เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงตกลงที่จะไปข้างนอกเสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวก็ยิ้มให้กัน สายตาของพวกเขาส่องประกายด้วยความร่าเริงและเดินเชิดอกขณะที่นำฉินเฟิงออกจากล็อบบี้ของแผนกการขาย
ทั้งคู่มาถึงตรงบันไดปกติที่นี่จะเป็ที่ที่พวกเขาใช้สูบบุหรี่และสูดอากาศระหว่างพัก จึงไม่ค่อยมีใครมาที่นี่ไม่มีที่ไหนดีเท่าที่นี่อีกแล้วในการจัดการฉินเฟิง
“ไอ้เด็กขี้เหม็น ในฐานะที่เป็เด็กใหม่ในบริษัท พ่อเห็นว่าแกหยิ่งมาก!”เมื่อพวกเขามาถึงตรงบันได สีหน้าของเสี่ยวหม่าก็เปลี่ยนไป
สีหน้าปกติของเขาหายไปและเปลี่ยนเป็สีหน้าโเี้แทนเขาจ้องฉินเฟิงอย่างดุดัน
“ฉันหยิ่ง? ทำไมฉันไม่เห็นรู้ตัวเลยล่ะ?” ฉินเฟิงรู้ั้แ่แรกแล้วว่าสองคนนี้ไม่ได้มีเจตนาดีแต่แค่สงสัยนิดหน่อยเพราะเขาไม่รู้จักคนพวกนี้และไม่เคยเสวนาด้วย จึงมีโอกาส 80%ที่จะมีคนส่งคนพวกนี้มาจัดการเขา
ฉินเฟิงคิดกับตัวเองทั้งหวงเจียกรุ๊ป เขาแค่ต่อยหน้าหวังเชาเท่านั้นงั้นเื่ทั้งหมดก็คงจะสมเหตุสมผลแล้ว
“ฮ่าๆๆ สมแล้วที่เป็เด็กใหม่ขนยังไม่ขึ้นแกไม่แม้แต่จะรู้ว่าหาเื่ใครอยู่ แกนี่สมควรโดนกระทืบจริงๆ”เสี่ยวหม่าหัวเราะทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นฉินเฟิงอยู่ในสายตา
ด้วยทั้งคู่ร่วมมือกันเสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวมั่นใจว่าสามารถจัดการฉินเฟิงอย่างไรก็ได้ที่้า
“โอ้? ฉันเพิ่งอยู่ในบริษัทแค่ 5 วัน และฉันก็ขาดไป 3 วันฉันไม่รู้เลยว่าหาเื่ใครอย่างนั้นด้วย พี่ชาย บอกฉันตรงๆเลยดีกว่าว่าใครส่งพวกพี่มาจัดการ ฉันจะได้เข้าใจสถานการณ์”
“ฮึ่ม...ยังไงแกก็ต้องโดนพวกเราส่งไปโรง’ บาลอยู่แล้วเราจะบอกให้เอาบุญว่าแกมันไม่มีตาและหาเื่หัวหน้าทีมหวังเขาสั่งให้เรามาสั่งสอนแกเป็การส่วนตัว” เสี่ยวหม่าบอกด้วยความร่าเริง
ฉินเฟิงเดาถูกและได้ข้อมูลที่้าแล้วดังนั้นคนพวกนี้จึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ฉินเฟิงหรี่ตาและหัวเราะทันที“งั้นนายมีแผนจะทำยังไงล่ะ?”
เสี่ยวหม่าไม่รู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาและยังคิดว่าฉินเฟิงพร้อมที่จะร้องขอความเมตตาเขาจึงยินดีกับตัวเอง “ไอ้เด็กขี้เหม็น แกหาเื่หัวหน้าทีมหวังถ้าเราไม่กระทืบแก เราคงไม่มีหน้ากลับไปรายงานหัวหน้าของพวกเราแต่แกดูสุภาพเรียบร้อยดี เอาอย่างนี้เป็ไง? เอาเงินทั้งหมดของแกมาแล้วฉันจะหักแขนทั้งสองข้างของแกและฉันจะทิ้งขาไว้ให้ไปขี้ไปเยี่ยว”
“ไอ้หนู พี่รอบคอบไหม?”
พวกมันอยากจะหักแขนเขาและเอาเงินของเขา...นั่นเรียกว่ารอบคอบเหรอ? ฉินเฟิงหัวเราะ “อืม คำแนะนำไม่เลว งั้นฉันจะหักแขนพวกนายและเอาเงินพวกนายมา”
“บัดซบ แกพูดอะไรวะ? นี่แกกวนบาทาพ่อใช่ไหม? พ่อให้โอกาสแกแล้วแต่แกยังไม่รับไว้ งั้นพ่อคนนี้จะฆ่าแก!”
เสี่ยวหม่าปะทุด้วยความเกรี้ยวกราดทันทีและพุ่งเข้ามาพร้อมกับหมัด
เขาเคยอยู่ในทีมบาสฯของโรงเรียน เขาทั้งสูงและมีออร่าน่าเกรงขาม ถ้าคนทั่วไปมายืนต่อหน้าเขาพวกเขาคงจะกลัวโดยกลิ่นอายนี้
แต่ตอนนี้เสี่ยวหม่าเผชิญอยู่กับฉินเฟิงสิ่งที่เสี่ยวหม่าเห็นั้แ่เริ่มคือฉินเฟิงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ไหวติงและทันใดนั้น ดั่งสายฟ้าแลบ ฉินเฟิงเตะเข้าที่ท้องของเสี่ยวหม่าเสี่ยวหม่าร้องด้วยความเ็ปขณะที่ร่างกายใหญ่โตของเขาลอยตกบันไดไปเขาร้องตลอดไม่หยุด
เมื่อเสี่ยวชิวเห็นเขาก็อึ้ง
ถ้าเทียบกันแล้วเสี่ยวชิว 2 คนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวหม่าคนเดียวตอนนี้พี่หม่าแพ้ฉินเฟิงไปแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นเสี่ยวชิวไม่แม้แต่จะเห็นความเคลื่อนไหวของฉินเฟิงชัดๆ
เสี่ยวชิวรู้แล้วว่าวันนี้เขาพบกับยอดฝีมือและไม่มีทางที่เขาจะยังข่มเหงฉินเฟิงได้ และถ้าฉินเฟิงไม่ข่มเหงเขาแทนเขาคงจะจุดธูปเชิดชู์
“เอ๋? ไฟแช็กฉันไปไหนเนี่ย? พี่ชายพอมีไฟแช็กบ้างหรือเปล่า? ขอยืมหน่อยสิ”
ทันใดนั้นเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปทันทีเสี่ยวชิวหยิบบุหรี่ออกมาคาบ แล้วเขาก็ขอยืมไฟแช็กจากฉินเฟิงอย่างจริงจัง
“เฮ้อ มาสูบแล้วดันลืมเอาไฟแช็กมาซะได้ พี่ชาย ดูไม่คุ้นหน้าเลยนะเพิ่งมาทำงานที่บริษัทเหรอ?”
ฉินเฟิงประหลาดใจสุดๆเขาเกือบจะคิดว่าตัวเองข้ามไปอยู่ในมิติอื่น ฉินเฟิงมองดูทักษะการแสดงของเสี่ยวชิวผู้ชนะรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมได้จุติมาบนโลกแล้ว!
เขาใช้มือจับไหล่ของเสี่ยวชิวแรงที่มหาศาลของเขาเกือบจะทำให้ไหล่ของเสี่ยวชิวเคล็ดเมื่อเสี่ยวชิวรู้ว่าเล่นละครไม่ได้ผล เขาก็กราบร้องขอความเมตตาทันที
“พี่ชาย ดะ...ได้โปรดละเว้นผมด้วย ทั้งหมดเป็เพราะไอ้หวังเชานั่นมันบังคับให้เราจัดการกับพี่ แต่เราไม่มีความขัดแย้งระหว่างกันคนที่ยิ่งใหญ่จะมีความเมตตาที่ใหญ่ยิ่ง ได้โปรดเมตตาผมด้วยเถิด”
ั้แ่ที่ฉินเฟิงเริ่มทำงานที่หวงเจียกรุ๊ปพ่อของเขาก็อายัดบัญชีธนาคารของเขา ตอนนี้เขามีเงินเพียงน้อยนิด ดังนั้นเขาจึงยิ้มให้กับเสี่ยวชิว“ฉันเกือบลืมไป ฉันไม่ได้เก็บเงินจากไอ้เวรนั่นที่โดนถีบตกบันไดไปไปเอาเงินมันมาให้ฉันหน่อยและเงินนายก็ด้วย ฉันจะรอแค่ 10 วินาที”
เมื่อฉินเฟิงพูดจบเสี่ยวชิวก็วิ่งลงข้างล่างเหมือนลม ยังดีที่เสี่ยวหม่าตกบันไดแค่ 1 ชั้นเสี่ยวชิวรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ของเสี่ยวหม่าจากกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งขึ้นบันไดขณะที่หยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองมาด้วย
“พี่ชาย! นี่ครับ!”
“ไม่เลว นายใช้เวลา 10 วินาทีเป๊ะนายมีโอกาสได้เป็นักวิ่งทีมชาติได้เลยนะเนี่ย!” ฉินเฟิงหยิบกระเป๋าสตางค์ 2ใบมาและดึงแบงก์สีแดง1รวมแล้ว 30 ใบแล้วเขาก็โยนกระเป๋าสตางค์ลงบนพื้น เขาเลิกคิ้ว“นายมีเงินแค่นี้แต่ยังเรียกนายน้อยผู้นี้มาปล้นนายอีกเหรอ? นายไม่รู้เหรอว่าฉันไม่ว่าง?”
ฉินเฟิงโกรธจริงๆและผลลัพธ์ก็ตามสมควร
ด้วยการะโเตะเสี่ยวชิวก็ตกบันไดไปพร้อมกับเสียงร้องเ็ป เขากลิ้งมาอยู่ข้างๆเสี่ยวหม่าและหมดสติไป
หลังจากจัดการกับทั้งคู่แล้วฉินเฟิงเอาเงินใส่กระเป๋า ปัดมือและกลับแผนกการขายอย่างพึงพอใจ
หวังเชาเพิ่งเห็นเสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวพาฉินเฟิงออกไปข้างนอกและกำลังรอฟังข่าวดีหลังจากรอสักพัก เขาก็ยังไม่เห็นทั้งคู่กลับมา แต่เห็นฉินเฟิงเดินเชิดหน้าออกมาแทน
“เฮ้ หวังเชา เฝ้าประตูอยู่เหรอ? ไม่เลวๆความกระตือรือร้นของนายต้องเป็ที่ยอมรับโดยหัวหน้าบริษัทเราแน่ๆ”
สีหน้าของหวังเชาบึ้งตึงทันทีตอนแรกเขาคิดว่าฉินเฟิงจะโดนส่งเข้าโรงพยาบาลแต่ใครจะรู้ว่าเขายังกวนส้นเท้าเหมือนเดิม
“ฉินเฟิง นะ...นายเห็นเสี่ยวหม่ากับเสี่ยวชิวไหม? ฉันมีบางอย่างจะบอกพวกมัน”หวังเชาฝืนข่มความโกรธของตัวเองลงและถามคร่าวๆ
“เสี่ยวหม่า? เสี่ยวชิว? ฉันไม่รู้จักมันหรอกนายจะมองหามันทำไม?” สายตาของฉินเฟิงหยีด้วยความร่าเริงเขามองดูหวังเชาแกล้งทำและคิดว่ามันสนุกจริงๆ
“ถ้านายไม่เห็นงั้นก็ไม่เป็ไร ไม่มีอะไรมาก ไปทำสิ่งที่นายต้องทำได้แล้ว”
“ก็ได้ ฟังดูดี งั้นนายก็ยืนเป็หมาเฝ้ายามต่อไปเถอะ” ฉินเฟิงกล่าวขณะหัวเราะและกลับที่นั่ง
หวังเชายืนอยู่ตรงประตูโดยไม่รู้ว่าจะอยู่หรือจะออกดีเขาหงุดหงิดจนเกือบจะกัดฟันแตกเป็เสี่ยงๆ เขาไม่เข้าใจสถานการณ์มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาให้เสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวไปสอนบทเรียนคนอื่นและพวกมันก็ทำสำเร็จโดยตลอด ทำไมวันนี้มันดูผิดปกติ?
หลังจากรอที่ประตูประมาณ10นาที ทั้งสองก็ยังไม่กลับมาหวังเชาหมดความอดทนและกลับออฟฟิศของตัวเองด้วยสีหน้าดุเดือดพร้อมกับด่าฉินเฟิงในใจหลายครั้ง
ทั้งวันที่เหลือไม่มีใครมารบกวนฉินเฟิงเสี่ยวหม่าและเสี่ยวชิวไปโรงพยาบาลและต้องอยู่ที่นั่นหลายวัน
ฉินเฟิงใช้่เวลาที่ตัวเองทำงานโดยการลวนลามสวี่รั่วโหรวในระหว่างทำงาน สวี่รั่วโหรวคิดอยากจะออกจากงานหลายร้อยครั้งฉินเฟิงน่ารังเกียจเกินไป
เธอรู้สึกเหมือนเป็แกะในถ้ำเสือ!
“รั่วโหรว เลิกงานแล้วนะ ไปกันเถอะ ฉันจะขี่จักรยานไปส่งบ้านให้เอง!”เมื่องานเลิก ฉินเฟิงบีบใบหน้าของสวี่รั่วโหรว
สวี่รั่วโหรวไม่มีแรงจะขัดขืนงานอดิเรกของฉินเฟิงที่ชอบขโมยอิสรภาพของเธอเธอตอบอย่างเอียงอาย “คะ...คุณไม่จำเป็ต้องมาส่งฉันที่บ้านก็ได้ฉันมีเื่ที่ต้องทำต่อจากนี้ คะ...คุณกลับไปก่อนเลย”
คืนนี้สวี่รั่วโหรวมีเื่ที่ต้องทำจริงๆปกติเธอต้องจ่ายค่าเช่าเหมาทุก 3 เดือนแต่เมื่อคืนผู้ดูแลของเธอบอกให้เธอจ่ายทุก 6 เดือนแทนตอนนี้เธอยังไม่ได้จ่ายอีก 3 เดือนที่เหลือไม่อย่างนั้นเธออาจจะโดนไล่ออก
เธอเพิ่งเรียนจบและเป็เด็กสาวอ่อนแอที่เพิ่งเริ่มทำงานเธอไม่มีที่พักพิง ดังนั้นเธอจึงไม่มีเงินมาก เธอจนปัญญาและเมื่อเธอจำได้ว่าตระกูลฉินจ้างแม่บ้านพาร์ทไทม์หลังเลิกงานวันนี้เธอจึงตัดสินใจจะไปบ้านตระกูลฉินเพื่อสัมภาษณ์
“เธอจะไปทำอะไรเหรอ? ฉันไปด้วย” ฉินเฟิงยิ้ม
“มะ...ไม่เป็ไร ฉันจะไปมะ...มองหางานพาร์ทไทม์ พาคุณไปด้วยอาจจะไม่สะดวก”
“เธอเป็คุณหญิงที่ร่ำรวยด้วยเงิน 300,000 หยวนแล้วเธอจะหางานพาร์ทไทม์ไปทำไมอีก?”
“นะ...นั่นมันไม่ใช่เงินของฉัน ฉะ...ฉันจะไม่ใช้มันฉันจะเก็บเงินนั้นไว้ให้คุณ ผะ...เผื่อคุณ้า ฉันจะได้คืนให้”สวี่รั่วโหรวตกปากรับคำ
ฉินเฟิงหดหู่เล็กน้อย
สวี่รั่วโหรวไม่ได้พูดอะไรตอนที่เขาฉวยโอกาสเธอแต่ดูเหมือนว่าเธอยังรักษาระยะห่างกับเขาอยู่ เธอยังตีเส้นและไม่ยอมข้ามเส้นมา
เมื่อนึกถึงนิสัยขี้เกรงใจของเธอเธอยังมีหลักการ อาจจะด้วยภายใต้อำนาจของฉินเฟิงเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้แม้จะโดนแต๊ะอั๋งแต่เมื่อเป็เื่เงินเธอก็จะตีเส้นไว้ ในสายตาของสวี่รั่วโหรวมีแค่คู่แต่งงานเท่านั้นที่จะแชร์เงินกันได้
เป็ที่แน่ชัดว่าเธอไม่มีความรู้สึกโรแมนติกกับฉินเฟิงเลย
“ก็ได้ งั้นฉันกลับก่อนล่ะ” ฉินเฟิงกล่าวด้วยความผิดหวัง
สวี่รั่วโหรวกัดฟันเมื่อเห็นฉินเฟิงมีสีหน้าเหงาหงอยเธอรู้สึกแย่ เธอรู้ว่าฉินเฟิงก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ที่ปรารถนาความสวยของเธอแต่ฉินเฟิงแตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะเขาไม่บังคับเธอและไม่ทำอะไรที่หยาบคายเกินไป
สวี่รั่วโหรวลังเลขณะที่คิดถึงตอนที่ฉินเฟิงช่วยเธอทันใดนั้นเธอก็วิ่งไปจับมือของฉินเฟิง “ฉินเฟิงฉะ...ฉันต้องไปสัมภาษณ์งานพาร์ทไทม์คืนนี้ ขอโทษที่ไม่สะดวกนะแต่ถะ...ถ้าคุณไม่เป็ไร คะ...คุณช่วยพาฉันไปส่งด้วยจักรยานได้ไหม?”
*****************
1 ธนบัตรจีน 100 หยวน เป็สีแดง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้