บทที่ 95 การมาถึง
เมื่อมองไปที่แม่น้ำที่ถูกตัดขาดเบื้องหน้า ได้ยินเสียงสัตว์ปีศาจปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ฉู่อวิ๋นคุกเข่าลงบนพื้น ดวงตาแดงก่ำ ไม่อาจหยัดยืนได้อีกต่อไป
กำแพงูเาทั้งสองหนักมาก ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนถล่มลงมาบดขยี้สัตว์ปีศาจไปจำนวนมาก สือเหล่ยและเมิ่งซานติดอยู่ในที่แคบที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกหินหล่นทับแต่ก็คงถูกสัตว์ปีศาจขย้ำจนตาย
“พี่สือ...พี่เมิ่ง!”
ฉู่อวิ๋นเสียใจยิ่งนัก ตอนเข้ามาในป่าสีเื ทุกคนยังคงพูดและหัวเราะร่าเริงดี การเดินทางเป็ไปอย่างราบรื่น แม้ว่าเขาจะพบกับสัตว์ปีศาจบ้างเป็ครั้งคราว แต่ขอแค่ร่วมมือกันฆ่าพวกมันก็สิ้นเื่ ไม่มีอันตรายใดๆ อีก
แต่ตอนนี้กลุ่มนักรบรับจ้างที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้นได้ถูกทำลายลงแล้ว และเกือบทุกคนต้องเสียชีวิตไปในคราวเดียวกัน
กระแสสัตว์ปีศาจครั้งนี้เกิดขึ้นกะทันหันและน่ากลัวเกินไป ผู้คนถูกฆ่าตายในทันที ตอนนี้ในกลุ่มัเหล็กเหลือเพียงฉู่อวิ๋น มู่หรงซิน และเฟิงเยี่ยนเท่านั้น
“มันเป็ความผิดของข้าเอ…” ดวงตาของฉู่อวิ๋นรื้นไปด้วยน้ำตา เขากำด้ามกระบี่แน่นและพูดเบาๆ “ตำนาน... ตำนานนั้นเป็เื่จริง ิญญายุทธ์เศษเดนย่อมนำพามาซึ่งหายนะ..."
“พี่ซินเหยาถูกพาตัวไป…”
“เสี่ยวถงถูกตีขาหัก…”
“แม้แต่พี่น้องกลุ่มัเหล็ก…”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีก น้ำตาสองสายค่อยๆ ไหลอาบแก้มที่เปื้อนเืของเขาและไหลลงไปในแม่น้ำที่อยู่แทบเท้า
ดวงใจเขาคล้ายถูกมีดกรีด ใช้มือซ้ายเสยผมขึ้น ทั้งเศร้าและโกรธในเวลาเดียวกัน
“ควั่บ ควั่บ!”
ราวกับตอบสนองต่อความคิดของเขา ิญญายุทธ์กระบี่บาป์ที่อยู่ในทวารรับแสงศักดิ์สิทธิ์ระหว่างคิ้วก็หมุนไปมาพร้อมกับแสงสีดำวูบวาบ แต่พลังของมันก็ยังคงเรียบง่ายไม่หวือหวา เผยกระบี่ที่หักท่อนออกมาให้เห็นถึงความโหดร้าย
“ฉู่อวิ๋น…”
เมื่อเห็นอารมณ์ที่แหลกสลายของฉู่อวิ๋นที่กำลังคุกเข่าลงบนพื้น มู่หรงซินก็ทิ้งท่าทางร่าเริงตามปกติของนาง ขมวดคิ้วและเดินมาหาอย่างช้าๆ
นางยกมือที่บอบบางมาช่วยพยุงฉูอวิ๋นขึ้น และปลอบเขาเบา ๆ “อย่าเป็แบบนี้สิ การเสียสละของพี่สือและคนอื่นๆ ไม่ใช่ความผิดเ้า... ใครจะคิดว่ากระแสสัตว์ปีศาจจะปะทุขึ้นในคืนนี้กัน”
แววตาของฉู่อวิ๋นว่างเปล่า เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เศษเดนที่เกิดมา... ข้าต้องเป็ดาวหายนะเป็แน่ อาจเป็เพราะข้าอยู่ใกล้กับป่าสีเื กระแสสัตว์ปีศาจจึงบุกเข้ามาโจมตีพี่น้องัเหล็ก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่หรงซินก็จ้องมองด้วยความโมโหเล็กน้อย จากนั้นจึงยื่นมืออันบอบบางมาเช็ดใบหน้าขอฉู่อวิ๋น
หลังจากเช็ดคราบเืทั้งหมดแล้ว มู่หรงซินก็โอบใบหน้าของฉู่อวิ๋นด้วยมือทั้งสองข้าง มองดูเขาด้วยสายตาที่อ่อนล้าและพูดว่า “เ้าลืมตาแล้วมองเห็นให้ชัดๆ ตอนนี้ข้ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเ้า และแทบจะไม่ได้รับาเ็เลย ถ้าเ้ามีดวงกินพรรคพวกจริง แล้วข้าจะยังยืนหายใจอยู่ตรงนี้ได้หรือ?”
“พี่ซ่ง พี่สือเหล่ยและคนอื่นๆ ที่พลีชีพไปล้วนไม่ใช่ความผิดของเ้า รีบเก็บกู้สติกลับมาซะ! ไม่เช่นนั้น ด้วยสภาพในตอนนี้ของเ้า จะหนีไปถึงถ้ำลับเผ่าสุนัขได้อย่างไร? แล้วจะไปช่วยพี่สาวเ้าได้อย่างไร!?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จิตใจของฉู่อวิ๋นก็รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาด ความเศร้าและความโกรธถูกระงับไปทันที ดวงตาของเขากลับมาสดใสอีกครั้ง
ใช่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมารู้สึกหดหู่และตำหนิตัวเอง ฉู่ซินเหยาอยู่ห่างไกลที่เมืองชุยเสวี่ย ทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ในป่าสีเืมีสัตว์ปีศาจมากมาย หาก้ามีชีวิตรอด สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการหลบหนี
ชีวิตนี้แลกมากับซ่งอี้ สือเหล่ยและเมิ่งซาน ฉู่อวิ๋นจะต้องทะนุถนอมมันอย่างดี ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องละอายใจต่อพี่น้องที่อยู่ในน้ำพุทั้งเก้า[1]เป็แน่!
“จิ๊ด!”
ในเวลานี้ เสียงร้องของเสี่ยวหวงและเสียงเดินของพ่านพ่านก็ตรงมาหาเขา “อวิ๋นอวิ๋นต้องมีกำลังใจนะ เ้าเป็คนดี! เมื่อกี้หากไม่ใช่เพราะเ้าซินซินกับพ่านพ่านคงตายไปแล้ว อาฮู้ว อย่าเศร้าไปเลย”
เมื่อพูดเช่นนั้น พ่านพ่านก็ก้าวมาหาฉู่อวิ๋นโดยไม่ลังเลใจ
“ขอบคุณนะ... แม่นางพ่านพ่าน” ฉู่อวิ๋นพูดเบาๆ ด้วยดวงตาที่สดใส เขารู้ว่าพ่านพ่านกำลังปลอบใจเขาในรูปแบบของเผ่าสุนัขอยู่
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มู่หรงซินก็เลิกคิ้วขึ้น แต่สุดท้ายนางก็ละสายตาหันหลังกลับไปโดยไม่พูดอะไร
“ปัง ปัง!”
ทันใดนั้น ด้วยเสียงอันดังสนั่น น้ำในแม่น้ำก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลายเป็ฟองสีขาว
พวกเขาทั้งสามมองย้อนกลับไปและเห็นปีศาจน้ำตาทองที่เต็มไปด้วยคราบเืกำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำและส่งเสียงกรีดร้องแปลกๆ หลังจากนั้นไม่นานมันก็เสียชีวิตและกลายเป็เพียงซากปลา
“ควั่บ!”
ทันใดนั้น เฟิงเยี่ยนก็ก้าวขึ้นไปบนน้ำและกลับไปหากลุ่มคน ลมหายใจของเขาติดขัดและพูดว่า “ไม่...ไม่เป็ไร...”
“พี่เฟิง!” ฉู่อวิ๋นมองอยู่ใกล้ๆ ก็เห็นว่าใบหน้าของเฟิงเยี่ยนซีดเผือด หน้าอกและหน้าท้องของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลมากมาย เืไหลเปรอะไปทั่วใบหน้า ดูดุร้ายมาก ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะรีบประคองเขาให้ลุกขึ้น “ท่านาเ็สาหัสมาก! ท่าน... ไม่เป็ไรใช่หรือไม่?”
“วางใจเถอะ... ไม่ต้องกังวล ข้าจะพาพวกเ้าไปที่ถ้ำลับเผ่าสุนัขแน่นอน… อึก!” เฟิงเยี่ยนกระอักเืในขณะที่พูด ทำให้ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและรีบหยิบยาห้ามเืออกมาสองสามเม็ดจากวงแหวนอวกาศให้เฟิงเยี่ยนทันที
แต่เฟิงเยี่ยนได้รับาเ็สาหัสและเกือบจะเสียชีวิตในการเผชิญหน้ากับอสุรกายน้ำตาทอง เห็นได้ชัดว่ายาเม็ดเล็กๆ นี้ไม่มีผลมากนัก
ในเวลานี้ เขามองไปที่แม่น้ำที่ถูกตัดขาดตรงหน้า ใบหน้าก็หม่นหมอง และพูดอย่างอ่อนแรง “เมื่อกี้นี้... ข้าเห็นหมดแล้ว เ้าก้อนหินกับเมิ่งซาน... เฮ้อ ไม่คิดว่ากลุ่มัเหล็กที่มีชื่อเสียงและอำนาจเหนือกว่าผู้ใดของเรา ภายในข้ามคืนจะถูก…”
ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำว่า “ทำลายสิ้น” เฟิงเยี่ยนก็หลั่งน้ำตาออกมาและร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่ว่าเขาจะสงบแค่ไหน แต่ก็อดรู้สึกเ็ปในใจไม่ได้ เมื่อต้องมาเผชิญความจริงที่โหดร้ายนี้
ภายใต้กระแสสัตว์ปีศาจ มนุษย์ที่อ่อนแอล้วนเป็แค่มดแมลง และกลุ่มัเหล็กก็สิ้นสลายแล้ว
ฉู่อวิ๋นถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปั่นป่วนด้วยความสงสัยในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับป่าสีเืกันแน่? เหตุใดสัตว์ปีศาจจึงออกอาละวาด? นี่มันน่าสงสัยเกินไปแล้ว!
“วิ้ง--"
ท้องฟ้ายามค่ำคืน เมฆสีแดงลอยล่อง แสงจันทร์เปล่งประกาย นกจำนวนนับไม่ถ้วนบินข้ามท้องฟ้า ก่อตัวเป็เงามืดและส่งเสียงร้องอย่างไม่หยุดหย่อน
ค่ำนี้คือนิศาแห่งการวายชนม์ เพื่อเป็ปฐมบทแห่งความบ้าคลั่ง สัตว์ปีศาจเริ่มปรากฏตัวขึ้นในป่าสีเืมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สัตว์ปีศาจบางสายพันธุ์ที่หลับใหลมานานก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับพลังอันแข็งแกร่ง
สัตว์ปีศาจทั้งหมดล้วนบ้าคลั่ง ทั้งสุ่มโจมตี ทั้งต่อสู้กันเอง ทั้งยังสังหารหมู่นักรบรับจ้างทั้งหมดในป่า ตอนนี้อันตรายมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซากศพเกลื่อนกลาดกองพะเนิน
“สหายฉู่ ข้าไม่เป็ไร เราออกเดินทางกันเถอะ” เฟิงเยี่ยนที่ฟื้นฟูอาการาเ็ได้เล็กน้อยแล้วก็ลุกขึ้นยืน ยามนี้มีสัตว์ปีศาจคำรามอยู่รอบตัว ในไม่ช้า ที่นี่จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
“อืม พี่เฟิง ตอนนี้ท่านาเ็อยู่ ให้ข้าเดินนำหน้าให้ดีกว่า อย่างไรเสียก็คงไม่มีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งอยู่แถวนี้อีก”
ฉู่อวิ๋นรู้มาจากพ่านพ่านว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากถ้ำลับเผ่าสุนัข ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึง ยิ่งกว่านั้น ตามคำบอกเล่าของพ่านพ่าน นอกจากปีศาจน้ำตาทองก็ไม่มีสัตว์ปีศาจตัวอื่นอีก จึงค่อนข้าปลอดภัย
ตราบใดที่เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจที่ดุร้ายหรือที่มากันเป็ฝูงใหญ่ ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉู่อวิ๋น หลังจากฟื้นพลังปราณแล้ว เขายังสามารถรับมือกับมันได้
จากนั้น ภายใต้การนำของฉู่อวิ๋น ทุกคนรีบเร่งไปทางทิศหรดีของแม่น้ำทันที
“หือ? นี่คืออะไร?!”
ในขณะที่ฉู่อวิ๋นก้าวเข้าไปในใจกลางแม่น้ำและกำลังจะผ่านร่างของปีศาจน้ำตาทอง เขาก็เห็นร่างของปีศาจปลาเรืองรองด้วยแสงสีทองและรัศมีอันเป็มงคล ทั้งพร่ามัวและสวยงาม
ทว่าสิ่งนี้กลับทำให้ฉู่อวิ๋นตื่นตัว เขาชี้กระบี่ชื่อยวนไปที่ซากปลา ด้วยคิดว่าปีศาจปลากำลังจะฟื้นคืนชีพ เพราะเขาหวาดกลัวจริงๆ
ต้องรู้ว่า ตอนนี้เฟิงเยี่ยนได้รับาเ็สาหัสและไม่มีพลังจะต่อสู้แล้ว ไม่อาจปะทะกับสัตว์ปีศาจได้อีก
“จอมยุทธ์ฉู่... อย่าใไป…” ใบหน้าที่ซีดเซียวของเฟิงเยี่ยนแสดงให้เห็นถึงความยินดีและอธิบายว่า “ดูเหมือนว่าโชคของเรายังไม่ถึงขั้นเลวร้ายที่สุด นี่คือแกนสัตว์อสูร”
“แกนสัตว์อสูร?” ฉู่อวิ๋นถาม
“เ้าคงจะสังเกตได้ว่าสัตว์ปีศาจจะปล้นพลังิญญาเพื่อไปบำรุงร่างกายของมันและสร้างเป็แกนสัตว์อสูร มันสามารถแปลงร่างเป็สัตว์อสูรและพลังการต่อสู้ของมันก็จะสูงขึ้น แต่ในฐานะแหล่งที่มาของพลัง หากสัตว์อสูรตายไปแกนสัตว์อสูรก็จะหายไปด้วย”
“ทว่าบางครั้งก็มีสถานการณ์ที่พิเศษเกิดขึ้น แกนสัตว์อสูรจะควบแน่นอยู่ในศพของสัตว์อสูร เห็นได้ชัดว่า แกนสัตว์อสูรของอสุรกายน้ำตาทองตัวนี้จะออกมาจากลำตัวของมัน ดูเหมือนว่า์ไม่ได้คิดจะฆ่าพวกเราทุกคน” เฟิงเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
เขาเดินบนน้ำไปที่ซากปลา ทนความเ็ป เหวี่ยงมีดบินพลังปราณผ่าหัวปลาออก มองเห็นข้างในกำลังเดือดปุดๆ และมีก้อนกลมๆ เล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วกำลังเปล่งแสงสีทองส่องสว่าง
“มูลค่าของแกนสัตว์อสูรนั้นสูงมาก สามารถใช้เป็วัสดุในการหลอมอาวุธและกลั่นยาได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้นักรบดูดซับพลังิญญาจากมันได้โดยตรง ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโ จอมยุทธ์ฉู่ เ้าเก็บไว้เถอะ"
เฟิงเยี่ยนดูมืดมนและเฉยชา เห็นได้ชัดว่าการล่มสลายของกลุ่มัเหล็กทำให้เขาท้อแท้และไม่้าจะก้าวหน้าในวิชายุทธ์อีก
เมื่อมองดูสีหน้าเศร้าโศกของเฟิงเยี่ยน ฉู่อวิ๋นก็พูดอะไรไม่ออก เขาหยิบก้อนทองคำเล็กๆ ออกมาจากหัวปลาแล้วมองดูอีกสองสามครั้งด้วยความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“น่าเสียดาย... ขณะนี้ข้ากำลังอยู่ในขั้นฝึกร่างกาย และความสามารถของกระบี่บาป์ในการดูดซับพลังิญญานั้นแข็งแกร่งเป็พิเศษ แกนสัตว์อสูรนี้มีพลังิญญาอยู่มาก แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีผลกับข้าสักเท่าไร”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็ส่ายหัวและถอนหายใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับสมบัติด้วยความโชคดี แต่มันกลับได้ผลเพียงเล็กน้อย
“จิ๊ด จิ๊ด!”
ทว่าในยามนี้ ดวงตาของเ้าลูกขนฟูตัวน้อยสว่างวาบ ร่างกายของมันสะดุ้งโหยงและะโออกมาจากอ้อมกอดของพ่านพ่าน ขึ้นไปบนฝ่ามือของฉู่อวิ๋น ขนทั่วตัวของมันลุกชัน มันรู้สึกตื่นเต้นมาก
มันจ้องมองที่แกนสัตว์อสูรสีทองด้วยดวงตากลมโต น้ำลายไหลหยด แต่ก็ไม่กล้าที่จะบังอาจเกินไป ทำได้เพียงมองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยสีหน้าขอร้องเท่านั้น
“เอ่อ... เสี่ยวหวง เ้าอยากกินหรือ?”
“จิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด—!”
“ได้... ก็ได้ อย่างไรเสียถ้ารอดไปไม่ได้ แกนสัตว์อสูรนี้ก็ไม่มีประโยชน์... เอ๊ะ? เ้าไม่ต้องรีบขนาดนั้น!"
ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะพูดจบ เสี่ยวหวงก็แทบรอไม่ไหว มันเปิดปากกลืนแกนสัตว์อสูรเข้าไปทันที แถมยังเรอออกมาให้ได้ยินอีกด้วย
ทันใดนั้น มันก็ะโเด้งตัวสองสามครั้งแล้วขึ้นไปบนไหล่ของฉู่อวิ๋นอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงร้องแหลมราวกับว่ามันได้กินยาและรู้สึกดีขึ้นมาก
เหตุการณ์นี้จบลงอย่างรวดเร็ว ฉู่อวิ๋นและพรรคพวกก็เริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าผ่านผืนน้ำ รักษาแถวของขบวนไว้แม้จะกลับขึ้นมาบนดินแล้ว
ด้วยคำแนะนำของพ่านพ่าน แม้ว่าเขาจะพบกับสัตว์ปีศาจอยู่บ้างกลางทาง แต่เพียงชั่วอึดใจฉู่อวิ๋นก็สามารถสังหารมันได้ในทันที ราวกับว่าเขาต่างหากที่เป็สัตว์ปีศาจ
หลังจากสังหารจบไปรอบหนึ่ง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงถ้ำลับเผ่าสุนัข
มองเห็นูเาหินตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เถาวัลย์พันเกี่ยวคดเคี้ยว กิ่งก้านแตกแขนงไม่จบสิ้น ใบไม้เขียวสดสยายเต็มใบ กลิ่นหอมของดอกไม้ชวนให้หลงใหล แลดูสดชื่นเป็พิเศษ ในพื้นที่อันน่าสะพรึงกลัวแห่งนี้ ที่นี่ราวกับสรวง์
เมื่อเห็นถ้ำลับที่อยู่ด้านล่างของูเาหิน ทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและดูมีความสุข พวกเขาฝ่าฟันเป็ตายกันมาทั้งคืน และในที่สุดก็มาถึงสถานที่ปลอดภัยแห่งเดียวในป่าสีเื
“หืม? เดี๋ยวก่อน มีกลิ่นอายสังหาร!” ในขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปยังถ้ำ จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ขนลุกชันและะโบอก ยามนี้ เขารู้สึกว่ามีดวงตาที่ไร้ความปราณีหลายคู่จ้องมองมาที่พวกเขา
พลังปราณนี้แรงมาก! และไม่ใช่แค่พลังสายเดียว!
----------
[1] โลกยมบาล