หั่วอี้ถูกอาเหมิ่งต๋าลากออกไปดื่มสุราบอกจะออกมาหารือธุระ แต่เมื่อหั่วอี้นึกถึงว่าเมื่อคืนเขาต้องผละจากไปในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังเคล้าคลอกันได้ที่ยามนี้ไม่ทันบอกกล่าวกับองค์หญิงก็ออกมาเสียแล้ว อย่างไรในใจก็ยังรู้สึกว่าติดค้างองค์หญิงอยู่
เขาดื่มสุรากับอาเหมิ่งต๋าก็จริงแต่กลับดื่มอย่างไม่บันเทิงใจเอาเสียเลย รู้สึกเพียงว่ามีเื่ค้างคาอยู่ในใจอีกทางหนึ่งก็เฝ้าคิดถึงเื่ดีงามที่เขาและองค์หญิงทำถึงแค่ครึ่งๆ กลางๆคิดไปคิดมาจนจิตใจฟุ้งซ่านเตลิดเปิดเปิงไปหมด
หั่วอี้มองดวงตะวันบนหัว เห็นว่าดวงตะวันคล้อยไปทางทิศตะวันตกแล้วรัตติกาลกำลังจะมาเยือน เขาอยากกลับไปทำเื่ดีงามกับองค์หญิงต่อจึงหมดอารมณ์จะดื่มแล้ว
“เ้ากลับไปเตรียมการเสีย แต่เช้าตรู่วันพรุ่งข้าจะรอเ้าอยู่ที่จวนวันพรุ่งให้คนที่กำหนดเอาไว้มาประจำการ เื่นี้ไม่อาจยื้อเวลาต่อไปได้อีกหากไม่กำจัดพวกไส้ศึกนี้ออกไปให้หมด ข้าอยู่ในจวนย่อมไม่อาจวางใจได้”
หั่วอี้สั่งความกับอาเหมิ่งต๋าเสร็จก็มองผ่านสีหน้าทัดทานของอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นกลับจวนไปอย่างอดรนทนไม่ไหว
วานนี้หลิ่วจิ้งไม่ได้นอนทั้งคืนมาหลับไปงีบหนึ่งเมื่อก่อนรุ่งสางนี้เอง นางเอนตัวบนตั่งยาวทบทวนเื่ในใจยามต้องแสงสายัณห์อบอุ่นในฤดูใบไม้ร่วงที่สาดลงมา นางก็ง่วงขึ้นมาทันใด
อวี้จิ่นกับอิ๋งเหอสองคนไปเอาอาหารกลับมาก็เห็นหลิ่วจิ้งนอนหลับไปแล้วพวกนางทำใจแข็งปลุกหลิ่วจิ้งขึ้นมาทานอาหารไม่ไหวจึงได้แต่ช่วยห่มผ้าให้นางอย่างเบามือ แล้วถอยออกไปเงียบๆ
หลิ่วจิ้งฝันร้ายอีกแล้วตอนที่นางใตื่นก็ไม่รู้ว่ามีน้ำตาอาบไปทั้งหน้าั้แ่เมื่อใดนางยังคงนอนเหม่ออยู่บนเก้าอี้ไม่ยอมลุกขึ้นมา
เวลานี้ในสมองของนางยังคงมีภาพฝันเมื่อครู่อยู่ นางจึงตื่นตระหนกเหมือนว่ายังอยู่ในฝันเื่ที่เกิดในฝันช่างดูเหมือนจริงนักทำให้นางแยกแยะไม่ออกว่านางอยู่ในฝันหรือย้อนเวลากลับไปในอดีต
หลิ่วจิ้งคิดถึงภาพฝันเมื่อครู่ด้วยความหวั่นหวาด
ธารสายเล็กน้ำรี่ไหล ต้นหลิวอิงแอบกันคนที่กำลังนอนพักสายตาอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างแม่น้ำสายเล็กก็คือหยวนเซิ่งชิงเมื่อคืนเขาถูกฮ่องเต้ส่งไปตรวจตรากองกำลังรักษาแคว้นในยามกลางคืนอีกแล้วจวบจนฟ้าสางจึงเพิ่งรีบร้อนกลับมา
วันนี้เป็วันที่เขาและหลิ่วจิ้งนัดว่าจะมาพบกันที่นี่ตอนที่เขามาถึงหลิ่วจิ้งยังไม่มา หยวนเซิ่งชิงจึงนอนพักสักครู่
“พี่ชิง ดูทางนี้เ้าค่ะ” พร้อมกับเสียงเสนาะหูที่ดังขึ้น เขาลืมตาก็พบว่ามีของที่เป็เหมือนหมอกสีขาวลอยเข้ามาหาเขา
เขาแอบยิ้ม ให้ความร่วมมือเอนหลังล้มลงไปที่หูกลับได้ยินเสียงหลิ่วจิ้งตบมืออย่างยินดี “สลบแล้วๆนึกไม่ถึงว่าจะใช้การได้ด้วย”
แม่หนูจอมโง่ กลับใช้วิธีที่เขาสอนคิดจะใช้ยาสลบที่เขาให้มาทำให้เขาสลบ
หยวนเซิ่งชิงรอจนหลิ่วจิ้งเดินไปข้างหน้าจึงค่อยลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาหลิ่วจิ้งที่ไม่ทันเตรียมใจใร้องวี้ดว้ายวุ่นวายไปหมด
นางไม่ยอม จึงวิ่งไล่ตีหยวนเซิ่งชิง หยวนเซิ่งชิงเองก็ให้ความร่วมมือวิ่งหนีไปมาทันใดนั้นข้างธารน้ำสายน้อยก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็ระยะๆ
หลิ่วจิ้งกำลังวิ่งไปจากวิ่งไล่พร้อมเสียงหัวเราะกลายเป็วิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนกในบ้านมีทหารอยู่เต็มไปหมด มารดาใช้ชีวิตตนเองดึงความสนใจเพื่อให้นางรีบหนีไปนางไม่อาจถูกจับกลับไปได้ เพราะนั่นเป็โอกาสรอดเดียวที่มารดาใช้ชีวิตแลกมานางเอาแต่หนีไปเรื่อยๆ จนนางวิ่งต่อไปไม่ไหวอีกแล้วแต่กลับพบว่านางกลับมาอยู่ที่เดิม และเห็นมารดาตายไปต่อหน้าต่อตา
หลิ่วจิ้งถูกความเ็ปในหัวใจทำให้สะดุ้งตื่น ยามฝันถึงอดีตนั้นทำให้นางเ็ปใจเป็ที่สุดหลังจากตื่นขึ้นมาก็ยังไม่อาจลืมและทำให้ต้องย้อนกลับไปคิดถึงมันอีก นางทนความเ็ปใจเช่นนี้ไม่ไหวจนต้องร้องไห้ลั่นขึ้นมา
อวี้จิ่นที่ยืนคอยอยู่นอกประตูได้ยินเสียงหลิ่วจิ้งร้องไห้จากในห้องก็รีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเห็นหลิ่วจิ้งกำลังเอาสองมือกอดเข่าร้องไห้อย่างเ็ปใจ
อวี้จิ่นใจนทำอะไรไม่ถูกอยากปลอบก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มปลอบอย่างไรดี ก่อนนอนยังสดชื่นอยู่เลย เหตุใดยามนี้จึงร้องไห้เสียแล้ว
“ฮูหยิน สามีกลับมาแล้ว ท่านคิดถึง…” หั่วอี้รีบร้อนกลับมาที่สุดก็กลับมาถึงจวนก่อนเวลาอาหารเย็น เขาคิดว่าจะมาสร้างความประหลาดใจให้องค์หญิงกลับพบว่านางกำลังร้องไห้น้ำตาท่วมอยู่ เขาจึงใเหมือนอวี้จิ่นกระทั่งพูดก็ยังพูดไม่จบ
“นี่มันเื่ใดกัน ผู้ใดทำให้ฮูหยินร้องไห้เสียใจเช่นนี้”หั่วอี้โมโหใหญ่
หลิ่วจิ้งยังคงจมดิ่งอยู่ในโลกของนาง จึงไม่ได้ไปสนใจหั่วอี้
ภาพองค์หญิงยิ้มเอียงอายอยู่ในอ้อมแขนเมื่อคืนยังคงประทับอยู่ในสมองเขาจวบจนเวลานี้ หากมิใช่เื่เ็ปใจสาหัสองค์หญิงจะร้องไห้หนักหนาเช่นนี้ได้อย่างไร
หั่วอี้เดินวนรอบตัวหลิ่วจิ้งสองรอบอย่างร้อนใจเมื่อไม่ได้รับคำตอบเขาจึงหันไปทางอวี้จิ่น “รีบว่ามา ฮูหยินเป็อะไรไป”
อวี้จิ่นเองก็ไม่รู้ว่าหลิ่วจิ้งเป็อะไร พอเห็นว่าหั่วอี้โมโหโกรธาเช่นนี้ไหวพริบนางก็แล่นขึ้นมา รีบทำท่าอึกๆ อักๆ อยากพูดแต่ก็กลับไม่กล้าพูดเหมือนเสียงอยูในปากฟังไม่ชัดเจน
“รีบพูดสิ” หั่วอี้ร้อนใจจนอยากจะเข้าไปงัดปากอวี้จิ่นให้เปิดออกเสีย
“เป็ดังนี้เ้าค่ะคงเพราะฮูหยินไม่รู้สึกปลอดภัยยามอยู่ในจวนกระมังเ้าคะ จึงเสียใจเช่นนี้”อวี้จิ่นเติมน้ำมันเพิ่มน้ำส้ม [1] เล่าเื่ความขัดแย้งของป้าจ้าวกับนางในวันนี้ให้หั่วอี้ฟัง
“โจ๊กชามนั้นเป็ฮูหยินสั่งให้บ่าวไปต้มฮูหยินบอกวานนี้แทบไม่ได้นอน เอาแต่นั่งรอจนสว่าง รู้สึกไม่สดชื่นทั้งไม่อยากอาหารภายหลังฮูหยินบอกว่าอยากทานโจ๊กข้าวฟ่างฟักทองหวานๆ บ่าวจึงรีบไปต้มให้ นึกไม่ถึงเลย นึกไม่ถึงจริงๆภายหลังกลับเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นหลังจากฮูหยินกลับเรือนมาก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องจนยามนี้ก็ยังไม่ได้ทานอาหารเลยเ้าค่ะ”
อวี้จิ่นพูดจบก็เข้าไปกอดหลิ่วจิ้งเอาไว้หวังจะใช้สองมือบอบบางของนางปลอบโยนหลิ่วจิ้ง
นางรู้ว่าหลิ่วจิ้งเสียใจจริงๆเพียงแต่สาเหตุไม่ได้เป็อย่างที่นางพูดและนางก็รู้ว่าหลิ่วจิ้งไม่มีทางมาร้องไห้ด้วยเื่เช่นนี้แต่ขอเพียงหั่วอี้เชื่อก็พอแล้ว
“มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ นังบ่าวผู้นี้เป็บ่าวมานานจึงคิดจะลองมาเป็นายบ้างแล้วสิท่า”หั่วอี้ร้องด่าแล้วผลุนผลันออกประตูไป
หลิ่วจิ้งได้ยินสิ่งที่อวี้จิ่นพูดหลังจากหั่วอี้ออกไปนางจึงกลั้นน้ำตาเงยหน้าขึ้น นางก็ไม่คิดว่านางร้องไห้ครานี้หั่วอี้กลับบังเอิญมาเห็นเข้าพอดี ในเมื่อหั่วอี้กลับมาถูกเวลานัก หากนางจะอาศัยเื่นี้ปั้นเื่สักหน่อยก็หาได้เป็อันใดไม่
“ฮูหยินเ้าคะ บ่าวคิดการเอง ไม่ทราบว่าถูกหรือไม่”อวี้จิ่นมีท่าทางกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด
“เ้าทำดีมาก ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกต้อง เดิมทีนั้นแม้จะเป็เื่เดียวกันก็อาจมีความเป็ไปได้มากมายในเมื่อเลือกความเป็ไปได้อย่างหนึ่งแล้ว ก็ให้เชื่อสัญชาตญาณของตน”
หลิ่วจิ้งคิดว่าเื่นานาไม่มีสิ่งใดผิดถูกแน่นอนในเมื่ออวี้จิ่นก็พูดออกไปแล้ว เช่นนั้นก็ใช้วิธีของอวี้จิ่นโต้กลับก็แล้วกัน
หั่วอี้เดินไปคิดไปว่านับั้แ่องค์หญิงมาถึงแคว้นชางอี้เขาก็เห็นมากับตาว่าองค์หญิงถูกข่มเหง แม้จะได้ชื่อว่าเป็องค์หญิงแต่กลับไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นองค์หญิงภายหลังเข้าจวนมานางก็เป็ดั่งหงส์ได้ยาก แม้แต่บ่าวเล็กๆผู้หนึ่งก็ยังกล้าขึ้นมาเหยียบหัวนาง มิน่าเล่านางจึงได้เจ็บช้ำน้ำใจนัก
เขาถอนใจด้วยสีหน้าอับจนหนทาง นึกใคร่ครวญไปมาระหว่างนางจ้าวกับองค์หญิงสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจว่าหากไม่อาจให้ตำแหน่งภรรยาเอกแก่องค์หญิงได้เช่นนั้นก็ต้องรักใคร่นางให้มากๆ เพื่อเป็การชดเชยสิ่งที่เขาติดค้างนาง
ตอนที่หั่วอี้ถลันเข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าป้าจ้าวก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดออกมาปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าอยู่นานแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จและกำลังคุยกับนางถึงเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้พวกนางล้วนหวังว่าหั่วอี้จะไม่ไปสนใจความขัดแย้งระหว่างสตรีเช่นนี้
กำลังคิดถึงหั่วอี้อยู่ทีเดียว หั่วอี้ก็มาแล้ว
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] เติมน้ำมันเพิ่มน้ำส้ม ในที่นี้หมายถึงน้ำส้มสายชู เป็สำนวนเหมือนกับคำว่าใส่สีตีไข่ แต่งเติมเื่ราวให้ผิดไปจากเดิม
