังเก็บสินค้าเพื่อเป็ศูนย์จำหน่ายสินค้าค่ะ”
“ถูกไหมคะ?” อาจารย์หันมาถามเขาอีกครั้ง
ใกล้พยักหน้ารับแล้วเอ่ย “ถูกครับอาจารย์”
“กลุ่มซีได้เพิ่มหนึ่งคะแนนนะคะ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
เพื่อนผู้หญิงคนนั้นกล่าวขอบคุณอาจารย์แล้วส่งยิ้มอย่างเป็มิตรให้เขา ใกล้ส่งยิ้มกลับไปให้เธอก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่สะกิดแขนเขา ตอนนี้พายย้ายมายืนแทนที่เมย์แล้ว
พายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกระซิบเสียงแ่ “สุดยอดไปเลยใกล้...ทำให้ทศรู้ซะบ้างว่าใครเป็ใคร”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพาย เราแค่อยากให้ทศรู้ว่า...ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะมีอคติกับใครสักคนไปนานๆ ทศควรจะลดละเลิกและปล่อยวางได้แล้ว ถ้าไม่ชอบหน้ากันก็แค่ไม่ต้องยุ่งเท่านั้นเอง”
“คะแนนพรีเซนต์ครั้งนี้ เดี๋ยวอาจารย์จะกรอกใส่ระบบให้ไปดูกันเองนะคะ”
“ครับ/ค่ะ”
ใกล้กับเพื่อนทั้งสองคนลงมาจากเวทีแล้วเดินกลับไปนั่งในตำแหน่งเดิมของตัวเอง เขาฟังเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นไปพรีเซนต์อย่างตั้งใจพลางคิดว่า…
วันนี้เก่งมากๆ เลยใกล้ใจ
และหลังจากให้กำลังใจตัวเองแล้ว
เขาไม่ลืมที่จะ…
“ใกล้กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมนั่งอมยิ้มตลอดเลย”
ขอบคุณใครบางคนที่เป็กำลังใจให้เขา
“เรากำลังคิดว่า…คืนนี้จะออกไปดูพระจันทร์ตรงระเบียงห้องอีก”
ขอบคุณพระจันทร์ดวงเดิมที่ทำให้ตกหลุมรักซ้ำๆ ในทุกค่ำคืน
#ใกล้แค่พันลี้
หลังจากทุกกลุ่มพรีเซนต์เสร็จและอาจารย์บอกเลิกคลาส เมย์กับพายที่สงสัยมานานก็ทนไม่ไหวจึงถามเขาเกี่ยวกับเื่ทศ ทั้งสองคนไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายมักจะแสดงอาการไม่ชอบหน้าเขาเป็พิเศษ และแสดงพฤติกรรมไม่ดีเวลาเจอกันโดยบังเอิญ อย่างเช่น การมองเขาด้วยหางตา
ใกล้ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
เขาไม่เคยทำอะไรให้เ้าตัวเลย
แม้ว่าเมย์กับพายจะเคยได้ยินเื่ที่เขาสารภาพกับพี่ชินแล้วโดนปฏิเสธจากเพื่อนในสาขาตอนอยู่ปีหนึ่งมาบ้างแล้ว แต่เพื่อนไม่รู้เื่ราวโดยละเอียดสักเท่าไหร่ และทั้งสองคนก็ไม่เคยถามเื่ส่วนตัวของเขาเลย ครั้งนี้ใกล้จึงตัดสินใจเล่าเื่อย่างละเอียดให้ทั้งสองคนฟัง
ไม่ว่าจะเป็ความสัมพันธ์ในรูปแบบไหน
หากเราตัดสินใจจะเดินไปด้วยกันแล้ว
การปูเส้นทางในอนาคตด้วยการเล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา
จะทำให้เราเข้าใจและพร้อมประคับประคองความสัมพันธ์ไปด้วยกัน
“โอ้โห ทำไมไอ้ทศเป็คนแบบนี้อะ?”
“ถ้าถามว่าทำไมทศเป็คนเป็แบบนี้ ก็ต้องถามด้วยว่าทำไมพี่ชินทำแบบนั้น?” พายพูดพร้อมส่ายหน้า
“เราเคยเห็นพี่ชินที่ซุ้มรับน้อง…ไม่คิดเลยว่าจะกล้าทำอะไรแบบนี้ได้”
“ความจริงพี่ชินก็ไม่ได้เป็คนไม่ดีไปซะทุกอย่างหรอก...ลึกๆ แล้วเราเชื่อว่าเ้าตัวคงมีความดีอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้แค่ตัดสินใจพลาดไป”
“ตอนที่เรียนปีหนึ่งแล้วยังไม่สนิทกับใกล้ เราเคยได้ยินเพื่อนในสาขาพูดถึงเื่นี้บ้าง ตอนแรกเราคิดว่าใกล้เล่าให้เพื่อนสองคนนั้นที่เคยอยู่กับใกล้ฟังแล้วเพื่อนเอามาเล่าต่อให้คนอื่นฟังอีกที...แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็แบบนี้”
“เราขอสารภาพผิดหน่อย…” เมย์หยุดเว้น่ก่อนเอ่ยต่อ “ตอนแรกที่ยังไม่สนิทกับใกล้ เราก็คิดแบบพายเลย แต่พอมาสนิทกันถึงได้รู้ว่าใกล้มีเพื่อนที่สนิทมากๆ อย่างกันต์ แล้วใกล้เคยบอกว่ากันต์รู้แทบจะทุกเื่ของใกล้…เราเลยแอบคิดว่าเป็กันต์ที่เอาไปพูด ไม่รู้ว่ากันต์จะเอาเื่นี้มาปล่อยให้คนในสาขารู้ได้ด้วยวิธีไหนหรอก แต่เราคิดว่ามีสิทธิ์เป็กันต์”
“...”
เมย์พนมมือแล้วยกขึ้นท่วมหัวก่อนเอ่ย “กันต์...เราผิดไปแล้ว ขอโทษนะ ความจริงก็แค่สงสัยแหละ ไม่ได้อยากใส่ร้ายกันต์นะ...ให้อภัยกันด้วยเด้อ~”
“เมย์...แกไม่ได้ขอโทษกันต์ แกกำลังขอโทษลมขอโทษฟ้าอยู่” พายพูดปนหัวเราะ
ใกล้หัวเราะ ก่อนเอ่ย “กันต์ไม่โกรธเมย์หรอก เ้าตัวคงเข้าใจแหละ”
“จากที่เคยคุยกับกันต์มาหลายครั้ง...เราว่ากันต์เป็คนไม่คิดมาก”
“ใช่...แต่แค่กับบางเื่นะ”
“โธ่ ใกล้...อย่าพูดให้เราเป็กังวลสิ”
“เราล้อเล่น กันต์ไม่คิดมากหรอก”
คนตัวเล็กพูดปนหัวเราะ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมกลับบ้าน ดวงตาเรียวรีกวาดมองไปทั่วห้องเรียนที่ไม่เหลือใครนอกจากเราสามคน ก่อนจะหลุบตามองที่นาฬิกาข้อมือ
17 : 30 น.
เวลานี้…
คุณพระจันทร์มาปรากฏตัวแล้ว
“ได้เวลาพระจันทร์มาแทนที่พระอาทิตย์แล้วสินะ” พายเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืน
ใกล้ยิ้มเมื่อถูกเพื่อนพูดแซว ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก “อื้อ...ห้าโมงครึ่ง พระจันทร์มาแทนที่พระอาทิตย์แล้ว”
“มีทฤษฎีไหนบ้างที่บอกว่าพระจันทร์จะมาปรากฏตัวในตอนเย็น?”
คนตัวเล็กหลุดยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ ใกล้รู้ว่าเมย์ถามเพื่อให้เขาพูดบางประโยค เป็ประโยคสารภาพรักที่ดังก้องอยู่ในใจของเขา แต่ไม่เคยส่งถึงใครบางคนเลย “ทฤษฎีของคนที่ตกหลุมรักดวงจันทร์ไง”
“เขินแทนพันลี้ไปแล้วนะเนี่ย” เมย์พูดปนหัวเราะ
“เลิกล้อเราได้แล้ว~”
ใกล้พูดแล้วเดินออกมาจากห้องเรียน โดยมีเพื่อนทั้งสองคนตามหลังมา เขาเลือกใช้บันไดเลื่อนเพื่อพาลงไปที่ชั้นสี่เหมือนในทุกๆ วัน ก่อนจะสาวเท้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ที่เป็กระจกใส
ดวงตาเรียวรีทอดสายตามองลงไปยังลานจอดรถที่อยู่ด้านล่าง รอยยิ้มสวยเปื้อนบนใบหน้าหวานในตอนที่เห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่
“คุณพระจันทร์มาปรากฏตัวแล้วจริงๆ ด้วย” พายที่ยกมือวางบนไหล่เขาเอ่ยขึ้น เมื่อใกล้หันไปมอง เ้าตัวก็ส่งยิ้มให้ “จะอยู่ดูเขาก่อนใช่ไหม?”
แม้เมย์จะรู้ว่าวันนั้นพันลี้เป็คนช่วยเขาจากการถูกเมฆคุกคาม แต่ทว่าเพื่อนในกลุ่มที่จับได้ว่าเขาแอบชอบพันลี้เป็คนแรกกลับเป็พาย คงเพราะเ้าตัวช่างสังเกตมากกว่าเมย์ ทุกครั้งที่เขาขอแยกตัวเพื่อไปแอบมองพันลี้ที่ชั้นสี่ พายจะคอยถามด้วยความสงสัยตลอด
จนกระทั่งพายชวนเมย์ไปแอบยืนดูเขาที่ชั้นสี่ในเย็นวันหนึ่ง เมย์จึงเล่าเื่ที่พันลี้ช่วยเขาให้เ้าตัวฟัง พายเลยคิดว่าเขาแอบชอบพันลี้เพราะเหตุการณ์ในวันนั้น ทว่าไม่นานนักเขาก็สารภาพความจริงกับเพื่อน เพราะไม่อยากปิดบังอีกต่อไปแล้ว ทั้งสองคนเลยบอกว่าพอจะเดาได้ว่าเขาแอบชอบพันลี้ เพราะเห็นไปแอบยืนมองอยู่ที่ชั้นสี่บ่อยๆ หลังจากนั้นเมย์กับพายก็จะมาส่งเขาที่ชั้นนี้แทบทุกครั้ง
“อื้อ” ใกล้พยักหน้ารับหงึกหงัก
“งั้นเราสองคนขอตัวกลับก่อนนะ”
“โอเค เดินทางกลับบ้านกันดีๆ นะ”
เมย์พยักหน้ารับแล้วเอื้อมมือมาลูบศีรษะเขา “กลับบ้านดีๆ เหมือนกันนะเ้าคนแอบรักดวงจันทร์”
ใกล้หัวเราะเบาๆ เขาโบกมือลาเพื่อนทั้งสองคนที่ลงบันไดเลื่อนไป ก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะกลางแล้วหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม
เหตุผลที่ใกล้เลือกมานั่งมองพันลี้ที่ชั้นสี่ เพราะชั้นนี้มีระยะห่างกำลังดี จึงจะไม่ทำให้คนที่ถูกเฝ้ามองรู้สึกไม่สบายใจ และการแอบมองจากบนตึกมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะถูกจับได้
แต่ใกล้คิดว่า…ไม่ว่าจะอยู่ชั้นไหน
คุณพระจันทร์ก็ไม่เห็นเขาหรอก
เพราะเ้าตัวไม่เคยเงยหน้ามองขึ้นมาบนตึกเลย
ทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองมักจะยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ลานจอดรถใน่เย็น หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน คุณพระจันทร์จะยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่อีกสักพัก โดยมีรถเบนซ์สปอร์ตสีขาวมุกที่แต่งครบคันจอดไม่ไกลจากเ้าตัว
ในบางวันจะมีผู้ชายเดินมาคุยกับพันลี้ด้วย ซึ่งใกล้คาดว่าเป็เพื่อนของเ้าตัว และในบางครั้งก็จะมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาทักทาย ทุกคนที่เข้าไปหาพันลี้…ล้วนได้รับรอยยิ้มของคุณพระจันทร์กลับไปด้วย
ส่วนคนที่แอบมองอยู่ไกลๆ อย่างเขา
ไม่กล้าเข้าไปขอรอยยิ้มนั้นกลับบ้านด้วยตัวเองหรอก
ได้แต่ขโมยรอยยิ้มขี้เล่นที่คุณพระจันทร์มอบให้คนอื่นไปแปรเปลี่ยนเป็ภาพจำให้ตัวเองแทน
ใกล้คิดว่า…ชื่อ ‘ใกล้ใจ’ บางทีอาจจะไม่ได้มีความหมายแค่ว่า ‘หัวใจเราจะอยู่ใกล้กันเสมอ’ อย่างเดียวหรอก แต่คงมีความหมายอีกอย่างว่า ‘คนที่ได้รับโอกาสให้หัวใจได้เข้าใกล้ความรักเสมอ’
คนตัวเล็กเผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นพันลี้ยิ้มหัวเราะขณะคุยโทรศัพท์กับใครบางคน เขาไม่รู้หรอกว่าใครเป็คนทำให้เ้าตัวอารมณ์ดีได้ขนาดนั้น ใกล้รู้เพียงแค่ว่า…
พระจันทร์ดวงนี้…ทำให้เขารู้จักความรักในหลายๆ รูปแบบ
เป็ความรักที่ปราศจากการ
เป็ความรักที่ทำให้เราให้ความสำคัญกับการได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายในทุกๆ วัน...มากกว่าการยึดติดในสถานะใดๆ
“สงสัยวันนี้จะพรีเซนต์งานได้ดีใช่ไหมคุณศศิน…อารมณ์ดีเชียว” ใกล้เอ่ยด้วยเสียงแ่เบาราวกับอยากให้ตัวเองได้ยินเพียงคนเดียว ก่อนจะเผยรอยยิ้มหวานออกมา “เราก็พรีเซนต์งานได้ดีสุดๆ ไปเลย”
เป็ความรักที่ทำให้เขากล้าที่จะรัก แม้จะรู้ว่าไม่มีวันสมหวัง
“นั่นเป็เพราะคุณศศินเลยนะ”
การได้พูดคุยกับพันลี้ผ่านกระจกกั้น ไม่ต่างจากการพูดคุยกับพระจันทร์ตรงระเบียงห้องเขา ไม่มีการตอบกลับใดๆ ทว่าเขากลับมีความสุขเพียงแค่ได้มอง
และได้ฝากข้อความถึงในทุกๆ วัน
“ใกล้…”
คนตัวเล็กสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาหันไปมองเ้าของเสียงทุ้มต่ำก่อนจะเลิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
“พี่ดอม”
“พี่โทรหาใกล้ตั้งหลายสาย แต่ใกล้ไม่รับเลย พี่เป็ห่วงเลยมาตามหา...ดีที่ขึ้นบันไดเลื่อนมาถึงได้เห็นเรานั่งอยู่ตรงหน้าต่าง”
พี่ดอมพูดพลางเดินเข้ามาหาเขา ทว่าใกล้กลัวเ้าตัวจะจับได้ว่าแอบมองใครบางคนอยู่ เขาจึงรีบคว้ากระเป๋าเป้แล้วลุกไปหาอีกคนทันที
ใกล้หยุดยืนตรงหน้าคนตัวสูงก่อนจะส่งยิ้มให้ เขาล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเป้เพื่อดู บนหน้าจอโทรศัพท์โชว์เบอร์ที่ไม่ได้รับสายนับสิบสาย
“ขอโทษนะครับพี่ดอม ใกล้เอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้แล้วดันปิดเสียงไว้ ใกล้เลยไม่รู้ว่าพี่ดอมโทรหาครับ”
“แค่ใกล้ไม่เป็อะไรพี่ก็โอเคแล้ว” พี่ดอมถอนหายใจ ก่อนจะส่งมือมาลูบศีรษะเขาเบาๆ “เมื่อสักพัก…กันต์ไปดักเจอพี่ที่ห้องคณะ กันต์เล่าเื่ทุกอย่างให้พี่ฟังแล้วนะ คนพวกนั้นแม่ง...”
“...”
“ไอ้ชินกับไอ้ทศคือคนไหน? ....ใกล้พาพี่ไปหามันหน่อยได้ไหม พี่จะจัดการกับมันเอง เอาให้ไม่กล้ามายุ่งกับใกล้เหมือนไอ้เมฆเลย”
ใกล้รู้ดีว่ากันต์เป็ห่วงเขามาก เ้าตัวถึงได้ไปเล่าเื่นี้ให้พี่ดอมฟัง เพราะวันนั้นที่เขาโดนเมฆคุกคามในห้องน้ำ กันต์ก็แอบไปเล่าเื่นี้ให้พี่ดอมฟังเหมือนกัน เพราะอยากให้พี่ดอมช่วยดูแลเขาอีกคน แต่พอพี่ดอมรู้เื่แล้วก็โมโหจัดจนไปต่อยเมฆถึงคอนโด หลังจากนั้นเมฆก็ไม่กล้ามายุ่งกับเขาอีกเลย
“ไม่ต้องหรอกครับพี่ดอม ทุกวันนี้ใกล้กับสองคนนั้นก็ไม่ได้ยุ่งกันอยู่แล้วครับ”
“ไอ้คนชื่อชินยังเชื่อได้ว่ามันจะไม่มายุ่งกับใกล้แล้ว แต่ไอ้คนชื่อทศมันเคยอยู่กลุ่มเดียวกับใกล้ไม่ใช่เหรอ...แสดงว่าตอนนี้ใกล้ก็ยังต้องเจอกับมันอยู่ใช่ไหม?”
“ครับ แต่ใกล้รับมือไหวครับ…” ใกล้ส่งยิ้มให้พี่ชายเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความเป็กังวล ก่อนเอ่ยต่อ “ไว้ถ้าใกล้รับมือไม่ไหวแล้ว ใกล้จะรีบบอกพี่ดอมเลยนะครับ”
พี่ดอมถอนหายใจเบาๆ “แน่ใจนะว่ารับมือกับคนแบบนี้ได้อะ”
ใกล้พยักหน้ารับด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่ค่อยเคยทำนัก พี่ดอมเลยหลุดหัวเราะออกมา “ใกล้แน่ใจครับ!”
“ถ้าไม่ไหวต้องรีบบอกพี่เลยนะ รู้ไหมครับ?”
“ครับ”
“แล้วใกล้จะกลับหรือยัง…มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว?”
“เอ่อ…” ลืมคิดข้อแก้ตัวไว้ด้วยสิ เขาเม้มริมฝีปากแน่นก่อนเอ่ย “ตอนแรกใกล้ว่าจะนั่งรอกันต์เลิกเรียนอยู่ที่ตึกนี้น่ะครับ แล้วจะชวนไปกินบิงซูด้วยกัน…แต่ลืมไปว่าวันนี้กันต์เลิกค่ำเลยครับ”
“อ๋อ...แต่ตอนนี้ใกล้จะกลับแล้วใช่ไหม?”
“คะ ครับ” ความจริงใกล้ยังไม่อยากกลับเลย เขายังอยากมองพันลี้ยืนเล่นโทรศัพท์อีกสักพัก และอยากส่งเ้าตัวขึ้นรถสีขาวมุกสุดเท่คันนั้นด้วย
“ปะ…งั้นกลับพร้อมพี่เลย วันนี้ใกล้ไม่ได้ขับรถมาใช่ไหม?”
ใกล้ไม่อยากปิดบังเื่นี้กับพี่ดอมหรอก แต่เพราะคนที่เขาแอบชอบเป็น้องชายของเพื่อนสนิทเ้าตัว และพันลี้ดูสนิทกับพี่ดอมพอสมควร ใกล้จึงไม่อยากให้การแอบชอบของเขาทำให้พี่ดอมต้องเป็กังวล
แม้พี่ดอมจะรู้และรับได้เื่ที่เขาชอบผู้ชาย แต่ใกล้คิดว่ามันคงไม่ง่ายสำหรับเ้าตัว ถ้ารู้ว่าเขาแอบชอบคนใกล้ตัวขนาดนี้ ใกล้เชื่อว่าพี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ดอมอยากให้เขาสมหวังในความรัก
แต่ในขณะเดียวกันเ้าตัวก็ต้องเข้าใจว่า…
เื่ของความรัก…มันไม่สามารถบังคับใจกันได้
ถ้าหากพี่ดอมรู้เื่การแอบรักในครั้งนี้ พี่ชายของเขาคงวางตัวยากพอสมควร ใกล้คิดทบทวนมาหลายครั้งแล้ว สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่บอกพี่ดอม และใกล้ขอให้เพื่อนสนิททั้งสามคนช่วยเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับด้วย
ขอโทษนะครับพี่ดอมที่ต้องปิดบัง
แต่ใกล้ไม่อยากให้พี่ดอมลำบากใจเพราะใกล้เลย
“ใช่ครับ ใกล้นั่งแท็กซี่มาเรียน”
“วันนี้ใกล้ต้องกลับบ้านใช่ไหม? ...เพราะพรุ่งนี้เป็วันหมั้นของคุณลุงกับคุณลิน”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนะ”
“ไม่เป็ไรครับพี่ดอม ใกล้กลับเองได้ครับ”
“พี่เป็พี่ชายใกล้นะ…ก็ต้องดูแลน้องตัวเองสิ”
ใกล้ส่งยิ้มให้พี่ดอม ก่อนเอ่ย “ขอบคุณนะครับพี่ดอม”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่นี้เอง…” พี่ดอมพูด ก่อนจะเลิกคิ้วสูงคล้ายเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เออ...ใกล้ยังไม่ได้ส่งโลเคชั่นร้านอาหารให้พี่เลยนะ”
“จริงด้วย…ใกล้ลืมเลยครับ”
“แต่ใกล้จองโต๊ะแล้วใช่ไหม?”
“จองแล้วครับพี่ดอม”
“โอเคๆ …พี่ว่าจะไปซื้อของขวัญให้ใกล้พรุ่งนี้เช้า…” พี่ดอมพูดพลางยื่นมือมาจับมือเขาไว้ ก่อนจะพาเดินไปที่บันไดเลื่อน “เบบคิดหนักมากเื่ของขวัญ”
คนตัวเล็กก้าวเท้าไปยืนบนขั้นบันไดเดียวกับพี่ชาย ก่อนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้องซื้อของขวัญมาให้ใกล้ก็ได้ครับ แค่พี่เบบกับพี่ดอมและที่รักมางานวันเกิดใกล้ แค่นี้ใกล้ก็ดีใจมากแล้วครับ”
“ไม่ได้หรอก...ยังไงพวกพี่ก็ต้องหาของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดให้ใกล้”
ใกล้หัวเราะขณะมองคนตัวสูงที่อยู่ข้างกาย “ขอบคุณมากๆ เลยนะครับพี่ดอม”
“พรุ่งนี้...พี่ขอให้เป็วันที่ใกล้ใจมีความสุขมากๆ เลยนะครับ” พี่ดอมปล่อยมือเขาแล้วเอื้อมมือมาจับศีรษะให้โน้มไปซบที่ไหล่เ้าตัวแทน “ขอให้คนที่แสนเข้มแข็งยิ้มได้เยอะๆ”
ประโยคคำพูดของพี่ดอมแฝงไปด้วยความห่วงใย เ้าตัวยังกลัวเขาเสียใจเื่งานหมั้นของพ่อและคุณลินที่ถูกจัดตรงกับวันเกิดเขา ใกล้จึงพูดย้ำเพื่อให้พี่ดอมสบายใจ
“ใกล้โอเคจริงๆ ครับพี่ดอม ไม่ต้องเป็ห่วงใกล้นะครับ”
“พรุ่งนี้ที่งานหมั้น เดี๋ยวพี่กับเบบจะไปร่วมงานตอนเช้านะ”
“ครับ ใกล้จะรอต้อนรับแขกคนสำคัญอย่างพี่ดอมกับพี่เบบอยู่หน้าบ้านนะครับ”
พี่ดอมหัวเราะแล้วเอามือลูบผมของเขาเบาๆ “โอเคครับ”
สิ่งที่ใกล้บอกกับพี่ดอมคือความจริง เขาไม่อยากได้ของขวัญวันเกิด ขอแค่ทุกคนมาร่วมงานก็พอแล้ว แต่ใกล้ไม่ได้บอกความจริงกับพี่ชายไปทั้งหมด
ยังมีความจริงอีกอย่างที่ใกล้เก็บซ่อนไว้
ความจริงนั้นคือ...
ในวันเกิดปีนี้...
ใกล้อยากให้ดวงจันทร์โคจรรอบตัวเขาสักนาที
#ใกล้แค่พันลี้
X: @SP251566
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้