ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคงจะเป็การที่เขาสองคนไม่เข้ากับการเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ในโซนเสื้อผ้าสำหรับวัยกลางคนและสูงอายุเลยสักนิด แต่พนักงานก็ล้วนกระตือรือร้นกันมาก ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านก็มีพี่พนักงานเดินเข้ามาพูดว่า : “อยากซื้อแบบไหนเข้ามาดูก่อนได้นะคะ ด้านในมีสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดด้วยค่ะ”
“ร้านนี้ไหม? ” ชวีเสี่ยวปอชี้ไปทางร้านหนึ่งที่อยู่ทางด้านซ้าย “ดูเหมือนจะขายแค่เสื้อไหมพรมด้วยนะ”
ไม่รอให้เซี่ยเจิงพูดอะไรออกมา คุณป้ารูปร่างท้วมที่เมื่อครู่นี้กำลังยืนคุยเล่นอยู่กับพนักงานขายร้านข้างๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาทันควัน “หนุ่มหล่อทั้งสองคนจะซื้อเสื้อผ้าให้ใครเหรอคะ? ”
“พวกเรา ขอเดินดูก่อนนะครับ” ชวีเสี่ยวปอยื่นมือกลับเข้ามา เขาไม่ชินกับการต้อนรับเช่นนี้สักเท่าไหร่
แต่ครั้งนี้เซี่ยเจิงกลับต่อบทสนทนาขึ้นมาว่า : “ซื้อให้แม่ผมครับ”
“อ๋อ! แม่ของคุณน่าจะอายุมากกว่าป้าไม่กี่ปีใช่ไหม? ” คุณป้าท้วมมองดูเซี่ยเจิงั้แ่บนลงล่าง “ปีนี้ลูกป้าอายุสิบหกน่ะ”
“ครับ เด็กกว่าพวกเรานิดหน่อย” เซี่ยเจิงเอ่ยขึ้น
“จิ๊ เมื่อไหร่ลูกป้าถึงจะซื้อเสื้อให้ป้าแบบนี้ได้บ้างนะ ถ้างั้นคุณเลือกเลยค่ะ สินค้าในร้าน แม่ของคุณน่าจะใส่ได้ทุกแบบเลยนะคะ” ในน้ำเสียงของคุณป้าท้วมแฝงไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย ขณะที่พูดพลางเอื้อมมือไปจัดคอเสื้อที่แขวนอยู่ด้านข้าง “ตัวนี้ไหมคะ? ใส่แล้วหน้าสว่างนะ”
ชวีเสี่ยวปอมองไปยังเสื้อสีชมพูกะปิตัวนั้น แล้วเกือบจะพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“แม่ผมชอบสีเรียบๆ แบบง่ายๆ หน่อยน่ะครับ” เซี่ยเจิงไม่ได้มีท่าทีอะไร เขาค่อยๆ เดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
“สีเรียบๆ แบบง่ายๆ หน่อย...” คุณป้ารูปร่างท้วมพูดซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมทั้งขยับไม้แขวนเสื้อไปมา จากนั้นจึงดึงออกมาตัวหนึ่ง “ตัวนี้เป็ไงคะ? เป็แบบคอเต่า เวลาใส่จะอุ่นขึ้นหน่อย แล้วก็ไม่มีลายด้วยค่ะ สไตล์เรียบง่ายแต่ไม่ล้าสมัย ใส่หลายปีได้ไม่มีปัญหาเลยค่ะ”
เซี่ยเจิงรับเสื้อมาจากมือของคุณป้าท้วมมาพลิกดูครู่หนึ่ง แล้วจึงหันหน้าไปถามชวีเสี่ยวปอว่า : “นายคิดว่าไง? ”
“ฉันว่าได้” ชวีเสี่ยวปอพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเขาก็พอใจมากเหมือนกัน แล้วก็แนะนำไปว่า : “หรือไม่ลองถ่ายรูปส่งไปให้คุณป้าดูไหม ถามเขาว่าชอบหรือเปล่า”
“ถ้าถามก็ต้องบอกว่าไม่ชอบแน่ๆ ซื้อก็เท่ากับสิ้นเปลืองเงิน” เซี่ยเจิงพับเสื้อที่อยู่ในมือ แล้วส่งไปให้คุณป้ารูปร่างท้วมคนนั้น “มีสีอะไรบ้างครับ? ”
“สีดำ สีเทา แล้วก็สีครีม แต่ไซซ์ไม่ครบแล้วนะคะ” ขณะที่พูดคุณป้าท้วมก็นั่งย่อลงไป พลิกดูกองสินค้าที่วางอยู่ด้านล่าง “เดี๋ยวเอาออกมาให้ดูทั้งหมดเลยนะคะ”
ทั้งสองคนเลือกตัวที่เป็สีครีม เพียงแต่ในตอนที่ไปคิดเงิน คุณป้าท้วมพูดขึ้นมาว่าเนื่องจากขนาดไซซ์มีไม่ครบจึงมีส่วนลดให้ ทั้งหมดแปดร้อยเก้าสิบเก้าหยวน ชวีเสี่ยวปอรับใบสั่งซื้อมากำลังจะไปชำระเงิน แต่กลับถูกเซี่ยเจิงดึงไว้ก่อน
ชวีเสี่ยวปอพยายามดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่หลุด จึงทำได้เพียงเอ่ยขึ้นมาว่า : “แบบนี้นายต้องสอนพิเศษอีกตั้งหลายอาทิตย์เลยนะ”
“ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรสักหน่อย” เซี่ยเจิงส่ายหน้าไปมา พร้อมทั้งดึงใบสั่งซื้อจากมือของชวีเสี่ยวปอมาทันที “รู้ว่านายมีตังค์ แต่ไม่ต้องมาแย่งฉันจ่ายเลย” หลังจากพูดจบเขาก็รีบวิ่งไปยังเคาน์เตอร์ชำระเงินทันที
ในขณะที่ชวีเสี่ยวปอรอเซี่ยเจิงกลับมา คุณป้ารูปร่างท้วมที่ยืนดูเหตุการณ์สนุกๆ เมื่อครู่นี้ั้แ่ต้นจนจบก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาคุยกับชวีเสี่ยวปอ
“พวกคุณสองคนเป็เพื่อนกันเหรอคะ? ”
“ครับ” ชวีเสี่ยวปอแกะเกามือของตัวเอง ไม่งั้นล่ะ
“คุณสองคนสนิทกันมากเลยนะคะ คุณยังแย่งเขาจ่ายเงินด้วย” คุณป้าท้วมหัวเราะคิกคักขึ้นมา “เด็กสมัยนี้นี่หน้าตาดีกันหมดเลย แต่ละคนหล่อไม่แพ้กันเลย...”
นอกจากคำว่า “คุณสองคนสนิทกันมากเลย” คำพูดที่เหลือชวีเสี่ยวปอก็ล้วนฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาทั้งหมด พูดตามตรงเขาเองก็ปวดใจและเป็ทุกข์มากเช่นกัน เงินเท่านี้สำหรับเขาแล้วไม่ได้ถือว่าเยอะแยะมากมายอะไร แต่สำหรับเซี่ยเจิงมันกลับต่างออกไป
ไม่ใช่ว่าเขาสนใจเื่เงินอะไรมากนัก แต่ทันทีที่คิดได้ว่าเงินส่วนนี้เซี่ยเจิงเก็บเล็กผสมน้อยมาเช่นไร ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอจึงเงยหน้าขึ้นมาพูดกับคุณป้าท้วมประโยคหนึ่งว่า : “ลดให้อีกหน่อยได้ไหมครับ? ”
………………………………
หลังจากที่เซี่ยเจิงชำระเงินกลับมาแล้ว ทั้งสองคนก็ถือของเดินออกจากร้านไป ขณะนั้นคุณป้าท้วมที่เดินตามหลังพวกเขาสองคนก็พูดขึ้นมาว่า : “ครั้งหน้าแวะมาใหม่นะคะ”
ชวีเสี่ยวปอแกว่งถุงช้อปปิ้งที่อยู่ในมือ เดินออกมาเพียงไม่กี่ก้าว แล้วจึงพูดกับเซี่ยเจิงว่า : “ฉันรู้สึกว่า นายเป็ลูกที่ดีจริงๆ [1] ”
เซี่ยเจิง : “...ทำไมถึงด่าฉันขึ้นมาแล้วล่ะ? ”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอพูดจบเขาก็นึกขึ้นมาได้ จึงหัวเราะแหยๆ ออกมาเล็กน้อย ใช้โอกาสตอนที่รอบข้างไม่มีคน จิ้มลงไปบนจุดบ้าจี้ของเซี่ยเจิงหนึ่งที “นายไม่เห็นสายตาที่คุณป้าคนนั้นมองนายหรือไง? ”
“สายตาแบบไหนอะ” เซี่ยเจิงถาม
“ก็สายตาแบบที่เหมือนครูแต่ละวิชาในโรงเรียนมองนายไง” ชวีเสี่ยวปอเชิดหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เลียนแบบเสียงพูดของคุณครูวิชาภาษาอังกฤษ “ครั้งนี้นักเรียนเซี่ยเจิงมีคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษสูงที่สุดในชั้นเรียนอีกแล้ว พวกเธอดูเขาเป็แบบอย่างหน่อยสิ เรียนรู้จากเขา ดูว่าเขาเรียนยังไง”
.............................
เชิงอรรถ
[1] 真的是个好儿子 ในแง่ของคำชมจะแปลว่า เป็ลูกที่ดีจริงๆ แต่ประโยคนี้ก็สามารถเป็คำด่าได้เช่นกัน ซึ่งจะแปลว่า ไอ้ลูกตัวดี
………………………….
“นาย...” เซี่ยเจิงเอียงหน้าไปมองด้วยใบหน้าที่ว่า “ฉันดูนายแสดงอยู่” จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “เลียนแบบได้เหมือนสุดๆ ”
ชวีเสี่ยวปอไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แกล้งยื่นมือออกไปปัดผมยาวปลอมๆ ด้วยท่าทางที่ภูมิใจ จากนั้นถึงะเิหัวเราะออกมา จนใช้ศีรษะซุกเข้าไปในอ้อมอกของเซี่ยเจิง
“ตอนนี้ไปไหนต่อดี? ” ทั้งสองคนหัวเราะกันอยู่ยกใหญ่ เซี่ยเจิงชำเลืองมองดูเวลาไปครั้งหนึ่ง แล้วพบว่าเพิ่งจะผ่านมาแค่เพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าเอง ซึ่งเขาทั้งคู่ยังเหลือเวลาอีกเยอะมาก
“เดินเล่นต่ออีกหน่อยก็ได้ ยังไงก็ยังเช้าอยู่เลย” ชวีเสี่ยวปอชี้ไปยังตำแหน่งของลิฟต์ “หรือว่าไปดูข้างบนสักหน่อย ฉันอยากได้กางเกงสักตัวอยู่พอดี”
อันที่จริงจะซื้อหรือไม่ซื้อกางเกงก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นัก เพราะถึงอย่างไรได้ใช้เวลากับเซี่ยเจิงเช่นนี้ เขารู้สึกว่ามันล้วนมีความหมายมากเหลือเกิน
แต่เขาก็ยังเลือกขึ้นมาตัวหนึ่งจริงๆ
“ตัวนี้? ” ชวีเสี่ยวปอดึงออกมาแนบไว้ที่ขา แล้วก็ไปยืนส่องอยู่หน้ากระจก “คิดว่าได้อยู่นะ”
“กางเกงแบบขาดเหรอ? ” เซี่ยเจิงยืนอยู่ด้านหลังมองไปยังคนที่อยู่ในกระจก อดไม่ได้ที่จะทำเสียงจิ๊ปากขึ้นมา “ตอนนี้มันหน้าหนาวนะ”
“ซื้อแล้วค่อยใส่ตอนที่อากาศอุ่นขึ้นก็ได้” ชวีเสี่ยวปอเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจ แล้วจึงหันไปพูดกับพนักงานขายว่า : “หาไซซ์ที่เหมาะกับผมให้หน่อยครับ? ”
“รอบเอวของคุณเท่าไหร่คะ? ” พนักงานขายถามขึ้นมา
“รอบเอว...ไม่รู้อะครับ” ชวีเสี่ยวปอผงะไป
พนักงานขายยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย มองไปยังป้ายสินค้าบนกางเกง แล้วจึงมองไปยังเอวของชวีเสี่ยวปอ “ไซซ์นี้น่าจะได้นะคะ คุณไปลองก่อนได้เลยค่ะ ถ้าเล็กไป เดี๋ยวพี่หาให้ใหม่ค่ะ”
ชวีเสี่ยวปอถือกางเกงเข้าห้องลองเสื้อผ้าไป
ไม่กี่นาทีต่อมา เซี่ยเจิงก็ได้ยินชวีเสี่ยวปอะโเรียกเขาออกมาจากด้านใน
“เซี่ยเจิง !”
“ว่าไง” เซี่ยเจิงเดินเข้าไป พูดกับเขาผ่านม่านกั้นของห้องลองเสื้อผ้า
“นายมาช่วยฉันหน่อยสิ” ชวีเสี่ยวปอพูดเสียงอู้อี้
เซี่ยเจิง : “......” ใส่กางเกงยังต้องให้คนอื่นช่วยด้วยเหรอเนี่ย?
แต่เมื่อแง้มม่านกั้นเปิดเข้าไปเซี่ยเจิงก็หัวเราะขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดเลยว่ากางตัวนี้มันขนาดเล็กเกินไป ติดอยู่บนต้นขาข้างหนึ่งไม่สามารถดึงขึ้นไปได้ แต่ชวีเสี่ยวปอก็ยังคงพยายามลองใส่ขึ้นไปอยู่แบบนั้น
“ล้มเลิกเถอะ นายฝืนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
เซี่ยเจิงพยุงแขนของเขาเอาไว้ข้างหนึ่ง “เปลี่ยนไซซ์ใหญ่กว่าอีกเบอร์ก็ได้แล้ว”
“ให้ตายเถอะนี่ฉันอ้วนขึ้น” ชวีเสี่ยวปอกัดฟันพลางดึงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากรู้สึกว่าไม่ได้แล้วจริงๆ ถึงได้ผ่อนแรงลง “ฉันรู้สึกว่าฉันใส่ได้”
“ไม่ได้” เซี่ยเจิงกวาดสายตามองั้แ่บนลงล่าง สุดท้ายสายตาก็ไปจับจ้องที่ตำแหน่งตรงกลาง ในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้ ชวีเสี่ยวปอดื้อมากที่ไม่ได้ใส่กางเกงลองจอน จึงส่งผลให้บั้นท้ายที่ห่อหุ้มไว้เพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนว่าจะเลิกขึ้นมาไม่น้อยจากการดึงกางเกงที่ไม่พอดีตัวขึ้นมา
ขณะนั้นชวีเสี่ยวปอยังคงพยายามกับกางเกงตัวนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของเซี่ยเจิง อีกทั้งยังไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนนั้นเองบั้นท้ายของเขาก็ถูกตีไปหนึ่งที
เซี่ยเจิง : “เซ็กซี่มากเลยนะ เพื่อนนักเรียนคนนี้”
ชวีเสี่ยวปอ : “ลามกสุดๆ เลยนะ เพื่อนนักเรียนคนนี้”