นอกจากนี้ยังมีอีกเื่ที่สำคัญยิ่ง องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้เคยเรียนวิชาแพทย์ั้แ่เมื่อใด?
ทั้งยังดูเหมือนว่าวิชาแพทย์ของนางจะสูงส่งยิ่งกว่าท่านหมอประจำจวนเสียอีก
ไม่ว่าม่อหลิงหานจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเยว่เฟิงเกอไม่ใช่องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้ ซึ่งเป็ไปได้มากว่านางอาจเป็ผู้อื่นปลอมตัวมา โดยมีเป้าหมายในการแต่งเข้ามาจวนอ๋องเพื่อทำร้ายเขา
แต่เมื่อมองใบหน้าดวงน้อยของเยว่เฟิงเกอในยามนี้ที่กำลังโกรธจัด ปากผลอิงเถา [1] น้อยๆ นั่นกำลังยู่ขึ้น ทำให้เขาเกิดรู้สึกเหมือนอยากจะเข้าใกล้คนงามอย่างไรอย่างนั้น
ในเมื่อเมื่อคืนนี้นางยังกล้าแอบจุมพิตเขา เหตุใดเขาไม่เอาคืนเสียในวันนี้ตอนนี้เลยเล่า
ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่านางจะเป็องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้หรือไม่ ขอจุมพิตคืนก่อนค่อยว่ากัน
ในใจคิดเช่นนี้ ใบหน้าของม่อหลิงหานก็ค่อยๆ ยื่นเข้าหาเยว่เฟิงเกออย่างช้าๆ
ลมหายใจของคนทั้งคู่พ่นรดกันและกัน เยว่เฟิงเกอจึงเอนกายไปด้านหลัง เพื่อรักษาระยะห่างกับม่อหลิงหาน
แต่ในยามนี้เองมือคู่หนึ่งกลับเอื้อมมาโอบเอวเยว่เฟิงเกอไว้ กักขังนางไว้แนบชิดกับร่างตนอย่างแ่า
“ท่าน ท่านจะทำอันใด? ” เยว่เฟิงเกอเริ่มร้อนรน มือทั้งคู่ของนางกำหมัดเป็กำปั้นน้อยๆ ก่อนจะออกแรงดันม่อหลิงหานออกไป
ม่อหลิงหานไม่ตอบคำถาม เขาใช้การกระทำแสดงให้เยว่เฟิงเกอเห็นอย่างรวดเร็วว่าเขากำลังจะทำสิ่งใด
ม่อหลิงหานก้มหน้าลงจุมพิตในตอนที่เยว่เฟิงเกอยังดึงสติกลับมาไม่ได้
ยามที่ริมฝีปากของเขาทาบทับลงไปบนริมฝีปากของเยว่เฟิงเกอ ความรู้สึกใจเต้นแรงเช่นเดียวกันกับเมื่อคืนที่ทำให้เขาไม่อาจนอนหลับต่อได้ ได้หวนกลับมาอีกครั้ง
ริมฝีปากของเยว่เฟิงเกอราวกับน้ำผึ้งก็ไม่ปาน ทำให้ม่อหลิงหานไม่อยากผละออก
เยว่เฟิงเกอถูกการกระทำกะทันหันนี้ของม่อหลิงหานทำเอาตกอกใ ดวงตาทั้งคู่ของนางเบิกกว้าง มองใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่อยู่ตรงหน้า ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าควรตอบสนองกลับไปอย่างไร
เขา เขา เขา เขากำลังทำอันใด เขาจุมพิตนาง?
อ๋องน้ำแข็งคนนี้ ถึงกับกล้าลวนลามนาง
เยว่เฟิงเกอดึงสติกลับมาได้ก็ยกขาเหยียบเท้าม่อหลิงหานโดยแรง
“โอ๊ย” ม่อหลิงหานถูกเหยียบเท้าจนเจ็บ ริมฝีปากเขาผละออกห่างจากริมฝีปากของเยว่เฟิงเกอทันที
“ม่อหลิงหาน” เยว่เฟิงเกอผลักม่อหลิงหานด้วยคิดจะหมุนตัวจากไป
แน่นอนว่าม่อหลิงหานไม่ยอมปล่อยให้เยว่เฟิงเกอจากไปง่ายๆ เช่นนี้ เขาจับมือนางไว้แล้วดึงกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง
“พูดมาให้ชัดเจน พวกเราสองคน ตกลงเป็ใครกันแน่ที่สารเลว? ” ม่อหลิงหานถูกคำว่าสารเลวนั่นของเยว่เฟิงเกอทำเอาโกรธจนเกือบหลุดขำ เพียงแต่เขายังคงเม้มปากไว้แน่น ไม่ยอมให้ตนหัวร่อออกเสียง
คิดถึงว่าเขาเป็ถึงท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกสตรีตัวน้อยนางหนึ่งด่าว่าสารเลว
เยว่เฟิงเกอถลึงตามองม่อหลิงหานด้วยความกรุ่นโกรธ “แน่นอนย่อมเป็ท่าน ไม่เช่นนั้นจะเป็ข้าหรือไร”
จิตใจที่เดิมเต็มไปด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านของม่อหลิงหาน ตอนนี้เรียกได้ว่าสลายหายไปเป็ปลิดทิ้ง
“เมื่อคืนเป็ผู้ใดกันที่แอบจุมพิตริมฝีปากของเปิ่นหวาง วันนี้เปิ่นหวางเพียงจะเอาคืนก็เท่านั้น นี่หรือคือเ้าสารเลวที่พระชายาพูดถึง? หากจะถกกันว่าใครสารเลว เกรงว่าคงเป็พระชายาที่สารเลวก่อนกระมัง”
คำพูดของม่อหลิงหานทำให้เยว่เฟิงเกอหน้าแดงทันที
เมื่อหวนนึกถึงเมื่อคืนที่ตนแอบจุ๊บม่อหลิงหาน หัวใจของนางก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกแล้ว
ความรู้สึกหวั่นใจระคนตื่นเต้นเช่นนั้นเป็สิ่งที่จนถึงตอนนี้เยว่เฟิงเกอก็ยังไม่อาจลืมเลือนได้
เมื่อต้องนึกถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอีกครั้ง เยว่เฟิงเกอก็หน้าแดงก่ำ นางก้มหน้าลงไป ไม่กล้ามองม่อหลิงหานอีก
ม่อหลิงหานคิดไม่ถึงว่า เยว่เฟิงเกอจะมี่เวลาที่เขินอายจนหน้าแดงด้วย เขามองท่าทางเอียงอายน่าเอ็นดูของนาง ใจอดสั่นไหวรุนแรงไม่ได้
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในเสื้อของนางก็สั่นน้อยๆ
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าต้องมีข่าวมาจากเถาเป่าแน่
เพียงแต่ม่อหลิงหานกลับรู้สึกตกตะลึงเป็อย่างมาก เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยถาม “สิ่งใดกำลังสั่นไหวอยู่? ”
เยว่เฟิงเกอไม่กล้าบอกเื่โทรศัพท์มือถือให้ม่อหลิงหานรู้ นางแสร้งทำเป็ไม่รู้ “เมื่อครู่มีสิ่งใดสั่นไหวหรือ เหตุใดข้าไม่รู้? ”
ม่อหลิงหานจ้องเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบ คล้ายจะมองนางให้ทะลุ
เยว่เฟิงเกอหัวเราะแหะๆ อย่างโง่งมให้ม่อหลิงหานสองทีด้วยท่าทีร้อนตัว แสดงท่าทางราวกับว่าตนไม่รู้เื่ใดแม้แต่น้อย
สุดท้ายม่อหลิงหานก็ปล่อยเยว่เฟิงเกอ
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้รับอิสระก็รีบถอยหลังไปสองก้าวทันที
กระนั้นเื่ของนางก็ยังไม่ได้รับการสะสาง จึงคิดจะจัดการเื่ทางนี้ให้ลุล่วงโดยเร็ว เพื่อจะได้กลับไปดูว่าเถาเป่ามีข่าวอะไรมา
เยว่เฟิงเกอเริ่มอ้อนวอนแทนถานอี้ “ท่านอ๋อง ขอท่านอย่าได้ลงโทษองครักษ์ถานอีกเลย ขาเขาาเ็หนักมาก หากท่านยังลงโทษเขาต่อไปเช่นนี้ อาการาเ็นี้ย่อมจะเรื้อรังไปในอนาคต ถึงตอนนั้นเกรงว่าเขาคงไม่อาจเรียนวรยุทธ์ต่อไปได้อีก และยิ่งไม่อาจเข้าสู่สนามรบไปสังหารศัตรูได้”
ม่อหลิงหานที่เมื่อครู่เพิ่งจะอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่งเพราะใบหน้าแดงก่ำของเยว่เฟิงเกอ เมื่อได้ยินนางเริ่มพูดถึงถานอี้ขึ้นมาอีกครั้ง อารมณ์ดีๆ ของเขาก็เปลี่ยนเป็เลวร้ายทันที
ม่อหลิงหานเอ่ยปากอย่างเ็า “เ้าดูจะเป็ห่วงถานอี้มาก? ”
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าม่อหลิงหานกำลังเข้าใจผิดไป แต่เพื่อจะให้ถานอี้ได้กลับไปพักผ่อนโดยเร็ว นางรีบร้อนอธิบาย “ข้าเพียงเป็ห่วงคนไข้ในฐานะหมอ ข้าไม่อยากให้คนไข้ของข้า ต้องาเ็เรื้อรังต่อไปในอนาคต”
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของเยว่เฟิงเกอ อารมณ์ของม่อหลิงหานถึงได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็เอาตามเ้าว่า ข้าจะยกเลิกการลงโทษเขา” ม่อหลิงหานเองก็ไม่อยากลงโทษถานอี้เพราะเื่นี้อีกต่อไปแล้ว
เขาก้าวเท้ายาวๆ ออกไปจากเรือนอิ่งเซวียน โบกๆ มือไปทางถานอี้ แสดงท่าทีบอกให้คนกลับไปพักผ่อนได้
ถานอี้เห็นเยว่เฟิงเกอติดตามออกมาด้วย หลังจากเขาส่งสายตาซาบซึ้งในน้ำใจให้เยว่เฟิงเกอแล้ว ก็จากไปทันที
ขณะเดียวกันชิงจื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่มีผมหลุดหายไปแม้แต่เส้นเดียว นางเองก็วางใจลง
“ตอนนี้พระชายาคงจะพอใจแล้วกระมัง? ” ม่อหลิงหานหันศีรษะกลับไปมองเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าม่อหลิงหานไม่มีท่าทีจะหาเื่ถานอี้อีก สำหรับเื่นี้ นางย่อมพอใจเป็อย่างมาก
นางยิ้มหวานให้ม่อหลิงหาน “พอใจ แน่นอนว่าย่อมพอใจ ท่านอ๋องช่างเป็ท่านอ๋องผู้แสนดีที่รักและถนอมลูกน้องของตนเป็อย่างดีจริงๆ ”
ม่อหลิงหานฟังออกว่าเยว่เฟิงเกอกำลังค่อนแคะเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกโกรธ
ในระหว่างที่เขามองเงาหลังที่จากไปของเยว่เฟิงเกอ จู่ๆ ม่อหลิงหานก็มีความคิดที่อยากจะรู้จักนางให้มากขึ้น
แรกเริ่ม เพราะเื่ที่นางเป็วรยุทธ์ ทำให้ม่อหลิงหานเกิดความสงสัย
ถึงแม้สำหรับเขาแล้ววรยุทธ์เล็กน้อยของเยว่เฟิงเกอจะเป็แค่กระถางรองดอกไม้ [2] ก็ตาม แต่การจะฝึกมาให้ได้ถึงระดับของนางนี้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาเป็สิบปีถึงจะฝึกออกมาได้
แล้วตอนนี้นางยังแสดงความสามารถด้านวิชาแพทย์ที่สูงส่งของตนออกมาให้เห็นอีก ด้วยเื่นี้ยิ่งทำให้ม่อหลิงหานรู้สึกประหลาดใจนัก
เช่นนั้นต่อจากนี้นางจะแสดงด้านใดออกมาให้เขาได้ตื่นตะลึงอีก?
ม่อหลิงหานเริ่มรู้สึกรอคอยขึ้นมาเล็กน้อย...
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ เมื่อนึกถึงฉากที่ม่อหลิงหานจุมพิตตนไป ระหว่างทางเดินกลับ นางก็ราวกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในที่สุดก็กลับมาถึงเรือนเยว่เหยา เยว่เฟิงเกอปิดประตู จากนั้นถึงได้เปิดโทรศัพท์ดูการแจ้งเตือนของเถาเป่า
เมื่อนางเปิดดูก็พบว่า มูลค่าการซื้อในเถาเป่าเพิ่มขึ้นอีกสิบ
ตอนนี้ในเถาเป่าของนางมีมูลค่าการซื้อทั้งสิ้นหนึ่งร้อยสิบมูลค่าการซื้อแล้ว
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังรู้สึกมหัศจรรย์ใจอยู่นั้น ก็เห็นตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้น
“เนื่องจากผู้ซื้อทำภารกิจแฝงให้ท่านอ๋องมาจุมพิตได้สำเร็จ ระบบจึงขอนำส่งสิบมูลค่าการซื้อให้เป็รางวัล ขอให้ผู้ซื้อรับไว้อย่างเบิกบาน”
แรกเริ่มเยว่เฟิงเกออึ้งงันไปราวๆ สองสามวินาที ก่อนจะมุมปากกระตุกด้วยความตงิดใจ
นางโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง อารมณ์กรุ่นโกรธอย่างยากจะสงบ “นี่มันภารกิจแฝงบ้าอะไร ข้าถูกเ้าอ๋องน้ำแข็งสารเลวนั่นจุ๊บ แต่เ้ากลับให้ข้าแค่สิบมูลค่าการซื้อ แล้วนี่ยังคิดจะให้ข้ารับไว้อย่างเบิกบานอีก ไหนเ้าลองเบิกบานให้ข้าดูสักทีสิ”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดจบ ระบบของเถาเป่าก็ปรากฏตัวอักษรขึ้นมาอีกบรรทัดหนึ่ง
“หากว่าผู้ซื้อไม่ยินดีรับไว้อย่างเบิกบาน เช่นนั้นระบบจะขอเรียกคืนสิบมูลค่าการซื้อนี้กลับไป”
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าเถาเป่าตั้งท่าจะริบเอาสิบมูลค่าการซื้อนี้กลับไปจริงๆ นางก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ะโใส่โทรศัพท์ว่า “รับไว้อย่างเบิกบาน เปิ่นกงจะรับไว้อย่างเบิกบาน”
ล้อเล่นอะไรกัน สิบมูลค่าการซื้อนี้ต้องแลกมาด้วยข้อมือที่เกือบโดนท่านอ๋องทำหัก ตอนหลังยังถูกลวนลามอีก
ระบบนี่คิดจะริบคืนกลับไปเช่นนี้ วันหน้าจะยังเล่นด้วยกันได้อีกหรือ
เยว่เฟิงเกอได้แต่ด่าระบบเถาเป่าอยู่ในใจ ขณะที่ฉากหน้ากลับแย้มยิ้มพลางหัวเราะหึหึชนิดที่รอยยิ้มสุดแสนอ่อนหวานนั้นไปไม่ถึงดวงตา
จู่ๆ ระบบเถาเป่าก็มีตัวอักษรอีกบรรทัดหนึ่งปรากฏขึ้น “ในเมื่อผู้ซื้อรับไปอย่างเบิกบานแล้ว ระบบก็จะไม่ริบสิบมูลค่าการซื้อนี้คืน ขอให้ผู้ซื้อทำภารกิจต่อๆ ไปให้สำเร็จ เพื่อจะได้ได้รับมูลค่าการซื้อที่เพิ่มมากขึ้น”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ผลอิงเถา(樱桃)หมายถึง ผลเชอรี่
[2] กระถางรองดอกไม้ (花架子) หมายถึง เป็แค่เครื่องประดับที่ไม่มีความสำคัญ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้