ทุกคนต่างตกตะลึงกับบรรยากาศรอบตัวที่ไม่อาจปกปิดได้ของจิ่งฝาน หวางฮวายเหล่ยเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จู่ๆ เขาก็นึกถึงวันที่ได้เห็นการประลองนั้นของจิ่งฝานกับตา อดหันไปมองหลัวฉี่ สวีหรงฉี่ และคุณชายตระกูลทางที่ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางพวกนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าทั้งสี่คนนี้ใครจะเก่งกาจกว่ากัน?
ไม่สิ น่าจะมีคนผู้นั้นอีกคนที่ประลองกับจิ่งฝาน การที่มียอดฝีมือมากมายถึงเพียงนี้ การประลองครั้งนี้ช่างน่าติดตามจริงๆ หวางฮวายเหล่ยยังนึกเสียดายที่หลายปีมานี้เอาแต่เป็กบอยู่ในกะลา ไม่ตั้งใจฝึกวรยุทธ์ให้ดี
หากหวางชวนรู้ว่าลูกชายของตัวเองคิดได้เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะดีใจจนตัวลอยหรือไม่
น่าเสียดายที่ความรู้สึกตัวของหวางฮวายเหล่ยอยู่ได้เพียงไม่นานก็ล่องลอยมลายหายไป ตอนนี้เขาหวังเพียงแค่ขอให้ในมือของอ๋าวหรานมีของล้ำค่านั้นอยู่จริงๆ หากเขาได้มันมา ก็จะกลายเป็ผู้ใต้หล้าโดยไม่ต้องเปลืองแรงแต่อย่างใด
ดังนั้นความเงียบสงัดนี้จึงถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว หวางฮวายเหล่ยโบกมือไปทางพวกอ๋าวหราน สายตากลับหยุดลงที่จิ่งฝาน “น้องจิ่งฝาน”
พูดแล้วก็หันไปทางอ๋าวหราน
คนทุกคนที่เหลือชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าจะต่อคำอย่างไร จึงทยอยกันนั่งลงเงียบๆ สายตาไม่ได้เลื่อนไปไหน แม้แต่ทางเต๋อรั่วผู้นั้นก็ยังเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย แววตาคล้ายมีคล้ายไม่มีมองมาทางนี้
ไม่รู้ว่าเป็เพราะอารมณ์ของจิ่งฝานไม่เลวนักหรือไม่ เขาจึงยิ้มน้อยๆ รับคำไปทีหนึ่งว่า 'อืม' เท่านี้ก็ถือเป็การตอบรับแล้ว
คนที่เหลือถูกรอยยิ้มของเขาทำให้ตะลึงไปจนหายใจติดขัด น่าเสียดายที่ความสนใจของหวางฮวายเหล่ยไม่ได้อยู่ที่จิ่งฝาน ที่ทักทายจิ่งฝานก็เพราะไม่อยากแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งให้ผู้อื่นรู้ว่าคนที่เขาอยากเข้าหาจริงๆ ก็คืออ๋าวหราน เพราะการแหวกหญ้าให้งูตื่นนั้นไม่ใช่เื่ที่ดี
“เมื่อกี้ไม่ได้ทักทายน้องดีๆ อย่าถือโทษโกรธข้าไปเลย” หวางฮวายเหล่ยยิ้มอย่างเป็มิตรอยู่หลายส่วน
จิ่งฝานยกยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
หวางฮวายเหล่ยถือว่าเป็คนหน้าหนาอยู่บ้าง ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย พุ่งมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างหน้าไม่อาย แล้วยังทักทายกับพวกจินเฉียนเป้ยที่อยู่โดยรอบด้วย คนพวกนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าพวกหลัวฉี่ แต่ก็นับว่าพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง หวางฮวายเหล่ยเองก็พอรู้จักบ้าง จึงสามารถพูดคุยกันได้
จิ่งเซียงขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเบาว่า “หวางฮวายเหล่ย เหตุใดจู่ๆ ถึงมาทักทายพี่ข้าได้?”
อ๋าวหรานยักไหล่ “พังพอนมาสวัสดีปีใหม่ไก่ จะหวังดีได้อย่างไร1”
จิ่งเซียงปากยื่น “เขาคิดจะทำอะไรอีก?”
อ๋าวหรานแย้มยิ้ม ไม่พูดอะไร
ถึงแม้ในใจหวางฮวายเหล่ยจะรู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง อยากจะพูดคุยเป็การส่วนตัวกับอ๋าวหรานโดยเร็ว แต่ใบหน้าพยายามแสร้งทำเป็สงบนิ่งอย่างที่สุด แทบจะไม่คุยกับอ๋าวหรานเลย รู้แต่แรกเมื่อครู่คงจะไม่บอกเ้าพวกหลัวฉี่นั่นแล้ว จะได้ไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา
ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งพูดคุยไร้สาระกันไปเื่นู้นเื่นี้อยู่เป็นาน จิ่งฝานจึงพูดเรียบๆ ออกมาประโยคหนึ่ง “ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนสักครู่ อีกเดี๋ยวค่อยตรงไปที่สนามประลอง”
แค่จิ่งฝานลุกขึ้นยืน พวกจิ่งจื่อก็ลุกตามมาด้วย ท่าทางเหมือนจะออกไปแล้ว หวางฮวายเหล่ยก็สบายใจแล้ว รีบพูดว่า “ไปด้วยกันเถิด”
คนบนที่นั่งหลักถึงแม้จะถอนสายตากลับไปนานแล้ว แม้ระหว่างพวกเขาจะไม่มีการแนะนำให้รู้จักกัน แต่ก็สนใจทางนี้อยู่เรื่อยๆ พูดตามตรง ความสงสัยใคร่รู้ที่พวกเขามีต่อจิ่งฝานนั้นไม่เพียงไม่น้อยลง แต่กลับมากขึ้นเรื่อยๆ
อ๋าวหรานเดินอยู่ด้านหลังคนทั้งสาม หวางฮวายเหล่ยจึงปรับขาเดินให้ช้าลงจนแทบจะขนานไปกับไหล่ของอ๋าวหราน พูดเสียงเบาอย่างยิ่ง “คุณชายอ๋าว อีกเดี๋ยวมีเวลาว่างคุยกันหรือไม่? ข้ามีบางเื่อยากจะถามท่าน”
อ๋าวหรานเหมือนจะตกตะลึงเล็กน้อย หันศีรษะมา ท่าทางสงสัยเป็อย่างยิ่ง หวางฮวายเหล่ยถามเสียงเบา “ไม่ได้หรือ?”
อ๋าวหรานส่งเสียงดังอ้อออกมาทีหนึ่ง แล้วยิ้มพยักหน้า รับไปคำหนึ่งว่าได้
หวางฮวายเหล่ยหลงระเริงอยู่ในใจ
พวกเขาพอออกจากช่างฉือจายก็แยกย้ายกันไปตามทาง ก่อนหวางฮวายเหล่ยจะจากไปก็หันมาส่งสายตาให้อ๋าวหราน อ๋าวหรานจึงพยักหน้าให้อย่างเงียบเชียบ
เมื่อหวางฮวายเหล่ยจากไป อ๋าวหรานก็บอกว่า “พวกเ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าต้องไปหาหวางฮวายเหล่ยสักรอบแล้ว”
จิ่งจื่อกลอกตา “มิน่าเล่า เมื่อกี้ถึงเห็นพวกเ้าส่งสายตากันไปมา”
อ๋าวหรานเลิกคิ้ว “ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ?”
จิ่งเซียงยื่นปาก “ไม่ชัดเจน ข้ายังไม่เห็นรู้เลย”
อ๋าวหรานยิ้มแล้วลูบหัวนาง “ข้าขอตัวก่อน แล้วค่อยเจอกันที่สนามประลอง อ้อ...”
“ใช่แล้ว” อ๋าวหรานมองไปยังจิ่งจื่อ “อีกเดี๋ยวลำบากเ้าช่วยไปเตือนศิษย์พี่ข้าหน่อย อย่าให้เขาพลาดเวลาไป”
จิ่งจื่อเก็บท่าทางทำเป็รังเกียจนั่นแล้วพยักหน้าอย่างตั้งใจ “รู้แล้ว”
ที่ที่หวางฮวายเหล่ยนัดเขาไปเป็ป่าที่อยู่ห่างจากสนามประลองพอสมควร อ๋าวหรานเดินไปอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย
ตอนที่เขาไปถึง หวางฮวายเหล่ยก็อยู่ที่นั่นแล้ว ดูจากท่าทางคงรออยู่นานมากจึงมีสีหน้าร้อนรน “คุณชายอ๋าว เ้ามาถึงแล้ว ข้ารออยู่เสียนาน”
อ๋าวหรานท่าทางปลงๆ “จะสลัดพวกจิ่งฝานได้ต้องใช้เวลา จะทำอย่างขอไปทีไม่ได้”
หวางฮวายเหล่ยทำได้เพียงพยักหน้า
อ๋าวหรานมีสีหน้าสงสัย “พี่ฮวายเหล่ย เรียกหาข้ามีเื่อันใด?”
หวางฮวายเหล่ยเริ่มด้วยการยิ้มเพื่อปกปิดความร้อนรนเมื่อครู่ ใบหน้าแย้มยิ้มเป็มิตรเต็มที่ “ก็มิใช่เื่ใหญ่อะไร หลายวันมานี้เอาแต่รักษาแผลอยู่ตลอด ไม่มีโอกาสได้มาหาเ้าเลย ั้แ่ครั้งที่แล้วที่ได้สมาคมกันที่ฮวาเล่อทิงก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันอีก คุณชายอ๋าวอย่าได้ห่างเหินกับข้าได้หรือไม่”
อ๋าวหรานรีบส่ายหน้า “จะเป็ไปได้อย่างไร มิตรภาพที่พี่ฮวายเหล่ยมอบหยกไว้ให้ ข้ายังจดจำไว้ในใจเสมอ”
ตั้งใจจะใช้ไพ่ความสัมพันธ์แล้วหรือ?
อ๋าวหรานทำราวกับเป็ห่วงแล้วพูดว่า “พี่ฮวายเหล่ย เท้าที่เจ็บเป็อย่างไรบ้างแล้ว? เหตุใดถึงได้พลิกรุนแรงถึงเพียงนี้?”
หวางฮวายเหล่ยหัวเราะกระอักกระอ่วนออกมาสองที “ยังดีๆ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
อ๋าวหรานพยักหน้า วางใจไปได้เปลาะหนึ่ง “เช่นนั้นก็ดี”
หวางฮวายเหล่ยท่าทางจริงจังขึ้นหลายส่วน “ลำบากคุณชายอ๋าวเป็ห่วงแล้ว ที่ตามพี่อ๋าวมาก็แค่อยากจะถามสักเล็กน้อย พี่อ๋าวรู้จักทางเต๋อรั่วผู้นั้นหรือไม่?”
อ๋าวหรานหรี่ตา หัวเราะเย็นเยียบในใจครั้งหนึ่ง “ทางเต๋อรั่วหรือ? หาได้เคยรู้จักไม่”
หวางฮวายเหล่ยขมวดคิ้ว ในใจสงสัยว่าจะไม่รู้จักได้อย่างไร แล้วเก็บความสงสัยนั้นลงไป หวางฮวายเหล่ยมีสีหน้าเป็กังวล “เป็ความจริงหรือ? แต่ข้ารู้สึกเหมือนทางเต๋อรั่วผู้นั้นจะรู้จักคุณชายอ๋าวอย่างไรอย่างนั้น”
อ๋าวหรานตกตะลึง “จะเป็ไปได้อย่างไร? ข้าไม่เคยพบเขามาก่อน ตระกูลทางข้าก็ไม่เคยได้ยิน”
หวางฮวายเหล่ยนวดขมับ สีหน้าที่มองอ๋าวหรานดูห่วงกังวลเป็อย่างยิ่ง
อ๋าวหรานอึ้งไป “พี่ฮวายเหล่ยเป็อะไรไปหรือ?”
หวางฮวายเหล่ยจับไหล่อ๋าวหรานแล้วพูดอย่างรีบร้อน “เช่นนั้นเ้าต้องระวังเขาให้ดี เหมือนว่าเขาจะไม่เป็มิตรกับเ้าเอามากๆ”
อ๋าวหรานตกตะลึงเป็อย่างยิ่ง การปรากฏตัวของทางเต๋อรั่ว ทุกคนล้วนดูออกว่าเขาไม่ธรรมดา หากถูกเขาหมายหัวเข้านับว่าเป็ปัญหาแล้ว อ๋าวหรานตื่นตระหนกจนยึดจับหวางฮวายเหล่ยไว้ ร้อนรนจนพูดติดๆ ขัดๆ “เป็...เป็ไปได้อย่างไร! ข้าไม่รู้จักเขาแม้แต่น้อย! และไม่เคยล่วงเกินเขามาก่อนด้วย!”
เมื่อตระหนกใติดๆ กันสามครั้งก็ทำให้หวางฮวายเหล่ยไม่อาจไม่เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว อ๋าวหรานดูเหมือนจะไม่รู้จักทางเต๋อรั่วจริงๆ แม้จะสืบรู้เบื้องลึกของทางเต๋อรั่วไม่ได้ แต่ก็นับว่าวางใจได้ อย่างน้อยอ๋าวหรานก็ยังไม่เคยใกล้ชิดกับทางเต๋อรั่วผู้นั้น
หวางฮวายเหล่ยยังคงรักษาท่าทางเป็ห่วงเป็ใยนั่นไว้ “ราวกับว่าเขามาหาเ้าเพื่อหาของอะไรบางอย่าง เ้ามีของสิ่งใดเป็พิเศษหรือไม่?”
อ๋าวหรานทั้งร้อนรนทั้งสงสัย “ของอันใด ข้าไม่มีอะไรแม้แต่น้อย บ้านข้าล่มสลาย คนในบ้านล้มตายไปหมดแล้วยังจะมีอะไรได้อีก?”
หวางฮวายเหล่ยขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก แต่สีหน้ากลับดูจริงใจราวกับเข้าใจอย่างลึกซึ้ง “จริงหรือ? พี่อ๋าวไม่บอกข้าก็ไม่เป็ไร อย่างไรเสียพวกเราก็ยังไม่นับว่าสนิทกัน ข้าแค่อยากจะเตือนพี่อ๋าวว่าต้องระวังตัวให้มาก!”
อ๋าวหรานส่ายหน้า “จะเป็ไปได้อย่างไร พี่ฮวายเหล่ยอย่าพูดเยี่ยงนี้เลย ข้ายังคงจดจำเสมอว่าพี่ฮวายเหล่ยดีต่อข้า ข้าไม่คิดปิดบังเ้าแน่นอน ตกลงว่าทางเต๋อรั่วผู้นั้นเป็เช่นไรกันแน่”
หวางฮวายเหล่ยฝืนหัวเราะออกมาสองที “ข้า...ข้าก็แค่ได้ยินมาคร่าวๆ ทางเต๋อรั่วผู้นั้นพูดน้อยมาก ข้าก็รู้เพียงแค่นี้ เป็ห่วงเ้าจึงได้รีบร้อนมาหา”
เหตุใดถึงไม่รู้อะไรเลย? ตกลงว่าจริงหรือกำลังหลอกกันแน่
อ๋าวหรานลากตัวหวางฮวายเหล่ยเข้ามาอย่างตระหนกใ “พี่ฮวายเหล่ย ท่านคงไม่ได้ฟังผิดมาใช่หรือไม่!”
หวางฮวายเหล่ยในใจรู้สึกสับสนวุ่นวาย สีหน้าของอ๋าวหรานดูเหมือนไม่ได้โกหกจริงๆ สีหน้าที่ตื่นตระหนกและร้อนรนนั้นดูอย่างไรก็ไม่ใช่การแสดงแน่ แล้วไหนจะยังท่าทางที่ไม่รู้เื่รู้ราวนั่นอีก เป็จริงจนเขาไม่อาจสงสัยได้ หากว่าความใสงสัยทั้งหมดที่เขามีล้วนเป็การแสดงแล้วละก็ เช่นนั้นคนผู้นี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว หวางฮวายเหล่ยอดจ้องมองอ๋าวหรานไม่ได้ ดวงตาคู่นั้นราวกับว่าไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย
อ๋าวหรานถูกเขาจ้องมองจนรู้สึกแปลกใจ “ทำ...ทำไมหรือ? พี่ฮวายเหล่ยมี...มีปัญหาอะไรหรือไม่?”
หวางฮวายเหล่ยส่ายหน้า กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างก็กลับถูกขัดคอขึ้น
“อ๋าวหราน เจอกันอีกแล้วนะ”
อ๋าวหรานแค่ได้ยินเสียง มุมปากก็อดกระตุกขึ้นไม่ได้
“หวางฮวายเหล่ย เ้าก็อยู่ด้วยหรือ เหตุใดถึงไม่รู้ว่าพวกเ้าสองคนสนิทกัน?”
หวางฮวายเหล่ยเองก็ถูกทำให้ใเช่นกัน “จิ่ง...จิ่งเซิ้ง! เหตุใดเ้าถึงมาอยู่...อยู่ที่นี่?”
จิ่งเซิ้งยิ้มอย่างชั่วร้าย “ก็แค่ผ่านมาเท่านั้น อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็บ้านของข้า ข้าจะไปโผล่ที่ไหนก็สมเหตุสมผลมิใช่หรือ”
หวางฮวายเหล่ยกลืนน้ำลาย สีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง “แน่...แน่นอน”
เชิงอรรถ
พังพอนมาสวัสดีปีใหม่ไก่ จะหวังดีได้อย่างไร1(黄鼠给鸡拜年 没安好心)หมายถึงต่อหน้าทำเป็รักใคร่ห่วงใย แต่ใจจริงมุ่งร้ายไม่หวังดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้