“ ท่านตา ท่านหัวทิ้งยาไว้ให้ข้าเม็ดหนึ่งและบอกว่าข้าว่า... สามารถทำให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสิบปี ” เนี่ยเทียนส่งยาสีเขียวเม็ดหนึ่งให้กับเนี่ยตงไห่
“หา!” เนี่ยเฉี่ยนร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น นางหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว พยายามไล่ตามไปขอบคุณหัวมู่ทันที
ทว่าหัวมู่หายตัวไปเสียแล้ว
“ยาที่สามารถทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสิบปีอย่างนั้นรึ!” เนี่ยตงไห่เองก็ฮึกเหิมมากเช่นกัน เขารับยาเม็ดนั้นมาจากมือของเนี่ยเทียน สูดกลิ่นหอมเข้มข้นของยาเข้าไปลึกๆ หนึ่งครั้ง “หากเป็ความจริง ลำพังแค่มูลค่าของยาเม็ดนี้ก็เกินกว่าค่าตอบแทนที่พวกเราจ่ายไปให้เขาแล้ว!”
“เหตุใดท่านมู่ถึงต้องทำธุรกิจที่ตัวเองต้องขาดทุนเช่นนี้เล่า? เขาคือใครกันแน่?” เนี่ยเฉี่ยนทั้งตะลึงทั้งดีใจ
“เขาบอกว่า...” เนี่ยเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็แต่งเื่โกหกด้วยเจตนาอันดี “เขาบอกว่าเขาถูกชะตากับข้า”
“ถูกชะตาอย่างนั้นหรือ?” เนี่ยตงไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ารู้สึกว่ามันแปลกๆ พวกเ้ารออยู่นี่ ข้าจะไปหาเขาในเมือง ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องขอบคุณเขาต่อหน้าให้ได้ เขามีบุญคุณกับพวกเราตาหลานยิ่งนัก”
พูดจบเนี่ยตงไห่ก็จากไปพร้อมกับยาเม็ดนั้น
น่าเสียดาย เขาหาไปทั่วเมืองเฮยอวิ๋นสองวันเต็ม ทว่ากลับไม่พบร่องรอยของหัวมู่ หัวมู่ปรากฏตัวเงียบๆ และก็หายไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน
เนี่ยตงไห่ที่เกิดความสงสัยอยู่ในใจสังเกตอยู่หลายวัน หลังจากพบว่าเนี่ยเทียนมิได้มีไข้ขึ้นสูงเช่นเดิมอีกแล้ว ในใจจึงเชื่อว่าหัวมู่ไม่มีเจตนาร้ายใดแฝงอยู่อย่างแน่นอน
และเขาก็เชื่อว่ายาเม็ดนั้นที่หัวมู่ทิ้งไว้ คงไม่เป็พิษเป็ภัยต่อเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงกินยาเม็ดนั้นอย่างสบายใจ ยามหัศจรรย์ที่เขาไม่รู้ชื่อ ทำให้เขารู้สึกว่ามีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย
่เวลาต่อมา ทุกวันที่เนี่ยเทียนฝึกหลอมรวมลมปราณ เขามักจะััได้อย่างชัดเจนว่าพลังิญญาจากฟ้าดินที่รับเข้ามาในร่างกาย มิได้ไหลออกไปตามเืเนื้อและกระดูกแขนขาทั้งสี่อีกต่อไป
ราวกับว่าร่างกายที่แข็งแกร่งของเขานั้นได้ดูดรับพลังมามากเพียงพอแล้ว และไม่จำเป็ต้องใช้ส่วนเพิ่มเติมภายนอกที่เกินความจำเป็อีกต่อไป
สามเดือนต่อมา ขอบเขตที่เนี่ยเทียนหยุดชะงักมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ฝ่าทะลุไปได้อย่างราบรื่น จากหลอมลมปราณขั้นที่สามฝ่าไปยังหลอมลมปราณขั้นที่สี่แล้ว
และในตอนนี้ ก็ใกล้จะถึงวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปีของเนี่ยเทียนแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ท่านตาลำบากใจ หลายวันมานี้เนี่ยเทียนจึงไม่ได้ไปฝึกบำเพ็ญตบะที่ลานกว้าง และไม่ได้หาเื่เดือดร้อนใส่ตัวอีกด้วย
เวลาส่วนมากเขาใช้หมดไปกับการฝึกบำเพ็ญตบะอย่างยากลำบากในห้องของตัวเอง บางครั้งถึงจะไปเดินเล่นในเมืองเฮยอวิ๋นกับป้าใหญ่เนี่ยเฉี่ยนอยู่บ้าง
เช้าวันนี้ตอนที่เขาฝึกบำเพ็ญตบะ่เช้าอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงดังอึกทึกลอยมาจากลานกว้าง
เสียงนั้นยิ่งดังนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ หนวกหูจนเขาไม่สามารถตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะได้ ทำให้ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องเดินไปที่ลานกว้างนั้นเพื่อหาสาเหตุของต้นตอของเสียงนั้น
พอเดินเข้าไปใกล้เขาก็มองเห็นว่าบนลานนั้นมีผู้าุโของตระกูลเนี่ยมากมายมารวมตัวกัน ใบหน้าของผู้าุโแต่ละคนล้วนเปล่งปลั่ง คล้ายกับว่าเกิดความปิติยินดีราวกับได้ฉลองวันปีใหม่
อู๋เทาที่ทำหน้าที่รับผิดชอบให้สั่งสอนแก่เด็กๆ ตระกูลเนี่ย บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มที่เบ่งบานออกมาจากใจเช่นกัน พูดประโยคหนึ่งซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด “เนี่ยเสียนฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นเก้าแล้ว!”
“อายุสิบสี่! หลอมลมปราณขั้นเก้ารึ!” เนี่ยเทียนเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน แอบดีใจแทนเนี่ยเสียน
เขาไม่สนิทกับเนี่ยเสียนนัก ทว่าหลายครั้งที่เขาต่อสู้กับเนี่ยหงและเนี่ยหยวน เนี่ยเสียนก็มักจะพูดอย่างยุติธรรม ไม่เหมือนคนตระกูลเนี่ยคนอื่นที่เอาแต่ปกป้องเนี่ยหงและเนี่ยหยวน
และด้วยเหตุนี้ ถึงแม้เขาจะไม่สนิทกับเนี่ยเสียน ทว่าโดยส่วนตัวแล้วเขากลับรู้สึกดีกับเนี่ยเสียนอยู่มาก
ตอนนี้มองเห็นเนี่ยเสียนสามารถเหยียบย่างเข้าสู่หลอมลมปราณขั้นเก้าได้สำเร็จั้แ่อายุสิบสี่แล้ว เขาจึงดีใจกับเนี่ยเสียนด้วยใจจริง
เขารู้ชัดเจนดีว่าลูกหลานทุกคนของตระกูลเนี่ย หากสามารถเข้าสู่หลอมลมปราณขั้นเก้าได้ภายในอายุสิบห้าปี ได้ไปบำเพ็ญตบะที่สำนักหลิงอวิ๋น ล้วนถือเป็พวกหัวกะทิที่โดดเด่นทั้งสิ้น
พี่ชายสองคนของเนี่ยหง เนี่ยหานและเนี่ยไท่ต่างก็แสดงพร์ไม่ธรรมดามาั้แ่เด็ก อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในงานจับฉลากใหญ่อีกด้วย
ทว่าตอนเนี่ยไท่อายุสิบห้ากลับไม่สามารถไต่ไปสู่ขอบเขตหลอมลมปราณขั้นเก้าได้ จึงถูกสำนักหลิงอวิ๋นปฏิเสธไม่รับเป็ลูกศิษย์
มีเพียงเนี่ยหานพี่ชายใหญ่ของเขาที่ฝ่าทะลุขั้นเก้าได้สำเร็จตอนอายุสิบห้าปีพอดี จึงได้เป็ลูกศิษย์ของสำนักหลิงอวิ๋น
ว่ากันว่าเนี่ยหานที่อยู่สำนักหลิงอวิ๋นมาหลายปี เข้ากับที่นั่นได้ดีไม่น้อย คนส่วนมากของสำนักหลิงอวิ๋นต่างก็จับตามองและคอยให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ
การที่เนี่ยเป่ยชวนได้รับการสนับสนุนจากผู้าุโหลายคนในตระกูลให้ขึ้นนั่งตำแหน่งประมุขตระกูลอย่างถูกทำนองคลองธรรม นอกจากเนี่ยตงไห่าเ็หนักจนขอบเขตพลังถดถอยแล้ว เนี่ยหาน... ก็ถือเป็อีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ
“ดี! ดีมาก!” เนี่ยเป่ยชวนยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย มองไปยังเนี่ยเสียนด้วยสายตาปลาบปลื้ม เอ่ยชื่นชมว่า “ข้าเคยบอกไว้แล้ว ในเมื่อข้าได้นั่งอยู่บนตำแหน่งประมุขย่อมทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อทุกคนในตระกูล ให้ตระกูลเนี่ยกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง! เนี่ยเสียนฝ่าทะลุขั้น กลายเป็ลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นได้อย่างราบรื่นก็คือลางดีที่ตระกูลพวกเราจะเจริญรุ่งเรือง!”
“ฮ่าๆ เพราะอาศัยวาสนาบารมีของท่านประมุขแท้ๆ!”
“พอท่านพี่ขึ้นครองตำแหน่ง เนี่ยเสียนก็ฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นเก้าได้ นี่คือความรุ่งเรืองของตระกูลเนี่ยชัดๆ!”
“ตระกูลเนี่ยอยู่ในมือของท่านต้องยิ่งเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน อีกไม่นานก็จะโค่นล้มตระกูลอวิ๋นและตระกูลอันได้!”
“...”
คนตระกูลเนี่ยหลายคนล้วนเอ่ยอวยพรด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าที่เนี่ยเสียนสามารถเหยียบย่างเข้าสู่หลอมลมปราณขั้นเก้าสำเร็จนั้นเป็ความดีความชอบของเนี่ยเป่ยชวนอย่างแท้จริง
เนี่ยเสียนที่เป็พระเอกของงาน แน่นอนว่าย่อมถูกคนห้อมล้อมแสดงความยินดี ทว่าสีหน้าของเขากลับเรียบเฉย ทำเพียงแค่เอ่ยขอบคุณตามมารยาท ไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่นัก
“เนี่ยเสียน แม้ว่าฝั่งของพวกเ้าจะเป็ญาติสายอ้อมของตระกูลเนี่ย แต่เพราะความมานะบากบั่นของเ้า นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป แม่และน้องสาวของเ้าจะได้ย้ายเข้ามาอยู่ในที่บ้านตระกูลเนี่ย เ้าแค่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะก็พอ เื่อื่นๆ เ้าไม่ต้องเป็กังวล ข้าจะจัดการให้เหมาะสมเอง” เนี่ยเป่ยชวนกล่าวอย่างตีสนิท
เนี่ยเสียนมีเพียงแม่และน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเป็ญาติโดยอ้อม อีกทั้งเป็เพียงสตรีและเด็กสาว เดิมทีจึงไม่มีสิทธิ์ได้เข้ามาพักในจวนตระกูลเนี่ย
“ขอบคุณท่านประมุข” เนี่ยเสียนกล่าวเสียงเบา
“ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็สิ่งที่เ้าสมควรได้รับ” ใบหน้าเนี่ยเป่ยชวนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้เอาเื่ที่เ้าฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นเก้าไปบอกกับทางสำนักหลิงอวิ๋นแล้ว ตอนบ่าย เนี่ยหานพี่ใหญ่ของเ้าจะพาคนจากสำนักหลิงอวิ๋นมารับเ้าไปยังสำนัก เมื่อไปอยู่สำนักหลิงอวิ๋น เ้าแค่ติดตามเนี่ยหานก็พอ เขาจะจัดการทุกอย่างให้เ้าเรียบร้อยเอง”
“ข้าทราบแล้ว” เนี่ยเสียนพยักหน้า
มุมหนึ่งของลานกว้าง เนี่ยเทียนยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว มองเห็นเนี่ยเสียนที่ถูกคนห้อมล้อมราวดาวล้อมเดือน และเนี่ยเป่ยชวนที่อารมณ์คึกคักฮึกเหิม
“หลอมลมปราณขั้นเก้า! วันหนึ่งข้าก็ต้องถูกพาไปที่สำนักหลิงอวิ๋นเช่นกัน!” เนี่ยเทียนแอบตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอยู่กับตัวเอง
“เ้าออกมาทำไมรึ?” เนี่ยเฉี่ยนมายืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ กล่าวเสียงเบา “เื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเ้า หากเ้าอยากเข้าไปอยู่สำนักหลิงอวิ๋นก็ต้องพยายามให้มากขึ้น เ้าใกล้จะอายุสิบเอ็ดปีแล้ว แม้ว่า่นี้จะฝ่าทะลุไปได้อีกขั้น ทว่าก็ยังอยู่แค่ขอบเขตขั้นสี่เท่านั้น เ้าไม่ควรมาเสียเวลากับเื่ที่ไม่เป็เื่เช่นนี้”
“ป้าใหญ่ วันหนึ่งข้าต้องแซงล้ำหน้าพวกนี้ไปได้อย่างแน่นอน” เนี่ยเทียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“มั่นใจก็ดีแล้ว” เนี่ยเฉี่ยนยิ้ม “ใจเ้าวุ่นวาย วันนี้ตระกูลเนี่ยก็ต้องมีงานเลี้ยงฉลองเสียงดัง พวกเราไม่เป็ที่ต้อนรับก็อย่าอยู่ในบ้านให้เกะกะสายตาคนอื่นเลย ไปกันเถอะ ไปเดินเล่นในเมืองกับป้าใหญ่”
“ขอรับ” เนี่ยเทียนกล่าวอย่างว่านอนสอนง่าย
จากนั้นเขาจึงตามเนี่ยเฉี่ยนออกไปจากจวนตระกูลเนี่ย ไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งของเมืองเฮยอวิ๋นก่อน จากนั้นตอนบ่ายจึงเข้าไปเลือกเครื่องประดับในร้านอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกับเนี่ยเฉี่ยน
“อ้าว นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเนี่ยที่จื้อกั๋วของข้าหย่าขาดไปหรอกหรือ?”
ขณะที่เนี่ยเทียนและเนี่ยเฉี่ยนเดินออกมาจากร้านอัญมณีนั้นเอง เสียงแหลมบาดหูของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างไม่ถูกกาลเทศะ
เนี่ยเทียนััได้อย่างฉับไวว่าเนี่ยเฉี่ยนป้าใหญ่ของเขาพอได้ยินเสียงนั้นร่างก็สั่นเทิ้มขึ้นมา
เขาหันไปมองตามเสียง เห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งจูงมือเด็กชายอายุพอๆ กับเขาคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ เห็นได้ชัดว่าคิดจะไปเลือกซื้อเครื่องประดับในร้านนั้น
ชายผู้นั้นสวมชุดขาว ใบหน้าราวกับหยกอุ่น หล่อเหลาสง่างามไม่น้อย
หญิงสาวมวยผมขึ้น สวมชุดสีเขียวที่ตัดเย็บพอดีกับร่าง ใบหน้างดงามราวกับดอกบุปผา มองดูแล้วมีสง่าราศีไม่ธรรมดา
เด็กชายที่สามีภรรยาคู่นี้จูงมือมาคล้ายรับเอาข้อดีของพ่อแม่มาอย่างละนิด ทั้งๆ ที่อายุยังน้อยแต่กลับรูปโฉมงดงามโดดเด่น
ตอนที่ชายผู้นั้นมองเห็นเนี่ยเฉี่ยน สีหน้าก็ซีดเผือด ดึงรั้งหญิงสาวคล้าย้าให้ไปทางอื่น
“จะรีบไปไหนเล่า?” หญิงสาวถลึงตามองเขาด้วยความไม่พอใจแล้ว กล่าวว่า “ทำไมล่ะ? หรือว่าตอนนี้ยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่รึ?”
“อย่าพูดเหลวไหล” ชายหนุ่มรีบอธิบาย
“รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียเ้าต้องไม่กล้า!” หญิงสาวแค่นเสียงเ็า จากนั้นก็หันไปมองเนี่ยเฉี่ยนอีกครั้ง หัวเราะ “หึๆ” แล้วจึงกล่าวว่า“คุณหนูใหญ่ตระกูลเนี่ย ข้าได้ยินว่าบิดาเ้าเสียตำแหน่งประมุขไปแล้ว เหตุใดเ้ายังมีเงินเหลือเอามาใช้ในร้านเครื่องประดับอีกเล่า? หึๆ เลือกเครื่องประดับล้ำค่าอะไรมาล่ะ ขอให้น้องสาวดูหน่อยจะได้หรือไม่?”
“ป้าใหญ่ พวกเขาเป็ใครกันหรือ?” เนี่ยเทียนกล่าวเดือดดาล
ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อให้เนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนไม่เคยพูดถึง ทว่าเขาก็ได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเนี่ยเฉี่ยนท่านป้าใหญ่ของเขาจากคนอื่นๆ ในตระกูล จึงพอจะรู้ที่มาที่ไปของเื่นี้อยู่บ้าง
ตระกูลอวิ๋น ตระกูลเนี่ย และตระกูลอันต่างก็เป็ตระกูลใหญ่ของเมืองเฮยอวิ๋น ก่อนหน้านี้ตระกูลอวิ๋นและตระกูลเนี่ยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
และก็ด้วยเหตุนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งสองตระกูลจึงให้เนี่ยเฉี่ยนและอวิ๋นจื้อกั๋วแต่งงานเป็สามีภรรยากัน
ทว่า่เวลาสวยงามอยู่ได้ไม่นานนัก ตอนที่อวิ๋นจื้อกั๋วออกไปหาประสบการณ์ด้านนอกจึงได้เจอกับหยวนชิวอิ๋ง
หยวนชิวอิ๋งคือลูกสาวของประมุขตระกูลหยวนเมืองหานสือ ตระกูลหยวนคือตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองหานสือ อิทธิพลแข็งแกร่งมากกว่าตระกูลเนี่ย
ภายใต้การอ้อนวอนขอความรักจากหยวนชิวอิ๋ง และการแอบสนับสนุนอย่างลับๆ ของตระกูลอวิ๋น ในที่สุดหยวนชิวอิ๋งก็ได้กลายมาเป็ภรรยาของอวิ๋นจื้อกั๋ว
ส่วนภรรยาเก่าของอวิ๋นจื้อกั๋วอย่างเนี่ยเฉี่ยน ตระกูลอวิ๋นก็หาข้ออ้างปรักปรำ หย่าขาดนางกับอวิ๋นจื้อกั๋วอย่างใจดำ
นี่คือความอัปยศครั้งใหญ่ของตระกูลเนี่ย และด้วยเหตุนี้เนี่ยตงไห่ถึงได้บุกไปที่ตระกูลอวิ๋นด้วยความเคียดแค้น ผลลัพธ์กลับถูกผู้แข็งแกร่งของตระกูลอวิ๋นและตระกูลหยวนร่วมมือกันทำร้ายจนาเ็สาหัส นับจากนั้นเขาก็ทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นกลับคืนมาได้อีก
ตระกูลอวิ๋นและตระกูลหยวนมีผู้ฝึกลมปราณมากอำนาจคอยหนุนหลัง แม้แต่สำนักหลิงอวิ๋นเองก็ไม่ยินดีออกหน้าเข้ามาข้องเกี่ยวกับเื่นี้ สุดท้ายเื่ทุกอย่างจึงจำต้องจบลงไปเพียงเท่านั้น
หยวนชิวอิ๋งที่ขับไล่เนี่ยเฉี่ยนออกไปได้สำเร็จ ยังคงจดจำเื่ในอดีตระหว่างอวิ๋นจื้อกั๋วและนางได้ขึ้นใจ ทุกครั้งที่เจอเนี่ยเฉี่ยนก็จะต้องพูดจาเสียดสี ไม่เคยพูดด้วยดีๆ สักคำ
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา พวกเราไปกันเถอะ” เนี่ยเฉี่ยนคว้าแขนเนี่ยเทียน ดึงกระชากเขา คิดจะหลบเลี่ยงหยวนชิวอิ๋ง
“ข้าไม่ไป!” เนี่ยเทียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับเสาเหล็ก
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้