เพราะการมาเยือนของขั้วอำนาจทั้งห้า ทำให้บรรยากาศตรงทางเข้าท่าเรือเงียบกริบทันที
ถึงแม้ขั้วอำนาจทั้งห้าจะมีระบบการปกครองของตัวเอง แต่บางครั้งก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด ทว่าเมื่อเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ร่วมกัน พวกเขาจะร่วมมือกันเพื่อต่อกรกับคนภายนอก
ทว่าเื่นี้เกี่ยวพันถึงนิกายเซียนโม่เหมิน ต่อให้เป็ราชวงศ์ทั้งห้าก็ต้องรับมืออย่างจริงจัง
ทวีปไท่เซวียนมีห้าแคว้นเป็หลัก แต่นอกเหนือจากห้าแคว้นแล้ว ยังมีสำนักนิกายที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีสี่สำนักเซียนเป็ผู้นำ นิกายเซียนโม่เหมินก็คือหนึ่งในนั้น อีกทั้งยังเป็สำนักเซียนที่มีอิทธิพลกว้างขวางมากที่สุด มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกับขั้วอำนาจต่างๆ
“เ้าเด็กที่นอนอยู่บนพื้นเป็ผู้ใดกัน?”
“ไม่รู้จัก ร่างกายไม่มีความผันผวนพลังิญญาเลย แต่กลับถูกยอดฝีมือจากนิกายเซียนโม่เหมินไล่ล่า!”
“ส่งตัวเขาให้โม่เหมินเลยดีหรือไม่ จะได้มิต้องเจอเื่ยุ่งยาก”
“มอบตัวอะไร? พวกเราท่าเรือหลงหยาตั้งกฎเอาไว้ หรือว่าจะกลับคำตบหน้าตัวเอง”
“แต่จะให้ล่วงเกินโม่เหมินเพื่อเด็กธรรมดาที่ไม่รู้ที่ไปที่มาคนหนึ่ง คงไม่ค่อยคุ้มค่ากระมัง”
“อย่าเพิ่งไปยุ่งกับเด็กคนนั้นจะดีกว่า ถามให้แน่ชัดก่อนค่อยว่ากัน”
“ใช่ๆ ลองถามสถานการณ์ดูก่อน”
……
ผู้ดูแลทั้งห้าคนปรึกษากันสักพัก จากนั้นหันไปมองนอกท่าเรือหลงหยา
ทันใดนั้นเองซือคงอวี่มุดออกมาจากกองขี้เถ้า เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย กระอักเืไม่หยุด...ผมเผ้าไหม้ดำ ดูน่าอนาถเป็อย่างยิ่ง
“แคกๆ...ตาเฒ่าน่ารังเกียจ! ตายไปทั้งอย่างนี้สบายเกินไปแล้ว ช่างน่าแค้นใจนัก! แคกๆ...”
ตอนนี้ซือคงอวี่โมโหมาก เขาพุ่งเข้าไปในท่าเรือหลงหยาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เมื่อเขาเห็นคนของห้าขั้วอำนาจ ก็เกิดความลังเลขึ้นมา
“ข้าคือซือคงอวี่ ผู้าุโสายนอกของนิกายเซียนโม่เหมิน ได้รับคำสั่งให้มาจับคนทรยศของโม่เหมิน ทุกท่านโปรดหลีกทางให้ด้วย”
ดังคำกล่าวว่าคนฉลาดต้องรู้จักดูสถานการณ์ ถ้าซือคงอวี่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมเขาจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ตอนนี้เขาาเ็สาหัสจึงต้องถ่อมตนเล็กน้อย มิเช่นนั้นหากเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลังเพียงกลุ่มหนึ่ง ทำไมเขาต้องพูดมากด้วย คงลงมือจับคนไปนานแล้ว
ห้าขั้วอำนาจมองหน้ากันเอง ผู้าุโสายนอกของนิกายโม่เหมินมีสถานะไม่ต่ำต้อยเลย อย่างน้อยก็เป็ยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณ คนใหญ่โตเช่นนี้ถึงกับลงแรงมากมายเพื่อมาจับเด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง นี่เรียกว่าเป็การกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่?
“ผู้าุโซือคง ข้าขอถามท่านว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็ผู้ใด และมาจากที่ใดกันแน่?”
ผู้เอ่ยปากถามก็คือผู้ดูแลของหอหานหยิ่งแห่งต้าถัง ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือชายแดนของต้าถัง ดังนั้นเื่บางเื่เขาต้องถามให้ชัดเจน
แต่ซือคงอวี่กลับมิยอมบอก ทั้งยังเผยสีหน้าเ็า “เหตุใดหรือ นี่เป็เื่ภายในของนิกายเซียนโม่เหมิน หรือว่าพวกเ้าก็อยากจะฟังด้วย? ข้าขอเตือนว่าเ้าอย่าหาเื่ใส่ตัวดีกว่า!”
เมื่อเกี่ยวพันถึงการสืบทอดของสำนักเทียนกง ซือคงอวี่จึงมิยอมบอกความจริงง่ายๆ เพื่อมิให้เกิดเื่ตามมามากมาย และเพื่อชิงผลงานแล้ว ครั้งนี้เขาจึงรีบเดินทางมาโดยมิได้พาผู้ช่วยมาด้วยเลย มิเช่นนั้นคงไม่ถูกกดดันถึงขั้นนี้
“เหอะเหอะ!”
ผู้ดูแลหอหานหยิ่งหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ผู้าุโซือคงช่างกล่าววาจาใหญ่โตยิ่งนัก ไม่ว่าท่านเป็ใคร ท่าเรือหลงหยามีกฎของท่าเรือหลงหยา...และกฎของที่นี่ราชวงศ์ทั้งห้าแคว้นเป็ผู้กำหนด หรือว่าท่านอยากจะเปิดศึกกับห้าแคว้น?”
ผู้ดูแลสำนักไห่ซากล่าวเสริมว่า “มิผิด หากท่านมิยอมอธิบายให้ชัดเจน คงมิอาจปล่อยให้พาตัวไปได้!”
ซือคงอวี่หายใจแรง พยายามอดกลั้นโทสะเอาไว้ “ข้ารู้กฎของท่าเรือหลงหยาอยู่แล้ว แต่การแสดงน้ำใจเล็กน้อยคงมิผิดกฎ...ข้าขอใช้ป้ายโม่จื่ออันนี้ แลกกับเด็กหนุ่มคนนั้น ทุกท่านคิดเห็นอย่างไร?”
“ป้ายโม่จื่อหรือ!”
เมื่อผู้ดูแลทั้งห้าคนได้ยินก็มึนงงและมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
‘ป้ายโม่จื่อ’ เป็ของแสดงตัวตนของนิกายเซียนโม่เหมิน หากมีสิ่งนี้สามารถแลกเปลี่ยนสมบัติกับนิกายโม่เหมินได้ชิ้นหนึ่ง สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าป้ายโม่จื่อนี่มีค่าเท่ากับสมบัติวิเศษระดับสูงสุดชิ้นหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถสร้างบุญคุณให้นิกายเซียนโม่เหมินได้ด้วย ผู้บำเพ็ญเซียนธรรมดาล้วนใฝ่ฝันถึงสิ่งนี้
ซือคงอวี่จงใจเปิดเผยก็เพราะคิดจะเล่นกับจิตใจคน
มีคนไม่น้อยที่แอบจับตาดู อยากจะแลกเปลี่ยน และเผยสีหน้าละโมบออกมา
สัญชาตญาณของมนุษย์ก็คือวิ่งเข้าหาผลประโยชน์และหลีกหนีอันตราย ขั้วอำนาจทั้งห้าไม่มีความจำเป็ต้องขัดแย้งกับนิกายเซียนโม่เหมินเพื่อคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง
“ช้าก่อน!”
เ้าหอหานหยิ่งกล่าวขึ้นมาพร้อมเผยสีหน้ายินดี “ข้ารู้แล้วว่าคนคนนี้เป็ใคร! เขาก็คือนายน้อยของตระกูลจั๋ววิถีเซียน จั๋วอวิ๋นเซียน มีคนมากมายกำลังตามหาเขา คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาที่นี่!”
เหตุการณ์ตระกูลจั๋วสำหรับเมืองตงหลิงแล้วนับว่าเป็เื่ใหญ่ แต่สำหรับราชวงศ์ต้าถังกลับไม่มีค่าให้พูดถึง ดังนั้นขั้วอำนาจมากมายจึงไม่รู้เื่ราว แม้กระทั่งตอนที่พี่น้องจั๋วอวิ๋นเซียนกับพ่อบ้านชราหนีมา มีการตามจับเพียงขอบเขตหนึ่งเท่านั้น ไม่มีแม้แต่ประกาศจับ
ผู้ดูแลคนอื่นๆ เผยใบหน้ามึนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดซือคงอวี่ถึงต้องจับตัวนายน้อยตระกูลวิถีเซียนด้วย
ผู้ดูแลหอหานหยิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า “หากเป็เพียงนายน้อยตระกูลวิถีเซียนแห่งหนึ่ง คงไม่มีค่าพอให้ผู้าุโของนิกายเซียนโม่เหมินเคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่หากเื่ที่เกี่ยวพันถึงมรดกสืบทอดของสำนักเทียนกง เกรงว่าต่อให้นิกายเซียนโม่เหมินระดมพลทั้งสำนักก็ไม่น่าประหลาดใจอะไร”
“อะไรนะ! มรดกสืบทอดสำนักเทียนกงหรือ?”
“หมายความว่าอย่างไรกัน?”
“หรือว่าเด็กคนนั้นจะมีมรดกสืบทอดของสำนักเทียนกง?”
ทุกคนรอบข้างเงียบกริบ เสียงอุทานด้วยความใดังขึ้น จากนั้นข่าวนี้ก็ค่อยๆ แผ่กระจายออกไป จนทั้งท่าเรือล้วนเดือดพล่าน
ผู้ดูแลหอหานหยิ่งกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ “ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบ ไม่นานมานี้ เกิดเหตุการณ์ที่เมืองตงหลิงชายแดนต้าถังของเขา ผู้นำตระกูลจั๋ว จั๋วฟู่ไห่ สมคบคิดกับปีศาจ จึงถูกราชสำนักลงโทษ แต่ระหว่างจับกุมเกิดเื่ที่น่าสนใจขึ้น และเื่นั้นก็คือการปรากฏของอาวุธต้องห้ามเซียนยุทธสำนักเทียนกง ‘ลูกปัดเพลิงอัสนี’ …เล่าขานกันว่าพ่อบ้านตระกูลจั๋วเป็ศิษย์สำนักเทียนกง และลูกปัดเพลิงอัสนีก็เป็สิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา”
ผู้ดูแลหอหานหยิ่งเว้นจังหวะเล็กน้อยพลางกล่าวต่อ “หากข้าคาดเดามิผิด ชายชราที่ตายไปก่อนหน้านี้ก็คือศิษย์ของสำนักเทียนกง เขาอาจจะเอามรดกสืบทอดของสำนักเทียนกงมอบให้นายน้อยตระกูลจั๋ว จั๋วอวิ๋นเซียน ไปแล้ว”
ถึงแม้สำนักเทียนกงจะไม่มีชื่อเสียงอะไรนัก แต่สาเหตุที่นิกายเซียนโม่เหมินสามารถมีวันนี้ได้ ก็เพราะสำนักเทียนกง
ทุกคนที่นี่ล้วนมิใช่คนโง่ จึงรู้ถึงผลประโยชน์กับมูลค่าของจั๋วอวิ๋นเซียน ไม่ต้องพูดถึงแค่ป้ายโม่จื่อแผ่นเดียว ต่อให้มีป้ายโม่จื่อสิบแผ่นก็เทียบกับมรดกสืบทอดของสำนักเทียนกงมิได้
แน่นอนว่าหากอยากได้มรดกสืบทอดของสำนักเทียนกง ก็ต้องแบกรับแรงกดดันจากนิกายเซียนโม่เหมิน
ผู้ดูแลทั้งห้าคนแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาขวางทางซือคงอวี่โดยหน้าไม่เปลี่ยนสี และในเวลาเดียวกันพวกเขาก็แอบส่งข่าวให้ยอดฝีมือของขั้วอำนาจต่างๆ ขอเพียงสามารถถ่วงเวลาไว้ได้ครู่หนึ่ง ก็สร้างผลงานชิ้นใหญ่ได้แล้ว
“พวกเ้าหมายความว่าอย่างไร? พวกเ้ากล้าแตะต้องของของนิกายเซียนโม่เหมินหรือ!”
ซือคงอวี่สีหน้ามืดมนมาก ยิ่งเขาไม่อยากก่อเื่ เื่นี้ก็ยิ่งกลายเป็ยุ่งยาก
“มิกล้า มิกล้า!”
ผู้ดูแลหอหานหยิ่งโบกมือ เขากล่าวอย่างไม่หวาดกลัว “ผู้าุโซือคงเข้าใจผิดแล้ว จั๋วอวิ๋นเซียนคนนี้เป็บุตรนักโทษของราชวงศ์ ตอนนี้หลบหนีมาที่นี่ พวกข้าจึงต้องรายงานกับทางราชสำนัก จับเขาไปลงโทษ ตอนนี้จึงมิอาจมอบให้ท่านได้”
“พวกเ้าคิดว่าข้าเป็เด็กสามขวบที่จะหลงเชื่อพวกเ้าหรือ?”
ถึงอย่างไรซือคงอวี่ก็เป็ถึงยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณ ถึงแม้จะาเ็สาหัส แต่หากโมโหขึ้นมา แรงกดดันที่น่าหวาดกลัวจะสามารถปกคลุมได้ทั่วทั้งท่าเรือ!
ผู้ดูแลเ่าั้ล้วนมีสีหน้าหนักอึ้งและรีบเตรียมการทันที
ผู้ดูแลหอหานหยิ่งสั่งการกับศิษย์ “พวกเ้าไปจับเด็กตระกูลจั๋วคนนั้นมา…ระวังด้วยอย่าให้เขาตายเสียก่อน!”
“ทราบ!”
ศิษย์หอหานหยิ่งตอบรับ ซือคงอวี่กับห้าขั้วอำนาจต่างก็ระวังกันและกัน
ทว่าในเวลานี้ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี!
ทุกคนจึงรีบหันไปมอง พวกเขาเห็นแสงดาราร่วงลงมาจากฟากฟ้าและพุ่งไปทางร่างของจั๋วอวิ๋นเซียน
จากนั้นในร่างกายของจั๋วอวิ๋นเซียนก็ะเิจิตสังหารที่น่ากลัวออกมา ก่อนจะแพร่กระจายไปทั่ว!
ดุร้ายบ้าคลั่ง! อ้างว้างโดดเดี่ยว!
