“เ้าเป็อะไรมากหรือเปล่า ซูเหยียน”เราทั้งสี่คนต่างล้อมวงถามด้วยความเป็ห่วงจึงเห็นว่าแขนซ้ายของนางมีแผลจากการถูกเศษไม้บาดยาวกว่าสิบเิเรอยแผลบาดลึกจนมีเืไหลออกมาไม่หยุด
“ไม่เป็ไร” นางลุกขึ้นนั่งบนก้อนหิน มือฉีกชายเสื้อออกแล้วพูดขึ้น “อาเหยาช่วยพันแผลให้หน่อย”
“อืม”
ตั้นไถเหยาคุกเข่าลงเพื่อทำแผลให้นางส่วนหลิวถงเอ๋อร์ก็เดินเข้าไปถามด้วยความห่วงใย “ให้ข้าช่วยรักษาดีไหมซูเหยียน”
“าแเล็กๆ แค่นี้เอง ไม่เป็ไร”
นางว่าแล้วหันไปมองตรงทางที่ัดินตัวนั้นวิ่งหายเข้าไป“เ้าัดินตัวนั้นได้รับาเ็น่าจะวิ่งไปได้ไม่ไกล พวกเรารีบตามไปกันเถอะเพราะถ้าสังหารมันได้ ภารกิจก็จะสำเร็จลุล่วง”
“เ้าาเ็อยู่นะ ยังจะตามไปอีกเหรอ?” ถังเชวียหรานว่าปรามด้วยความเป็ห่วง
“ไม่เป็ไร” นางว่าแล้วลุกขึ้นก่อนจะพูดต่อ “รีบไปกันเถอะ เพราะถ้ามันหนีกลับรังพวกเราจะเสียโอกาสนี้ไปเปล่าๆ”
“อืม เอาแบบนั้นก็ได้!”
ครั้งนี้ซูเหยียนและหลิวถงเอ๋อร์ต่างได้รับาเ็ทั้งคู่จึงไม่สามารถเป็ผู้นำได้ ถังเชวียหรานถนัดโจมตีระยะไกล ส่วนตั้นไถเหยาคอยซัพพอร์ตดังนั้นแม่นางทั้งสี่ต่างจึงพร้อมใจกันหันมาที่ข้าเป็ตาเดียว
ข้าขมวดคิ้วเล็กๆก่อนจะพูดขึ้น “แม้จะเป็ัดิน แต่ก็อยู่ในชั้นของัระดับต่ำยิ่งมันาเ็ก็จะยิ่งโมโหร้ายมากขึ้น ฉะนั้นพวกเราจะต้องระวังตัวและถ้ายังตามไปทันไม่ว่าใครอย่าเพิ่งลงมือถังเชวียหรานเ้าหาโอกาสยิงตาอีกข้างหนึ่งของมันแล้วค่อยว่ากัน เราแค่รอให้มันาเ็และทุกข์ทรมานจนตายไปเองก็พอ”
ซูเหยียนที่ได้ยินเอ่ยปากชื่นชม“ความคิดนี้ไม่เลว เอ่อ...ปู้อี้เชวียน ข้าว่าเมื่อครู่นี้เ้าก็ทำได้ไม่เลวเลยนะ”
นางคงหมายถึงเื่ที่ข้าเตะท่อนไม้เข้าไปในทวารของัดินจึงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ
“เมื่อกี้ข้าใจกล้ามากเลยใช่ไหมล่ะ?”
นางพยักหน้ารับสีหน้าจริงใจ“อืม ใจกล้าแล้วก็รู้จักคิดมากๆ เลยล่ะ”
ข้าได้ยินแบบนั้นจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี...
ตั้นไถเหยาเม้มปากเล็กๆ“เอาล่ะๆ หยุดหยอกล้อกันได้แล้วขืนช้ากว่านี้ัดินนั่นได้กลับบ้านไปนอนหลับแน่ๆ”
“ไปกันเถอะ!”
…
เรียกกระบี่คมจันทราออกมาแล้วก็เริ่มออกเดินทางจากการต่อสู้กับัดินเมื่อครู่นี้ คงมีแต่ข้าที่ไร้รอยขีดข่วนมากที่สุดซูเหยียนและหลิวถงเอ๋อร์ต่างาเ็จนไม่ขึ้นนำกลุ่มได้คราวนี้ถึงทีที่ข้าจะได้ออกไปสู้...เพื่อรนหาที่แล้ว
พื้นป่าในหุบเขาหลิงหยุนชั้นที่เจ็ดเป็ป่าทึบพวกเราตามรอยเ้าัตัวนั้นจากซากต้นไม้ที่หักล้มระเนนระนาดนอกจากนี้ยังมีรอยเท้าประทับอยู่บนพื้นดินด้วยจากนั้นพวกเราจึงเดินต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งรอยเท้านั่นอีกเพราะมันกำลังส่งเสียงคำรามบอกตำแหน่งตัวเองอยู่
“มันอยู่ข้างหน้านี่แน่ๆ!”
ข้ากระชับกระบี่แน่นก่อนจะรวบรวมพลังิญญาให้เป็เกราะรบที่แผ่ไอเย็นปกคลุมร่างกายถังเชวียหรานที่อยู่ข้างๆ ยิ้มบางแล้วพูดขึ้น“นึกไม่ถึงว่าศิษย์สำรองจะสามารถฝึกฝนเกราะรบขึ้นมาได้เหมือนกันสำนักหมื่นิญญามีช้างเผือกซ่อนอยู่จริงๆ ด้วยสินะ…”
ข้าปรายตามองนางพักหนึ่งก่อนจะโต้กลับ“อย่าเพิ่งดูถูกกันสิ ข้าเพิ่งจะฝึกฝนขั้น์ระดับสมบูรณ์สำเร็จเมื่อเดือนก่อนแล้วเ้าล่ะ?”
ถังเชวียหรานชะงักไปเล็กน้อยเพราะตอนนี้นางยังอยู่ในขั้น์ระดับแรกๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับข้าเมื่อก่อนที่อยู่ในระดับเซียนของขั้น์นางก็เป็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งแต่ในตอนนี้นางกลับแข็งแกร่งจนข้าคิดว่าหากเราต้องประลองกันจริงๆด้วยการใช้ธนูของนาง ข้าคงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ตัวนางด้วยซ้ำ
ซูเหยียนเร่งฝีเท้าขึ้นนำแล้วพูดปราม“เลิกคุยกันได้แล้ว ใกล้จะเห็นตัวเ้าัดินตัวนั้นแล้วเนี่ย”
ตั้นไถเหยาที่ได้ยินพูดบอก“อาจารย์ปู้ เ้าเองก็ดูแลซูเหยียนของข้าด้วยแล้วกัน”
“ได้”
แต่ซูเหยียนเหมือนพวกบ้าพลังที่เดินดุ่มๆไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย เรียวขาขาวๆ เหยียบย่ำไปบนพื้นชายเสื้อที่ขาดรุ่ยเผยให้เห็นเอวคอดและก้อนเนื้อที่พอดีมือ เฮ้อ!ทำไมเดี๋ยวนี้ผู้หญิงถึงได้รูปร่างดีกันนักนะการได้มาอยู่ท่ามกลางหญิงงามแบบนี้เหมือนเอาข้ามาทรมานชัดๆ!
เราเดินต่อไปอีกไม่ไกลก็ได้ยินเสียงของการต่อสู้ดังแว่วมาขณะที่พวกเรากำลังจะก้าวเข้าไปใกล้กลุ่มคนมากมายก็กำลังยืนล้อมเ้าัดินตัวนั้นพร้อมทั้งปืนและธนูครบมือแต่กลับไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปใกล้กรงเล็บและพละกำลังอันมหาศาลเลยสักคน
ซึ่งกลุ่มที่ล้อมเ้าัดินไว้คือศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาอย่างกลุ่มของหลี่สวินและหวังอี้ที่ร่วมมือกับศิษย์ต่างกลุ่มเพื่อช่วยกันจัดการกับสัตว์ิญญาตัวนี้
หวึ่ง!...
ซูเหยียนเรียกกระบี่เพลิงกัลป์ออกมาก่อนจะถามขึ้น“หลี่สวิน ้าให้พวกข้าช่วยหรือเปล่า?”
หลี่สวินที่ถือขวานน้ำแข็งไว้ในมือพลางส่ายหน้า“ไม่จำเป็พวกเราจะร่วมมือกับกลุ่มที่สามเพื่อช่วยกันจัดการกับเ้าัดินตัวนี้เอง ซูเหยียน...กลุ่มที่หนึ่งอย่างพวกเ้ารอดูอะไรสนุกๆก็พอ”
“แต่ว่า...” ซูเหยียนขมวดคิ้วพูด
ข้าก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะพูดแทรก“หลี่สวิน พวกเราเป็คนเจอเ้าัดินหลังเหล็กตัวนี้ก่อนและที่มันาเ็ก็เป็ฝีมือของพวกเราเหมือนกันบางทีพวกเ้าน่าจะคืนมันให้กับพวกข้านะ”
“คืน?”
หลี่สวินหัวเราะเสียงดัง“เ้าัดินตัวนี้เป็ถึงาาสัตว์ิญญาระดับห้าแค่บอกให้คืนก็ต้องคืนอย่างนั้นเหรอ? อีกอย่างพวกเราก็มีสองคนที่ได้รับาเ็เหมือนกันแล้วจะมาแสดงความเป็เ้าของเพราะเขียนชื่อติดเอาหรือไง?”
มันชัดเจนว่าหลี่สวินกับพวกไม่ได้คิดจะคืนสัตว์ิญญาที่ยังมีชีวิตและกำลังจะกลายเป็ของขวัญล้ำค่าที่คนมองต้องอิจฉา
กระทั่งคนที่ถือขวานน้ำแข็งอย่างหลี่สวินพูดขึ้น“หวังอี้ เ้าไม่ต้องเข้าสู้ เ้าหาโอกาสช่วยเหลือแนวหน้าอย่างพวกเราส่วนคนที่เหลือเตรียมตัวโจมตีจัดการเ้าัชั่วที่าเ็ตัวนี้ให้มันหมอบในครั้งเดียว”
“ได้ หัวหน้า!”
หวังอี้และอีกสามคนหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเรียกอาวุธิญญาอย่างกระบี่โลหิตกันเอาไว้นี่มันเป็การช่วยเหลือแนวหน้าที่ไหนกันแต่คือการกั้นพวกเราไม่ให้เข้าใกล้เ้าัดินตัวนั้นมากกว่า
ซูเหยียนสลายกระบี่เพลิงกัลป์ในมือก่อนจะพูดอย่างไม่สบอารมณ์“หวังอี้ พวกเ้าคิดว่ามีความสามารถสังหารเ้าัดินที่าเ็ตัวนี้ได้อย่างนั้นเหรอ? พวกเราทั้งหมดต่างอยู่ในขั้นสูงสุดก็แค่ขั้น์ระดับต้นจะพูดถึงวิชาลมหายใจัก็ฝึกถึงแค่ขั้นที่ห้า ทำไมถึงได้มั่นใจว่าตัวเองทำได้ล่ะ?”
หวังอี้ไม่สะทกสะท้านเส้นผมปลิวไสวมือขวาจับกระบี่ ส่วนมือซ้ายล้วงเข้าไปในกระโปรงแล้วยิ้มออกมา“ซูเหยียน เ้าไม่มีทางเป็ที่หนึ่งของสำนักไปได้ตลอดหรอกนะ”
ซูเหยียนขมวดคิ้วเข้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
แต่กลับเป็ถังเชวียหรานที่หัวเราะและพูดแทน“ถึงเ้าจะสังหารเ้าัดินนี้ได้ แต่ไม่ได้บ่งบอกว่าเ้าจะชนะหรอกนะหรือเ้าคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะเพลงกระบี่ระบำทิวากาลของซูเหยียนได้กันล่ะ? ถ้าไม่ได้ ซูเหยียนก็ยังคงเป็ที่หนึ่ง ส่วนเ้าก็ต้องถอยไปให้ห่าง!”
หวังอี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่กลับสั่นด้วยความโกรธ เสื้อด้านหลังฉีกออกเผยให้เห็นรอยเืจางๆและชั้นในสีชมพู ถึงว่าทำไมไม่ให้นางเข้าร่วมต่อสู้ เพราะได้รับาเ็นี่เอง
ตั้นไถเหยาที่ถือไม้เท้าเวทอยู่ในมือพูดขึ้น“ถ้าเป็แบบนี้พวกเราก็คอยดูอยู่เงียบๆ ดีกว่า ปล่อยให้พวกนั้นแพ้ไปก่อนพวกเราค่อยๆ สู้จะได้ประหยัดแรงของพวกเราด้วย”
“อืม”
…
เ้าัดินที่ยังมีต้นสาลี่เสียบอยู่ในรูทวารเดินวกวนม้วนตัวเป็วงกลมอยู่ไม่ไกลแม้จะได้รับาเ็แต่ยังใจกล้าด้วยการตะปบกรงเล็กอันคมกริบใส่คู่ต่อสู้
ปัง!!!
ร่างของศิษย์ผู้ชายที่อยู่ในขั้นประกายจิตปลิวลอยออกไปเหมือนว่าวที่ขาดออกจากป่านและตกลงบนต้นไม้ใหญ่ แม้จะยังไม่ตายแต่ก็หายใจรวยริน
“ระวังการโจมตีของมันด้วย!”
หลี่สวินะโออกคำสั่ง“จัดการที่ส่วนขาของมัน!”
ชายสองคนพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับกระบี่เป็ประกายวาบแต่นึกไม่ถึงว่าจะใช้พลังลมของกระบี่ พลังที่ใช้มีมากพอสมควรแต่กระนั้นก็ทำให้เกล็ดของัดินเกิดรอยตื้นๆ เท่านั้นก่อนมันจะก้มหัวลงและวาดกรงเล็บตะปบอย่างรวดเร็ว
หลี่สวินที่เห็นจึงร้องเตือน“ระวัง! ใช้พลังัพันศิลากั้นเอาไว้!”
ศิษย์สองคนนั้นรีบเคลื่อนพลังของท่าัพันศิลาก่อนพลังิญญาจะแผ่ออกมารอบตัวอย่างหนาแน่นและเหยียบลงบนพื้นด้วยความหนักแน่นดั่งขุนเขาขนาดย่อม
ตูม!ตูม!
เพียงกรงเล็บตะปบลงไปร่างทั้งสองก็ปลิวลอยไปไกล การฝึกฝนของพวกนั้นยังอ่อนแอเกินไปไม่มีทางที่จะสกัดกั้นพลังการโจมตีของัดินตัวนั้นได้
“เวรเอ๊ย!!” หลี่สวินสบถและพุ่งเข้าไปใกล้ก่อนจะไต่ขาหน้าของัดินขึ้นไปที่ที่หัวขวานน้ำแข็งถูกฟาดลงไปจนเกิดแสงสีส้มเปล่งประกายไปทั่วบริเวณ
นั่นมันกระบวนท่าทลายิญญาขั้นที่สี่สุดยอด!
แต่ถึงอย่างไรส่วนหัวของัดินก็แค่สั่นไหวพลางสะบัดหัวจนร่างของหลี่สวินหลุดลอยไป มันก้าวขาอันทรงพลังตามมายังร่างของหลี่สวินที่ลอยอยู่บนฟ้าและใช้กรงเล็บอันทรงพลังฟาดลงไปเต็มแรงเสียงดังสนั่นพร้อมกับร่างของเขาที่ลอยกระแทกกับต้นไม้จนหักล้มไปสองต้นเกราะรบสลายไป ทิ้งไว้เพียงร่างที่นอนหอบหายใจรวยริน
เมื่อสูญเสียเสาหลักศิษย์คนอื่นๆ ต่างสับสนและจนปัญญา ขนาดคนที่แข็งแกร่งอย่างหลี่สวินยังแพ้ราบคาบแล้วพวกเขาจะมีความหวังได้อย่างไร? สีหน้าของพวกนั้นบ่งบอกถึงความสิ้นหวังออกมาอย่างชัดเจน
ข้าก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะพูดขึ้นเสียงเข้ม“ถ้ายังไม่ให้พวกข้าลงมือ เกรงว่าต้องมีคนตายเพิ่มแน่ๆอย่าลืมสิว่าศิษย์พวกนั้นไม่มีเกราะรบสักคน”
หวังอี้มองข้าพักหนึ่งและกัดฟันพูด“เ้าัดินตัวนี้พวกข้าไม่เอาแล้ว พวกเ้าเอาไปสิ!”
ข้ารอคำนี้มานานแล้ว
เคลื่อนพลังเพลงขาเมฆาหมอกก่อนจะพุ่งออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าให้พลังัแกร่งหลอมรวมอยู่ในกระบี่คมจันทราแล้วปักลงไปบนแผลเก่าครั้งนี้ลมสะท้อนออกมาเพราะถูกแทงทะลุไปถึงกระดูกซึ่งสามารถเห็นรอยกระบี่บนกระดูกอย่างชัดเจนดูเหมือนว่าเ้าัดินตัวนี้จะมีเพียงเกล็ดที่แข็งเท่านั้นเพราะส่วนอื่นต่างก็บอบบางเป็ธรรมดา
โฮก!โฮก!
เมื่อถูกข้าแทงมันจึงหันกลับมามองด้วยสีหน้าเดือดดาล เหมือนมันจะจำข้าได้แล้ว
ตึ่ง!ตึ่ง! ตึ่ง!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นแล้วพุ่งมาด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านวันนี้ถ้าไม่ได้ฆ่าข้าให้ตายก็จะไม่ยอมรามือง่ายๆ
“ระวังด้วยนะเ้าคนกินจุ!” ซูเหยียนะโบอก แม้ว่านางจะได้รับาเ็แต่ดูเหมือนยังอยากสู้ต่อ
ข้าวิ่งพลางมองพื้นไปด้วยและเจอเข้ากับหอกที่ตกอยู่จึงเตะส่งไปให้ซูเหยียน “ข้าจะดึงดูดความสนใจ ส่วนเ้าไปจัดการกับจุดอ่อนของมัน!”
นางหน้าแดงขึ้นมากะทันหัน“จุดอ่อนที่เ้าว่ามันคือ...”
“เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
“อ้อ เข้าใจแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้