“ท่านปู่ กลับไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าตามไป!”
“เหล่ยเอ๋อร์ ระวังตัวด้วย ่นี้ในเมืองอวิ๋นหลิวไม่ค่อยสงบนัก”
ถังจงเวยรู้ว่าถังเหล่ยมีเื่ที่ต้องไปทำ จึงสั่งไว้ไม่กี่คำเท่านั้น
ถังเหล่ยพยักหน้า จากนั้นก็เดินไล่ตามหลังร่างนั้นในฝูงชนไป
ฝูงชนเริ่มทยอยกันกลับ นอกจากตระกูลของผู้เข้าแข่งขันที่ตายไปเ่าั้ คนส่วนใหญ่ล้วนพอใจกับการประลองวันนี้มาก
หลังจากที่เยียนหลิงซานประกาศจบงานก็จากไป เื่ที่เหลือล้วนมอบให้เยว่มู่จือจัดการต่อ
ศพบนลานประลองทั้งหมดถูกครอบครัวของผู้ตายนำกลับไป แต่รอยเืที่แห้งกรังบนพื้นยังคงเด่นชัด
ชายหนุ่มชุดดำสองคนที่ได้รับชัยชนะจากไปอย่างเงียบๆ ไม่นานทั้งสองก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่งของเมืองอวิ๋นหลิว จากนั้นเงาดำสามสี่สายก็ตามพวกเขาเข้าไปในซอย
“พวกท่านออกมาเถอะ ทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบตามพวกเรามามีเป้าหมายอะไร?”
ชายหนุ่มชุดดำทั้งสองหยุดอยู่ในตรอกเล็ก รอบด้านมีแต่กลิ่นอาหารเหม็นเน่า
“พวกเ้าสองคนไม่ใช่คนของเมืองอวิ๋นหลิว ถึงจะไม่รู้ว่าแฝงตัวเข้ามาได้อย่างไร แต่ในเมื่อเ้ากล้าสังหารนายน้อยตระกูลข้า เช่นนั้นก็ชดใช้เสียเถอะ!”
เงามืดที่อยู่ด้านหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธจัด จากนั้นด้านหลังของเขาก็ปรากฏสุนัขสีทองตัวหนึ่ง
ทั้งสี่คนล้วนเป็ระดับผู้ชำนาญยุทธ์ จัดการกับชายหนุ่มสองคนน่าจะง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
แต่ชายหนุ่มสองคนไม่ขยับเขยื้อน ใบหน้าพวกเขาเผยรอยยิ้มดูถูก
ขณะที่คนด้านหน้าเพิ่งพุ่งเข้าไป เขาก็พบว่าคนที่มาด้วยกันล้มลงไปกองกับพื้นและมีเืสีดำไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้ว
“ใครกัน!?”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด ก็มีมือั์สีดำข้างหนึ่งทะลวงอกของเขา
ร่างนั้นพลันล้มลง หัวใจเต้นตุบตับอยู่ในฝ่ามือของอีกฝ่าย
“คารวะศิษย์พี่ใหญ่!”
ชายหนุ่มชุดดำทั้งสองรีบคำนับ
จากนั้นร่างที่สวมชุดคลุมสีดำก็ปรากฏตัวออกมา หัวใจในมือของเขาเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว และคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมดำนั้นก็ส่งเสียงครางออกมาอย่างพึงพอใจ
“เฮยหยิ่ง เ้ากล้าขัดคำสั่งของอาจารย์หรือ? เ้าใช้ิญญายุทธ์ตอนประลอง รึเ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เสียแล้ว!?”
“ศิษย์พี่ใหญ่โปรดไว้ชีวิตด้วย ตอนนั้นข้าร้อนรน จึงใช้พลังิญญายุทธ์ไปเล็กน้อย ไม่มีใครเห็นแน่ ศิษย์พี่ใหญ่อย่าบอกอาจารย์นะ!”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเฮยหยิ่งรีบคุกเข่าลง ถ้าอาจารย์รู้เื่นี้เข้า คงยากที่จะหนีความตายพ้น
“เพราะยามนี้พวกเ้ายังมีประโยชน์อยู่ ข้าจึงไม่บอกท่านอาจารย์ แต่ถ้าครั้งหน้าเ้ากล้าขัดคำสั่งและทำลายแผนการของอาจารย์อีก ข้าจะฉีกเ้าเป็ชิ้นๆ ด้วยตัวเอง!”
จากนั้นร่างของทั้งสามคนก็หายไปจากในตรอก ศพทั้งสี่บนพื้นกลายเป็แอ่งเืที่ไหลลงไปในลำธาร
อีกด้านหนึ่งหลินเนี่ยนกับอาจารย์อวิ๋นเมิ่งที่เพิ่งออกจากงานแข่งขันหวู่เต้ากลับมายังที่พักในโรงเตี๊ยม
ภาพเมื่อครู่นี้ทำให้หลินเนี่ยนสั่นสะท้าน ถึงแม้นางจะสังหารสัตว์อสูรไปมากมาย แต่ก็ไม่เคยสังหารคนมาก่อน ครั้นได้เห็นภาพการสังหารหมู่นั้น จึงรู้สึกไม่สบายท้องนัก
“อาจารย์ ชายหนุ่มชุดดำสองคนนั้นคือศิษย์ของเฮยฉานฉู่จริงหรือ?”
“ไม่ผิดแน่! ถึงทักษะทางร่างกายที่ใช้จะยังตัดสินไม่ได้ ทว่าในวินาทีสุดท้ายมีชายหนุ่มคนหนึ่งใช้ิญญายุทธ์ ิญญายุทธ์ติดพิษเช่นนั้นจะต้องเป็ศิษย์ของเฮยฉานฉู่เป็แน่”
ถึงแม้เฮยหยิ่งจะใช้พลังิญญายุทธ์เพียงเสี้ยวเดียว แต่จะเล็ดลอดจากสายตาของยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์ได้เยี่ยงไร
หลินเนี่ยนพยักหน้า
“ชายหนุ่มสองคนดูแล้วอายุไม่ห่างจากข้ามาก แต่เวลาฆ่าคนกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ช่างน่ากลัวนัก”
ถึงแม้ระดับพลังของหลินเนี่ยนจะสูงกว่าพวกเขาหลายขั้น แต่ถ้าให้นางสังหารคนมากมายขนาดนั้น นางคงทำไม่ได้หรอก
“ศิษย์ทุกคนที่ถูกเฮยฉานฉู่สั่งสอนล้วนเดินออกมาจากทะเลเื ยามที่พวกเขาเพิ่งปลุกิญญายุทธ์ขึ้นมาได้ ก็ต้องเริ่มเข่นฆ่ากันแล้ว เ้าอย่าคิดว่าทุกคนจะเหมือนเ้า ขนาดสังหารสัตว์อสูรกลางดึกยังกลับมาสภาพอนาถ!”
อวิ๋นเมิ่งกลอกตาใส่หลินเนี่ยนอย่างไม่สบอารมณ์ ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันพลังของหลินเนี่ยนจัดอยู่ในระดับสูง เกรงว่าศิษย์ในตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิเทียนอวี่ก็ไม่อาจเทียบกับนางได้ เพียงแต่ประสบการณ์ของนางยังน้อยเกินไป
ดังนั้นที่อวิ๋นเมิ่งพาหลินเนี่ยนมาด้วยคราวนี้ ก็เพื่อให้นางรู้จักการต่อสู้อันโหดร้ายในยุทธภพ
“ของข้านั่นมันอุบัติเหตุ จะว่าไปแล้ว ข้า...”
หลินเนี่ยนพูดได้ครึ่งหนึ่งก็เงียบไป เพราะเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม แล้วนางก็โบกมือทักทายด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้านี้นางไม่มีวันลืม ในเทือกเขาสัตว์อสูรตอนนั้น อีกฝ่ายเคยคิดจะขโมยของของนาง แล้วยังคิดจะทิ้งสาวน้อยตัวเล็กๆ อย่างนางไว้ในที่ที่อันตรายโดยไม่สนใจไยดีอีกด้วย ถึงแม้ว่าตอนสุดท้ายเขาจะช่วยชีวิตนางไว้ แต่สิ่งที่เขาสนใจที่สุดกลับเป็แก่นอสูรระดับสามเม็ดนั้น
อวิ๋นเมิ่งมึนงง นางมองตามสายตาของหลินเนี่ยนไปก็เห็นถังเหล่ยเดินเข้ามา
หลินเนี่ยนไม่เคยมาเมืองอวิ๋นหลิวมาก่อน เหตุใดจึงมีคนรู้จักที่นี่? หรือว่าเป็รักแรกพบของสาวน้อยคนนี้? นี่มัน...
“พวกเราเจอกันอีกแล้ว ช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ!”
ถังเหล่ยเดินเข้ามาด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย จากนั้นนั่งก็ลงที่โต๊ะหลินเนี่ยน
เจอกันอีกแล้วหรือ? นี่มันเื่อะไรกันแน่?
อวิ๋นเมิ่งมองถังเหล่ย และมองหลินเนี่ยน หลินเนี่ยนติดตามนางอยู่ตลอด แทบจะไม่เคยออกจากตำหนักเมิ่งเซียน แล้วนางไปรู้จักหนุ่มน้อยคนนี้เมื่อไหร่กัน?
“ใครมีวาสนากับเ้ากัน!? แล้วทำไมเ้าถึงมาอยู่ที่นี่!?”
หลินเนี่ยนตอบสนองแทบไม่ทัน นางคิดว่าตอนที่แยกจากกันในเทือกเขาสัตว์อสูรก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เพราะยุทธภพกว้างใหญ่เกินไปและนางก็ออกจากสำนักน้อยมาก
แต่ใครจะรู้ว่าแค่ผ่านไปไม่กี่วัน ทั้งสองคนจะได้มาเจอกันอีกครั้ง อีกทั้งดูจากท่าทางแล้ว เขาจะตามนางมาตลอด
“ทำไมข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้? ในเมื่อข้าคือคนตระกูลถัง แต่พวกเ้าเหมือนจะไม่ใช่คนเมืองอวิ๋นหลิวกระมัง!”
ถังเหล่ยเหลือบมองสาวน้อย จากนั้นมองหญิงสาวด้านข้างสาวน้อย
'คนคนนี้ต้องเป็ยอดฝีมือแน่!’
หญิงสาวคนนี้ไม่ได้ปล่อยกลิ่นอายออกมาแต่อย่างใด แม้กระทั่งกลิ่นอายของผู้ฝึกตนก็ยังััไม่ได้ ราวกับเป็คนธรรมดา
แต่ถังเหล่ยเป็คนระดับไหนกัน แค่ใช้สายตาอันเฉียบคมมองท่าทางที่สูงส่งและประกายแสงในสายตาของอีกฝ่าย ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือยอดฝีมือที่มีพลังควบคุมิญญายุทธ์ในร่างที่แข็งแกร่ง หากเดาไม่ผิด หญิงสาวคนนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์
“ตระกูลถังแห่งเมืองอวิ๋นหลิวหรือ? ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าผู้นำตระกูลถัง ถังจงเวยถูกพิษเล่นงานมาสามปี แต่กลับหายดีกะทันหัน ถ้ามีโอกาสข้าก็อยากจะไปเยี่ยมตระกูลถังสักครั้ง”
เมื่อหญิงสาวได้ยินว่าชายหนุ่มเป็คนตระกูลถัง ก็สนใจขึ้นมาทันที
“หากพี่สาวอยากไปตระกูลถังก็ไม่มีปัญหาเลย ถังจงเวยก็คือปู่ของข้าเอง”
ถังเหล่ยตบหน้าอกตัวเองพร้อมกล่าวออกมา ตระกูลถังในปัจจุบัน ภายในไม่สงบ ภายนอกอันตราย หากสามารถหาพวกที่เป็ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์ได้คนหนึ่ง อันตรายนี้อาจถูกคลี่คลาย
“ใครคือพี่สาวของเ้า ไม่ต้องมาตีสนิทอาจารย์ข้า ปู่ของเ้าเป็ผู้นำตระกูลถังแล้วยิ่งใหญ่นักหรือ? อาจารย์ข้าเป็ถึง...”
คำพูดของหลินเนี่ยนถูกอวิ๋นเมิ่งหยุดเอาไว้
“ถ้าไม่รบกวน พวกเราอยากไปตระกูลถังตอนนี้เลย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้