แม้อวี้อ๋องจะเป็ชายหนุ่มที่ดูแปลกพิกล แต่เฉียวเยว่สาบานได้เลยว่า ฝีมือการทำขนมของเขาล้ำเลิศยิ่งนัก
จากประสบการณ์ด้านการชิมขนมมาตลอดหลายปีของนาง เขาเหนือชั้นมากจริงๆ
เฉียวเยว่มองอวี้อ๋องตาปริบๆ พยายามต้านทานต่อสิ่งล่อตาล่อใจ แต่ก็ดูเหมือนจะตบหน้าตนเองอยู่ทุกนาที
"เฉียวเยว่" อวี้อ๋องเรียกเสียงเบา
"ท่านพี่อวี้อ๋อง" เฉียวเยว่ขานรับทันควัน
น้ำเสียงหวานเป็หลายเท่าตัว ความคิดของซือหม่าเจา คนผ่านทางก็ยังล่วงรู้! [1]
"เ้า... อยากกินขนมหรือไม่?"
เฉียวเยว่ข่มกลั้นน้ำตาซึ่งอาบย้อมใบหน้าด้วยความเศร้า เงยหน้าขึ้นมองบิดา ก่อนที่จะเอ่ยเสียงเบา "ท่านพ่อ ข้ากินขนมได้หรือไม่?"
ท่าทางที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังของนางช่างน่าเอ็นดูยิ่ง
ซูซานหลางนึกทอดถอนใจ อวี้อ๋องหาใช่คนดีอันใดเลย บุตรสาวตัวน้อยของพวกเขาก็ไม่มีความหนักแน่นเอาเสียเลย
ทว่า... ท้ายที่สุดก็ไม่อาจต้านทานแววตาอันน่าสงสารและความตะกละตะกลามของบุตรสาวได้
"เ้าไปถามท่านพี่อวี้อ๋องของเ้าเอาเองว่าจะให้เ้าหรือไม่"
เฉียวเยว่หันไปยิ้มให้อวี้อ๋องด้วยรอยยิ้มแสนหวาน "ท่านพี่อวี้อ๋องดีที่สุด ท่านพี่อวี้อ๋องเป็ต้นไม้หยกล้อลม องอาจกล้าหาญเหนือสามัญ ดุจดั่งดอกโบตั๋นราชันแห่งบุปผา ท่านพี่อวี้อ๋องของข้าดีที่สุด" เื่ตบสะโพกม้าทำนองนี้ เฉียวเยว่ให้คะแนนตนเองถึงเก้าสิบเก้าส่วน อีกคะแนนหักไว้มิให้ตนเองหลงระเริง
"ท่านพี่อวี้อ๋อง ท่านมอบขนมให้ข้าได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่เอียงคอมองรัชทายาท "เสด็จพี่รัชทายาท ท่านพี่อวี้อ๋องทำขนมอร่อยที่สุด ใช่หรือไม่? เหมือนดั่งเทพเซียนที่สามารถเสกหินให้เป็ทอง จากขนมธรรมดา เขาก็สามารถบันดาลให้เป็ของอร่อยแสนจะยอดเยี่ยมได้ จริงหรือไม่?"
รัชทายาท "..."
อวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ "เฉียวเยว่เยินยอคนเก่งจริงๆ ทุกคราที่ได้รับจดหมายจากเ้า ข้าก็รู้สึกว่าตนเองไม่คล้ายเป็มนุษย์เข้าไปทุกที"
"ข้าพูดทุกคำล้วนเป็ความจริงทั้งนั้น" เฉียวเยว่ทำสีหน้าจริงจัง
อวี้อ๋องกวักมือเรียก เฉียวเยว่หันไปมองบิดามารดาปราดหนึ่ง ก่อนจะวิ่งไปข้างกายอวี้อ๋อง เงยหน้าดวงน้อยแล้วอ้าปาก "ท่านป้อนข้าได้หรือไม่?"
ภาพเหตุการณ์นี้... ไม่อาจดูได้อีกแล้ว
ซูซานหลางพลันรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด
อวี้อ๋อง "ได้สิ ป้อนก็ป้อน"
เขาหยิบขนมชิ้นหนึ่ง ขณะยื่นเข้าไปใกล้กับดวงหน้าของเฉียวเยว่ก็ถูกนางงับเข้าปาก แล้วกินจนหมด
"ท่านพี่อวี้อ๋องเก่งสุดยอดไปเลย"
ดูเหมือนว่าอวี้อ๋องจะอารมณ์ดีไม่เลว เขาเงยหน้าหันไปพูดกับไทเฮา "เสด็จย่าทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ เฉียวเยว่น่ารักมากใช่หรือไม่?"
ไทเฮาแย้มพระสรวลน้อยๆ ใช่ น่ารักมาก แต่ก็ดูโง่งมอยู่ไม่น้อย
ทว่าไทเฮามิได้ตรัสสิ่งใดนับเป็การไว้หน้าซูซานหลาง
อวี้อ๋องอุ้มนางขึ้นมานั่งบนตักของตนเอง หยิบขนมให้อีกหนึ่งชิ้น เฉียวเยว่กินขนมลงไป แล้วหันมากอดคออวี้อ๋อง "ท่านพี่อวี้อ๋องดีที่สุด ข้าชอบท่านพี่อวี้อ๋องที่สุด"
ไทเฮาทรงหัวเราะเบาๆ ตรัสว่า "ข้าว่าจิ่นเอ๋อร์คงต้องผิดหวังแล้ว ข้าจำได้ เมื่อก่อนเ้ามักระลึกถึงแม่หนูน้อยคนนี้ มักเอาของกินให้นางเป็ประจำ แต่ดูจากตอนนี้ แม่หนูน้อยกลับเห็นแม่นมเป็มารดาเสียแล้ว"
คำกล่าวนี้มีความหมายที่ล้ำลึกแอบแฝงอยู่ พูดตามตรง ไม่ใช่ความหมายที่ดีนัก ผู้ที่นั่งอยู่ล้วนเป็สนมชายา ย่อมจะมีความคิดเป็ของตนเอง
ฮองเฮาหลุบพระเนตร
แต่รัชทายาทกลับไม่มีท่าทีตอบสนองเป็พิเศษ เพียงแค่ยิ้มบางๆ "ทุกคราที่เห็นเฉียวเยว่กิน ข้าก็รู้สึกว่าของสิ่งนั้นเป็อาหารเลิศรสที่หายากในโลกนี้ นางยังเล็กแค่นี้ ย่อมจะตะกละบ้างเป็ธรรมดา พูดตามตรง ทุกคราที่ข้าได้กินขนมของญาติผู้พี่ก็รู้สึกว่าหยุดไม่ได้เหมือนกัน"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ใช่แล้ว เดิมทีข้าไม่รู้ว่าท่านพี่อวี้อ๋องทำขนมอร่อย เสด็จพี่รัชทายาทแนะนำแก่ข้า เขาชื่นชมท่านพี่อวี้อ๋อง ต่อมาข้าก็เลยตกหลุมไปอีกคน"
เฉียวเยว่ทำแก้มป่องเป็ซาลาเปา "ข้าตะกละที่สุด จึงเป็เหตุให้ทั้งตัวอวบอ้วนมีแต่เนื้อ แต่ข้าก็รู้ว่าเสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่มิรังเกียจข้า"
ไทเฮาเลิกพระขนง "อ้อ? ไม่รังเกียจเ้า? เพราะเหตุใดถึงไม่รังเกียจล่ะ?"
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยีตอบเสียงดัง "เพราะเสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่ล้วนเห็นข้าเหมือนน้องสาวร่วมอุทร เมื่อเป็น้องสาวแท้ๆ ย่อมจะไม่รังเกียจ ข้าซุกซนเยี่ยงนี้ ก็ไม่มีผู้ใดรังเกียจเดียดฉันท์
รอบด้านตกอยู่ในความเงียบ แต่ซูซานหลางกลับเบิกบานใจ ั้แ่เฉียวเยว่ของพวกเขาเข้าประตูมาจนถึงบัดนี้ นี่คือคำพูดที่ถูกต้องที่สุด
"ข้าเป็น้องสาวแสนดี ข้าจะปกป้องเสด็จพี่รัชทายาท ปกป้องพี่จื้อรุ่ย ดังนั้นพวกเขาจึงเอาของอร่อยมาให้ข้า" เฉียวเยว่หันไปหาอวี้อ๋อง "ท่านพี่อวี้อ๋อง ท่านมาเป็พี่ชายของข้าดีหรือไม่?"
อวี้อ๋องมองพิจารณาเฉียวเยว่ั้แ่หัวจรดเท้า ท่าทางลังเลและรังเกียจรังงอนอยู่บ้าง "แต่ข้าว่าเ้าอ้วนไปหน่อย ต่างกับความนิยมชมชอบของข้า"
ฟังมาถึงตรงนี้ เฉียวเยว่ก็รู้สึกว่านี่เป็คำปฏิเสธที่ฟังดูไม่มีความจริงใจสักนิด
"แต่ข้าน่ารักนะ ปากก็หวาน ท่านไม่ชอบฟังถ้อยคำหวานหูหรอกหรือ? ข้าจะบอกให้ ข้านี่แหละแตงหวานน้อย"
อวี้อ๋องได้ยินแล้วก็ขำพรืดออกมา เขามักจะทำท่าเฉยชา คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มจนเคยชิน ยามยิ้มจึงทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าน่ากลัวมาก สามารถเป็เช่นตอนนี้ได้ ทุกคนก็ตกตะลึงแล้ว
แม้ว่าทุกคนจะประหลาดใจ แต่เฉียวเยว่กลับไม่สังเกตแม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับยังพูดจริงจัง "ข้าเป็คนดี ไม่ต้องห่วง ข้าจะคุ้มครองท่านเอง"
พูดจบก็ตบบ่าของอวี้อ๋อง
มือน้อยๆ ที่ตบลงมาบ่าของเขา นางเพิ่งเอาไปเช็ดปากมา อวี้อ๋องมองบ่าของตนเองด้วยแววตาว้าวุ่น
เฉียวเยว่ประคองใบหน้าของอวี้อ๋อง "ข้าจะเป็น้องสาวที่ดี"
อืม ข้าจะต้องเอาหนุ่มโสดเลี่ยมทองของเมืองหลวงมาเป็พี่ชายตนเองเสียให้หมด ถึงจะออกไปเดินโอ้อวดได้ บิดาข้าก็ไม่ต้องวิตกว่าข้าจะต้องแต่งงานให้คนโรคจิตที่ไหนอีก
เฉียวเยว่รู้สึกว่าระดับสติปัญญาของตนเองได้คะแนนเต็มร้อย
กดไลค์ให้ตัวเองเลย!
ภายในใจของอวี้อ๋องรู้สึกพังทลาย เขามองมือเล็กจ้อยที่ยังมีเศษขนมติดอยู่ ท่าทางจนใจสุดพรรณนา "มือสกปรก ไม่ควรไปลูบคลำผู้อื่น"
"น้อมรับบัญชา" เฉียวเยว่พยักหน้า
ไท่จื่อหัวเราะอย่างหนัก "ข้าเพิ่งเคยเห็นญาติผู้พี่เป็เช่นนี้เป็ครั้งแรก"
มีกลิ่นอายความเป็มนุษย์ขึ้นมาบ้าง
อวี้อ๋องชำเลืองมองเขา "การมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเป็สิ่งไม่ดี ชุดที่เ้าสวมเป็สีขาว"
รัชทายาทไม่นำพา "ข้ากลับไม่กังวลสักนิด" อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีปัญหาเื่รักความสะอาดจนขึ้นสมอง
อวี้อ๋อง "เหอะๆ"
"เฉียวเยว่ยกมือขึ้นประคองดวงหน้าน้อยของตนเอง พลางทำท่าประทับใจ "ความสัมพันธ์ของพวกท่านช่างดียิ่ง เดิมทีข้ามักเป็ห่วงเสด็จพี่รัชทายาทอยู่เสมอ ตอนนี้คงไม่ต้องวิตกแล้วล่ะ"
ฟังมาถึงคำกล่าวประโยคนี้ ใบหน้าของซูซานหลางเผือดสีเล็กน้อย นางจะรนหาที่ตายหรือไร?
แต่ไทเฮากลับจับใจความประโยคนี้ได้ "วิตกสิ่งใดหรือ?"
เฉียวเยว่ "วิตกว่าเสด็จพี่รัชทายาทจะไม่มีสหายสักคนอย่างไรเล่า เสด็จพี่รัชทายาทเปรียบดั่งเซียนน้อยจากสรวง์ ข้าย่อมเป็ห่วง ห่วงว่าผู้อื่นจะรังแกเขา ห่วงว่าเขาจะไม่มีสหายในวัง แม้ว่าพี่จื้อรุ่ยจะดีต่อรัชทายาทอย่างยิ่ง แต่เขาก็หยาบกระด้างเกินไป ขาดความรอบคอบ และพูดไม่เก่ง เถรตรงเกินไปไม่รู้จักอ้อมค้อม พวกเขาทั้งสองคนล้วนแต่ทำให้ข้าวิตกกังวล"
ทุกคน "..."
แม่หนูน้อยตัวกะเปี๊ยกอย่างเ้าควรเป็ห่วงตนเองก่อนดีหรือไม่?
ไทเฮากลับมีความละเอียดอ่อนััได้ถึงความหมายแฝงเร้นในถ้อยคำเหล่านี้ "หากท่านพี่อวี้อ๋องกับเสด็จพี่รัชทายาทของเ้าดีต่อกัน เ้าก็จะหมดกังวลเช่นนั้นหรือ?"
เฉียวเยว่พยักหน้า นางเอามือน้อยๆ ถูกับเสื้อผ้าขอตนเอง "ท่านพี่อวี้อ๋องดูเป็พี่ใหญ่ที่สามารถกำจัดคนชั่วร้ายได้อย่างเงียบเชียบ และท่านพี่อวี้อ๋องก็ดูเป็คนดีด้วย"
ทุกคน "..."
ต้องบอกว่าเด็กหญิงตัวน้อยพูดความจริง มิใช่เพราะนางรู้อะไรบางอย่าง แต่เพราะตัวตนของเขายากจะอธิบายด้วยถ้อยคำไม่กี่ประโยค
เฉียวเยว่ยังคงพูดต่อ "แล้วข้าก็ชอบท่านพี่อวี้อ๋อง"
"คงมิใช่เพราะว่าเขาทำขนมอร่อยหรอกกระมัง?" ไทเฮาตรัสอย่างรู้ทัน
เฉียวเยว่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก "ถูกต้องเ้าค่ะ ท่านพี่อวี้อ๋องทำขนมอร่อยเพียงนี้ จะต้องเป็คนดีที่สุดอย่างแน่นอน ข้าชอบคนดีเช่นนี้ที่สุด"
หลังจากขายความน่ารักเสร็จเรียบร้อย เฉียวเยว่ก็รู้สึกว่าตนเองต้องแสดงความเป็เด็กเพิ่มอีกสักหน่อย รวบรวมความกล้า หลังจากนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าจุมพิตใบหน้าของอวี้อ๋องหรงจ้านโดยตรง
อวี้อ๋อง... ตกตะลึง
นี่ไม่ใช่การเสแสร้ง ไม่ต้องแสดงละคร แต่อึ้งของจริง อึ้งอย่างถึงที่สุด
ขณะเดียวกันคนอื่นๆ ในห้อง เว้นแต่องค์รัชทายาท ล้วนตื่นตระหนก
พระสนมอายุน้อยคนหนึ่งใจนทำถ้วยชาในมือหล่นลงพื้นจนเกิดเสียงดัง
"เ้าจุมพิตข้า?" อวี้อ๋องได้สติกลับมาเป็คนแรก เขาเช็ดใบหน้าของตนเองพลางเอ่ยช้าๆ
เฉียวเยว่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก "ท่านรู้สึกว่าข้าน่ารักมากใช่หรือไม่"
"จุ๊บ" เอาอีกที
เฉียวเยว่ไม่มีความรู้สึกที่จะต้องรับผิดชอบใดๆ ภายนอกนางเป็เพียงแตงน้อยอวบอ้วนอายุเพียงห้าขวบ จุมพิตคนได้ไม่มีปัญหา
ส่วนเนื้อในก็เป็คุณน้านิสัยประหลาด จุมพิตแค่นี้ไม่เก็บเอามาใส่ใจ
นางยิ้มแก้มปริ "ข้าเป็แตงน้อยแสนหวาน"
อวี้อ๋องค่อยๆ สงบอารมณ์ "ช่างเป็... แตงน้อยแสนหวานที่น่ารักจริงๆ!"
นางยังคงพล่ามต่อ "พวกเขาเรียกข้าว่ากระต่ายอ้วนน้อย ข้าไม่อ้วนชัดๆ เด็กน้อยต้องมีเนื้อมีหนังถึงจะน่ารัก"
หลังจากเริ่มเคยชินกับสถานที่แห่งนี้แล้ว นางก็กลับมาร่าเริงสดใสเหมือนเดิม พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดพัก
อวี้อ๋องอุ้มนางลุกขึ้นมา "เ้าเข้าวังเป็ครั้งแรกใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ใครบอก ตอนบิดาข้ายังเล็กเคยพาข้ามา"
ซูซานหลาง "ข้าพาเ้ามาตอนเ้ายังเล็กต่างหากล่ะ"
กระต่ายโง่!
เห็นซูซานหลางพ่ายแพ้อย่างหมดสภาพ มุมโอษฐ์ของไทเฮาก็โค้งขึ้นอีกครา "หากจ้านเอ๋อร์เห็นว่าน้องสาวตัวน้อยน่ารัก ก็พานางไปเดินเล่นสักรอบเถอะ"
เฉียวเยว่เกาศีรษะ "ข้าน่ารักมากจริงหรือ"
เฉียวเยว่มักจะชอบเกายุกยิกอยู่เสมอ
จุดนี้ไทเฮาสังเกตเห็น เพียงแต่นางชอบเกาโน่น เกานี่ แต่จ้านเอ๋อร์กลับเป็โรครักความสะอาด นึกแล้วก็ทอยิ้มน้อยๆ "ไปเดินเล่นเถอะ"
"พวกเราไปชมวังกันเถอะ" เฉียวเยว่รีบพูดทันควัน
แต่พูดมาถึงตรงนี้ ก็เกิดความกังวลขึ้นมา นางกระซิบข้างหูอวี้อ๋องหนึ่งประโยค เมื่ออวี้อ๋องอุ้มนางมาถึงข้างกายซูซานหลาง เฉียวเยว่ก็กำชับราวกับเป็เื่สำคัญมาก "ท่านพ่อต้องดูแลท่านแม่ให้ดีนะเ้าคะ ท่านแม่ตื่นเต้นกว่าข้าอีก"
ซูซานหลาง "..."
พอมาถึงประตู อวี้อ๋องก็ถาม "ตื่นเต้น? ขนาดตื่นเต้นยังพูดมากเพียงนี้?"
"ก็เพราะตื่นเต้นถึงพูดตลอดเวลา การทำเช่นนี้ช่วยคลายความตึงเครียดได้ ท่านพี่อวี้อ๋องขี้โกหก?"
อวี้อ๋องเลิกคิ้ว "หืม?"
"ไทเฮาดูอย่างไรก็ไม่เห็นอ่อนโยนสักนิด" เฉียวเยว่ทำสีหน้าจริงจัง
กล้าพูดเช่นนี้ในวัง สมกับเป็เด็กน้อยจริงๆ
เฉียวเยว่ "พระนางดูคล้ายเซียนหญิงที่สูงส่งจนเอื้อมไม่ถึง ท่านยังบอกข้าว่าพระนางใจดี โอบอ้อมอารี เซียนหญิงจะไม่ดูอ่อนโยนเพียงนั้น"
อวี้อ๋อง "บิดามารดาเ้าตีเ้าบ่อยหรือไม่?"
เฉียวเยว่เบิกตากว้าง "ท่านรู้ได้อย่างไร?"
ท่าทางจะใมาก
อวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ "เพราะเ้าพูดมาก"
...
[1] ความคิดของซือหม่าเจา คนผ่านทางก็ยังล่วงรู้ ใช้อุปมากับการแสดงออกที่ชัดเจนมาก ใครๆ เห็นก็มองออก เหมือนอ้าปากเห็นลิ้นไก่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้