บทที่ 63 ว่าด้วยสายตาคน
เหอเสวี่ยฉินตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ
“พูดจาดี” เธอหัวเราะเยาะ “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าในใจเธอกำลังคำนวณอะไรอยู่”
“ตอนนี้พูดดี พอซือหยวนหย่าแล้วพวกเธอจะดูแล ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า?” เธอกล่าว “ไม่กี่วันก่อนยังรับปากว่าจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านพวกเรา พอบอกไม่มีก็คือไม่มี หรือว่ารอให้ซือหยวนหย่าจริงๆ แล้วต่อไปพวกเธอก็จะบอกว่าตัวเองมีลูก มีความลำบากต่างๆ แล้วผลักภาระมาให้พวกเรา?”
แถมยังยกเื่พ่อแม่เลี้ยงลูกเป็เื่ที่ควรทำ พวกเราจะทำยังไง? จะเลี้ยงหรือไม่เลี้ยง?”
ลู่ซือหยวนข่มกลั้นความขุ่นเคืองในใจ มองหน้าเหอเสวี่ยฉินด้วยสีหน้าซีดเซียว “น้าเหอวางใจเถอะค่ะ พวกเราสองแม่ลูกต่อให้ต้องอดตาย ก็จะไม่ไปขอความช่วยเหลือจากน้าแน่นอน”
เหอเสวี่ยฉินหัวเราะเยาะ
ลู่ซือหยวนมองหน้าลู่หวยเหริน “พ่อคะ บ้านตระกูลจ้าวไม่เห็นพวกเราสองแม่ลูกเป็คน คิดแต่จะให้พวกเราสองแม่ลูกไปเป็วัวเป็ม้าให้พวกบ้านนั้นไปตลอดชีวิต ถ้าวันนี้ไม่หย่า ต่อไป...”
เธอกล่าวถึงตรงนี้ก็หลับตาลง น้ำตาไหลรินลงมาตามขอบตา พอเปิดตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตากลับแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม “ต่อไปคงจะไม่มีแม้แต่ชีวิต”
“ดังนั้น วันนี้ยังไงหนูก็ต้องหย่าให้ได้ ถ้าพวกพ่อกลัวว่าพวกเราสองแม่ลูกจะตามไปรบกวนในอนาคต ก็ให้ลุงหรงฟาหรือคนที่น้าเหอไว้วางใจมาเป็พยาน พวกเราจะตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกัน”
พอตัดขาดความสัมพันธ์แล้ว เื่ความรับผิดชอบและการเลี้ยงดูก็จะไม่มีอีกต่อไป
เหอเสวี่ยฉินพูดไม่ออก
“เมื่อก่อนหนูก็เคยกลับมาเล่าให้ฟังแล้วว่าบ้านตระกูลจ้าวทำกับหนูยังไง แล้วน้าเหอพูดว่าอะไร?” ลู่ซือหยวนกล่าว “ทำไมเมื่อก่อนหนูถึงได้แต่งเข้าไปบ้านตระกูลจ้าว ก็เพราะพวกคุณบอกว่าในบ้านต้องเลี้ยงดูเด็กหลายคน เลี้ยงไม่ไหว”
“ตอนนั้นลู่หลิงซานเป็ไข้สูงต้องเข้าโรงพยาบาลพอดี พวกคุณก็เอาสินสอดที่บ้านตระกูลจ้าวให้มาไปรักษาลู่หลิงซาน หลายปีมานี้ฉันอยู่ที่บ้านตระกูลจ้าวมามากพอแล้ว” ลู่ซือหยวนเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างดื้อรั้น
“เหลวไหล” ลู่หวยเหรินที่เงียบมาตลอดะโออกมา ดวงตาแดงก่ำ เส้นเืบนใบหน้าปูดโปน กวาดสายตาไปทั่วลานบ้าน สุดท้ายหยุดอยู่ที่ร่างของลู่จิ่งซาน กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ก็เอาตามที่พวกแกพูดแล้วกัน”
“พี่รอง!” เหอเสวี่ยฉินร้องเรียก
“ไม่ต้องเรียกแล้ว” ลู่หวยเหรินกล่าว “ถ้าเธอไม่เต็มใจก็ไปบอกพวกเขาเอง ฉันไม่สนใจแล้ว”
เหอเสวี่ยฉิน “...” ทำไมเธอถึงได้แต่งงานกับคนไม่ได้เื่แบบนี้กันนะ?
ลู่หวยเหรินไม่สนใจเธอ ทำหน้าถมึงทึงเดินออกไป
“จิ่งซาน” คุณนายลู่ถอนหายใจ “มาที่ห้องย่า เอาทะเบียนบ้านไปด้วย”
หญิงชรารู้สึกเศร้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้อเสนอของสวี่จือจือถูกต้องแล้ว
“จิ่งซาน จือจือ” ลู่ซือหยวนรู้สึกตื้นตันใจ
“พี่คะ” สวี่จือจือปลอบใจเธอ “เดี๋ยวพวกเราไปเป็เพื่อนพี่เอง”
“ตกลง” ลู่ซือหยวนรู้สึกผิดมาก “ขอบใจนะ จือจือ”
เมื่อก่อนเธอยังมองข้ามสวี่จือจือ คิดว่าอีกฝ่ายไม่เหมาะสมกับลู่จิ่งซานด้วยซ้ำ สุดท้ายคนเขากลับช่วยเหลือเธอโดยไม่ถือสา
“พี่อย่าว่าฉันยุ่งเื่ของพี่ก็พอ” สวี่จือจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความจริงวันนี้ลู่ซือหยวนทำให้ผู้คนประหลาดใจไม่น้อย เพราะในยุคสมัยนี้การตัดสินใจหย่าต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก
“จะเป็ไปได้ยังไง?” ลู่ซือหยวนกล่าวด้วยความสำนึกบุญคุณ “ฉันไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี”
“เมื่อก่อนฉันคิดเสมอว่า” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “จิ่งซานของฉันเป็คนดีขนาดนี้ อนาคตจะต้องได้แต่งงานกับคนในเมืองที่มีการศึกษา มีความรู้ ดังนั้นถึงได้เข้าใจเธอผิดไปบ้าง พอนึกขึ้นมาตอนนี้ สายตาในการมองคนของฉันนี่แย่จริงๆ”
มิฉะนั้นต่อให้เหอเสวี่ยฉินจะชมจ้าวเจี้ยนเซ่อสวยหรูขนาดไหน ถ้าเธอไม่ถูกใจก็เปล่าประโยชน์
สวี่จือจือไม่คิดว่าลู่ซือหยวนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่พอนึกถึงนิสัยเมื่อก่อนของอีกฝ่ายก็ไม่แปลกใจ
“น้องชายของฉันคนนี้ ั้แ่เด็กก็เป็คนเ็า” เธอจับมือสวี่จือจือ “เป็คนเงียบๆ แต่ใจดี”
เื่นี้สวี่จือจือเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“พวกเธอสองคนใช้ชีวิตกันให้ดีนะ” เธอนึกถึงตัวเองแล้วก็รู้สึกเศร้าใจ
สวี่จือจือก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน
ลู่จิ่งซานยืนรออยู่ข้างๆ จนทั้งสองคนคุยกันเกือบเสร็จแล้วถึงเดินออกมา ทั้งสามคนไปบ้านลู่หรงฟาเพื่อขอหนังสือรับรอง แล้วก็เดินทางไปยังประชาคมจิ่วชวีด้วยกัน
พอเข้าไปในประชาคมก็เห็นคุณนายจ้าว กำลังจับมือเ้าหน้าที่คนหนึ่ง ร้องไห้พลางพูด “เลี้ยงดูราวกับเป็บรรพบุรุษแล้วแท้ๆ คุณลองคิดดูสิ ใครที่ไหนจะเจอสะใภ้แบบนี้ได้? แต่งเข้ามาตั้งหลายปี ไข่สักฟองก็ยังไม่เคยออก ฉันเป็แม่สามีจะพูดอะไรหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?”
“แค่นี้ก็จะหย่าแล้ว ลูกชายฉันน่าสงสารขนาดไหน ทำไมถึงได้เจอคนแบบนี้ พวกคุณต้องให้ความเป็ธรรมกับพวกเราด้วยนะคะ”
นี่คือมาขายความน่าสงสารล่วงหน้า
สวี่จือจือหัวเราะเยาะ จับมือลู่ซือหยวนไว้แน่น
คุณนายจ้าวเห็นลู่ซือหยวนมาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น วิ่งไปตรงหน้าลู่ซือหยวน ร้องห่มร้องไห้พพูด “ซือหยวนเอ๊ย แม่ขอโทษนะ อย่าหย่าเลยนะ แม่รับประกัน ต่อไปจะไม่ให้เธอทำงานในบ้านเราอีกเลย ดีไหม?” พลางทำท่าทีน่าสงสาร
แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่น่าสงสารอะไรขนาดนั้น มองดูแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
“จ้าวเจี้ยนเซ่อ” ดวงตาเ็าของลู่จิ่งซานกวาดมองชายที่นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ พูดเสียงเบา “คำพูดของฉันก่อนหน้านี้ นายฟังไม่เข้าใจหรือไง?”
จ้าวเจี้ยนเซ่อใแทบจะล้มลงไปกับพื้น
ตอนมาพวกเขาตกลงกันแล้วว่าห้ามปะทะกับบ้านตระกูลลู่โดยตรง ได้แต่ทำตัวอ่อนแอ ให้คนอื่นๆ คิดว่าบ้านตระกูลลู่ไม่ดีกับบ้านตระกูลจ้าว เช่นนั้นงานของจ้าวเจี้ยนเซ่อในประชาคมก็จะไม่ต้องกลัวว่าบ้านตระกูลลู่จะกลั่นแกล้ง
ดังนั้นั้แ่มาคุณนายจ้าวก็คว้าตัวเลขานุการประชาคมจิ่วชวี ร้องไห้คร่ำครวญต่างๆ นานา ทำท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก แต่กลับบิดเบือนความจริงโดยสิ้นเชิง
สร้างภาพให้เธอเป็หญิงชาาวนาที่ขยันขันแข็งและสงสารลูกสะใภ้ เพียงแต่้าหลานชายมากเกินไป ถึงได้พูดจาแรงไปบ้าง
แต่กลับลืมไปว่าบนใบหน้าและร่างกายของลู่ซือหยวนตอนนี้ยังมีร่องรอยที่จ้าวเจี้ยนเซ่อทำร้ายอยู่ แถมยังลืมไปว่าลู่ซือหยวนยังมีน้องชายที่ได้ชื่อว่าเป็จอมมารอย่างลู่จิ่งซานอยู่
“อย่างนั้นเหรอ?” ลู่ซือหยวนหัวเราะเยาะ “ฉันยังมีวันที่ไม่ต้องทำงานด้วยเหรอ? ถ้าเป็อย่างนั้นคงโดนตีตาย ด่าตายไปแล้ว”
คุณนายจ้าวสะอึก
ก่อนที่จะได้เจอลู่ซือหยวน เลขานุการประชาคมจิ่วชวีก็ยังรู้สึกไม่พอใจเธออยู่บ้าง
คลอดลูกไม่ได้แล้วบ้านสามีจะพูดอะไรหน่อยไม่ได้หรือไง? พอพูดก็จะโวยวายจะหย่า ถ้าเป็แบบนี้ทุกคนคงมาหาเขาเพื่อหย่ากันหมด แล้วงานอื่นๆ ของเขาจะต้องทำอีกไหม?
นี่มันไม่ใช่เื่ไร้สาระเหรอ!
แต่พอเห็นร่องรอยบนใบหน้าของลู่ซือหยวน เลขานุการก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าแตก
ทำไมถึงไปเชื่อคำพูดข้างเดียวของบ้านตระกูลจ้าวได้นะ?
“แก!” คุณนายจ้าวกำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกผู้ใหญ่บ้านจ้าวห้ามไว้
“จิ่งซาน นายกลับมาแล้ว”
ลู่จิ่งซานไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา มองหน้าจ้าวเจี้ยนเซ่อ “ในเมื่อตอนนี้ฉันยังพูดดีๆ กับนายอยู่ ก็รีบไปทำเื่ให้เสร็จ”
จ้าวเจี้ยนเซ่อ “...” ตัวสั่นเทิ้ม
ทำ รีบทำเร็ว!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้